เจ้าจันทร์ ผู้ที่ชื่นชอบการอ่านนิยาย ทำสวนปลูกผัก และเป็นหลานชายของเชฟชื่อดัง จนได้รับการสืบทอดการความรู้ด้านอาหาร แต่ใครจะไปคิดว่าชีวิตที่เรียบง่ายมีความสุข จะได้ทะลุมิติมาแบบในนิยายกันเล่า!

เกิดใหม่ทั้งที ไม่ดีกว่าเดิมได้ไง - ตอนที่ 3 หลอมรวมดวงจิต โดย นกฮูกน้อย @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

เกิดใหม่,ชาย-ชาย,ย้อนยุค,จีน,ผจญภัย,แฟนตาซี,ภูติจิ๋ว,นายเอกเก่ง,กำลังภายใน,ทำอาหาร,นิยายวาย,นิยายจีนโบราณ,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย

เกิดใหม่ทั้งที ไม่ดีกว่าเดิมได้ไง

หมวดหมู่ที่เกี่ยวข้อง

เกิดใหม่,ชาย-ชาย,ย้อนยุค,จีน,ผจญภัย

แท็คที่เกี่ยวข้อง

แฟนตาซี,ภูติจิ๋ว,นายเอกเก่ง,กำลังภายใน,ทำอาหาร,นิยายวาย,นิยายจีนโบราณ

รายละเอียด

เกิดใหม่ทั้งที ไม่ดีกว่าเดิมได้ไง โดย นกฮูกน้อย @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

เจ้าจันทร์ ผู้ที่ชื่นชอบการอ่านนิยาย ทำสวนปลูกผัก และเป็นหลานชายของเชฟชื่อดัง จนได้รับการสืบทอดการความรู้ด้านอาหาร แต่ใครจะไปคิดว่าชีวิตที่เรียบง่ายมีความสุข จะได้ทะลุมิติมาแบบในนิยายกันเล่า!

ผู้แต่ง

นกฮูกน้อย

เรื่องย่อ

 เจ้าจันทร์เด็กหนุ่มที่มีความสามารถหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นการทำอาหาร การทำสวน และแพทย์แผนจีนและสูตรยาที่เรียนรู้จากเจ้ ที่อยากให้น้องเก่งหลายด้าน ความสามารถการต่อสู้หลายแขนง แต่สงสัยจะเห็นว่าเขาใช้ชีวิตราบเรียบสุขสบายเกินไป  


จนวันหนึ่งเขาเกิดอุบัติเหตุมีรถเสียหลักมาชน ทำให้เขาทะลุมิติมาอยู่อีกโลก ซึ่งเป็นโลกที่มีเกอ ผู้ชายที่สามารถท้องได้หุ่นบางเพรียวเหมือนผู้หญิง และชาย หญิง การแบ่งชนชั้น กำลังภายใน ของวิเศษมากมาย


เจ้าจันทร์มาอยู่ในร่างของเกอที่แต่งงานแล้วและมีลูกที่โตห้าขวบ ชีวิตหลังจากนี้ของเจ้าจันทร์จะเป็นแบบไหนก็คงแล้วแต่ลิขิตสวรรค์และความเปลี่ยนแปลงที่เขาไม่สามารถคาดเดาได้






นิยายเรื่องแต่งขึ้นจากจินตนาการและความชอบในการอ่านนิยายแนวนี้ 


เป็นแนวใช้ชีวิตสโลว์ไลฟ์เรื่อย ๆ มีการต่อสู้บ้างเล็กน้อย


มีการดำเนินเรื่องตามจินตนาการ ดังนั้นอาจมีเหตุการณ์ที่ไม่สมเหตุผลบ้าง


"อ่านเพื่อความสนุกเท่านั้น"


ฝากกดใจ ให้กำลังใจด้วยนะคะ


#คอมเมนต์ได้ แต่อย่าว่าแรง ไรต์อ่อนไหวง่าย#


"ขอบคุณมานะคะ ที่สนับสนุนนักเขียนคนนี้"







สารบัญ

เกิดใหม่ทั้งที ไม่ดีกว่าเดิมได้ไง-บทนำ เหตุการณ์ไม่คาดคิด,เกิดใหม่ทั้งที ไม่ดีกว่าเดิมได้ไง-ตอนที่ 1 เกิดใหม่ในร่างเกอที่มีสามีและลูก,เกิดใหม่ทั้งที ไม่ดีกว่าเดิมได้ไง-ตอนที่ 2 พบหน้าครอบครัวใหม่,เกิดใหม่ทั้งที ไม่ดีกว่าเดิมได้ไง-ตอนที่ 3 หลอมรวมดวงจิต

เนื้อหา

ตอนที่ 3 หลอมรวมดวงจิต

เจ้าจันทร์ตื่นขึ้นมา พบว่าตัวเองอยู่ในที่ที่มืดมิด เขารู้สึกเหมือนตกอยู่ในความมืดที่ไม่มีวันสิ้นสุดที่นี่ที่ไหนกันนะ ทำไมมืดจังจำได้ว่าเรานอนพักอยู่ในห้องทำไมมาอยู่ที่นี้ได้ "มีใครอยู่ไหม มีใครอยู่ไหมครับ" เจ้าจันทร์เดินไปเรื่อย ๆ โดยหวังว่า จะมีแสงสว่างให้เขาบ้าง


พอเดินมาได้สักพักก็เริ่มมีแสงสว่างเล็กน้อย เป็นแสงนำทางแต่ช่างริบหรี่เหลือเกิน "เดี๋ยวรอก่อน รอเราก่อน อย่าพึ่งดับไป" ไม่นะเจ้าจันทร์วิ่งสิ ทั้งที่ออกแรงจนขาแทบวิ่งไม่ออก แต่ก็ยังไม่หยุดวิ่งเพราะเขาไม่รู้ว่าถ้าหยุดวิ่ง แสงที่ไกลออกไปจะมอดดับลงหรือเปล่าหรือบางที่แสงนั้นอาจจะเป็นแสงสว่างส่องไปสู่ทางออกก็ได้


"อ่ะ นั้น ตรงนั้นมีคนอยู่ คุณ! รอก่อน รอเราก่อน อย่าพึ่งไป" เจ้าจันทร์พยายามที่จะวิ่งไปถึงตัวคนคนนั้นให้ได้มากที่สุด เพราะคิดว่าคนที่ยืนอยู่ปลายเส้นทางนั้น เหมือนจะเดินต่อไปเรื่อย ๆ จนสุดท้ายความพยายามเขาก็เป็นผลสามารถวิ่งมาถึงตัวคนได้


กว่าจะรู้สึกตัวว่ารอบตัวนั้นมีแสงสว่างที่สามารถมองเห็นทุกอย่างรอบตัวได้แล้ว ก็ผ่านไปสักพักถึงเห็นว่าสถานที่รอบตัวที่รายรอบเป็นเหมือนฝัน "นี่มันแดนสวรรค์ชัด ๆ" เจ้าจันทร์เอ่ยขึ้นลอย ๆ กับตัวเอง แม้ว่าความงามตรงหน้าจะน่ามองแค่ไหนแต่เขาก็ยังไม่ปล่อยมือคนข้าง ๆ ตัวเอง หากหายไปเขาอาจต้องอยู่ที่นี้คนเดียวนะสิ ไม่เอาหรอก


ที่นี่ให้ความรู้สึกที่เต็มไปด้วยความสงบสุขและมีความสวยงาม เหมือนที่แห่งความฝันอันยาวนานมากนับพันปี แสงที่สว่างจากดวงจันทร์ที่ไม่มีวันมอดดับ มองไปรอบ ๆ ก็จะเห็นต้นไม้นานาพันธุ์ หลากหลายสีสัน 


มีน้ำตกที่ตกกระทบเป็นละอองระยิบระยับคล้ายสีคริสตัลแวววาว มีลำธารต่อออกจากน้ำตกหลายสาย แต่ละสายก็มีสีต่างกันไป มีภูเขาหลายลูก พื้นที่แห่งนี้มองไปไม่มีจุดสิ้นสุด


รอบ ๆ ก็มีดอกไม้ สมุนไพรที่เขารู้จักไม่รู้จักบ้างปะปนกันไป ดอกไม้ส่งกลิ่นหอมหวาน ให้ความสดชื่น เกิดขึ้นทอดยาวตามทางเดิน หากใครได้มาที่นี่อาจคิดว่าอยู่ในแดนเทพนิยาย


"เจ้าจะมองอีกนานไหม"


"เสียงใคร คุณได้ยินไหมเสียงเมื่อกี้ไหม" ต่อให้เจ้าจันทร์ไม่ได้มองคนข้าง ๆ แต่เขารู้ว่าไม่ใช่เสียงคนข้าง ๆ แน่ เพราะเสียงนั้นเหมือนเสียงคนที่มีอายุหน่อย แต่คนตรงหน้าเขายังดูเด็กอยู่เลย


คนตรงหน้างั้นเหรอ นี่มัน! "ทำไมคุณถึงหน้าคล้ายกับเราละ" จะมีจุดที่แตกต่างกันก็คือคนตรงหน้าเขานั้นมีผมยาวถึงสะโพก มีใบหน้าที่มีลักษณะเป็นมิตรและอ่อนโยน หวานละมุน ดวงตากลมโตแต่ติดที่มีความเศร้าหมอง ส่วนสูงน่าจะหนึ่งร้อยเจ็ดสิบ ร่างกายค่อนข้างไปทางบอบบาง แต่ว่ามองโดยรวมน่าจะเป็นเขาในช่วงอายุยี่สิบต้น ๆ มีความคล้ายแต่ไม่คล้ายทั้งหมดมองได้คนละแบบ


"ทำไมท่านหน้าตาเหมือนข้าละ" เยว่ หลินฟางทั้งมึนงงและสับสน เขาเดินวนในที่แห่งนี้มานานมากหาทางออกไม่เจอ จนได้พบกับคนตรงหน้า เส้นทางที่เดินถึงเริ่มมีแสงสว่างขึ้น


"หน่อยแน่ พวกเจ้า! ไม่เห็นข้านั่งตรงนี้หรือไร ถึงเมินกันได้" ตาเฒ่าที่มองทั้งสองคนอยู่นาน ก็ไม่มีเห็นว่าจะมีใครหันมามองเขาเลย


"ขอโทษขอรับ" เยว่ หลินฟางเอ่ยด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาเจือความรู้สึกผิด


"ขอโทษครับ" เจ้าจันทร์ไม่รู้ว่ามีคนมานั่งนานหรือยังตอนมองรอบตัวเขาก็ไม่เห็น บวกกับเจอคนที่หน้าคล้ายกันก็เลยละลายสิ่งรอบตัว


"มาพวกเจ้ามานั่งตรงนี้" ตาเฒ่าได้สร้างที่นั่งเพิ่มขึ้นมาอีกสองที่ พร้อมทั้งรินน้ำชาสองถ้วย


"พวกเจ้า ดื่มนี้ซะ จะทำให้ร่างกายปรับสมดุลดีขึ้น" เมื่อวางน้ำชาสองถ้วยตรงหน้าก็ส่งสายตากดดัน


"ดื่มสิ รออะไร หึ" เจ้าเด็กหน้าโง่พวกนี้ต้องให้ข้าพูดสองรอบหรือไง ใช้ไม่ได้จริง ๆ คนหนึ่งก็อ่อนแอไม่สู้คน คนหนึ่งก็แก่นกะลาแสนซน หวังว่าคนผู้นั้นจะดูแลไหว


"หอม อร่อย" รสชาติดีจริง ๆ ตั้งแต่เกิดมาเจ้าจันทร์ไม่เคยดื่มชาที่มีรสชาติหอมอร่อยติดลิ้นแบบนี้เลย


"รสชาติดี จริง ๆ ขอรับท่านตา" ตั้งแต่เกิดหลินฟาง พึ่งเคยได้ดื่มชารสชาติดีเป็นครั้งแรก แถมชานี้ยังทำให้ความรู้สึกที่เคยมัวหมองหายไปและร่างกายสดชื่นขึ้นมาอีกด้วยเป็นชาที่ดี


"คุณตาเป็นใคร ทำไมพวกเราถึงมาอยู่ที่นี้ละ" เจ้าจันทร์ถามออกมาด้วยความสงสัย


"ข้าคือเทพดวงชะตา มีหน้าที่ลิขิตชะตาผู้คนแต่ตอนนี้ข้าว่างงานอยู่ เอาล่ะมาเข้าเรื่องกันดีกว่าพวกเจ้าอาจจะไม่รู้และสงสัยว่าทำไมต้องมาอยู่ที่นี่ "


"ขอรับ ข้าเดินวนหาทางออกจากที่ไม่ได้แต่ข้ารู้ว่าข้าตายแล้ว" ใช่ข้าตายแล้ว หลินฟางไม่รู้ว่าทำไม ตนตายแล้วถึงไม่ไปไหน ถึงเดินวนไม่มีทางออกอยู่แบบนี้ เขาอยากมีโอกาสบอกลาบุตรชายและท่านพี่สักครั้ง


"ผมก็ตายแล้วเหมือนกัน แต่ไม่รู้ว่าทำไมถึงได้เข้าไปอยู่ในร่างคุณชายเยว่ หลินฟาง" ไหนใครว่าตายแล้วไปสวรรค์ไม่ก็ไปนรก เกิดใหม่เห็นแต่ในนิยายทะลุมิติ แต่ไม่คิดว่ามันจะเกิดขึ้นจริงกับเขา


"พวกเจ้าทั้งสองมีวาสนาต่อกัน เป็นดวงจิตของกันและกัน แต่เพราะต้องผ่านด่านเคราะห์กันหลายภพหลายชาติ ทำให้ท่านผู้นั้นแบ่งดวงจิตพวกเจ้า... ไปในที่ต่าง ๆ จนบัดนี้ดวงจิตต้องหวนคืนสู่ที่ที่ควรอยู่ " กล่าวจบก็จิบชาหนึ่งจอก


"แต่พวกข้าทั้งสองคนตายแล้วนะขอรับ ข้าตายแล้วเป็นวิญญาณเร่ร่อนไม่สามารถเข้าร่างได้" ข้าอยากกลับไปหาเซียวหยาง บุตรชายของข้าเป็นคนในครอบครัวที่ข้ามีและท่านพี่ที่ดีต่อข้าเหลือเกิน


"พวกเจ้าแค่รวมดวงจิตเป็นดวงเดียวกัน เมื่อดวงจิตครบ เจ้าที่ไม่มีลมปราณก็สามารถมีลมปราณได้ ส่วนความทรงจำเจ้าก็มีมันทั้งสองภพ"


"หมายถึงพวกเราคนใดคนหนึ่งจะหายไปเหรอครับ"


"ใช่แค่ความรู้สึกที่ก่อขึ้นใหม่ยังไงก็ยังเป็นดวงจิตของพวกเจ้า แค่ดวงจิตของเยว่หลินฟางในภพนี้เป็นดวงจิตที่รอเวลาเจ้ากลับมา เขาเป็นดวงจิตแยกจากเจ้าที่เป็นดวงจิตจริง"


หลินฟางมองไปที่ เจ้าจันทร์ "ข้าฝากครอบครัวข้าด้วยนะขอรับ ข้าฝากเซียวหยางด้วย เจ้าตัวเล็กกินเก่ง อ้อนเก่ง ข้าหวังว่าท่านจะรักและเอ็นดูเหมือนเขาเป็นลูกแท้ ๆ ของท่าน" ข้ารู้แล้วว่าข้ามีร่างกายที่อ่อนแอต่อให้กลับไปข้าคงไม่อาจปกป้องใครได้และวาสนาของข้าคงมีเท่านี้ ข้าฝากท่านด้วยท่านเจ้าจันทร์


"ได้เรารับปาก เราจะรักเจ้าซาลาเปาดั่งลูกแท้ ๆ ของเรา" เจ้าจันทร์จับที่มือของหลินฟาง เพื่อส่งความรู้สึกว่าเขาจะทำแบบนั้นจริง ๆ


"และข้าฝากขอโทษท่านพี่ ที่ข้าไม่สามารถเป็นภรรยาที่ดีให้ท่านพี่ได้ ฝากขอบคุณท่านพี่ ที่ผ่านมาค่อยปกป้องคนอ่อนแอเช่นข้าเสมอมา" ข้าหวังว่าท่านและท่านพี่จะสามารถสร้างครอบครัวที่เป็นจริงได้


"หากมีช่วงเวลาที่เหมาะสมเราจะบอกให้นะ ไม่ว่ายังไง หลินฟางและเราก็เป็นดวงจิตเดียวกัน บางทีความรู้สึกที่เราทั้งสองมีอาจสื่อถึงกันได้" เจ้าจันทร์มองคนร่างบางเปรียบเสมือนน้องชายคนหนึ่ง แม้ได้พบกันไม่นาน


"เมื่อพวกเจ้าเข้าใจกันแล้ว ต่อไปก็ตั้งจิตให้มั่น เพราะชาที่เจ้าดื่มเป็นยาชำระไขกระดูกจิตวิญญาณ คงจะได้เวลาออกฤทธิ์แล้ว" เทพชะตากล่าวพร้อมกับส่งพลังไปรอบตัวทั้งสองคน


"มีสติมั่งคง ปรับลมหายใจให้คงที่รับพลังรอบตัวให้ไหลสู่ร่างกายลงสู่จุดกลางกาย"


จากนั้นเทพชะตาก็ค่อย ๆ โคจรพลังให้สมดุลเพื่อดึงจิตวิญญาณที่แยกจากรวมกันเป็นหนึ่งเดียว วันเวลาในมิตินี้แปรผันไปเรื่อย ๆ จนดวงจิตทั้งสองหลอมรวมกัน แต่เวลาข้างนอกนั้นพึ่งผ่านไปไม่นาน