วันที่ท้องฟ้าสดใส แสงแดดอบอุ่น สายลมเย็นพัดเอื่อยๆ 'ยู' รู้สึกเหมือนโดนฟ้าผ่าตอนกลางแจ้ง เมื่อเจ้าตัวดันล่วงรู้ความลับของ 'คีธ' เพื่อนสนิทเพียงคนเดียวที่อยู่ด้วยกันมาทั้งชีวิตว่า เขาไม่ใช่เบต้าธรรมดา

Keith's Love ความลับของทาสแมว | Omegaverse - ตอนที่ 4 ทีใครทีมัน โดย Ambersweet_XIX @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

รัก,แฟนตาซี,โอเมกาเวิร์ส,ชาย-ชาย,วัยว้าวุ่น,นายเอกท้องได้,พระเอกธงเขียว,พระเอกคลั่งรัก,พระเอกซึนเดเระ,รักวัยรุ่น,romantic,slice of life,ชายรักชาย,Feel good,แมว,เพื่อนสนิทคิดไม่ซื่อ,เพื่อนสนิท,BL,Boy Love,โอเมก้าเวิร์ส,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย

Keith's Love ความลับของทาสแมว | Omegaverse

หมวดหมู่ที่เกี่ยวข้อง

รัก,แฟนตาซี,โอเมกาเวิร์ส,ชาย-ชาย,วัยว้าวุ่น

แท็คที่เกี่ยวข้อง

นายเอกท้องได้,พระเอกธงเขียว,พระเอกคลั่งรัก,พระเอกซึนเดเระ,รักวัยรุ่น,romantic,slice of life,ชายรักชาย,Feel good,แมว,เพื่อนสนิทคิดไม่ซื่อ,เพื่อนสนิท,BL,Boy Love,โอเมก้าเวิร์ส

รายละเอียด

Keith's Love ความลับของทาสแมว | Omegaverse โดย Ambersweet_XIX @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

วันที่ท้องฟ้าสดใส แสงแดดอบอุ่น สายลมเย็นพัดเอื่อยๆ 'ยู' รู้สึกเหมือนโดนฟ้าผ่าตอนกลางแจ้ง เมื่อเจ้าตัวดันล่วงรู้ความลับของ 'คีธ' เพื่อนสนิทเพียงคนเดียวที่อยู่ด้วยกันมาทั้งชีวิตว่า เขาไม่ใช่เบต้าธรรมดา

ผู้แต่ง

Ambersweet_XIX

เรื่องย่อ

Keith's Love ความลับของทาสแมว

Keith x You

คีธ x ยู

 

'ยู' เป็นนักวิจัยที่ใช้ชีวิตเรียบง่ายอยู่ในเขตชนบท หลังจากเรียนจบชีวิตของเขาราบรื่นเป็นพิเศษ

 

เขาโชคดีถึงขั้นได้ทุนไปเรียนต่อปริญญาเอกตามที่ใฝ่ฝันไว้อีกด้วย และแล้วจังหวะชีวิตของเขาก็สะดุด

 

เพราะ 'คีธ' เพื่อนสนิทที่อยู่ด้วยกันมาเกือบ 10 ปี เปิดเผยความลับที่ว่าแท้จริงแล้ว 'คีธเป็นแมว' ออกมาได้อย่างหน้าตาเฉย 

 

ถึงยูจะไม่เคยเลี้ยงแมวมาก่อน แต่เขามั่นใจว่าตัวเองเป็นทาสแมวตัวยง

 

แสดงว่าหลังจากนี้... เขาก็จะได้เลี้ยงแมวสมใจแล้วน่ะสิ (?)

 

 

 


 

พูดคุยก่อนอ่าน 

 

นิยายเรื่องนี้อยู่ในจักรวาลของเซต #ความลับตระกูลครอสโซ่ โดยแบ่งเป็นเรื่องราวของพี่น้องตระกูลครอสโซ่

 

เริ่มต้นด้วยเรื่อง #ความลับของทาสแมว ที่มีพระเอกอย่าง 'คีธ' น้องชายคนเล็กของบรรดาพี่น้องในตระกูล ที่หนีวังมาใช้ชีวิตสโลว์ไลฟ์กับเพื่อนสนิทถึงชนบทอันห่างไกล

 

แน่นอนว่า สามารถอ่านแยกกันได้โดยไร้ปัญหาค่ะ (ღ´◡`ღ)

 

อนึ่งนิยายที่ลงในเว็บยังไม่ผ่านการจัดหน้าและพิสูจน์อักษรนะคะ ถ้าเปิดขาย E-Book แล้วจะดำเนินการทำรูปเล่มให้เรียบร้อยแน่นอนค่ะ

 

.

.

.

 

ติดตามข่าวสาร หรือพูดคุยกันได้ทาง...

 

แฮชแท็กทวิตเตอร์ #ความลับของทาสแมว

Writer : Ambersweet_XIX

Artist : buttér 

(นักเขียนมือใหม่+นักวาดมือใหม่ จับมือกันเดบิวต์ผลงานชิ้นแรก ขอบคุณคุณบัตเตอร์มาก ๆ ที่วาดภาพปกสุดแสนน่ารักออกมานะคะ)

Typography : ณะเอย

(ขอบคุณเพื่อนที่ทำไทโปให้ตามบรีฟเลย ซาบซึ้งใจมากๆ)

.

.

.

 

E N J O Y   R E A D I N G

 

;)

 

A m b e r s w e e t _ X I X

 

สารบัญ

Keith's Love ความลับของทาสแมว | Omegaverse-คุยกันก่อนอ่าน ข้อมูล Setting ใน #ความลับของทาสแมว,Keith's Love ความลับของทาสแมว | Omegaverse-บทนำ ความลับ,Keith's Love ความลับของทาสแมว | Omegaverse-ตอนที่ 1 ความลับเพียงเอื้อมมือ,Keith's Love ความลับของทาสแมว | Omegaverse-ตอนที่ 2 ใกล้ชิดอีกนิด,Keith's Love ความลับของทาสแมว | Omegaverse-ตอนที่ 3 ทำไมถึงหวานขนาดนั้น?,Keith's Love ความลับของทาสแมว | Omegaverse-ตอนที่ 4 ทีใครทีมัน,Keith's Love ความลับของทาสแมว | Omegaverse-ตอนที่ 5 ขมปนหวาน,Keith's Love ความลับของทาสแมว | Omegaverse-ตอนที่ 6 เป็นเพราะฝน,Keith's Love ความลับของทาสแมว | Omegaverse-ตอนที่ 7 ฟ้าหลังฝนเป็นสีเทาเสมอ,Keith's Love ความลับของทาสแมว | Omegaverse-ตอนที่ 8 แววตาที่ไม่เคยเปลี่ยน

เนื้อหา

ตอนที่ 4 ทีใครทีมัน

 

E N J O Y R E A D I N G

 

;)

 

-----------------------------------------------------

 

หลังจากหยุดพักไปวันนั้น ยูก็ทำงานติดกันทุกวันโดยไม่ได้หยุดเลยสักวัน เป็นเวลากว่าครึ่งเดือนแล้วที่เขาไม่ได้พักผ่อนให้ดี ๆ ที่ต้องรีบเร่งแบบนี้ เพราะที่โรงบ่มไวน์เกิดปัญหาขึ้นซ้อนทับกับช่วงที่เขาเตรียมส่งมอบงานให้กับผู้ช่วยอีก 2 คนพอดี เลยต้องช่วยกันจัดการปัญหาที่เกิดขึ้น

 

ตอนนี้ใกล้เลิกงานแล้ว ยูคลำหายาระงับอาการฮีทขึ้นมากิน 2 เม็ด สภาพของเขาตอนนี้ยังไม่ถือว่าแย่มากนัก ช่วงฮีทที่เหมือนจะเลื่อนเข้ามาก็ถูกยาระงับอาการฮีทกดเอาไว้ได้พอดิบพอดี ที่ว่ากันว่าเมื่อคนเรามีสภาพจิตใจร่าเริงแจ่มใส ไม่ว่าเรื่องอะไรก็จะผ่านพ้นไปได้ด้วยดี มันคงเป็นจริงดังที่คนอื่นว่าเอาไว้

 

“เฮ่ ยู แมวน้อยบ้านนายนี่แสนรู้จริง ๆ วันนี้ก็มารอรับเจ้าของกลับบ้านอีกแล้ว” นักวิจัยคนหนึ่งชี้ไปที่หน้าประตูหน้าห้องแล็ป

 

“โอ้ เข้ามาถึงที่นี่ได้ไงเนี่ย” สาว ๆ ในชุดกาวน์ทิ้งงานในมือ แล้วรีบไปห้อมล้อมเจ้าแมวขนเทาที่ทำหน้าเบื่อโลกตัวนั้น

 

“เหมียว ๆ มานี่สิเด็กดี” แมวน้อยเบี่ยงตัวหลบมือที่เข้ามาใกล้ มันกระโดดขึ้นมาบนโต๊ะแล้วคลอเคลียยูที่กำลังเก็บของอยู่

 

“ยู ๆ ขอลูบบ้างสิ น่ารักจังเลย” เพื่อนร่วมงานชายคนหนึ่งขยับเข้ามาใกล้ เอ่ยขอด้วยดวงตาเป็นประกาย แต่เจ้าแมวตัวนั้นไม่ไว้หน้ากันสักนิด มันขู่ก่อนจะกระโดดหนีไปไกล

 

เพื่อนร่วมงานชายที่ว่า คือเพื่อนที่สนิทที่สุดของยูขณะที่ทำงานอยู่ที่นี่ ชายหนุ่มเป็นเบต้าที่แสนเป็นมิตรและใจดี เขาเป็นขวัญใจของสาว ๆ และโอเมก้าทุกคนในไร่องุ่นเลยก็ว่าได้

 

“โถ่ หยิ่งชะมัดเลย ไปหาเจ้าตัวแสบนี่มาจากที่ไหนน่ะ” ตอนนี้หนุ่มฮอตกำลังใช้แขนพาดบ่าของยูไว้แล้วโอบให้เข้ามาใกล้ เอ่ยหยอกล้อเสียงดัง “ไม่น่ารักเหมือนนายเลยสักนิด”

 

“ไม่รู้ว่ามาจากไหนเหมือนกัน แต่เลี้ยงมาได้สักพักแล้ว”

 

“เอาล่ะๆ ไม่เล่นแล้วก็ได้ เจ้านายมาตามถึงที่แล้ว นายก็กลับไปเถอะ” ชายหนุ่มผู้ถูกแมวน้อยทอดทิ้งเอ่ยด้วยความผิดหวัง รีบช่วยยูเก็บของจนเข้าที่แล้วกำชับว่า “เหนื่อยมาครึ่งเดือนแล้ว นายก็เก็บตัวอยู่ที่บ้านให้ดี ๆ เดี๋ยวเดือนหน้าศาสตราจารย์กลับมาพวกเราค่อยเลี้ยงส่งนาย”

 

“ถ้ามีปัญหาอะไรก็ส่งข้อความมา หรือไปหาฉันที่บ้านก็ได้” ชายคนนั้นตาแดงเรื่อ เขาสวมกอดยูเบา ๆ แทนการบอกลา “ฉันไม่ไปส่งนะ ถ้าไปฉันจะต้องคิดถึงนายแน่ ๆ”

 

“เอาน่าอีกตั้งเป็นเดือนกว่ายูจะไป นายก็ใช้เวลานี้ทำใจให้ได้ซะเถอะเจ้าเพื่อนยาก ยูเองก็เก็บตัวอยู่ที่บ้านให้ดีนะ อย่าได้ออกไปที่ไหน” หญิงสาวเอ่ยปลอบใจสุนัขตัวใหญ่ที่ถูกเจ้าของทิ้งเอาไว้อย่างโดดเดี่ยว ในใจของสาวน้อยเห็นใจทั้งคู่อยู่ลึก ๆ

 

เธอรู้สึกว่า ทั้งคู่ทำงานร่วมเข้าขากันได้ดีมาก เรียกได้ว่าเป็นผู้ช่วยซ้ายขวาของหัวหน้าศูนย์วิจัย ช่วงฮีทของยูมาได้เวลาพอดีจริง ๆ น่าเสียดายที่ช่วงเวลาสุดท้ายของการทำงานขาดห้วงไปทั้งแบบนี้

 

“ขอบใจนะ” ยูพยักหน้ารับ เมื่อเดินออกมาก็รู้สึกวูบโหวงในใจอยู่บ้าง อีกไม่กี่เดือนเขาจะต้องไปเรียนต่อแล้ว ตอนนี้เคลียร์งานเสร็จหมดเรียบร้อย ถึงจะยังไม่ได้บอกลากันอย่างเป็นทางการ แต่ในใจก็รู้สึกเหงาอยู่บ้าง

 

เวลา 2 ปี ไม่น้อยไม่มากจนเกินไป แต่ให้ความทรงจำและประสบการณ์อันมีค่ามากมาย ถ้าถึงเวลาที่ต้องจากกันไปจริง ๆ ในอนาคตเขาคงจะคิดถึงที่นี่อยู่ไม่น้อย

 

ขณะที่กำลังใจลอย แผ่นหลังก็ถูกตีเบา ๆ ยูหันกลับไปถึงได้รู้ว่า เพื่อนร่วมงานบางคนเดินมาส่งยูถึงหน้าทางเข้าโรงบ่มไวน์อย่างเงียบ ๆ บางคนคอยเดินตามแล้วถ่ายรูปเจ้าแมวจอมหยิ่งอยู่ห่าง ๆ พอเห็นยูหันกลับมาทุกคนก็ยิ้มกว้าง โบกมือให้อย่างร่าเริง “กลับบ้านดี ๆ ไว้เจอกันเดือนหน้า”

 

“อื้อ ไว้เจอกัน!” ยูตอบรับด้วยรอยยิ้มเต็มหน้า เขาแสบจมูก จุกแน่นในอกขึ้นมาโดยไม่มีสาเหตุ จึงรีบหันหลังจากไป ซ่อนหยาดน้ำตาที่ซึมออกมาเล็กน้อยเอาไว้ แมวน้อยวิ่งตามมาไม่ห่าง ยูย่อตัวลงอุ้มคีธขึ้นมา “กลับบ้านกันเถอะ”

 

เมื่อเดินมาได้ครึ่งทาง คีธที่ถูกยูอุ้มเอาไว้ก็ดิ้นไปดิ้นมา ยูจึงปล่อยเพื่อนตัวน้อยลงพื้น เมื่อเห็นว่าไม่มีคน ชายหนุ่มก็คืนร่างมนุษย์ ทั้งคู่เดินเคียงข้างกันไปเรื่อย ๆ

 

ยูมองของตัวเองและคนข้างกายที่ทอดยาวบนถนน ฟังเสียงฝีเท้าไม่ช้าไม่เร็วดังประสานกันอย่างกลมกลืน ไหล่และมือของทั้งคู่กระทบกันบ้างเป็นบางครั้ง แต่ก็ไม่มีใครขยับออกไปเพื่อเว้นระยะห่างให้มากกว่านี้

 

ขณะที่มองทิวทัศน์ข้างทาง เขาก็ตั้งคำถามขึ้นในใจว่า พวกเขาเดินเคียงคู่กันแบบนี้มานานแค่ไหนแล้วนะ เคยเดินผ่านเส้นทางอันยาวไกล ผ่านความสุขทุกข์มาตั้งมากมายขนาดนั้น ไม่ว่ามองไปด้านข้างกี่ทีก็จะมีคนคอยอยู่เคียงข้างเสมอ ทำให้รู้สึกมั่นคง ปลอดภัย และอบอุ่นหัวใจจริง ๆ

 

บางทีความผูกพันก็ยังไม่น่ากลัวเท่ากับความเคยชิน เขากำลังจะไปเรียนต่อแล้ว ธุรกิจร้านอาหารของคีธก็กำลังไปได้ดี บางทีการแยกกันแบบนี้ก็ชวนให้รู้สึกหดหู่อยู่บ้าง ไม่ง่ายเลยจริง ๆ ที่จะต้องปรับตัวให้ชินกับการแยกจากในครั้งนี้

 

พวกเขาเดินไปเรื่อย ๆ จนถึงบ้าน โดยไม่ได้พูดคุยกันเลยสักคำ ยูเร่งฝีเท้า ตั้งใจเดินเข้าบ้านนำไปก่อน แต่ชายเสื้อถูกรั้งเอาไว้ เขาหันกลับไปอย่างแปลกใจ

 

“ยิ้มหน่อยสิ” คนข้างกายเอ่ย

 

“อื้อ ยิ้มแล้ว” ชายหนุ่มยิ้มบาง ๆ

 

“ฝืนยิ้มแบบนี้ อาวรณ์ขนาดนั้นเลยเหรอ” ยูไม่รู้ด้วยซ้ำว่า ตลอดทางที่ผ่านมาหน้าตาของเขามันดูหดหู่ขนาดไหน เลยปฏิเสธทันทีว่า “เปล่าสักหน่อย” แล้วหัวเราะกลบเกลื่อน

 

คีธชะโงกหน้าเข้ามาใกล้ ยูได้กลิ่นฟีโรโมนของคีธจาง ๆ กลิ่นที่แสนหวานนั้นมีกลิ่นไหม้ปนอยู่ด้วย เขาพอจะรู้แล้วว่าเจ้าแมวเจ้าอารมณ์ตัวนี้หงุดหงิดเข้าแล้ว แต่ไม่รู้สาเหตุที่แน่ชัด

 

หรือว่าเขาจะพูดอะไรผิดไป

 

คีธเปลี่ยนจากชายเสื้อมาดึงแก้มซ้ายของยูเอาไว้ไม่ยอมปล่อย “เพราะเพื่อนร่วมคนนั้นหรือไง”

 

“คนไหน” ยูถูกดึงจนเจ็บนิด ๆ เลยพยายามแกะมือของคีธออก

 

“เบต้าคนนั้น”

 

อ้อ เพื่อร่วมงานแสนดีคนนั้น ยูรู้สึกอาวรณ์อยู่บ้างจริง ๆ แต่ถ้าเทียบกับคีธแล้ว ระยะห่างคงทิ้งไปไกลแบบไม่เห็นฝุ่น “ก็ไม่ขนาดนั้นนะ”

 

คีธเห็นยูตอบอย่างขอไปที แต่นัยน์ตากลับเผยความเศร้าสลดที่ตัวเขาไม่เข้าใจความหมายออกมา อัลฟ่าหนุ่มรู้สึกโมโห ไม่รู้จะถามอย่างไรให้คนตรงหน้ายอมพูดความจริง เลยบีบแก้มสองข้างของยูไปมาไม่ยั้งมือ พลางเอ่ยเสียดสีว่า “คนโกหก”

 

“ไม่ได้โกหกสักหน่อย เข้าบ้านกันเถอะ” ยูเดินเข้าไปในบ้านหลังน้อย รู้สึกว่าในที่สุดก็จะได้พักผ่อนสักที เขาถอดเสื้อคลุมและวางข้าวของจนเรียบร้อย เตรียมที่จะไปอาบน้ำให้สดชื่นแล้วนอนหลับดี ๆ สักงีบ แต่แล้วก็ยังไม่เห็นคีธตามเข้ามา พอชะโงกหน้าไปมองก็เห็นแมวสีเทาตัวหนึ่งตะกุยดินในแปรงเพาะปลูกของเขาอย่างเอาเป็นเอาตาย

 

ต้นกล้าเล็ก ๆ ที่เพิ่งแตกหน่อผลิใบถูกอุ้งมือมารทำร้ายจนเละเทะ ยูปวดใจเกินจะกล่าว เขาถอนหายใจเฮือกใหญ่รู้สึกจนใจอย่างถึงที่สุด “พอได้แล้วน่า ต้นไม้พวกนั้นนายตั้งใจปลุกให้ฉันแท้ ๆ ไม่สงสารพวกมันหรือไง”

 

ยูย่อตัวลงเก็บกวาดเศษซาก ‘สุดที่รัก’ เอาไว้มุมหนึ่งของสวนหน้าบ้าน เตรียมเอาไปทำเป็นปุ๋ยอีกที

 

เมื่อคีธมองยูตั้งใจคัดแยกกล้าที่ยังสภาพดีเอาไว้ส่วนหนึ่ง ในใจของเขาก็หน่วงอยู่บ้าง นั่นคือต้นอ่อนของทานตะวันที่ปลูกไว้ทำอาหาร อีกส่วนปลูกไว้ให้ยู หวังว่าสักวันมันจะเบ่งบานอย่างสวยงาม คอยทักทายชายหนุ่มก่อนไปทำงานยามเช้า

 

คีธเป็นคนขี้เซา แน่นอนว่าไม่เคยตื่นมาส่งยูไปทำงานตอนเช้าทันเลยสักวัน ดังนั้นถ้ามีพวกมันอยู่ ยามเช้าของยูไม่อ้างว้างเกินไปนัก

 

เจ้าแมวน้อยทิ้งเศษซากความทรงจำเอาไว้ในใจ เดินเชิดหน้าเข้ามาใกล้ยูด้วยท่าทางสง่างาม เอาตัวที่เปื้อนดินถูกไถเข้ากับขากางเกงและชายเสื้อของยูเต็มแรง ปากก็ร้อง “เหมียว” แสดงท่าทางออดอ้อนเต็มที่

แต่ยูรู้ว่าการพันแข้งพันขาอย่างไม่มีสาเหตุแบบนี้น่ะ เป็นการจงใจชัด ๆ! อย่างน้อยก็ตั้งใจระบายอารมณ์ใส่เสื้อผ้าของเขา

 

“คุณชายหงุดหงิดอะไร เล่าให้ฟังหน่อยสิ” ยูอุ้มคีธในร่างแมวขึ้นมา เขายืนขึ้นเต็มความสูงถือโอกาสล็อกอีกฝ่ายที่ตัวเล็กแล้วแรงน้อยกว่าไว้แน่น พาเข้าบ้านไปอาบน้ำทันที

 

สงครามเย็นในห้องน้ำผ่านพ้นไปอย่างยากลำบาก ยูตั้งใจรีบอาบน้ำนอนแบบไม่ต้องสระผม แต่สุดท้ายเขาก็เปียกไปทั้งตัวเหมือนลูกหมาตกน้ำ เลยจัดการแก้แค้นด้วยการอาบน้ำแปรงขนขัดสีฉวีวรรณให้คีธชุดใหญ่ ก่อนจะหอบเจ้าก้อนขนสีเทาออกมาจากห้องน้ำ

 

ตลอดเวลาที่ผ่านมาคีธไม่พูดอะไรเลยสักคำ จากตอนแรกที่แค่หงุดหงิดเล็กน้อย พอโดนยูแกล้งเข้าเขาก็โมโหยกใหญ่แล้วจริง ๆ มีอย่างที่ไหนแปรงเอาขนของเขาหลุดออกไปเยอะขนาดนั้น!

 

ถ้าหากยูรู้ความคิดนี้จะต้องเถียงขาดใจแน่ว่า ขนที่ยุ่งเหยิงสกปรกมอมแมมแบบนั้น เขาไม่โกนทิ้งระบายแค้นแทนต้นกล้าพวกนั้นก็ดีแค่ไหนแล้ว

 

ยูไม่รู้ว่าคีธเป็นอะไร แต่เขาเหนื่อยล้าไปทั้งกายใจ จึงทิ้งตัวลงนอนแล้วหลับไปทันที ส่วนแมวสีเทาอีกตัวหนึ่งนั่งอยู่บนเตียงในสภาพกึ่งแห้งกึ่งเปียกก็กระโดดไปส่องกระจกบานใหญ่ในห้องแต่งตัว

 

เมื่อครูที่โดนห่อตัวเอาไว้ขณะเดินผ่านกระจก เขายังไม่ทันมองให้ดี ตอนนี้ขนที่เคยเงางามขยุกขยุยพันกันเป็นก้อน คีธเห็นสภาพของตัวเองที่ถูก ‘ทารุณ’ จนแทบดูไม่ได้แล้วก็โกรธจนหัวเราะออกมา เขากลับร่างมนุษย์ เปิดตู้เสื้อผ้าของยูหาผ้าขนหนูผืนเล็กและผืนใหญ่ออกมาได้อย่างละผืน

 

หลังจากคีธจัดการรูปลักษณ์ของตัวเองจนเป็นน่าพอใจแล้ว ก็ขึ้นมานั่งพิงหัวเตียง มือข้างหนึ่งช่วยสางผมบางส่วนที่ยังเปียกจนจับกันเป็นก้อนของยูให้กระจายออก ก่อนจะใช้ผ้าผืนน้อยซับให้เบา ๆ กาลเวลาผ่านไปอย่างเงียบเชียบ พริบตาเดียวก็ผ่านไปครึ่งชั่วโมงกว่าผมทั้งหมดจะแห้งสนิท

 

คีธสัมผัสได้ถึงอุณหภูมิร่างกายของยูที่กำลังร้อนขึ้นอย่างผิดปกติ เขาขมวดคิ้วจนแทบมองไม่เห็น ความอึดอัดในใจของเขาตอนกลับถึงบ้านถูกสงครามในห้องน้ำชำระล้างในกระจ่างแล้ว ไม่ใช่ว่าเขาจะไม่รู้ใจตัวเองสักหน่อยว่า ที่แท้ตัวเองก็แค่หึงเจ้าเบต้าหน้ายิ้มที่เหมือนสุนัขพันธุ์โกลเด้นคนนั้น ที่คอยมาป้วนเปี้ยนอยู่ใกล้กับเพื่อนของเขา

 

ความโมโหที่มีก็ไม่เคยอยู่ได้นานเกินครึ่งวันอยู่แล้ว ตอนนี้เหลือเพียงความรู้สึกเท่านั้น รู้ทั้งรู้ว่ายูเหนื่อยมาโดยตลอด เขาไม่น่าไปก่อกวนอีกฝ่ายเลย ถ้าหากโอเมก้าที่มีร่างกายออนแอ่เป็นทุนเดิมป่วยขึ้นมาจะทำยังไง ในเมื่อสุดท้ายคนที่ปวดใจก็ยังเป็นเขาอยู่ดี

 

คีธเอนตัวลงนอนข้างยู ความใกล้ชิดนี้ทำให้เขาได้กลิ่นหอมหวานบางอย่างที่เขาก็ไม่รู้ว่าคืออะไร กลิ่นนั้นแฝงเร้นมากับฟีโรโมนกลิ่นมินต์ของยู เขารู้ด้วยสัญชาตญาณว่า ถ้าเขายังอยู่ที่นี่ ตัวเองก็อาจจะได้รับผลกระทบจากฟีโรโมนอันแปลกประหลาดนี้ไปด้วยเช่นกัน

 

เขาผุดลุกขึ้นทันที ควานหายาที่ลิ้นชักข้างเตียงแล้วปลุกยูขึ้นมา ยูสะลึมสะลือถามเสียงเบาหวิวโดยไม่ลืมตาเลยด้วยซ้ำ “มีอะไรเหรอ”

 

คีธน้ำเสียงที่ไม่ปิดบังความห่วงใย “กินยาสักหน่อยนะ” น้ำเปล่าและยาถูกส่งมาตรงหน้า เม็ดแรกคือยาลดไข้ อีกเม็ดคือยาปรับสมดุลฟีโรโมน ยูรับยามากินอย่างว่าง่าย จากนั้นก็เอนตัวนอนลง โดยที่มีคีธคอยห่มผ้าให้อย่างเรียบร้อย

 

สุดท้ายวันที่แสนวุ่นวายก็จบลงไปแบบนี้เอง

 


ข้อความจากนักเขียน

ตอนนี้ได้แรงบันดาลใจมากจากเพื่อนสนิทคู่หนึ่งที่ตีกันเป็นประจำกัน เรื่องเล็กเรื่องน้อยก็เถียงกัน ขัดคอกัน แต่ก็ยังอยู่ด้วยกัน บางทีนี่ก็อาจจะเป็นสิ่งที่ทำให้มิตรแน่นแฟ้นขึ้นล่ะมั้ง (?)

แต่เจ้าแมวเทาสีเก่าๆ ของเราตัวนี้ ใจชอบเขาแล้วยังวางท่าเยอะแบบนี้ ต้องมีสักวันที่โดนลูบคมแน่นอนค่ะ คิคิ