วันที่ท้องฟ้าสดใส แสงแดดอบอุ่น สายลมเย็นพัดเอื่อยๆ 'ยู' รู้สึกเหมือนโดนฟ้าผ่าตอนกลางแจ้ง เมื่อเจ้าตัวดันล่วงรู้ความลับของ 'คีธ' เพื่อนสนิทเพียงคนเดียวที่อยู่ด้วยกันมาทั้งชีวิตว่า เขาไม่ใช่เบต้าธรรมดา
รัก,แฟนตาซี,โอเมกาเวิร์ส,ชาย-ชาย,วัยว้าวุ่น,นายเอกท้องได้,พระเอกธงเขียว,พระเอกคลั่งรัก,พระเอกซึนเดเระ,รักวัยรุ่น,romantic,slice of life,ชายรักชาย,Feel good,แมว,เพื่อนสนิทคิดไม่ซื่อ,เพื่อนสนิท,BL,Boy Love,โอเมก้าเวิร์ส,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
Keith's Love ความลับของทาสแมว | Omegaverseวันที่ท้องฟ้าสดใส แสงแดดอบอุ่น สายลมเย็นพัดเอื่อยๆ 'ยู' รู้สึกเหมือนโดนฟ้าผ่าตอนกลางแจ้ง เมื่อเจ้าตัวดันล่วงรู้ความลับของ 'คีธ' เพื่อนสนิทเพียงคนเดียวที่อยู่ด้วยกันมาทั้งชีวิตว่า เขาไม่ใช่เบต้าธรรมดา
'ยู' เป็นนักวิจัยที่ใช้ชีวิตเรียบง่ายอยู่ในเขตชนบท หลังจากเรียนจบชีวิตของเขาราบรื่นเป็นพิเศษ
เขาโชคดีถึงขั้นได้ทุนไปเรียนต่อปริญญาเอกตามที่ใฝ่ฝันไว้อีกด้วย และแล้วจังหวะชีวิตของเขาก็สะดุด
เพราะ 'คีธ' เพื่อนสนิทที่อยู่ด้วยกันมาเกือบ 10 ปี เปิดเผยความลับที่ว่าแท้จริงแล้ว 'คีธเป็นแมว' ออกมาได้อย่างหน้าตาเฉย
ถึงยูจะไม่เคยเลี้ยงแมวมาก่อน แต่เขามั่นใจว่าตัวเองเป็นทาสแมวตัวยง
แสดงว่าหลังจากนี้... เขาก็จะได้เลี้ยงแมวสมใจแล้วน่ะสิ (?)
นิยายเรื่องนี้อยู่ในจักรวาลของเซต #ความลับตระกูลครอสโซ่ โดยแบ่งเป็นเรื่องราวของพี่น้องตระกูลครอสโซ่
เริ่มต้นด้วยเรื่อง #ความลับของทาสแมว ที่มีพระเอกอย่าง 'คีธ' น้องชายคนเล็กของบรรดาพี่น้องในตระกูล ที่หนีวังมาใช้ชีวิตสโลว์ไลฟ์กับเพื่อนสนิทถึงชนบทอันห่างไกล
แน่นอนว่า สามารถอ่านแยกกันได้โดยไร้ปัญหาค่ะ (ღ´◡`ღ)
อนึ่งนิยายที่ลงในเว็บยังไม่ผ่านการจัดหน้าและพิสูจน์อักษรนะคะ ถ้าเปิดขาย E-Book แล้วจะดำเนินการทำรูปเล่มให้เรียบร้อยแน่นอนค่ะ
.
.
.
แฮชแท็กทวิตเตอร์ #ความลับของทาสแมว
Writer : Ambersweet_XIX
Artist : buttér
(นักเขียนมือใหม่+นักวาดมือใหม่ จับมือกันเดบิวต์ผลงานชิ้นแรก ขอบคุณคุณบัตเตอร์มาก ๆ ที่วาดภาพปกสุดแสนน่ารักออกมานะคะ)
Typography : ณะเอย
(ขอบคุณเพื่อนที่ทำไทโปให้ตามบรีฟเลย ซาบซึ้งใจมากๆ)
.
.
.
E N J O Y R E A D I N G
;)
A m b e r s w e e t _ X I X
E N J O Y R E A D I N G
;)
-----------------------------------------------------
หลังจากหยุดพักไปวันนั้น ยูก็ทำงานติดกันทุกวันโดยไม่ได้หยุดเลยสักวัน เป็นเวลากว่าครึ่งเดือนแล้วที่เขาไม่ได้พักผ่อนให้ดี ๆ ที่ต้องรีบเร่งแบบนี้ เพราะที่โรงบ่มไวน์เกิดปัญหาขึ้นซ้อนทับกับช่วงที่เขาเตรียมส่งมอบงานให้กับผู้ช่วยอีก 2 คนพอดี เลยต้องช่วยกันจัดการปัญหาที่เกิดขึ้น
ตอนนี้ใกล้เลิกงานแล้ว ยูคลำหายาระงับอาการฮีทขึ้นมากิน 2 เม็ด สภาพของเขาตอนนี้ยังไม่ถือว่าแย่มากนัก ช่วงฮีทที่เหมือนจะเลื่อนเข้ามาก็ถูกยาระงับอาการฮีทกดเอาไว้ได้พอดิบพอดี ที่ว่ากันว่าเมื่อคนเรามีสภาพจิตใจร่าเริงแจ่มใส ไม่ว่าเรื่องอะไรก็จะผ่านพ้นไปได้ด้วยดี มันคงเป็นจริงดังที่คนอื่นว่าเอาไว้
“เฮ่ ยู แมวน้อยบ้านนายนี่แสนรู้จริง ๆ วันนี้ก็มารอรับเจ้าของกลับบ้านอีกแล้ว” นักวิจัยคนหนึ่งชี้ไปที่หน้าประตูหน้าห้องแล็ป
“โอ้ เข้ามาถึงที่นี่ได้ไงเนี่ย” สาว ๆ ในชุดกาวน์ทิ้งงานในมือ แล้วรีบไปห้อมล้อมเจ้าแมวขนเทาที่ทำหน้าเบื่อโลกตัวนั้น
“เหมียว ๆ มานี่สิเด็กดี” แมวน้อยเบี่ยงตัวหลบมือที่เข้ามาใกล้ มันกระโดดขึ้นมาบนโต๊ะแล้วคลอเคลียยูที่กำลังเก็บของอยู่
“ยู ๆ ขอลูบบ้างสิ น่ารักจังเลย” เพื่อนร่วมงานชายคนหนึ่งขยับเข้ามาใกล้ เอ่ยขอด้วยดวงตาเป็นประกาย แต่เจ้าแมวตัวนั้นไม่ไว้หน้ากันสักนิด มันขู่ก่อนจะกระโดดหนีไปไกล
เพื่อนร่วมงานชายที่ว่า คือเพื่อนที่สนิทที่สุดของยูขณะที่ทำงานอยู่ที่นี่ ชายหนุ่มเป็นเบต้าที่แสนเป็นมิตรและใจดี เขาเป็นขวัญใจของสาว ๆ และโอเมก้าทุกคนในไร่องุ่นเลยก็ว่าได้
“โถ่ หยิ่งชะมัดเลย ไปหาเจ้าตัวแสบนี่มาจากที่ไหนน่ะ” ตอนนี้หนุ่มฮอตกำลังใช้แขนพาดบ่าของยูไว้แล้วโอบให้เข้ามาใกล้ เอ่ยหยอกล้อเสียงดัง “ไม่น่ารักเหมือนนายเลยสักนิด”
“ไม่รู้ว่ามาจากไหนเหมือนกัน แต่เลี้ยงมาได้สักพักแล้ว”
“เอาล่ะๆ ไม่เล่นแล้วก็ได้ เจ้านายมาตามถึงที่แล้ว นายก็กลับไปเถอะ” ชายหนุ่มผู้ถูกแมวน้อยทอดทิ้งเอ่ยด้วยความผิดหวัง รีบช่วยยูเก็บของจนเข้าที่แล้วกำชับว่า “เหนื่อยมาครึ่งเดือนแล้ว นายก็เก็บตัวอยู่ที่บ้านให้ดี ๆ เดี๋ยวเดือนหน้าศาสตราจารย์กลับมาพวกเราค่อยเลี้ยงส่งนาย”
“ถ้ามีปัญหาอะไรก็ส่งข้อความมา หรือไปหาฉันที่บ้านก็ได้” ชายคนนั้นตาแดงเรื่อ เขาสวมกอดยูเบา ๆ แทนการบอกลา “ฉันไม่ไปส่งนะ ถ้าไปฉันจะต้องคิดถึงนายแน่ ๆ”
“เอาน่าอีกตั้งเป็นเดือนกว่ายูจะไป นายก็ใช้เวลานี้ทำใจให้ได้ซะเถอะเจ้าเพื่อนยาก ยูเองก็เก็บตัวอยู่ที่บ้านให้ดีนะ อย่าได้ออกไปที่ไหน” หญิงสาวเอ่ยปลอบใจสุนัขตัวใหญ่ที่ถูกเจ้าของทิ้งเอาไว้อย่างโดดเดี่ยว ในใจของสาวน้อยเห็นใจทั้งคู่อยู่ลึก ๆ
เธอรู้สึกว่า ทั้งคู่ทำงานร่วมเข้าขากันได้ดีมาก เรียกได้ว่าเป็นผู้ช่วยซ้ายขวาของหัวหน้าศูนย์วิจัย ช่วงฮีทของยูมาได้เวลาพอดีจริง ๆ น่าเสียดายที่ช่วงเวลาสุดท้ายของการทำงานขาดห้วงไปทั้งแบบนี้
“ขอบใจนะ” ยูพยักหน้ารับ เมื่อเดินออกมาก็รู้สึกวูบโหวงในใจอยู่บ้าง อีกไม่กี่เดือนเขาจะต้องไปเรียนต่อแล้ว ตอนนี้เคลียร์งานเสร็จหมดเรียบร้อย ถึงจะยังไม่ได้บอกลากันอย่างเป็นทางการ แต่ในใจก็รู้สึกเหงาอยู่บ้าง
เวลา 2 ปี ไม่น้อยไม่มากจนเกินไป แต่ให้ความทรงจำและประสบการณ์อันมีค่ามากมาย ถ้าถึงเวลาที่ต้องจากกันไปจริง ๆ ในอนาคตเขาคงจะคิดถึงที่นี่อยู่ไม่น้อย
ขณะที่กำลังใจลอย แผ่นหลังก็ถูกตีเบา ๆ ยูหันกลับไปถึงได้รู้ว่า เพื่อนร่วมงานบางคนเดินมาส่งยูถึงหน้าทางเข้าโรงบ่มไวน์อย่างเงียบ ๆ บางคนคอยเดินตามแล้วถ่ายรูปเจ้าแมวจอมหยิ่งอยู่ห่าง ๆ พอเห็นยูหันกลับมาทุกคนก็ยิ้มกว้าง โบกมือให้อย่างร่าเริง “กลับบ้านดี ๆ ไว้เจอกันเดือนหน้า”
“อื้อ ไว้เจอกัน!” ยูตอบรับด้วยรอยยิ้มเต็มหน้า เขาแสบจมูก จุกแน่นในอกขึ้นมาโดยไม่มีสาเหตุ จึงรีบหันหลังจากไป ซ่อนหยาดน้ำตาที่ซึมออกมาเล็กน้อยเอาไว้ แมวน้อยวิ่งตามมาไม่ห่าง ยูย่อตัวลงอุ้มคีธขึ้นมา “กลับบ้านกันเถอะ”
เมื่อเดินมาได้ครึ่งทาง คีธที่ถูกยูอุ้มเอาไว้ก็ดิ้นไปดิ้นมา ยูจึงปล่อยเพื่อนตัวน้อยลงพื้น เมื่อเห็นว่าไม่มีคน ชายหนุ่มก็คืนร่างมนุษย์ ทั้งคู่เดินเคียงข้างกันไปเรื่อย ๆ
ยูมองของตัวเองและคนข้างกายที่ทอดยาวบนถนน ฟังเสียงฝีเท้าไม่ช้าไม่เร็วดังประสานกันอย่างกลมกลืน ไหล่และมือของทั้งคู่กระทบกันบ้างเป็นบางครั้ง แต่ก็ไม่มีใครขยับออกไปเพื่อเว้นระยะห่างให้มากกว่านี้
ขณะที่มองทิวทัศน์ข้างทาง เขาก็ตั้งคำถามขึ้นในใจว่า พวกเขาเดินเคียงคู่กันแบบนี้มานานแค่ไหนแล้วนะ เคยเดินผ่านเส้นทางอันยาวไกล ผ่านความสุขทุกข์มาตั้งมากมายขนาดนั้น ไม่ว่ามองไปด้านข้างกี่ทีก็จะมีคนคอยอยู่เคียงข้างเสมอ ทำให้รู้สึกมั่นคง ปลอดภัย และอบอุ่นหัวใจจริง ๆ
บางทีความผูกพันก็ยังไม่น่ากลัวเท่ากับความเคยชิน เขากำลังจะไปเรียนต่อแล้ว ธุรกิจร้านอาหารของคีธก็กำลังไปได้ดี บางทีการแยกกันแบบนี้ก็ชวนให้รู้สึกหดหู่อยู่บ้าง ไม่ง่ายเลยจริง ๆ ที่จะต้องปรับตัวให้ชินกับการแยกจากในครั้งนี้
พวกเขาเดินไปเรื่อย ๆ จนถึงบ้าน โดยไม่ได้พูดคุยกันเลยสักคำ ยูเร่งฝีเท้า ตั้งใจเดินเข้าบ้านนำไปก่อน แต่ชายเสื้อถูกรั้งเอาไว้ เขาหันกลับไปอย่างแปลกใจ
“ยิ้มหน่อยสิ” คนข้างกายเอ่ย
“อื้อ ยิ้มแล้ว” ชายหนุ่มยิ้มบาง ๆ
“ฝืนยิ้มแบบนี้ อาวรณ์ขนาดนั้นเลยเหรอ” ยูไม่รู้ด้วยซ้ำว่า ตลอดทางที่ผ่านมาหน้าตาของเขามันดูหดหู่ขนาดไหน เลยปฏิเสธทันทีว่า “เปล่าสักหน่อย” แล้วหัวเราะกลบเกลื่อน
คีธชะโงกหน้าเข้ามาใกล้ ยูได้กลิ่นฟีโรโมนของคีธจาง ๆ กลิ่นที่แสนหวานนั้นมีกลิ่นไหม้ปนอยู่ด้วย เขาพอจะรู้แล้วว่าเจ้าแมวเจ้าอารมณ์ตัวนี้หงุดหงิดเข้าแล้ว แต่ไม่รู้สาเหตุที่แน่ชัด
หรือว่าเขาจะพูดอะไรผิดไป
คีธเปลี่ยนจากชายเสื้อมาดึงแก้มซ้ายของยูเอาไว้ไม่ยอมปล่อย “เพราะเพื่อนร่วมคนนั้นหรือไง”
“คนไหน” ยูถูกดึงจนเจ็บนิด ๆ เลยพยายามแกะมือของคีธออก
“เบต้าคนนั้น”
อ้อ เพื่อร่วมงานแสนดีคนนั้น ยูรู้สึกอาวรณ์อยู่บ้างจริง ๆ แต่ถ้าเทียบกับคีธแล้ว ระยะห่างคงทิ้งไปไกลแบบไม่เห็นฝุ่น “ก็ไม่ขนาดนั้นนะ”
คีธเห็นยูตอบอย่างขอไปที แต่นัยน์ตากลับเผยความเศร้าสลดที่ตัวเขาไม่เข้าใจความหมายออกมา อัลฟ่าหนุ่มรู้สึกโมโห ไม่รู้จะถามอย่างไรให้คนตรงหน้ายอมพูดความจริง เลยบีบแก้มสองข้างของยูไปมาไม่ยั้งมือ พลางเอ่ยเสียดสีว่า “คนโกหก”
“ไม่ได้โกหกสักหน่อย เข้าบ้านกันเถอะ” ยูเดินเข้าไปในบ้านหลังน้อย รู้สึกว่าในที่สุดก็จะได้พักผ่อนสักที เขาถอดเสื้อคลุมและวางข้าวของจนเรียบร้อย เตรียมที่จะไปอาบน้ำให้สดชื่นแล้วนอนหลับดี ๆ สักงีบ แต่แล้วก็ยังไม่เห็นคีธตามเข้ามา พอชะโงกหน้าไปมองก็เห็นแมวสีเทาตัวหนึ่งตะกุยดินในแปรงเพาะปลูกของเขาอย่างเอาเป็นเอาตาย
ต้นกล้าเล็ก ๆ ที่เพิ่งแตกหน่อผลิใบถูกอุ้งมือมารทำร้ายจนเละเทะ ยูปวดใจเกินจะกล่าว เขาถอนหายใจเฮือกใหญ่รู้สึกจนใจอย่างถึงที่สุด “พอได้แล้วน่า ต้นไม้พวกนั้นนายตั้งใจปลุกให้ฉันแท้ ๆ ไม่สงสารพวกมันหรือไง”
ยูย่อตัวลงเก็บกวาดเศษซาก ‘สุดที่รัก’ เอาไว้มุมหนึ่งของสวนหน้าบ้าน เตรียมเอาไปทำเป็นปุ๋ยอีกที
เมื่อคีธมองยูตั้งใจคัดแยกกล้าที่ยังสภาพดีเอาไว้ส่วนหนึ่ง ในใจของเขาก็หน่วงอยู่บ้าง นั่นคือต้นอ่อนของทานตะวันที่ปลูกไว้ทำอาหาร อีกส่วนปลูกไว้ให้ยู หวังว่าสักวันมันจะเบ่งบานอย่างสวยงาม คอยทักทายชายหนุ่มก่อนไปทำงานยามเช้า
คีธเป็นคนขี้เซา แน่นอนว่าไม่เคยตื่นมาส่งยูไปทำงานตอนเช้าทันเลยสักวัน ดังนั้นถ้ามีพวกมันอยู่ ยามเช้าของยูไม่อ้างว้างเกินไปนัก
เจ้าแมวน้อยทิ้งเศษซากความทรงจำเอาไว้ในใจ เดินเชิดหน้าเข้ามาใกล้ยูด้วยท่าทางสง่างาม เอาตัวที่เปื้อนดินถูกไถเข้ากับขากางเกงและชายเสื้อของยูเต็มแรง ปากก็ร้อง “เหมียว” แสดงท่าทางออดอ้อนเต็มที่
แต่ยูรู้ว่าการพันแข้งพันขาอย่างไม่มีสาเหตุแบบนี้น่ะ เป็นการจงใจชัด ๆ! อย่างน้อยก็ตั้งใจระบายอารมณ์ใส่เสื้อผ้าของเขา
“คุณชายหงุดหงิดอะไร เล่าให้ฟังหน่อยสิ” ยูอุ้มคีธในร่างแมวขึ้นมา เขายืนขึ้นเต็มความสูงถือโอกาสล็อกอีกฝ่ายที่ตัวเล็กแล้วแรงน้อยกว่าไว้แน่น พาเข้าบ้านไปอาบน้ำทันที
สงครามเย็นในห้องน้ำผ่านพ้นไปอย่างยากลำบาก ยูตั้งใจรีบอาบน้ำนอนแบบไม่ต้องสระผม แต่สุดท้ายเขาก็เปียกไปทั้งตัวเหมือนลูกหมาตกน้ำ เลยจัดการแก้แค้นด้วยการอาบน้ำแปรงขนขัดสีฉวีวรรณให้คีธชุดใหญ่ ก่อนจะหอบเจ้าก้อนขนสีเทาออกมาจากห้องน้ำ
ตลอดเวลาที่ผ่านมาคีธไม่พูดอะไรเลยสักคำ จากตอนแรกที่แค่หงุดหงิดเล็กน้อย พอโดนยูแกล้งเข้าเขาก็โมโหยกใหญ่แล้วจริง ๆ มีอย่างที่ไหนแปรงเอาขนของเขาหลุดออกไปเยอะขนาดนั้น!
ถ้าหากยูรู้ความคิดนี้จะต้องเถียงขาดใจแน่ว่า ขนที่ยุ่งเหยิงสกปรกมอมแมมแบบนั้น เขาไม่โกนทิ้งระบายแค้นแทนต้นกล้าพวกนั้นก็ดีแค่ไหนแล้ว
ยูไม่รู้ว่าคีธเป็นอะไร แต่เขาเหนื่อยล้าไปทั้งกายใจ จึงทิ้งตัวลงนอนแล้วหลับไปทันที ส่วนแมวสีเทาอีกตัวหนึ่งนั่งอยู่บนเตียงในสภาพกึ่งแห้งกึ่งเปียกก็กระโดดไปส่องกระจกบานใหญ่ในห้องแต่งตัว
เมื่อครูที่โดนห่อตัวเอาไว้ขณะเดินผ่านกระจก เขายังไม่ทันมองให้ดี ตอนนี้ขนที่เคยเงางามขยุกขยุยพันกันเป็นก้อน คีธเห็นสภาพของตัวเองที่ถูก ‘ทารุณ’ จนแทบดูไม่ได้แล้วก็โกรธจนหัวเราะออกมา เขากลับร่างมนุษย์ เปิดตู้เสื้อผ้าของยูหาผ้าขนหนูผืนเล็กและผืนใหญ่ออกมาได้อย่างละผืน
หลังจากคีธจัดการรูปลักษณ์ของตัวเองจนเป็นน่าพอใจแล้ว ก็ขึ้นมานั่งพิงหัวเตียง มือข้างหนึ่งช่วยสางผมบางส่วนที่ยังเปียกจนจับกันเป็นก้อนของยูให้กระจายออก ก่อนจะใช้ผ้าผืนน้อยซับให้เบา ๆ กาลเวลาผ่านไปอย่างเงียบเชียบ พริบตาเดียวก็ผ่านไปครึ่งชั่วโมงกว่าผมทั้งหมดจะแห้งสนิท
คีธสัมผัสได้ถึงอุณหภูมิร่างกายของยูที่กำลังร้อนขึ้นอย่างผิดปกติ เขาขมวดคิ้วจนแทบมองไม่เห็น ความอึดอัดในใจของเขาตอนกลับถึงบ้านถูกสงครามในห้องน้ำชำระล้างในกระจ่างแล้ว ไม่ใช่ว่าเขาจะไม่รู้ใจตัวเองสักหน่อยว่า ที่แท้ตัวเองก็แค่หึงเจ้าเบต้าหน้ายิ้มที่เหมือนสุนัขพันธุ์โกลเด้นคนนั้น ที่คอยมาป้วนเปี้ยนอยู่ใกล้กับเพื่อนของเขา
ความโมโหที่มีก็ไม่เคยอยู่ได้นานเกินครึ่งวันอยู่แล้ว ตอนนี้เหลือเพียงความรู้สึกเท่านั้น รู้ทั้งรู้ว่ายูเหนื่อยมาโดยตลอด เขาไม่น่าไปก่อกวนอีกฝ่ายเลย ถ้าหากโอเมก้าที่มีร่างกายออนแอ่เป็นทุนเดิมป่วยขึ้นมาจะทำยังไง ในเมื่อสุดท้ายคนที่ปวดใจก็ยังเป็นเขาอยู่ดี
คีธเอนตัวลงนอนข้างยู ความใกล้ชิดนี้ทำให้เขาได้กลิ่นหอมหวานบางอย่างที่เขาก็ไม่รู้ว่าคืออะไร กลิ่นนั้นแฝงเร้นมากับฟีโรโมนกลิ่นมินต์ของยู เขารู้ด้วยสัญชาตญาณว่า ถ้าเขายังอยู่ที่นี่ ตัวเองก็อาจจะได้รับผลกระทบจากฟีโรโมนอันแปลกประหลาดนี้ไปด้วยเช่นกัน
เขาผุดลุกขึ้นทันที ควานหายาที่ลิ้นชักข้างเตียงแล้วปลุกยูขึ้นมา ยูสะลึมสะลือถามเสียงเบาหวิวโดยไม่ลืมตาเลยด้วยซ้ำ “มีอะไรเหรอ”
คีธน้ำเสียงที่ไม่ปิดบังความห่วงใย “กินยาสักหน่อยนะ” น้ำเปล่าและยาถูกส่งมาตรงหน้า เม็ดแรกคือยาลดไข้ อีกเม็ดคือยาปรับสมดุลฟีโรโมน ยูรับยามากินอย่างว่าง่าย จากนั้นก็เอนตัวนอนลง โดยที่มีคีธคอยห่มผ้าให้อย่างเรียบร้อย
สุดท้ายวันที่แสนวุ่นวายก็จบลงไปแบบนี้เอง
ข้อความจากนักเขียน
ตอนนี้ได้แรงบันดาลใจมากจากเพื่อนสนิทคู่หนึ่งที่ตีกันเป็นประจำกัน เรื่องเล็กเรื่องน้อยก็เถียงกัน ขัดคอกัน แต่ก็ยังอยู่ด้วยกัน บางทีนี่ก็อาจจะเป็นสิ่งที่ทำให้มิตรแน่นแฟ้นขึ้นล่ะมั้ง (?)
แต่เจ้าแมวเทาสีเก่าๆ ของเราตัวนี้ ใจชอบเขาแล้วยังวางท่าเยอะแบบนี้ ต้องมีสักวันที่โดนลูบคมแน่นอนค่ะ คิคิ