วันที่ท้องฟ้าสดใส แสงแดดอบอุ่น สายลมเย็นพัดเอื่อยๆ 'ยู' รู้สึกเหมือนโดนฟ้าผ่าตอนกลางแจ้ง เมื่อเจ้าตัวดันล่วงรู้ความลับของ 'คีธ' เพื่อนสนิทเพียงคนเดียวที่อยู่ด้วยกันมาทั้งชีวิตว่า เขาไม่ใช่เบต้าธรรมดา

Keith's Love ความลับของทาสแมว | Omegaverse - ตอนที่ 7 ฟ้าหลังฝนเป็นสีเทาเสมอ โดย Ambersweet_XIX @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

รัก,แฟนตาซี,โอเมกาเวิร์ส,ชาย-ชาย,วัยว้าวุ่น,นายเอกท้องได้,พระเอกธงเขียว,พระเอกคลั่งรัก,พระเอกซึนเดเระ,รักวัยรุ่น,romantic,slice of life,ชายรักชาย,Feel good,แมว,เพื่อนสนิทคิดไม่ซื่อ,เพื่อนสนิท,BL,Boy Love,โอเมก้าเวิร์ส,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย

Keith's Love ความลับของทาสแมว | Omegaverse

หมวดหมู่ที่เกี่ยวข้อง

รัก,แฟนตาซี,โอเมกาเวิร์ส,ชาย-ชาย,วัยว้าวุ่น

แท็คที่เกี่ยวข้อง

นายเอกท้องได้,พระเอกธงเขียว,พระเอกคลั่งรัก,พระเอกซึนเดเระ,รักวัยรุ่น,romantic,slice of life,ชายรักชาย,Feel good,แมว,เพื่อนสนิทคิดไม่ซื่อ,เพื่อนสนิท,BL,Boy Love,โอเมก้าเวิร์ส

รายละเอียด

Keith's Love ความลับของทาสแมว | Omegaverse โดย Ambersweet_XIX @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

วันที่ท้องฟ้าสดใส แสงแดดอบอุ่น สายลมเย็นพัดเอื่อยๆ 'ยู' รู้สึกเหมือนโดนฟ้าผ่าตอนกลางแจ้ง เมื่อเจ้าตัวดันล่วงรู้ความลับของ 'คีธ' เพื่อนสนิทเพียงคนเดียวที่อยู่ด้วยกันมาทั้งชีวิตว่า เขาไม่ใช่เบต้าธรรมดา

ผู้แต่ง

Ambersweet_XIX

เรื่องย่อ

Keith's Love ความลับของทาสแมว

Keith x You

คีธ x ยู

 

'ยู' เป็นนักวิจัยที่ใช้ชีวิตเรียบง่ายอยู่ในเขตชนบท หลังจากเรียนจบชีวิตของเขาราบรื่นเป็นพิเศษ

 

เขาโชคดีถึงขั้นได้ทุนไปเรียนต่อปริญญาเอกตามที่ใฝ่ฝันไว้อีกด้วย และแล้วจังหวะชีวิตของเขาก็สะดุด

 

เพราะ 'คีธ' เพื่อนสนิทที่อยู่ด้วยกันมาเกือบ 10 ปี เปิดเผยความลับที่ว่าแท้จริงแล้ว 'คีธเป็นแมว' ออกมาได้อย่างหน้าตาเฉย 

 

ถึงยูจะไม่เคยเลี้ยงแมวมาก่อน แต่เขามั่นใจว่าตัวเองเป็นทาสแมวตัวยง

 

แสดงว่าหลังจากนี้... เขาก็จะได้เลี้ยงแมวสมใจแล้วน่ะสิ (?)

 

 

 


 

พูดคุยก่อนอ่าน 

 

นิยายเรื่องนี้อยู่ในจักรวาลของเซต #ความลับตระกูลครอสโซ่ โดยแบ่งเป็นเรื่องราวของพี่น้องตระกูลครอสโซ่

 

เริ่มต้นด้วยเรื่อง #ความลับของทาสแมว ที่มีพระเอกอย่าง 'คีธ' น้องชายคนเล็กของบรรดาพี่น้องในตระกูล ที่หนีวังมาใช้ชีวิตสโลว์ไลฟ์กับเพื่อนสนิทถึงชนบทอันห่างไกล

 

แน่นอนว่า สามารถอ่านแยกกันได้โดยไร้ปัญหาค่ะ (ღ´◡`ღ)

 

อนึ่งนิยายที่ลงในเว็บยังไม่ผ่านการจัดหน้าและพิสูจน์อักษรนะคะ ถ้าเปิดขาย E-Book แล้วจะดำเนินการทำรูปเล่มให้เรียบร้อยแน่นอนค่ะ

 

.

.

.

 

ติดตามข่าวสาร หรือพูดคุยกันได้ทาง...

 

แฮชแท็กทวิตเตอร์ #ความลับของทาสแมว

Writer : Ambersweet_XIX

Artist : buttér 

(นักเขียนมือใหม่+นักวาดมือใหม่ จับมือกันเดบิวต์ผลงานชิ้นแรก ขอบคุณคุณบัตเตอร์มาก ๆ ที่วาดภาพปกสุดแสนน่ารักออกมานะคะ)

Typography : ณะเอย

(ขอบคุณเพื่อนที่ทำไทโปให้ตามบรีฟเลย ซาบซึ้งใจมากๆ)

.

.

.

 

E N J O Y   R E A D I N G

 

;)

 

A m b e r s w e e t _ X I X

 

สารบัญ

Keith's Love ความลับของทาสแมว | Omegaverse-คุยกันก่อนอ่าน ข้อมูล Setting ใน #ความลับของทาสแมว,Keith's Love ความลับของทาสแมว | Omegaverse-บทนำ ความลับ,Keith's Love ความลับของทาสแมว | Omegaverse-ตอนที่ 1 ความลับเพียงเอื้อมมือ,Keith's Love ความลับของทาสแมว | Omegaverse-ตอนที่ 2 ใกล้ชิดอีกนิด,Keith's Love ความลับของทาสแมว | Omegaverse-ตอนที่ 3 ทำไมถึงหวานขนาดนั้น?,Keith's Love ความลับของทาสแมว | Omegaverse-ตอนที่ 4 ทีใครทีมัน,Keith's Love ความลับของทาสแมว | Omegaverse-ตอนที่ 5 ขมปนหวาน,Keith's Love ความลับของทาสแมว | Omegaverse-ตอนที่ 6 เป็นเพราะฝน,Keith's Love ความลับของทาสแมว | Omegaverse-ตอนที่ 7 ฟ้าหลังฝนเป็นสีเทาเสมอ,Keith's Love ความลับของทาสแมว | Omegaverse-ตอนที่ 8 แววตาที่ไม่เคยเปลี่ยน

เนื้อหา

ตอนที่ 7 ฟ้าหลังฝนเป็นสีเทาเสมอ

E N J O Y R E A D I N G

 

;)

 

-----------------------------------------------------

“อย่าบอกนะว่า เจ้าตัวน้อยแสนอัปลักษณ์นั่นที่ฉันเจอในวันเปิดเทอมคือนายน่ะ” คนถามเบิกตากว้าง น้ำเสียงมีความจริงจังสองส่วน มีสามส่วนแสดงออกถึงความเหลือเชื่อ และอีกห้าส่วนคือความมั่นใจเต็มเปี่ยม

 

“อัปลักษณ์ตรงไหน!” คีธเงยหน้าขึ้นทันควัน หางเสียงของเขาสะบัดไม่น้อย “นายพูดเองไม่ใช่เหรอว่าน่ารักน่ะ” อุ้งมือมารบิดเอวของเขาอย่างแรงจนเขาสะดุ้งโหยง รีบบิดตัวหลบเป็นพัลวัน

 

“พูดแล้วห้ามกลับคำสิ เข้าใจไหม” ทั้งสองคนวิ่งไล่กันไปมาในห้อง ความเศร้าหมองในใจของคีธถูกพายุอารมณ์ที่ปั่นป่วนไปมาซัดหายไปไกลลิบ

 

“โอ๊ยๆ พอได้แล้ว” ยูลูบเอวป้อยๆ ส่งสายตาที่เต็มไปด้วยความขุ่นเคืองแกมขบขันกลับไปเป็นการท้าทาย “ก็พูดความจริงนี่นา”

 

ตอนนั้นแมวน้อยตัวเล็กนิดเดียว ด้วยความที่มีขนสีเทาสั้นเตียน พอเนื้อตัวเปียกฝนม่อล่อกม่อแล่กแล้ว มองผ่านๆ ก็ดูคล้ายหนูท่ออยู่บ้าง แบบนี้แล้วจะไม่อัปลักษณ์ได้อย่างไร

 

ยูก็ถือว่าเป็นคนซื่อตรงคนหนึ่ง จึงเอ่ยอธิบายอย่างใจกว้าง “ตอนนั้นนายตัวเท่านี้ พอเปียกน้ำแล้วตัวก็หดเหลือเท่านี้ สภาพดูไม่ได้เหมือนพวกหนูท่อเลยนะฉันว่า” เขากลั้นยิ้มอย่างยากลำบาก ใช้สองมือทำท่าทางประกอบอย่างจริงจัง พยายามสื่อความหมายให้คีธเข้าใจถึงมุมมองของเขาในตอนนั้นอย่างชัดเจนที่สุด

 

“เหอะๆ พวกหน้าไหว้หลังหลอก เพ้อเจ้อเกินจริง” น้ำเสียงของคีธสูงขึ้นอีกระดับ ดูก็รู้ว่าอยากเถียงแทบขาดใจ แต่ความจริงคีธก็น่าจะหาเหตุผลมาปฏิเสธสิ่งที่เขาพูดออกมาไม่ได้ใช่ไหม

 

“ก็ตอนนั้นอยากเล่นด้วยไง เลยชมว่าน่ารักไว้ก่อนเป็นการหลอกล่อ เรื่องแค่นี้ไม่เข้าใจเหรอ” หลังจากวันเปิดเทอม ยูก็มักจะไปวนเวียนอยู่แถวโรงเพาะชำอยู่บ่อยๆ รอคอยเจ้าแมวน้อยในวันนั้น เผื่อว่าจะได้เล่นด้วยกันอีกครั้ง

 

“เอาน่า ตอนนั้นก็น่ารักอยู่หรอก ไม่เห็นต้องคิดเป็นจริงเป็นจังเลย” ช่วงแรกๆ คีธในร่างแมวก็มาให้เห็นอยู่บ้าง แต่ไม่เคยยอมให้เขาแตะตัวเลยสักครั้ง พอเรียกและเอ่ยชมบ่อยๆ เจ้าแมวน้อยก็ยอมให้เขาลูบแล้ว เรื่องง่ายดายแค่เอ่ยชม พูดคุยด้วยบ่อยๆ เขาจะไม่ได้ทำอย่างไร

 

“ช่างเป็นแมวน้อยที่ใส่ซื่อจริง ๆ ฮ่า ๆๆ”

 

‘คนใสซื่อ’ มองเขาตาขวาง หัวเสียสุดๆ ชนิดที่ว่าถ้าอยู่ในร่างแมวคงจะตาชี้ ขนชัน โก่งตัว ร้องขู่ และกระโจนใส่เขาเพื่อเอาเรื่องแล้ว

 

“ฮึ ต่อไปในไม่ต้องมายุ่งกับฉันอีก” ยูถูกดันตัวออกจากห้อง จากนั้นประตูห้องนอนของคีธก็ปิดใส่หน้าเขาอย่างเงียบเชียบ ขวางกั้นน้ำเสียงหยอกล้อที่ทำให้หงุดหงิดไว้เบื้องหลัง

 

ดูท่าแมวน้อยคงงอนแล้ว

 

งอนแบบ 360 องศา

 

โอเมก้าหนุ่มขบขันเล็กน้อย เผยรอยยิ้มซุกซนที่ไม่มีใครมองเห็น เขาเคาะประตูเบาๆ “ได้สิ เดี๋ยวมื้อเย็นฉันจะทำเอาไว้ให้นะ” ยูพูดทิ้งท้ายไว้แล้วเดินจากไปอย่างอารมณ์ดี

 

คีธนั่งคุดคู้อยู่ที่เดิมตรงริมหน้าต่าง หูและหางของแมวที่เก็บเอาไว้ปรากฏออกมาเพื่อใช้ประโยชน์ เขาตั้งใจฟังความเคลื่อนไหวของคนนอกห้อง

 

ใบหูของคีธกระดิกไปมาเป็นระยะ รู้สึกว่าเสียงฝนข้างนอกที่ตัวเองได้ยินชัดเจนกว่าปกตินั้นน่ารำคาญใจถึงขีดสุด ความหงุดหงิดงุ่นง่านในใจกระจายตัวไปรอบห้อง

 

“ก็บอกว่าไม่ต้องมายุ่งไง ยังจะพูดถึงมื้อเย็นอะไรอีก” ปากเล็ก ๆ ก็บ่นกระปอดกระแปดถึงใครอีกคนที่กล่าวหาว่า เขาอัปลักษณ์

เมื่อรู้ว่ายูเดินไปไกลแล้วใจก็ห่อเหี่ยวเล็กน้อยที่ยูไม่กลับเข้ามาอีก เขาไม่ได้ล็อกประตูห้องสักหน่อย แถมยังไม่ได้ปิดประตูดังปังใส่หน้าด้วยซ้ำชายหนุ่มจับหางยาว ๆ ของตัวเองขึ้นมาลูบคลำ เพ่งพิศอย่างจริงจัง

 

ขนสีเทาสม่ำเสมอ เรียบลื่น เงางาม ราวผ้ากำมะหยี่

 

พี่ชายคนโตของเขาเกิดมาพร้อมกับขนสีขาวสะอาดบริสุทธิ์ อ่อนน้อมถ่อมตนแต่ทำให้ผู้คนเคารพนับถือได้ ใครต่อใครก็ยกย่องชื่นชมว่า สีขาวก่อเกิดสันติภาพและความสงบสุข นำพาความสถิตสถาพรมาสู่ตระกูล

พี่ชายคนรองมีขนสีดำสนิท เต็มไปด้วยอำนาจและแรงดึงดูด มีความซับซ้อนและลึกลับ ไม่ทิ้งความหรูหราอันเข้ากับฐานะของตระกูล

 

ส่วนสีเทาของเขาคือศักดิ์ศรี ด้วยเป็นกลางที่ความเสถียรจึงสามารถส่งเสริมและสนับสนุนผู้อื่นได้อย่างเต็มที่ ถือเป็นรากฐานและเป็นความมั่นคงของตระกูล

 

และเมื่อโลกใบนี้อัลฟ่าคือจุดสูงสุดของห่วงโซ่อาหาร ตามกฎของธรรมชาติทำให้เขาเกิดมาพร้อมร่างกายและสติปัญญาที่ดีเหนือกว่าคนทั่วไป อีกทั้งเขายังเพียบพร้อมด้วยฐานะและชาติตระกูล

 

แต่ไม่รู้ว่าทำไมเมื่อทุกสิ่งทุกอย่างของเขามาอยู่ตรงหน้ายูแล้ว สิ่งเหล่านั้นกลายเป็นเรื่องธรรมดาสามัญอย่างหนึ่ง

 

มันไม่ได้ไร้ค่า แต่มันแค่ธรรมดาในสายตาของยู ไม่สามารถดึงดูดให้นึกสนใจได้ เหมือนกับเขาตอนนี้ที่เป็นแค่แมวสีเทา มีสีขนดูเก่าๆ เหมือนหนูท่อตัวหนึ่ง

 

เขาทิ้งหางของตัวเองลงพื้นอย่างไม่ไยดี นัยน์ตาคมกริบมองออกไปนอกหน้าต่าง มองเห็นท้องฟ้าเป็นสีเทาอึมครึมก็ยิ่งรู้สึกขัดหูขัดตา ลืมแม้กระทั่งว่าตัวเองกลัวเวลาฝนตกมากแค่ไหน ตอนนี้เขารู้เพียงว่าอยากฉีกกระชากท้องฟ้านั่นออกไปให้พ้นหน้า

 

เสียงเคาะประตูสองสามครั้งดังขึ้นราวกับกำลังเคาะลงในใจของเขา คีธเงี่ยหูฟัง ยืดตัวขึ้นนั่งหลังตรงโดยอัตโนมัติ เขาเชิดหน้าขึ้นอย่างเย่อหยิ่งมองตรงไปนอกหน้าต่าง ไม่แม้แต่จะปรายตามองเลยด้วยซ้ำ

 

“ทำไมมานั่งอยู่ตรงนี้อีกแล้วล่ะ” อย่าบอกนะว่าที่เขาอุตส่าห์แกล้งหยอกให้โมโห เพื่อเบี่ยงเบนความสนใจของคีธจากเรื่องน่าเศร้าในอดีตจะไร้ผล ยูยังไม่ทันได้มองคีธให้ชัดเจน รู้แค่ว่าคีธกลับไปนั่งตรงนั้นอีกแล้วนี่ช่างทรมานตัวเองเก่งจริงๆ เขาเริ่มจนปัญญานิดๆ ไม่รู้ว่าจะช่วยให้คีธคลายความหวาดกลัวและความเศร้าในใจลงได้อย่างไร

 

ยูวางถาดอาหารที่ยกมาไว้ที่โต๊ะ ใช้เสียงหวานเอ่ยเรียกโดยไม่เงยหน้าว่า “เหมียว เหมียว เหมียว มากินข้าวเร็วลูกรัก”

 

หางยาวสีเทาสะบัดเล็กน้อย เป็นสัญญาณว่าเริ่มเกิดความสนใจแล้ว แต่คีธยังนั่งนิ่ง ไม่พูดไม่จา ไม่มองมาเลยสักนิด

 

ที่หางตาของยูเห็นบางอย่างเคลื่อนที่เบา ๆ เขานึกว่าตัวเองตาฝาด มองเห็นอะไรไม่ชัด จึงเงยหน้าหันไปมองให้เต็มตา ภาพตรงหน้าคือชายหนุ่มรูปงามท่าทางเย็นชา นั่งหูตั้งหลังตรงอย่างสง่างาม เสียอย่างเดียวคือหางของเขาขยับไปมาดึงดูดสายตาคนมองให้เสียสมาธิ

 

หางนั้นสะบัดอย่างชดช้อย กวาดไล้หัวใจของเขาแผ่วเบา ราวกับกำลังเรียกร้องความสนใจ

 

หัวใจของยูเต้นกระหน่ำโดยไม่มีสาเหตุ เขาเดินเข้าไปใกล้โดยไม่เป็นตัวของตัวเอง สายตามัวแต่จับจ้องสิ่งอ่อนนุ่มสีเทาที่เขาอยากคว้ามาครอง

 

“เก็บของออกไป ไม่อยากกิน ส่วนนายก็ออกไปด้วย” ทั้งคู่สบตากัน ดวงตาสีทองวาวโรจน์เล็กน้อย ไม่ถึงกับขู่ขวัญคนจนน่ากลัว แต่ก็ให้ความรู้สึกตัวเกร็งอย่างบอกไม่ถูก จู่ๆ ยูก็รู้สึกเหมือนตัวเองทำอะไรผิดไป เขาเอ่ยอย่างแข็งทื่อว่า “กินมื้อเย็นสักหน่อยนะคีธ ฉันตั้งใจทำเลยนะ กินแล้ววางไว้หน้าห้อง เดี๋ยวจะมาเก็บ” จบคำก็หันหลังเดินจากไป

 

สำหรับยูแล้ว เขาไม่ถือสาคำพูดเย็นชาแบบนั้นเลยแม้แต่น้อย ไม่ว่าใครก็ต้องการระยะห่างที่ตัวเองพึงพอใจ คีธอยากได้แบบไหน เขาก็จัดให้ตามนั้น เก็บซ่อนความห่วงใยเอาไว้ แล้วทำสิ่งที่ตัวเองทำได้อย่างไม่เกินขอบเขตก็พอแล้ว

 

คีธมองส่งยูออกจากห้อง เขาลุกขึ้นมาดูอาหารที่ยู ‘ตั้งใจทำ’ มันคือแซนด์วิชทูน่า ซุปข้าวโพด และชาผลไม้ แต่ละอย่างล้วนเป็นเมนูยอดฮิตที่ทำได้ง่ายแสนง่าย ชายหนุ่มมองเซตอาหารที่ไม่ค่อยเข้ากันแล้วก็หัวเราะเสียงดัง ทั้งอ่อนใจทั้งขบขัน เขาจะไปคาดหวังอะไรจากยูได้ ในเมื่อก็รู้ดีอยู่แล้วว่า ยูทำอาหารแทบนับครั้งได้ เท่านี้ก็ถือว่ามีความตั้งใจแล้ว

 

แซนด์วิชทูน่าสำหรับแมว ซุปข้าวโพดส่งเสริมให้อาหารอยู่ท้อง เพิ่มความอบอุ่นให้ร่างกาย ส่วนชาผลไม้ทำให้สดชื่นผ่อนคลาย

 

เมื่อฝนซา มื้อเย็นก็จบลงด้วยความพึงพอใจ อัลฟ่าเจ้าอารมณ์ถูกอาหารไม่กี่อย่างทำให้อารมณ์ดีขึ้นเป็นกอง ท้องฟ้าข้างนอกยังเป็นสีเทาเหมือนเดิม แต่ในสายตาของเขามันกลับสว่างไสวเป็นพิเศษ

 

พอคนเราเบิกบานใจก็ไม่อยากอุดอู้อยู่ในห้อง เขายกถาดอาหารออกจากห้อง เดินลงไปชั้นล่าง ล้างทำความสะอาดและเก็บเครื่องครัวเรียบร้อย ผ่านไปไม่นานฟ้าก็มืดแล้ว ยูที่ตั้งใจจะเดินมาเก็บถาดอาหารเห็นชั้นล่างของบ้านมีคนอยู่พอดี ก็รู้ว่าแมวน้อยเลิกหมดอาลัยตายอยากแล้ว

 

“เป็นไง อร่อยเลิศเลยใช่ไหม” ยูยิ้มแฉ่ง เอ่ยถามอย่างได้ใจ พอชายหนุ่มอีกคนไม่ตอบ เขาก็คอยป้วนเปี้ยนก่อกวนอยู่ใกล้ๆ

 

คีธมองยูเดินวนไปเวียนมาอยู่รอบตัวก็รู้สึกตาลาย “ไปนั่งตรงนู้นไป อย่ามากวน”

 

“ก็ได้ เวฟป๊อปคอร์นมาด้วยสิ ดูหนังกัน” ยูเดินไปเปิดโทรทัศน์จอใหญ่ มือหนึ่งถือรีโมตกดเลือกหนังที่จะดู อีกมือกอดหมอนใบหนึ่งเอาไว้ ปากก็เอ่ยสำทับ “เอารสคาราเมลนะ”

 

“ตามใจ”

 

ห้องนั่งเล่นอบอวลไปด้วยกลิ่นหอมเนยและคาราเมล ผมสีน้ำตาลอ่อนสะบัดไปมาตามจังหวะการหันซ้ายแลขวา ยูเริ่มอยู่ไม่สุขเพราะกลิ่นป๊อปคอร์นที่ชวนน้ำลายสอ นัยน์ตาสีเดียวกันกับเส้นผมสะท้อนภาพโปสเตอร์ของภาพยนตร์หลากหลายเรื่อง กวาดสายตามองไปเรื่อยๆ จนพบกับภาพยนตร์แอนิเมชันเรื่องหนึ่งเข้าอย่างพอดี เขาชะงักเล็กน้อยก่อนจะเหลือบมองคนที่ยังอยู่ในครัว

 

“มีอะไรก็ว่ามา”

 

ยูตกใจเล็กน้อย ชะโงกหน้าไปมองแผ่นหลังของคีธให้ชัด ๆ ว่ามีตาดวงที่สามเพิ่มขึ้นมาหรือไม่

 

เขาถามพลางเลือกเรื่องที่น่าสนใจเก็บไว้ในใจ “อยากดูเรื่องอะไร”

 

คีธเดินยกชามแก้วใส่ป๊อปคอร์นออกมาวางไว้บนโต๊ะเล็กๆ หน้าโซฟา ทั้งสองคนจ้องตากันอยู่ครู่หนึ่ง ครุ่นคิดอยู่นานก็ยังไม่ได้คำตอบ

 

สำหรับคีธแล้ว ในเวลากลางคืนมีแค่การนอนเท่านั้นที่น่าสนใจที่สุด “ดูอะไรก็ได้” คนตอบส่ายหัวไปมาประกอบคำพูด เขาทิ้งตัวนอนเอกเขนกลงไปกับโซฟาที่แสนนุ่มนิ่ม แทบอยากจะกลายร่างเป็นแมวนอนซุกลงไปตรงซอกมุมของโซฟา

 

“ไม่มีคำว่าอะไรก็ได้” ใครบางคนพูดเสียงขรึมเสียจนคนฟังใจแป้ว คีธสลัดความขี้เกียจทิ้ง เด้งตัวขึ้นมานั่งตั้งหน้าตั้งตาเลือกหนังเรื่องที่อยากดูอย่างว่าง่าย ยู่หน้าเล็กน้อยโดยไม่รู้ตัว ยูถึงได้รู้สึกตัวว่าเผลอทำให้คีธเข้าใจผิดขึ้นมาซะแล้ว “อย่าทำหน้าแบบนั้น ไม่ได้ดุสักหน่อย”

 

“ถ้าไม่ดุก็เลือกเลย อยากดูเรื่องอะไรก็ตามนั้น”

 

“เรื่องนั้นเป็นไง” ยูยิ้มน้อย ๆ ก่อนจะชี้ไปที่โปสเตอร์สีเหลืองสดใส

 

คีธเงยหน้าขึ้น มองตามปลายนิ้วของยูไปพร้อม ๆ รอยยิ้มกว้างที่ตามมา “อื้อ ดูเรื่องนี้แหละ” เขาเอนตัวลงนอนไหลไปตามส่วนเว้าโค้งของหมอนที่วางพิงอยู่บนโซฟา

 

ใบหน้าเปี่ยมสุขตอนได้นอนของคีธในตอนนี้ เรียกได้ว่าเหมือนแมวมากถึงมากที่สุด ขาดก็แต่กลับคืนร่างเดิมเท่านั้น

 

โดยที่ไม่ทันได้ไตร่ตรอง ฝ่ามือของยูก็ยื่นไปลูบกลุ่มผมนุ่มนิ่มนั้นด้วยความเอ็นดู เมื่อดวงตาสองคู่ประสานกัน คนหนึ่งร่างกายแข็งทื่อ ส่วนอีกคนก็ชะงักมือค้างไว้ที่กลางอากาศ ยูรู้สึกเก้อเขินขึ้นมาทันที สายตาที่คีธมองมาทำให้เขารู้สึกว่า ตัวเองกำลังทำเรื่องไม่ดี แล้วถูกจับได้คาหนังคาเขา!

 

“ทะ โทษที มีบางอย่างติดผม เลยเอาออกให้” ยูกระแอมเบา ๆ ทำทีตั้งใจดูโฆษณาที่กำลังฉาย ไม่กล้ามองปฏิกิริยาของคนข้างกายเลยสักนิด

 

โกหก! เมื่อกี้ยูตั้งใจลูบชัดๆ เลยไม่ใช่เหรอ

 

คีธไม่ได้ละสายตาจากไปจึงสังเกตเห็นว่า โอเมก้าที่ชอบเก๊กทำเป็นไม่รู้ร้อนรู้หนาวเริ่มเสียอาการจนหน้าแดง ต่างจากปกติที่มักจะเฉยชา เห็นทุกอย่างเป็นเรื่องธรรมดา ไม่หือไม่อือกับอะไรทั้งนั้น ยิ่งคิดหัวใจก็ยิ่งพองโต หรือว่ายูเองก็ไม่ได้ดูเรียบเฉยอย่างที่แสดงออก?

 

ซาวน์ของหนังดังขึ้นเคล้าเสียงดนตรีที่ชวนให้กล้ามเนื้อในอกเต้นระรัวด้วยความตื่นเต้น แต่ทั้งสองคนกลับไม่มีสมาธิจะสนใจเสียงดนตรีอันไพเราะนั้นเลยสักนิด


ข้อความจากนักเขียน

ยุเน่าจะเคยได้ยินรุ่นพี่ที่โรงเรียนคุยกันว่า ถ้าชอบใครให้แกล้งคนนี้ 

นิสัยไม่ดีเลยเนาะ เด็กๆ อย่าทำตามนะ ไม่ดี ไม่ดี