คู่รักที่เลิกกันไปหลายปีได้กลับมาเจอกันอีกครั้งในที่คาดไม่ถึง
ดราม่า,ชาย-หญิง,ไทย,,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
หนีสามีเด็กบทที่ ๑
ซ่า ซ่า ซ่า ซ่า ฝนเทลงมาอย่างหนักตั้งแต่เช้าจนถึงเที่ยงก็ไม่มีทีท่าว่าจะหยุดทำให้หลายคนเดินทางไปทำงานอย่างยากลำบาก
" เห้อ ~ เมื่อไหร่ฝนจะหยุกตกซะทีนะ "
เจ๊ไก่นั่งบ่นพึมพำตรงโต๊ะหินอ่อนหลังร้านเธอนั่งมองหยดฝนที่แทลงมาอย่างไม่ขาดสาย
" เจ๊มานั่งถ่ายเอวีอะไรอยู่ตรงนี้ "
" ว้าย!!ปิ่นตกใจหมดเลย " เจ็ไก่ร้องอุทานออกด้วยความตกใจ
" ฮ่า ฮ่า ฮ่า เจ๊ขวัญอ่อนจริงๆเลยนะคะ
ปิ่นหัวเราะออกมาอย่างสะใจที่เขาสามารถทำให้ผู้เป็นนายตัวเองตกใจได้เจ๊ไก่มองลูกน้องของตัวเองที่ยืนหัวเราะเขาอยู่ก่อนจะเอ่ยถามขึ้น
" เล่นเป็นเด็กไปได้ ปิ่นแกทำงานกับฉันมากี่ปีแล้วว่ะ
เจ๊ไก่เอ่ยถามปิ่นที่กำลังยืนหัวเราะอยู่หน้าประตูปิ่นหยุดหัวเราะก่อนจะเอ่ยตอบ
" ปีนี้ก็ปีที่4แล้วเจ๊ถามทำไมจะขึ้นเงินเดือนให้หรือไง
ปิ่นมองหน้าผู้เป็นนายอย่างเจ๊ไก่ด้วยความสงสัยด้านเจ๊ไก่ถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ก่อนจะกวักมือเรียกให้ปิ่นมานั่งข้างๆปิ่นเดินไปนั่งด้วยความมึนงงเจ๊ไก่ล้วนมือเข้าไปในกระเป๋าที่ติดกับผ้ากันเปื้อนก่อนจะหยิบซองสีขาวออกมาแล้วยื่นให้กับปิ่นที่นั่งมองตาปริบๆ
" นี่มันอะไรเจ๊ " ปิ่นถามด้วยความสงสัย
" รับไปเถอะน่า " เจ๊ไก่เอาซองสีขาวที่เขาถืออยู่ใส่ในมือของปิ่นก่อนจะลุกเดินกลับเข้าร้านไป
ปิ่นมองตามหลังผู้เป็นนายที่ลุกเดินกลับเข้าร้านด้วยสีหน้ามึนงง หลังจากที่เจ๊ไก่เดินหายเข้าไปในร้าน ปิ่นก็ได้หยิบซองที่ผู้เป็นนายเอาใส่ในมือเขาขึ้นมาดูก่อนจะฉีดซองออกเมื่อเขาเห็นสิ่งที่อยู่ข้างในซองเขาก็รีบลุกวิ่งตามผู้เป็นนายเข้าไปในร้าน
" เจ๊นี่มันอะไรกัน " ปิ่นชูซองสีขาวที่ข้างในบรรจุธนบัตรจำนวนหนึ่งขึ้นมา
" นี่เจ๊จะไล่ปิ่นออกเหรอเจ๊ทำแบบนี้ไม่ได้นะถ้าเจ๊ไล่ปิ่นออกใครจะเป็นคนทำอาหารใครจะไล่ให้เจ๊ไปล้างถ้วยกันล่ะ
ปิ่นที่คิดว่าตัวเองนั้นจะถูกไล่ออกเขาก็รีบหาข้ออ้างพันแปดขึ้นมาเพื่อไม่ให้ผู้เป็นนายไล่เขาออก
" ใช่เงินนี้จะเป็นเงินก้อนสุดท้ายของเธอเพราะต่อจากนี้ฉันจะเลิกจ้างเธอแล้วปิ่น
เจ๊ไก่เมื่อเห็นลูกจ้างอย่างปิ่นร้อนรนเขาก็นึกอยากแกล้งขึ้นมาด้านปิ่นเมื่อได้ยินอย่างนั้นสีหน้าของเขาเจื่อนลงอย่างเห็นได้ชัดเจ๊ไก่ที่เห็นสีหน้าสลดใจของปิ่นเขารู้สึกสะใจที่สามารถแกล้งปิ่นได้เพราะที่พามาเขาถูกปิ่นใช้งานอย่างกับทาส
" ฮ่า ฮ่า ฮ่า เจ๊ลืมไปแล้วหรือว่าเจ๊ทำอาหารไม่เป็นถ้าร้านนี้ขาดหนูไปร้านเจ๊ก็ไปไม่รอดแล้วอีกอย่างหนูก็ไม่ออกหนูจะทำงานที่นี่ถ้าต้องมีคนออกเจ๊นั้นแหละออกไปเลย
เจ๊ไก่ที่กำลำงหัวเราะอย่างสะใจเขาก็ต้องหยุดเมื่ออีกฝ่ายพูดคำพูดที่ทำร้ายจิตใจของเขาเจ๊ไก่ถึงเธอจะเป็นเจ้าของร้านแต่เธอก็ทำอาหารไม่เป็นหน้าที่ในการทำอาหารจึงตกเป็นของปิ่นส่วนเขาเป็นเด็กล้างถ้วยในร้านของตัวเอง
" หึ ~ ถึงฉันจะไล่แกออกแต่ฉันก็หาคนใหม่มาได้ "
เจ๊ไก่ยังไม่หยุดที่จะแกล้งอีกฝ่ายด้านปิ่นเมื่อได้ยินผู้เป็นนายจะไล่เขาออกและจ้างคนใหม่มาแทเขาทำสีหน้า เลิ่กลั่กเจ๊ไก่เมื่อเห็นสีหน้าเลิ่กลั่กของอีกฝ่ายเขาก็ระเบิดหัวเราะออกมา
" ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฮ่า ปิ่นหน้าแกมันตลกมากเลยอ่า "
เจ๊ไก่ยังคงหัวเราะไม่หยุดเขาไม่คิดว่าลูกน้องที่เอาแต่จิกหัวใช้เขาล้างถ้วยจานจะใสซื่อขนาดนี้ปิ่นทำหน้าเศร้าจ้องมองผู้นายที่ยืนหัวเราะอยู่ ด้านเจ๊ไก่เมื่อเขาแกล้งจนพอใจแล้วเขาจึกได้บอกความจริงกับอีกฝ่าย
ว่าตัวเขานั้นไม่ได้จะไล่ปิ่นออกส่วนเงินนั้นก็เป็นเงินเดือนกับโบนัสที่เขาให้ ปิ่นที่ได้ยินอย่างนั้นเขาก็ยิ้นออกมาทันทีเขาโล่อกที่ไม่โดนไล่ออกปิ่นเดินเข้าไปกอดผู้เป็นนายก่อนจะหอมแก้มไปทีนึงด้วยความดีใจด้านเจ๊ไก่ก็ไม่ได้ตกใจหรือว่าอะไรเพราะตัวเขาเองนั้นโดนบ่อยจนชินไปแล้ว
" อ่อจริงสิ ปิ่นหลังเลิกงานแกต้องไปบ้านพ่อกำนันใช่ไหม
" ใช่ค่ะพ่อกำนันเรียกให้หนูไปใส่ปุ๋ยแทนตาโชค ค่ะเห็นบอกว่าตาแกไม่สบายว่าแต่เจ๊ถามทำไมเจ๊อยากไปด้วยหรือ
ปิ่นเอ่ยถามผู้เป็นนายเพราะเขาคิดว่าอีกฝ่ายนั้นจะไปด้วยปกติแล้วเจ๊ไก่ก็มักจะไปเที่ยวบ้านกำนันอยู่บ่อยๆเพราะเมียของกำนันกับเจ๊ไก่ทั้งสองเป็นเพื่อนสนิทกัน
" วันนี้ฉันติดธุระคงไปไม่ได้ฉันฝากแกเอาอันนี้ไปให้จันหน่อยนะ
เจ๊ไก่หยิบซองสีชมพูออกมาจะกระเป๋าก่อนจะยื่นให้กับปิ่นใจจริงเขาก็อยากไปให้ด้วยตัวเองแต่ติดที่ว่าตัวเขาเองนั้นต้องไปทำธุระต่างหมู่บ้านปิ่นมองดูซองในมือด้วยความสงสัยแต่เขาก็ไม่ได้ถามอะไรออกไปเขาเก็บซองนั้นใส่กระเป๋าก่อนจะขอตัวไปทำงานเพราะมีลูกค้าเข้าร้าน
16 : 25
หลังจากที่เขาเก็บของทำความสะอาดในร้านจนเสร็จเขาก็ได้ขอตัวกลับปิ่นยกมือไหว้เจ๊ไก่ก่อนจะขับรถเครื่องคันโปรดออกไปด้านเจ๊ไก่เองหลังจากที่ปิ่นกลับไปแล้วเขาก็ได้ปิดร้านก่อนจะเดินไปที่รถและขับออกไปทั้งคู่ขับไปคนละทางเพื่อไปยังที่หมายของตัวเอง
สองข้างทางที่มีแต่ทุ่งนาปิ่นโบกมือทักทายชาวบ้านที่เหน็ดเหนื่อยจากการทำนากำลังนั่งพักกินน้ำกันอยู่พร้อมกับร้องเพลงอย่างมีความสุขทำให้ชาวบ้านที่พบเห็นต่างพากันอมยิ้มอย่างเอ็มดู
" เป็นอะไรของเขาดูมีความสุขจัง ฮ่าๆ " หลังจากสิ้นเสียงของชาวบ้านคนนั้นทุกคนต่างพากันหัวเราะออกมา
ปิ่นเป็นเด็กดีขยันและกตัญญูไม่เคยทำให้ใครเดือดร้อนเวลามีงานในหมู่บ้านปิ่นก็มักจะไปช่วยอยู่เสมอนั้นจึงทำให้ทุกคนในหมู่บ้านพากันเอ็มดูปิ่น
บรื้อ ~ ปิ่นขับรถไปจอดใต้ต้นมะขามก่อนจะเดินเข้าไปในเขตบ้านและตะโกนเรียกพ่อกำนัน
" พ่อกำนันจ๊ะพ่อกำนันอยู่ไหมจ๊ะ " หลังจากสิ้นเสียงของปิ่นชายสูงวัยได้เดินออกมาจากบ้าน
" เอ่ออยู่ๆรอแป๊บนึง " ด้านกำนันที่กำลังนั่งคุยกับเมียอยู่ในบ้านเมื่อได้ยินเสียงมีคนเรียกตนจึงได้ออกมาดูว่าใครกันพอเห็นเจ้าของเสียงเขากลับเข้าไปหยิบกุญแจก่อนจะเดินลงไปหาคนที่ยืนรออยู่
" เอ็งรู้ใช่ไหมว่าต้องทำอะไรบ้าง " เมื่อเดินลงมาถึงกำนันก็รีบเอ่ยถามอีกฝ่าย
" รู้ค่ะใส่ปุ๋ยและรดน้ำแปลงผักกับสวนดอกไม้ใช่ไหมจ๊ะ
ด้านกำนันเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายรู้หน้าที่ของตัวเองเขาจึงได้ยื่นกุญแจให้ ปิ่นเมื่อได้กุญแจมาแล้วเขาก็ได้ขอตัวไปทำงานเพราะกลัวจะมืดค่ำซะก่อนสวนของกำนันอยู่ห่างออกจากหมู่บ้านไม่ไกลมากขับรถราวๆ สามสิบ นาทีก็ถึง
" โอ๊ยน้อฝนจะมาตกอะไรตอนนี้เนี่ย!!! "
ทันทีที่เขาขับเข้ามาในป่ามันสําปะหลังฝนก็ได้แทลงมาปิ่นได้ลดความเร็วรถลงเพราะฝนตกหนักมากทำให้มองไม่ค่อยเห็นทางแต่พอเขาเข้ามาในเขตสวนของกำนันฝนก็ได้หยุดตก
" อ้าวหยุดซะแล้วดีนะที่ใส่เสื้อกันหนาวมาด้วยไม่งั้นได้หนาวตายแน่รีบไปทำงานดีกว่าจะได้รีบกลับไปอาบน้ำ
หลังจากที่เขาจอดรถไว้ใต้ต้นมะม่วงเขาก็รีบเดินตรงไปทางบ้านไม้เล็กๆที่กำนันใช้เป็นห้องเก็บของเพื่อไปเอาอุปกรณ์ในการทำงาน แกร๊ก ปัง
" แค่ก แค่ก โหทำไมฝุ่นเยอะขนาดนี้เนี่ย แค่ก "
ปิ่นใช้มือปิดจมูกกับปากก่อนจะเดินเข้าไปหยิบถุงปุ๋ยที่อยู่ด้านในสุดถึงจะใช้มือปิดเอาไว้แต่มันก็ยังทำให้เขาไอไม่หยุดเพราะมันมีทั้งกลิ่นอับชื้นและฝุ่นละอองเต็มไปหมด ครืด ครืด เขาลากถุงปุ๋ยออกมาก่อนจะปิดประตู
" โอ๊ยทำไมฉันถึงต้องมาทำอะไรแบบนี้ด้วยเนี่ยเมื่อไหร่จะได้เป็นคุณนายเหมือนคนอื่นเขาบ้างซื้อหวยก็ถูกกินอย่างเดียวคนสวยเซ่งชิบ
ทางด้านบ้านกำนันที่ในขณะนี้ทุกคนกำลังวุ่นวายกับการเตรียมอาหารเย็นมื้อใหญ่กันเพราะคนสำคัญของบ้านจะกลับมาในรอบ8ปีญาติพี่น้องต่างพากันดีใจโดยเฉพาะกำนันไผ่กับแม่สีนวลผู้เป็นพ่อกับแม่
" บักภพเอ็งรีบไปเอาอาหารมาจัดเตรียมไว้เลยลูกข้าใกล้จะถึงแล้ว
กำนันหันไปสั่งลูกน้องคนสนิทให้รีบนำอาหารมาจัดเตรียมเอาไว้เพราะอีกเดี๋ยวคนที่พวกเขากำลังรอจะมาถึงกันแล้ว
" ครับพ่อกำนัน " ภพรีบทำตามคำสั่งของผู้เป็นนายอย่างเร่งรีบ
เวลาผ่านไปจนถึงหนึ่งทุ่ม บรื้อ~ รถเก๋งสีดำได้ขับเข้ามาจอดโรงรถทุกคนในบ้านต่างพากันหันไปมองด้วยความสงสัยเพราะพวกเขาไม่เคยเห็นรถคันนี้มาก่อนรถจอดนิ่งก่อนจะมีชายหญิงคู่หนึ่งเปิดประตูลงมาจากรถพอทุกคนเห็นหน้าเจ้าของรถก็รีบพากันเดินเข้าไปหาด้วยความดีใจ
กำนันกับแม่สีนวลรีบเข้าไปกอดทั้งสองด้วยความคิดถึงและโหยหา
" คำเมือง พอใจ ลูกแม่ ฮือ แม่คิดถึงลูกๆเหลือเกิน
สีนวลร้องให้ออกมาด้วยความดีใจตั้งแต่ลูกทั้งสองไปเรียนต่อเมืองนอกเขาก็รู้สึกเหงาและโดดเดี่ยวมาโดยตลอดถึงจะมีกำนันอยู่ด้วยก็เถอะ
" โอ๋ๆๆไม่ร้องให้แล้วนะคะแม่หนูกับน้องก็กลับมาแล้วนี่ไง " พอใจใช้มือปัดน้ำตาแม่ด้วยความอ่อนโยน
" ผมกับพี่ก็คิดถึงพ่อกับแม่มากที่สุดเลยครับตอนนี้พวกผมเรียนจบกันแล้วต่อไปเราจะได้อยู่ด้วยกันแล้วนะครับ
สีนวลและกำนันเมื่อได้ยินลูกพูดแบบนั้นเขาทั้งสองดีใจและภูมิใจในตัวของลูกทั้งสองเป็นอย่างมาก
" พ่อกับแม่ดีใจที่ลูกทั้งสองประสบความสำเร็จลูกหิวกันยังเราไปกินข้าวกันเถอะพ่อได้จัดเตรียมอาหารไว้แล้ว
กำนันลูบหัวลูกทั้งสองด้วยความดีใจก่อนจะพากันไปกินข้าว
" แม่ได้สั่งให้แม่ครัวเตรียมอาหารที่ลูกๆชอบกันกินเยอะๆนะ
สีนวลตักแกงไก่ให้กับลูกสาวก่อนจะตักปลานึ่งให้กับลูกชาย
" โอโห น่ากินมากเลยค่ะงั้นหนูกินแล้วนะคะ "
ทั้งสองมองดูอาหารก่อนจะตักเข้าปากกินอย่างเอร็ดอร่อยเมื่อทุกคนเห็นทั้งสองกินอย่างอร่อยทุกคนก็มีความสุขโดยเฉพาะแม่ครัวเพราะเขาเต็มที่กับอาหารมื้อนี้มากในขณะที่ทุกคนกำลังเพลิดเพลินกับอาหารตรงหน้าอยู่นั้นก็ได้มีหญิงสาวมอมแมมคนหนึ่งเดินเข้ามาทำให้ทุกคนหยุดชะงัก
ทางด้านปิ่นหลังจากที่เขาใส่ปุ๋ยส้มเสร็จเขาก็ได้มุ่งหน้ากลับมาบ้านกำนันเพื่อมาเอาค่าแรงและนำกุญแจมาคืนในระหว่างทางกลับถนนลื่นทำให้รถล้มและเขาก็ได้รับบาดเจ็บเล็กน้อยแต่ที่สำคัญไปกว่านั้นเขาไม่คิดว่าการมาบ้านกำนันครั้งนี้เขาจะได้เจอกับคนที่เขาไม่คิดว่าจะได้เจอ
" ปิ่น! ปิ่นจริงๆด้วย " พอใจเมื่อเห็นเพื่อนรักที่ไม่ได้เจอกันมา8ปีเขาก็รีบลุกพรวดก่อนจะเดินเข้าไปหาด้วยความคิดถึงพอใจจะกอดปิ่นแต่อีกฝ่ายกลับเดินถอยหลังหนี
" ทำไมล่ะปิ่นไม่คิดถึงเราหรือ " พอใจถามเพื่อนด้วยความสงสัยพร้อมกับทำหน้าเศร้า
" มันไม่ใช่แบบนั้นเราคิดถึงพอใจมาตลอดแต่ที่เราไม่ยอมให้พอใจกอดเพราะเราสกปรกพอใจเห็นไหม
ปิ่นรีบเปิดไฟฉายในโทรศัพท์ก่อนจะส่องไปที่ตัวของเขาเพื่อเป็นการยืนยันว่าตัวเขานั้นสกปรกจริงๆพอใจเมื่อเห็นสภาพของอีกฝ่ายเขาก็เลิกตามตื้อเพราะเขารู้ดีว่าอีกฝ่ายไม่ยอมให้เขากอดด้วยสภาพแบบนั้นแน่
" งั้นก็ได้แต่มีข้อแม้วันเสาร์นี้ปิ่นต้องไปเที่ยวกับพอใจถ้าปิ่นไม่ตกลงเราจะกอดปิ่นตอนนี้แหละ
" เอาเป็นวันอาทิตย์ได้ไหมวันเสาร์เราต้องทำงานน่ะ "
" โอเคปิ่นสัญญาแล้วนะว่าวันอาทิตย์นี้ปิ่นจะไปเที่ยวกับเรา
ทั้งสองได้เกี่ยวก้อยสัญญากันพอใจเขาดีใจมากที่ในที่สุดเขาก็จะได้ไปเที่ยวด้วยกันกับปิ่นอีกครั้ง
" หนูปิ่นนี่จ้าค่าแรงของหนูมากินข้าวด้วยกันก่อนสิลูก"
สีนวลยื่นเงินให้กับปิ่นก่อนจะชวนมากินข้าวด้วยกัน
" ไม่เป็นไรค่ะป่านนี้แม่กับน้องคงรอกินข้าวอยู่งั้นหนูขอตัวกลับก่อนนะคะ
ปิ่นรีบยกมือไหว้ผู้ใหญ่ทุกคนที่อยู่ตรงนั้นก่อนจะเดินออกไปปิ่นรีบขับรถกลับบ้านเพราะเขาไม่อยากให้ทั้งสองต้องรอนานพอกลับมาถึงบ้านปิ่นก็เห็นน้องกับแม่กำลังช่วยกันทำอาหารอยู่ในครัวเขารีบเข้าไปอาบน้ำก่อนจะออกมาช่วยแม่กับน้องเตรียมข้าวเย็น
" แม่เดี๋ยวปิ่นช่วยค่ะ " ปิ่นเดินเข้าไปหาแม่เพื่อจะช่วยแต่ก็ถูกแม่กับน้องห้ามเอาไว้
" หยุดเลยลูกกลับมาเหนื่อยๆไปนั่งพักก่อนเถอะทางนี้เดี๋ยวแม่กับน้องจัดการเอง
" ใช่แม่พูดถูกพี่กลับมาเหนื่อยๆไปนั่งพักก่อนเถอะ "
เต้าหู้รีบแย่งตะกร้าผัดก่อนที่เขาจะเหลือกไปเห็นแผลตรงข้อศอกเต้าหู้ปล่อยตะกร้าผัดออกจากมือก่อนจะร้องถามผู้เป็นพี่
" พี่ไปโดนอะไรมาใครทำอะไรพี่บอกผมมาเดี๋ยวผมจะไปจัดการให้
ลำดวนที่กำลังทำอาหารอยู่ก็รีบหันขวับไปมองและรีบเดินตรงเข้ามาหาลูกสาวด้วยความเป็นห่วง
" ปิ่นไปโดนอะไรมาใครทำลูกบอกแม่มาสิปิ่นลูกเจ็บมากไหม
ปิ่นมองดูสีหน้าผู้เป็นแม่และน้องที่เต็มไปด้วยความเป็นหว่ง
" ไม่มีใครทำอะไรหนูหรอกจ้าหนูแค่หกล้มมาแค่นี้สบายมาก
" โธ่~ปิ่น เต้าหู้พาพี่เอ็งไปทำแผลแล้วลงมากินข้าวไป
ถึงลูกสาวจะพูดแบบนั้นแต่คนเป็นแม่มีหรือที่จะไม่หว่งลูก
" ครับแม่ไปพี่เดี๋ยวเต้าหู้คนนี้จะทำให้อย่างอ่อนโยนไม่ให้พี่รู้สึกเจ็บเลยซะนิด
เต้าหู้รีบพาพี่สาวขึ้นไปบนบ้านก่อนจะเริ่มทำแผลในอย่างจริงจังปิ่นที่เห็นน้องชายทำหน้าจริงจังเขาก็อดที่จะขำไม่ได้
" พี่หัวเราะทำไมมันมีอะไรที่น่าหัวเราะกัน " เต้าหู้เงยหน้าขึ้นมาถามพี่สาวที่ใจตอนนี้กำลังนั่งตัวสั่นเพราะกลั้นหัวเราะ
" พรืด ฮ่า ฮ่า ฮ่า ก็ขำหน้าเอ็งนั้นแหละทำไมต้องทำหน้าจริงจังขนาดนั้นด้วย
ปิ่นที่กลั้นขำไม่ไหวเขาก็ได้ระเบิดหัวเราะออกมา
" ทำไมเวลาผมทำหน้าจริงจังแล้วผมหล่อใช่ไหมล่ะ
เต้าหู้พูดพร้อมกับทำท่าแอ๊บนั้นยิ่งทำให้ปิ่นหัวเราะไม่หยุดเขาไม่คิดว่าน้องชายของเขาจะหลงตัวเองได้ขนาดนี้
" พอเลยพี่หยุดหัวเราะได้แล้วเราลงไปกินข้าวกัยเะอะผมหิวแล้ว
หลังจากที่ทำแผลเสร็จทั้งสองก็ได้พากันเดินลงไปกินข้าว
" แม่จ๋าหนูมาแล้ว "
" มาๆมากินข้าวกันแม่ตั้งโต๊ะเสร็จพอดีเลย "
ทั้งสามได้ร่วมทานอาหารเย็นด้วยกันอย่างมีความสุขในระหว่างที่กินข้าวก็ได้สลับกันถามว่าวันนี้แต่ล่ะคนไปทำอะไรหรือเจอเรื่องอะไรกันมาบ้างถึงครอบครัวของพวกเขาจะมีกันแค่สามคนแต่พวกเขาก็เป็นครอบครัวที่อบอุ่นเวลาใครเจอปัญหาอะไรก็จะมาเล่ามาระบายให้ฟังกัน
" เต้าหู้วันนี้เรียนเป็นไงบ้าง " ปิ่นเอ่ยถามน้องชายด้วยความอยากรู้
" วันนี้สอบภาษาอังกฤษกับคณะนิติศาสตร์น่ะ "
" แล้วเอ็งทำได้ไหม "
" ระดับผมไม่มีอะไรที่ทำไม่ได้อยู่แล้ว " เต้าหู้เอ่ยด้วยความภาคภูมิใจ
" หรือพี่จะรอดูในวันคะแนผลสอบออกว่าเอ็งจะทำได้เหมือนที่คุยกันไว้ไหมเอ่อจริงสินี่จ้า
ปิ่นยื่นถุงซองสีขาวให้กับแม่ด้านลำดวนรับมาด้วยความมึนงงก่อนจะเปิดซองแล้วพบกับธนบัตรหลายใบที่บรรจุอยู่ข้างใน
" นี่มันค่าอะไรน่ะปิ่นทำถึงได้เยอะขนาดนี้ " ลำดวนรีบเอ่ยถามลูกสาวเพราะนี่มันเยอะกว่าเงินเดือนปกติที่ปิ่นเคยได้
" นี่เป็นโบนัสที่เจ๊แกให้มาค่ะ " ปิ่นพูดพร้อมส่งยิ้มหวานให้กับแม่
" งั้นหรืองั้นปิ่นเก็บเอาไว้ใช้นะปิ่นไม่ต้องเอามาให้แม่ " ลำดวนยื่นเงินคืนให้กับลูกสาวเพราะเขาอยากให้ลูกได้ใช้เงินที่ตัวเองหามาด้วยความยากลำบาก
" แม่รับไว้เถอะจ้าที่ปิ่นทำงานเพราะปิ่นอยากให้แม่กับน้องได้ใช้ชีวิตสุขสบายถ้าแม่ไม่รับไว้ที่ปิ่นทำงานมันก็ไม่มีความหมายอะไรเลยนะจ๊ะ
ลำดวนซะซึ้งใจเมื่อได้ยินลูกสาวพูดแบบนั้นที่ผ่านมาเขาเลี้ยงลูกทั้งสองมาตัวคนเดียวเขาถูกชาวบ้านด่าว่าเด็กใจแตกแม่เลี้ยงเดี๋ยวบ้างแต่เขาก็ไม่เคยเก็บเอาคำพูดพวกนั้นมาใส่ใจแต่สิ่งที่เขาเจ็บที่สุดคือการถูกพ่อแม่ตัดขาดนั้นจึงทำให้เขาต้องหอบลูกๆมาอยู่ในหมู่บ้านโคตรนาแห่งนี้
เขาไม่เคยคิดว่าเด็กๆทั้งสองที่เขาอุ้มท้องและถูกด่าว่านั้นโตมาจะกตัญญูขนาดนี้ ปิ่นกับเต้าหู้ทั้งสองคนเป็นฝาแฝดกันปิ่นเกิดก่อนเต้าหู้ 15 วิ ปิ่นเรียนจบแค่ป.6 แล้วออกมาทำงานเพื่อแบ่งเบาภาระของแม่ ส่วนเต้าหู้ก็จะออกจากโรงเรียนเหมือนกับแต่ก็ถูกปิ่นกับแม่ห้ามเอาไว้ปิ่นอยากให้น้องได้เรียนจบสูงๆและมีงานดีๆทำเพราะถ้าน้องมีงานดีๆทำเขากับแม่ก็จะสุขสบายไปด้วย
" ถ้าหากผมเรียนจบมีงานดีๆทำผมจะเลี้ยงดูพี่กับแม่ให้สุขสบายผมจะไม่ทำให้พี่กับแม่ต้องลำบากอีกผมสัญญา
เต้าหู้ยื่นนิ้วก้วยออกมาเพื่อเป็นการสัญญาว่าตัวเองนั้นจะทำให้ได้
" จ้าๆพี่จะรอวันนั้นพูดแล้วต้องทำให้ได้ล่ะ ฮ่า ฮ่า
ทั้งสามหัวเราะออกมาอย่างมีความสุขหลังจากที่กินข้าวกันเสร็จก็ได้แยกย้ายกันไปเข้านอน
ลืมกันแล้วสินะเห้อ~😔