พี่ชื่อภูริทัตนะครับ ยินดีที่ได้รู้จัก...สวัสดีค่ะ ภัตธาราค่ะ หลังจากนี้ขอฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะคะ
รัก,ชาย-หญิง,สะท้อนปัญหาสังคม,ไทย,ยุคปัจจุบัน,พล็อตสร้างกระแส,โรมานซ์,ความรัก,ความรักจากที่ทำงาน,วัยทำงาน,อบอุ่น,อบอุ่นหัวใจ,ฟีลกู๊ด,NC,NC+,18+,น่ารัก,feelgood,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
ภูริทัต ภัตธารา [มี E-book]พี่ชื่อภูริทัตนะครับ ยินดีที่ได้รู้จัก...สวัสดีค่ะ ภัตธาราค่ะ หลังจากนี้ขอฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะคะ
มาเจอกันอีกแล้วววว ขอบคุณที่ติดตามผลงานนะคะ
ก่อนอื่นก็ต้องขอสวัสดีปีใหม่ทุกคนเลยค่ะ ~~
ขอให้ปีนี้ทุกคนมีความสุขทั้งทางกาย ใจและจิตนะคะ
โลกปัจจุบันมีปัญหาและอุปสรรคมากมายถาโถมมาหาเราทุกวัน...
แต่ถึงอย่างนั้นก็ขอให้ทุกคนยังคงแข็งแกร่งและต่อกรกับทุกอย่างได้อย่างภาคภูมิค่ะ
รบกวนอ่านคำชี้แจงสักครู่นะคะ
1. โมจะเปิดเรื่องใหม่ หลังจากแต่งจบแล้วเท่านั้น ไม่ต้องกลัวโดนเทนะคะ รับประกันแบบ 300% ค่ะ ^^
2. การลงเนื้อหานิยายรายตอนและการติดเหรียญ
- ตอนที่ 1-6 ซึ่งเป็นเนื้อหาบทนำ+บทที่ 1 หรือบทที่ 1-2 จะเปิดให้ “อ่านฟรีตลอดไป” ค่ะ
- ตอนที่ 7-15 จะเปิดให้ “อ่านฟรีเฉพาะช่วงเปิดเรื่อง” และติดเหรียญหลังจากอัปนิยายจบแล้วค่ะ
- ตอนที่ 16 เป็นต้นไป จะ “เปิดให้อ่านฟรีแค่ 24 ชม. เท่านั้น” แล้วจะทำการ “ติดเหรียญ” ทันทีค่ะ ซึ่งตอนใหม่จะอัปทุกวันเวลา 09:15 น. และจะทำแบบนี้ไปจนกว่าจะอัปนิยายครบจบเรื่องนะคะ...ทั้งนี้ก็เพื่อหาค่าขนมไว้สร้างสรรค์ผลงานชิ้นต่อไปและอยากให้นักอ่านสายฟรียังได้อ่านนิยายต่อค่ะ ฉะนั้นอย่าลืมกดเก็บนิยายเข้าชั้นไว้ด้วยนะคะจะได้ไม่พลาดตอนใหม่><
- “ตอนพิเศษติดเหรียญถาวร” ไม่มีการเปิดให้อ่านฟรีทุกกรณีนะคะ เห็นใจคนที่ซื้ออีบุ๊กค่ะ//ไหว้ย่อ
3. ผลงานที่เขียนว่า [มี E-book] กำกับไว้ในชื่อเรื่อง โมจะวางขายทันทีเมื่อมีการลงเนื้อหารายตอนครบ 25% จากเนื้อเรื่องทั้งหมดนะคะ ซึ่งในอีบุ๊กจะมีเนื้อหาตอนพิเศษทุกเล่มค่ะ (ยกเว้นเรื่อง ห้อง (ไม่) ว่างให้เช่าที่เป็นนิยายเรื่องแรกของโม เรื่องนั้นโมไม่ได้เขียนตอนพิเศษไว้ค่ะ -////-) นักอ่านสะดวกแบบไหนเลือกได้เลยนะคะ
4. สุดท้ายนี้ก็อยากให้นักอ่านทุกท่าน ดูแลถนอมสายตาและพักผ่อนให้เพียงพอเพื่อสุขภาพที่แข็งแรงจะได้อ่านนิยายกันต่อไปตราบนานเท่านานค่ะ >รัก<
ทุกตัวอักษรที่กำลังจะได้อ่านต่อจากนี้ คือ เรื่องราวที่ภุมโมสร้างและเรียบเรียงขึ้นมาด้วยความตั้งใจ ขอให้ทุกท่านเพลิดเพลินไปกับช่วงเวลาอันแสนสุขและหวังเป็นอย่างยิ่งว่าทุกท่านจะอ่านจนจบเรื่องนะคะ 😊
.
.
มาต่อเรื่องนิยายยยยย
ภูริทัตภัตธารา เป็นเรื่องราวของหนุ่มสาววัยทำงานคู่หนึ่งที่ต้องแอบซ่อนความสัมพันธ์เอาไว้ไม่ให้ใครรู้ ท่ามกลางสายตาจับผิดของเลขานุการประจำแผนก ทว่าทุกอย่างกลับเริ่มตาลปัตรไปหมด เมื่อความลับของพวกเขาถูกเปิดเผย
โดยเนื้อหาจะเน้นความน่ารักระหว่างจีบกันของคู่พระนาง การแก้ปัญหาในวัยทำงานและสังคมเพื่อนร่วมงานที่ค่อนข้างเป็นมลพิษ ทั้งนี้โมยังมัดรวม NC แสนดุเด็ดเผ็ดมันไว้ในตอนพิเศษด้วย จัดไปเลยจุก ๆ ทั้งหมด 8 ตอน หวังว่าทุกท่านจะอ่านอย่างสนุกและฟินจิกหมอนไปด้วยกันนะคะ >///<
เนื้อหาในนิยายเรื่องนี้อาจมีเนื้อหาบางส่วนที่ค่อนข้างรุนแรง เช่น การปะทะคารมณ์ การนินทาว่าร้าย การพูดจาส่อเสียด รวมไปถึงพฤติกรรม การกระทำหรือคำพูดบางอย่างที่ไม่เหมาะสม ซึ่งเป็นการเสริมเติมแต่งเพื่อให้เนื้อหามีอรรถรสและถึงพริกถึงขิงมากขึ้น หวังว่าทุกคนจะเข้าใจนะคะ
ทั้งนี้ภุมโมไม่มีเจตนาส่งเสริมการกระทำใดก็ตามที่เกิดขึ้นภายในเรื่อง ฉะนั้นโปรดใช้วิจารญาณในการอ่านนะคะ หากนักอ่านท่านใดไม่สะดวกใจ สามารถอ่านนิยายเรื่องอื่นของโมได้ค่ะ😊
ปล. เนื้อหาในนิยายเป็นเพียงจินตนาการของภุมโมเท่านั้น ขอให้ดื่มด่ำบรรยากาศและสนุกไปกับการอ่านค่ะ🍀
แวะมาพูดคุยกันได้ที่ Facebook > ภุมโม เป็นนักเขียน หรือ เพจคลังนิยายของภุมโม
.
.
ด้วยรัก...ภุมโม
ตอนนี้อาหารที่แสนน่าทานถูกจัดวางไว้บนโต๊ะอย่างสวยงาม ทั้งสามคนนั่งลงบนเก้าอี้ตามตำแหน่งที่ตัวเองต้องการและลงมือกินอย่างเอร็ดอร่อย สำหรับแมนคงเรียกได้ว่ามื้ออาหารที่ได้กินร่วมกับคนในครอบครัว...เป็นอะไรที่สุขใจที่สุดแล้ว
“เรียนใกล้จะจบกันแล้วสิเนี่ย เวลาผ่านไปไวจังเลยนะ” ก่อนที่ชายวัยทำงานจะเอ่ยโพล่งออกมา ซึ่งหัวข้อนี้ก็ทำให้เด็กหนุ่มสองคนรู้สึกใจหายและหวนรำลึกถึงเหตุการณ์ที่ผ่านมาในอดีต
“ใช่ หมี่ยังจำเหตุการณ์เด้งเป้ากระตุกไข่ในวันรับน้องปีหนึ่งได้อยู่เลย เหมือนเหตุการณ์เพิ่งเกิดขึ้นเมื่อวานเอง” ยิ่งพูดก็ยิ่งเข้าใจว่าเวลามันผ่านไปเร็วขนาดไหน ทว่าคนเป็นพี่ที่ไม่เคยได้ยินเรื่องนี้ก็ถึงกับสำลัก
“คะ แค่ก กะ กระตุกไข่อะไรนะ” แมนรีบดื่มน้ำเพื่อให้หายใจหายคอได้คล่องขึ้น ก่อนจะถามออกไป อย่าบอกนะว่าหมี่โดนแกล้งตอนไปเรียนมหาลัยฯ และดูเหมือนว่าอินจะเข้าใจความคิดของแมน เด็กหนุ่มเลยพูดอธิบาย
“มันเป็นกิจกรรมรับน้องครับ หมี่อยากทำท่าแปลก ๆ เอง ไม่มีใครลงโทษหรือทำอะไรไม่ดีเลยครับ” แมนนั่งนิ่งและฟังพลางคิดว่าอีกฝ่ายดูจะไม่ใช่คนที่พูดโกหกซะด้วย เขาเลยพยักหน้าเข้าใจ
“แล้วหมี่ไม่เคยบอกเรื่องนี้ให้พี่รู้เลยเนี่ยนะ ใจร้าย”
“โอ๋ ๆ พี่ชายสุดที่รักของหมี่ หมี่ผิดไปแล้วที่ไม่ได้เล่าให้ฟัง ไว้วันไหนว่าง หมี่เต้นท่านั้นให้พี่แมนดูดีมั้ย”
“อย่านะ!!/อย่าเลย!!” อินและแมนพูดปฏิเสธเสียงแข็งกร้าวพร้อมกันโดยบังเอิญ จนคนเสนอตัวถึงกับคิ้วกระตุกและรู้สึกตงิด ๆ
“เอ่อ ไม่เป็นไรหมี่ พี่คิดว่าพี่คงไม่ต้องดูหรอก” แมนรีบอธิบายพร้อมยิ้มแห้ง ก่อนจะตามมาด้วยแรงสมทบจากอิน
“ใช่ครับ ดูไปก็รู้สึกอับอายแทนเปล่า ๆ”
“โธ่! เราก็อุตส่าห์จะเต้นให้ดู” หมี่ถึงกับทำสีหน้าท่าทางเสียดายเสียเต็มประดา ต่างจากอีกสองคนที่รู้สึกโล่งใจ
“แล้วนี่ถ้าเรียนจบแล้ว วางแผนชีวิตไว้ยังไงบ้าง” แมนเลือกถามสิ่งนี้เพื่อเปลี่ยนหัวข้อการคุย
“หมี่จะไปสมัครงานร้านอาหารเพื่อเก็บเกี่ยวประสบการณ์ หมี่อยากเป็นเชฟ” ได้ฟังความคิดของน้องชายก็พยักหน้าตามพลางพูดด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม
“ดีเลย พี่ก็จะขยันทำงานเก็บเงิน”
“พี่แมนจะเก็บเงินไว้ทำอะไรนักหนา โอนมาให้หมี่ใช้เยอะ ๆ ได้เลยนะ หมี่ยินดีสุด ๆ” คนตัวเล็กโยกไหล่ไปมาอย่างมีความสุข ก่อนจะต้องหยุดชะงักเมื่อได้ยินจุดประสงค์ของพี่ชาย
“พี่จะเก็บเงินไว้เปิดร้านอาหารให้น้องชายสุดที่รัก”
“พี่แมน...ขอบคุณที่คอยเลี้ยงดูหมี่มาตลอด รักพี่แมนที่สุด” พูดจบก็ลุกออกจากเก้าอี้ไปกอดพี่ชายทันที
“งอแงเป็นเด็กเลยนะ รีบกินข้าวเถอะ จะได้ไปนอนพัก” ตอนนี้แมนคิดเพียงแค่ว่าขอให้น้องชายตรงหน้ามีความสุขก็พอแล้ว
“ครับ!”
“แล้วอินล่ะ”
“ผมคงเป็นพนักงานบริษัททั่วไปครับ” อินตอบเสียงนิ่ง
“ผิดคาดนะเนี่ย” หมี่ถึงกับหันควับมาถามด้วยความสงสัย
“ผิดคาดอะไร”
“กูนึกว่ามึงจะไปทำธุรกิจอะไรแบบนี้ซะอีก”
“พ่อกับแม่ก็มีธุรกิจนะแต่กูอยากลองทำงานทั่วไปก่อน”
“พี่ว่าเป็นความคิดที่ดีนะ อย่างน้อยก็จะได้เรียนรู้การทำงานของพนักงานทั่วไป มุมมองจากคนที่สั่งการอยู่เบื้องบนกับมุมมองของคนที่ต้องทำงานอยู่เบื้องล่าง มันค่อนข้างแตกต่างกันนิดหน่อย”
“ครับ ผมก็เลยอยากไปเรียนรู้และหาประสบการณ์ตรงนั้น วันที่ผมได้ขึ้นไปบริหารงานเอง...จะได้ทำงานอย่างมีประมิทธิภาพ” ระหว่างที่ชายหนุ่มทั้งสองคนกำลังคุยกันอย่างมีสาระ
“โห พูดอะไรกันเนี่ย เราอยู่คนละโลกกันเหรอ” ก็ได้มีเสียงเล็กแหลมของหมี่พูดแทรกขึ้นมาพร้อมแสดงสีหน้างงงวย
“ฮ่าฮ่าฮ่า! เดี๋ยวหมี่ก็จะได้เติบโตไปในเส้นทางของตัวเอง” แมนเห็นปฏิกิริยาของน้องชายก็หัวเราะออกมาอย่างห้ามไม่ได้
“บู่ว หมี่ไม่สนใจหรอกนะ ขอแค่ได้ทำอาหารอร่อย ๆ ให้ใครสักคนกินแล้วยิ้มได้ก็พอแล้ว” ทว่าหมี่ตอบกลับพลางทำหน้ามู่ทู่ปากยู่น่าเอ็นดู ก่อนที่ทุกคนจะวางช้อนลงเพราะกินข้าวเสร็จกันแล้ว
“ดีมากน้องชายพี่ เอาล่ะ เราเก็บโต๊ะกันดีกว่า” เจ้าของบ้านเอ่ยเสียงเบาและลงมือเก็บโต๊ะเก็บครัว ก่อนที่จะแยกย้ายกันไปนอน
.
.
.
และแล้วเช้าที่แสนสดใสก็ได้มาถึง ปกติแล้ววันอาทิตย์จะเป็นวันที่แมนอยากนอนตื่นสายและได้นอนตื่นสาย ทว่าวันนี้เขาไม่สามารถทำแบบนั้นได้เพราะต้องมาช่วยน้องชายตัวดีเก็บของ
“หมี่ ขนอะไรไปเยอะแยะ นี่ไม่คิดจะกลับมาบ้านแล้วใช่มั้ย” เสียงชายวัยสามสิบบ่นเอ็ดน้องชายที่ตอนนี้กำลังทยอยขนของไปอยู่บ้านแฟนหนุ่ม หลังจากได้เห็นสัมภาระที่อีกฝ่ายเตรียมไว้
“ไม่ใช่แบบนั้นสักหน่อย หมี่แค่เอาไปก่อนเผื่อจะต้องใช้ไง ไม่อยากรบกวนแม่ฝันน่ะ” ก่อนที่หมี่จะเอี้ยวตัวและหันมากอดแขนของเขาพร้อมส่งสายตาออดอ้อนมาให้อย่างน่าเอ็นดู
“จ้า ไปเป็นลูกบ้านนั้นแล้วก็อย่าลืมพี่ชายที่อยู่บ้านนี้ล่ะ” อย่างน้อยก็ขอให้เขาได้แกล้งแหย่น้องชายอีกสักหน่อยเถอะ
“หมี่จะไปลืมพี่ชายตัวเองได้ยังไง ไว้หมี่จะมาเยี่ยมบ่อย ๆ” หมี่ฉีกยิ้มกว้างเพราะรู้ดีว่าพี่ชายแค่เป็นห่วงและคิดถึงเขา ก่อนจะหันไปหยิบลังใส่ของขนาดใหญ่ที่เตรียมไว้ก่อนหน้านี้
“เดี๋ยวอันนี้กูยกเอง” ทว่าไม่ทันจะได้ออกแรง อินก็เดินมาช่วยยกลังไปเสียก่อน
“อิจฉาคนมีความรัก” แมนเห็นแบบนั้นก็ว่าพลางเบะปากมองบนและบีบจมูกน้องชายด้วยความมันเขี้ยว
“ไม่ต้องรู้สึกอิจฉาหมี่หรอกนะ เดี๋ยวพี่แมนก็ได้เจอคนดี ๆ ที่เหมาะสมกับพี่แน่นอน” หมี่รู้ดีว่ากำลังโดนพี่ชายแกล้งแหย่ก็ไม่รู้สึกสะทกสะท้านแต่อย่างใด มิหนำซ้ำยังยืดอกภูมิใจแฟนตัวเองอีก
“เออ ถ้าได้เจอเร็ว ๆ นี้ก็คงจะดี” แมนตอบรับ ก่อนจะพึมพำกับตัวเองเสียงเบา
“หมี่ไปก่อนนะ ถึงบ้านไอ้อินแล้วจะโทรหา”
“ขับรถดี ๆ นะ” ชายวัยทำงานเดินออกมาส่งน้องชายและโบกมือลา เมื่ออีกฝ่ายหายลับไปจากสายตาก็เดินกลับเข้าบ้าน
สายตาคมของแมนหันมองไปทั่วบ้าน บรรยากาศที่เงียบสงบจนเกือบเรียกได้ว่าตอนนี้เขารู้สึกเงียบเหงาเปล่าเปลี่ยวเดียวดาย มองไปทางไหนก็มีแต่สิ่งของ ไร้ซึ่งสิ่งมีชีวิตจะโต้กลับหรือตอบสนอง
ร่างของชายวัยสามสิบเดินไปทิ้งตัวลงบนโซฟา เขานอนคว่ำและจุ่มหน้าทั้งหมดให้จมหายไปในหมอนอิงใบโต ก่อนจะพูดตัดพ้อออกมาราวกับคนเหงา
“เฮ้อ ตั้งแต่ที่หมี่ไปเรียนมหาลัยฯ บ้านก็เงียบลงเยอะเลย” และอาจเป็นเพราะลักษณะการนอนของเขาในตอนนี้เลยทำให้น้ำเสียงฟังดูอู้อี้กว่าปกติ ก่อนที่เขาจะพลิกตัวนอนหงาย
“ถ้าเรามีใครสักคนให้เราได้รัก ให้เราได้คิดถึง...ก็คงดีนะ” สายตาอันว่างเปล่าเหม่อมองหลอดไฟบนเพดานที่กำลังส่องแสง ทว่าชายหนุ่มก็รู้ตัวดีว่าการคิดจะหาแฟนในวัยนี้มันไม่ง่าย
“อย่าคิดอะไรให้มันฟุ้งซ่านไปเลยไอ้แมน! วันนี้ต้องพักผ่อนให้ร่างกายและจิตใจหายเหนื่อย พรุ่งนี้ต้องไปทำงานที่เรารักกันต่อ” พูดจบก็ลุกไปใช้ชีวิตตามกิจวัตรประจำวันของตัวเองต่อ...เพื่อรอเวลาให้ถึงเช้าวันจันทร์ วันทำงาน
.
.
.