อยู่ตัวใครตัวมันก็ดีอยู่แล้ว ไม่น่าก้าวก่ายเรื่องราวคนอื่น ส่งผลให้ชีวิตกลับตาลปัตรกลายเป็นผู้ที่อยู่ใกล้กับความตา
ระทึกขวัญ,ชาย-หญิง,เลือดสาด,ไทย,พล็อตสร้างกระแส,สืบสวนสอบสวน,ดราม่า,สยองขวัญ,ผี,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
Hide and Seek เสือก-ซ่อน-ตายอยู่ตัวใครตัวมันก็ดีอยู่แล้ว ไม่น่าก้าวก่ายเรื่องราวคนอื่น ส่งผลให้ชีวิตกลับตาลปัตรกลายเป็นผู้ที่อยู่ใกล้กับความตา
เลขาสาวดวงซวยลืมเอกสารสำคัญไว้ที่บริษัทจึงลากเพื่อนไปเอาในเวลาดึกดื่นโดยที่ไม่รู้ว่ามันจะเป็นคืนสุดท้ายของพวกหล่อน เมื่อพบกับความลับอันดำมืดบางอย่างของบริษัทนี้
ในมนุษย์หนึ่งคนสามารถเก็บความลับได้เป็นหมื่นเป็นล้านอย่างและไม่มีทางที่จะเปิดเผยให้ใครรับรู้ได้นอกจากคนที่ไว้ใจมากที่สุดและรู้สึกเปิดใจให้มากที่สุด แต่ในบางครั้ง บางสิ่งบางอย่างก็ไม่สมควรเปิดเผยให้ใครรู้แม้แต่คนเดียว ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลร้อยพันหมื่นแสนล้านประการใด จุดมุ่งหมายก็คือทำให้ดูเหมือนมันไม่มีอยู่บนโลก แต่กลับหารู้ไม่ว่ามันไม่ต่างจากสสารที่จะไม่มีวันหายไปจากโลกนี้ คนที่จะเจอมัน…คือผู้ที่ ‘เสือก’ เรื่องชาวบ้าน
นั่นคือสิ่งที่ ‘ชานนท์’ ได้ยึดถือมาตลอดทั้งชีวิตในขณะที่ดำรงตำแหน่งประธานบริษัทควบคู่กับตำแหน่งซีอีโอผู้ประสบความสำเร็จในแวดวงธุรกิจมากที่สุดในประเทศไทย เขาเริ่มต้นทำงานตั้งแต่เป็นลูกจ้างสัญญาจ้างรายเดือนจนฉายแววความเก่งกาจออกมาจนสามารถเลื่อนขึ้นไปเป็นพนักงานประจำ อีกทั้งได้แสดงศักยภาพมากมายจนได้รับความสนใจจากหลาย ๆ แผนก เขาจึงได้เรียนงานทุกอย่างในบริษัทจนแตกฉาน และด้วยความอยากรู้อยากเห็นหรือความ ‘เสือก’ ของเขา จึงทำให้มีตำแหน่งสูงที่สุดในบริษัท อีกทั้งยังมีใบหน้าที่หล่อเหลาอ่อนเยาว์ ทำให้พนักงานสาว ๆ ตามติดเป็นพวงและมักจะขอให้ ‘คุณจินตนา’ ทำเรื่องยื่นขอสมัครเป็นเลขาส่วนตัว ซึ่ง ‘บัว’ สาวโสดคนเก่งคนหนึ่งผู้มีความเฉลียวฉลาดด้านการจัดการได้ผ่านการคัดเลือกจากตัวของท่านประธาน
แต่เมื่อคืนนี้หล่อนทำงานพลาดไปหนึ่งอย่าง
โดยปกติแล้วจะมีการประชุมของบอร์ดผู้บริหารโดยที่เลขาบัวนั้นจะมีหน้าที่ในการจัดการประชุมในทุก ๆ เช้า รวมถึงการจัดหัวข้อการประชุมตามที่ประธานชานนท์ได้สั่งการเอาไว้ล่วงหน้าแล้ว แต่ที่ไหนได้ เมื่อคืนเวลาสามทุ่ม เขากำลังจะกลับบ้านโดยต้องเดินผ่านโต๊ะทำงานของเลขาส่วนตัว แต่ปรากฏว่าแฟ้มเอกสารของหล่อนนั้นยังอยู่บนโต๊ะ เมื่อเปิดออกดูเพื่อตรวจสอบการทำงานของหล่อนจึงเห็นว่า ‘เลขาบัวไม่ได้ทำอะไรแม้แต่อย่างเดียว’ จึงสร้างความเบื่อหน่ายให้กับชายหนุ่มเป็นอย่างมาก แม้ว่าการประชุมกับบอร์ดบริหารในทุก ๆ เช้าเพื่อวางแผนในการทำงานของวันนั้น ๆ ก่อนที่จะเอาไปกระจายต่อให้พนักงานระดับที่อยู่ล่างลงไปทำต่อเพื่อที่จะเอาไปประชุมต่อจนหมดวันนั้นไม่ใช่เรื่องน่ายินดีสักเท่าไหร่ การประชุมนั้นถือว่าเป็นเรื่องดี เนื่องจากจะทำให้พนักงานทุกคนเห็นตรงกันและสามารถแสดงออกความคิดเห็นได้อย่างอิสระ เพื่องานจะได้สำเร็จลุล่วงไปได้ด้วยดี
นั่นเป็นสิ่งที่ท่านประธานดีกรีปริญญาโทจากต่างประเทศมักจะมีความคิดในแนวนี้ แต่ในทางกลับกัน ธรรมชาติของคนไทยนั้นไม่กระตือรือร้นในการทำงานเอาเสียเลย อีกทั้งการประชุมอันแสนยาวนานและน่าเบื่อหน่ายของพวกหัวหน้าแผนกนั่นอีก ชอบจัดการประชุมให้ยืดยาว หลังจากนั้นก็งานไม่เสร็จ พองานไม่เสร็จ…ก็ตามนั้น งานไม่เสร็จก็ต้องอยู่จนถึงเย็น ไม่มีใครแฮปปี้กับเรื่องพวกนี้หรอก จึงต้องให้ยามป้อมคอยดูแลตึกสำนักงานให้ดีที่สุดเพื่อไม่ให้พนักงานอยู่ดึกจนเกินไป ไม่อย่างนั้นจะต้องขาดงาน นั่นหมายความว่าจะไม่มีงานไหนเสร็จตามที่ได้ตั้งเป้าไว้
ประธานหนุ่มเดินออกมาจากห้องน้ำด้วยกายเปล่าเผยให้เห็นท่อนบนอันไร้ไขมัน มีกล้ามเนื้อบาง ๆ เป็นลอนปกคลุมไปทั่วร่างกาย ทำให้สาว ๆ ที่เห็นจะต้องละลายไปตาม ๆ กัน โชคดีที่มีผ้าขนหนูพันรอบเอวปิดส่วนแข็งแรงสุด ๆ ของร่างกายเอาไว้ไปยืนอยู่หน้ากระจก เขาพ่นลมหายใจออกทางจมูกหนึ่งครั้งก่อนจะสั่งระบบบ้านอัจฉริยะ
“ยอนอู ทำเมื่อเช้าให้หน่อย เอาเหมือนเดิม” เสียงอันทุ้มต่ำของชายหนุ่มเอ่ยไปยังทิศทางปริศนา เมื่อเสียงสัญญาณดังขึ้นทำให้รู้ว่าระบบการรับรู้ของบ้านนั้นทำงานเป็นปกติ
นี่คือสินค้าหลักของบริษัทที่เขากำลังบริหาร ควบคุม ดูแลอยู่ ณ ปัจจุบัน
ด้วยเทคโนโลยีบ้านอัจฉริยะที่สามารถดูแลบ้านได้โดยไม่ต้องจ้างแม่บ้าน อีกทั้งยังมีเมมโมรี่อยู่ในตัวและยังสำรองข้อมูลแบบอัตโนมัติไว้บนเซฟเวอร์ของบริษัทอีกด้วยเพื่อให้ตัวสินค้าจำได้ว่าใครชอบอะไรและไม่ชอบอะไร และในวันนี้นั้นไอเดียหนึ่งที่เขาผุดขึ้นมาได้ระหว่างการชำระล้างร่างกายนั่นก็คือ ‘ระบบพูดและการโต้ตอบ’ ไม่ว่าเจ้าของจะพูดอะไรออกไป ระบบเอไอจะประมวลผลเพื่อหาและสร้างคำตอบตอบออกไปให้ผู้ใช้รู้สึกดีที่สุด
เชื่อเถอะ แต่คิดก็ทำให้ประธานหนุ่มมาดขรึมแทบเนื้อเต้นเลยทีเดียว
อาหารเช้าระดับประธานบริษัทอันใหญ่โตนั้นจะเป็นอะไรไม่ได้นอกจากตับห่านฟัวกราส์ มีไข่ปลาคาเวียร์สีดำตกแต่งอยู่ด้านบนพร้อมกับข้าวไรท์เบอรี่ โดยมีเครื่องเคียงเป็นเนื้อก้ามปูล็อปเตอร์ราคาแพงหูฉี่ซึ่งแม้แต่เงินเดือนของเลขาบัวก็ไม่สามารถซื้อกินได้อย่างเขา
เพียงไม่กี่นาทีเขาก็สามารถจัดการทุกอย่างลงท้องได้จนหมดก่อนจะเดินไปแปรงฟัน
…………………………
รถยนต์คันหรูสีดำได้มาจอดอยู่หน้า ‘คอนโด’ อยู่ก่อนแล้ว อ่อ…ก่อนหน้านี้บรรยายไปว่าเป็นบ้าน แต่จริง ๆ แล้วเป็นเพียงเพ้นต์เฮ้าส์ต่างหาก การซื้อบ้านสักหลังในเมืองหลวงนั้นไม่ใช่เป็นเรื่องยาก แต่ด้วยความที่เป็นหนุ่มโสด จึงไม่มีใครมาช่วยดูแลทำความสะอาดบ้านนอกจาก ‘ยอนอู’ บ้านอัจฉริยะของเขา
“ก็เพราะว่าพวกผู้หญิงนั้นขี้เสือกต่างหาก” ประธานหนุ่มหันมาคุยกับคนอ่าน…
.
.
.
.
เอ๋…?
……………………………………
เพียงไม่กี่อึดใจรถยนต์คันหรูได้มาจอดอยู่หน้าประตูสำนักงาน บรรยากาศรอบข้างไม่ได้หนาวไม่ได้ร้อนจนเกิดไป ทำให้ท่านประธานหมดห่วงเรื่องเหงื่อในชุดสูทสีดำของตัวเอง ทันทีที่ ‘ภาณุ’ คนขับรถคนสนิทในชุดสูทสีดำสนิทรีบวิ่งอ้อมมาเปิดประตูรถให้กับผู้เป็นเจ้านาย เขาจึงได้รับแบงก์ธนบัตรใบละหนึ่งพันบาทก่อนที่เขาจะยกมือไหว้เหนือศีรษะ สำหรับประธานชานนท์แล้ว เงินแค่นี้ถือว่าเล็กน้อย ไม่ต่างจากเศษกระดาษ เขาสามารถแจกจ่ายเงินไปให้คนทั้งบริษัทในวันนี้ก็ยังได้เมื่อเทียบกับผลตอบแทนเป็นตัวเลขปริศนาที่มีเพียงเลขาส่วนตัวของเขาเท่านั้นที่รู้
เมื่อผ่านประตูเข้ามา โดยปกติแล้วเลขาบัวจะต้องมายืนสแตนบายรออยู่ก่อนพร้อมกับรายงานเรื่องต่าง ๆ ในบริษัทรวมถึงเหตุการณ์ภายนอก บอกได้เลยว่ายามที่ได้ย่างก้าวเข้าสู่ในสำนักงาน เขาคือท่านประธานขั้นเทพผู้ซึ่งเป็นที่ยอมรับในการบริหารงานของบอร์ดบริหาร ทำให้กลายเป็นบริษัทที่มีความน่าเชื่อถือจากนักลงทุนและลูกค้าเป็นจำนวนมาก ในวันนี้เขากลับไม่เห็นหญิงสาวในชุดทำงานเหมือนอย่างเคย จึงหยุดเดินอยู่ด้านหน้าของ ‘ยามป้อม’ ยามรักษาความปลอดภัยเพียงหนึ่งเดียวผู้ได้รับความไว้เนื้อเชื่อใจจากท่านประธาน เขายืนตัวตรง ส่งยิ้มพร้อมกับตะเบ้ะท่าประจำตัวด้วยความสดใสในเช้าวันใหม่ โดยมีผู้ช่วยของท่านประธานในชุดสูทรัดรูปพร้อมกระโปรงทรงเอสีแดงเลือดหมู ซึ่งเธอจะทำหน้าที่รักษาการแทนท่านประธานและเป็นหัวหน้าของเลขาส่วนตัวของประธานอีกที ซึ่งเจ้าหล่อนได้ควบตำแหน่งหัวหน้าฝ่ายบุคคลและทรัพยากรมนุษย์
ในเมื่อชายหนุ่มสามารถปะติดปะต่อเรื่องราวได้แล้วนั้น ลมหายใจถูกพ่นออกมาจากรูจมูก
“อย่างนั้นเองเหรอ?” เขาพูดขึ้นก่อนจะหันไปหาผู้ช่วยสาว “งั้นก็จัดหาเลขาส่วนตัวให้ผมอีกสักคนก็แล้วกัน คราวนี้ขอแบบฉลาด ๆ หน่อยนะ”
“ได้ค่ะท่าน…แต่ว่าน้องบัวมีปัญหาอะไรเหรอคะ?” เมื่อหญิงสาวได้รับ ‘คำสั่งพิเศษ’ มาอีกแล้วจึงถอนหายใจเบา ๆ อย่างใจเย็นและพยายามเก็บอาการไว้ให้ได้มากที่สุด แม้ว่าเธอมีความใคร่รู้อยากถามมากขนาดไหน แต่ด้วยสายตาของท่านประธานและยามป้อมที่มองมาทางหล่อนเป็นคำตอบหนึ่งเดียวที่ทำให้คำถามในหัวนั้นหายไปในทันที
“รับทราบค่ะท่าน ดิฉันจะจัดการให้ค่ะ” เธอก้มหน้าก่อนจะเดินจากไปเพื่อจัดการในสิ่งที่เธอเพิ่งจะเอ่ยวาจาไปเมื่อกี้
ตอนนี้ยามป้อมและประธานชานนท์ได้อยู่ด้วยกันเพียงลำพังแล้ว
“เธอแพ้งั้นหรือ?” ท่านประธานถามด้วยน้ำเสียงอันเรียบเย็นฟังดูไร้จิตวิญญาณถึงที่สุด
“ครับท่าน” ยามป้อมตอบพร้อมแสยะยิ้มออกมาอย่างชั่วร้าย “นางแพ้”
“งั้นก็ช่างมัน เงินก้อนต่อไปจะถูกโอนเข้าไปในบัญชีของนาย ภายในบ่ายโมงของวันนี้” ท่านประธานเอ่ยเพียงเท่านั้นก่อนจะเดินเข้าไปในลิฟต์และพาเข้าขึ้นไปยังชั้นที่สามสิบ
เพียงไม่กี่อึดใจ กล่องเหล็กเคลื่อนที่ได้พาชายหนุ่มมายังห้องทำงานเป็นที่เรียบร้อย เขาก้าวเท้าออกจากลิฟต์พร้อมเลื่อนสายตาสอดส่องไปรอบ ๆ ห้องอย่างฉงนใจพลางทำจมูกฟุตฟิตอยู่เล็กน้อย เขาสังเกตเห็นหนังสือนิยายเรื่องโปรดของเขาโดยมีตัวหนังสือพิมพ์อยู่ว่า ‘Fifty Shade of Gray’ วางอยู่บนพื้นหน้าชั้นวางหนังสือซึ่งในความเป็นจริงมันควรจะอยู่บนนั้น ส่วนหนังสือนิยายในชุดเดียวกันอีกสองเล่มยังคงวางอยู่ที่เดิมโดยเหลือช่องว่างไว้หนึ่งช่อง ประธานหนุ่มจึงหยิบมันขึ้นมาวางไว้ในที่ที่มันอยู่ก่อนจะย้ายตัวเองมานั่งอยู่ที่เก้าอี้หนังสีดำก่อนจะพิจารณาเอกสารต่าง ๆ บนโต๊ะ
ส่วนมากจะเป็นเอกสารทั่วไปซึ่งเป็นรายงานให้ทราบเท่านั้นหรือไม่ก็เป็นรายการขอซื้อบางอย่างซึ่งต้องได้รับการอนุมัติจากประธานก่อนถึงจะสามารถดำเนินการได้ เขาอ่านเอกสารแต่ละแผ่นด้วยความรวดเร็วเพื่อตรวจทานความเรียบร้อย เผื่อว่ามีจุดไหนจำเป็นต้องได้รับการแก้ไข ไม่อย่างนั้นบริษัทอื่น ๆ ที่จะติดต่อซื้อขายจะเป็นขี้ปากเขาเอาได้ เมื่อไม่พบจุดไหนที่ผิด เขาจึงเอนหลังพิงพนักพิงของเก้าอี้แล้วยิ้มอย่างพอใจ สายตาของเขามองไปยังหนังสือปกสีแดงฉานซึ่งเด่นเป็นสง่าอยู่บนชั้นวางหนังสือก่อนจะเลื่อนสายตาไปมองเวลาที่นาฬิกาข้อมือ
อีกห้านาทีก็จะเริ่มต้นประชุมบอร์ดบริหาร…ไว้ค่อยประชุมเสร็จค่อยขึ้นมาทำเรื่องสนุก ๆดีกว่า
แค่คิดว่าจะได้ทำเรื่องสนุก รอยยิ้มของท่านประธานชานนท์ได้แสยะกว้างออกมาราวกับปีศาจซาตาน เพียงไม่กี่วินาทีดูเหมือนว่าเขาจะรู้ตัวจึงรีบยกมือขึ้นมาป้องปากตัวเองพร้อมกับหอบหายใจถี่แรง หัวใจเต้นโครมครามอยู่ในอกแทบจะทะลุออกมาอย่างบ้าคลั่ง
ให้ตายสิ…เก็บอาการไม่อยู่เลย…
ประธานชานนท์ตัดสินใจลุกขึ้นก่อนจะเดินไปยังลิฟต์เพื่อพาเขาลงไปยังชั้นยี่สิบเก้าซึ่งเป็นชั้นที่ทำงานของบอร์ดบริหาร ห้องประชุมลับเฉพาะผู้บริหารระดับสูงเท่านั้นที่สามารถใช้ห้องนี้ เพราะกำแพงรอบด้านได้ปูวัสดุป้องกันเสียงซึมผ่านได้อย่างดี หมายความว่าข้อมูลจะไม่มีวันได้รั่วไหลอย่างแน่นอน
บอร์ดบริหารส่วนมากจะเป็นชายวัยกลางคนค่อนข้างจะเอนเอียงไปถึงคำว่า ‘ชราภาพ’ แล้ว แต่ด้วยความที่ตัวเองนั้นไม่ใช่ราชการจึงมีอิสระในการกำหนดเวลาเกษียณอายุตัวเองได้ตามใจชอบหรือตามสังขารของตัวเอง
“สวัสดีครับบอร์ดบริหารทุกท่าน เรามาเริ่มประชุมกันในช่วงเช้านี้กันเลยดีไหมครับ?” ประธานหนุ่มเดินก้าวฉับ ๆ ด้วยความคล่องแคล่วมานั่งที่เก้าอี้หัวโต๊ะประจำตำแหน่งพร้อมเปิดการประชุมในทันทีเพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลา
…………………………………………
การประชุมกับบอร์ดบริหารนั้นมักจะใช้เวลาค่อนข้างนานเนื่องจากบอร์ดทุกคนจะมีอีโก้ของตัวเองอยู่ไม่น้อย คนพวกนี้มักจะไม่ค่อยทำอะไรมากนอกจากเตือนสติในสิ่งที่ประธานชานนท์ต้องการจะทำ วันนี้พวกเขาได้คัดค้านในเรื่องของการลงทุนเพิ่มในเรื่องของฟีเจอร์ใหม่ ๆ ของบ้านอัจฉริยะ ‘ยอนอู’ มากมาย ซึ่งต้องการใช้เงินลงทุนมหาศาลและลูกค้าบางคนก็ยังไม่พร้อมที่จะใช้งานฟีเจอร์ดังกล่าวเสียด้วยซ้ำ จึงสร้างความเคลือบแคลงใจให้กับท่านประธานหนุ่มสุดหล่อคนนี้ได้ เขาคิดว่าตัวเองมีสภาพไม่ต่างจากสตีฟ จ๊อป ในช่วงเวลาที่เขาถูกบอร์ดเขี่ยออกไปจากบริษัท เขาคิดมาตลอดว่าถ้าเขาไม่พัฒนาอะไรสักอย่างเรื่อย ๆ เขาจะต้องโดนแบบนั้นอย่างแน่นอน
แต่สุดท้ายแล้วก็ต้องเดินทางสายกลางเป็นอย่างเดียวเท่านั้น
เขานั่งหมุนเก้าอี้อยู่ในห้องทำงานพลางคิดนั่นนี่ไปเรื่อยโดยในมือยังคงถือสมาร์ตโฟนรุ่นล่าสุด แต่หน้าจอนั้นได้แสดงภาพกล้องวงจรปิดจากที่ไหนสักแห่ง โดยจะเป็นห้องเปิดไฟสีแดงฉานสาดส่องไปทั่ว โดยกลางห้องนั้นมีผู้หญิงคนหนึ่งที่ถูกมัดด้วยกุญแจมือเหล็กและมีผ้าสีดำปิดตาและปากอย่างน่าสงสาร เธอนั่นนิ่งไม่ไหวติงอยู่ได้มาเป็นชั่วโมงแล้วจนทำให้คิดว่าเธอไม่ได้มีชีวิตอยู่บนโลกนี้แล้วจริง ๆ แต่เมื่อชายหนุ่มสังเกตเห็นว่าหน้าอกของเธอนั้นกระเพื่อมเบา ๆ จึงทำให้มั่นใจได้ว่าไม่ได้เป็นไปตามที่เขาคิด
“เธอจะไม่มีทางได้ตายในเร็ว ๆ นี้หรอก นางขี้เสือกเอ้ย” เขาพูดออกมาอย่างไม่รู้ตัวราวกับพระเอกละครหลังข่าว สายตาอันแสนเยือกเย็นจับจ้องไปที่ร่างกายอันแสนเปลือยเปล่าของหญิงสาวผู้ถูกพันธนาการไว้ก่อนจะเลื่อนมือไปกุมที่เป้ากางเกง ของแข็งเป็นท่อนตุงจนแทบจะทะลุกางเกงแล้ว เขาพยายามระงับอารมณ์ส่วนนี้อยู่เต็มที่แต่สุดท้ายก็ต้องยอมจำนนให้กับความปรารถนาในกายสตรี
บางอย่างฉุดให้ประธานหนุ่มลุกขึ้นยืนพร้อมเดินมายังชั้นวางหนังสืออย่างรวดเร็ว สายตายังคงเพ่งจ้องไปยังหนังสือสันปกสีแดงเด่นเป็นสง่าท่ามกลางสันหนังสือปกสีดำ มืออันใหญ่หยาบกร้านพุ่งเข้าไปคว้ามันก่อนจะดึงออกมาเพียงเล็กน้อย ไม่กี่อึดใจจึงมีเสียงกลไกบางอย่างเริ่มทำงาน ขั้นหนังสือไม้ค่อย ๆ ขยับเลี่อนไปด้านข้างเผยให้เห็นประตูทางเข้าไปยังห้อง ๆ หนึ่งซึ่งมองเข้าไปเจอแต่ความมืด ยามที่จ้องมองความมืดอันว่างเปล่าอยู่นานอาจจะทำให้จินตนาการไปถึงว่าจะมีผีปีศาจพุ่งเข้ามาจู่โจมก็เป็นได้
แต่ประธานชานนท์ไม่เชื่อในเรื่องของสิ่งเหล่านั้นสักเท่าไหร่
ชายหนุ่มก้าวขาฉับ ๆ เข้าไปพร้อมกับถอดเสื้อคลุมสูทออกทันที รวมถึงพับแขนเสื้อขึ้นเผยให้เห็นกล้ามเนื้ออัดแน่นเด่นชัดอยู่ตามแขนราวกับนักสู้ เขาเอื้อมมือไปคว้าอะไรบางอย่างก่อนจะกระตุกเพียงหนึ่งครั้ง ไฟในห้องนั้นก็เปิดขึ้นในทันที ห้องทั้งห้องทาด้วยสีแดง รอบ ๆ มีอุปกรณ์ทรมานทางเพศเรียงรายอยู่มากมาย ไม่ว่าจะเป็นโซ่ แส้ กุญแจมือ เทียนสีแดงจำนวนมาก เข็มขัดหนังต่าง ๆ เนทไท ชุดยางสีดำในหุ่นลองเสื้อ หน้ากากเป็นสิบ ๆ แบบ ติดอยู่บนผนังเพื่อเพิ่มอรรถรส เขาพิจารณาของทั้งหมดในห้องอย่างเงียบ ๆ ก่อนจะตัดสินใจเลือกแส้ยางและเข็มขัดหนังสีดำก่อนจะเลี้ยวไปยังประตูสีดำด้านขวามือ
ซึ่งนั่นเป็นห้องที่มีกล้องวงจรปิดอยู่
“ผมมาแล้วครับที่รัก” หญิงสาวปริศนาผู้ถูกพันธนาการอยู่สะดุ้งโหยงและเคลื่อนไหวร่างกายด้วยความกระวนกระวายใจเมื่อได้ยินเสียงจากผู้ที่ภาวนาให้ปล่อยเธอไป “ไม่ต้องดีใจที่ผมเข้ามาหาคุณขนาดนั้นก็ได้ครับที่รัก เมื่อคืนนี้ยามป้อมคงจะพากะหรี่ขึ้นมาที่นี่แล้วเล่นสนุกกับคุณนิดหน่อยด้วยจริงไหมครับ? เรื่องนั้นผมไม่โกรธหรอกเพราะว่าเป็นเพื่อนกัน แม้จะต่างสถานะก็ตามที แต่คุณ…โชคดีแค่ไหนที่ผมไม่ยอมแต่งงานด้วย แต่ผมก็ไม่อยากเสียคุณไป คุณเข้าใจผมไหม? ผมไม่อยากแต่งงานกับคุณ แต่ผมก็ไม่อยากเสียคุณไป แล้วจะทำยังไงดีล่ะ ที่เราจะสามารถอยู่ด้วยกันได้โดยที่คุณไม่ต้องไปหาอย่างอื่น ผมเป็นประธานบริษัทที่คิดค้นนวัตกรรมอันเลิศล้ำที่จะพลิกชีวิตของคนนับล้าน แต่กลับมีปัญหากับคนรักจนต้องแยกทางกัน มันเหมือนเป็นสิ่งที่ทำให้ผมรู้สึกถึงความด่างพร้อยของตัวเอง แล้วคุณก็ไม่ได้ให้ความร่วมมือด้วยแถมคุณยังไปเสือกเรื่องอีกด้านหนึ่งของผมที่ผมจะไม่สามารถปล่อยคุณออกไปสู่โลกภายนอกได้ การที่คุณได้มาอยู่ในห้องนี้ก็ถือว่าชะตาขาดแล้วล่ะครับ ไม่มีใครจะตามหาคุณได้นอกจากผมจะอนุญาตให้ออกไป ซึ่งเรื่องนั้นจะไม่มีทางเกิดขึ้นได้อย่างแน่นอน”
“อื้อ!! $% (=@#$!~!$%+!!” หล่อนเริ่มกรีดร้องในลำคอไม่เป็นภาษา
“ก่อนหน้านี้ผมให้โอกาสคุณเพื่อที่จะวิ่งหนีออกไปจากที่นี่ด้วยเกมวิ่งไล่จับ” เขาลูบไล้ร่างกายซึ่งปกคลุมไปด้วยเสื้อผ้าที่ฉีกขาด มีรอยแดงปรากฏขึ้นเด่นชัดด้วยแส้อย่างแผ่วเบา นั่นก็เพียงพอที่จะทำให้หญิงสาวปริศนานั่นสะดุ้งสุดตัวด้วยความหวาดกลัวอันถึงที่สุด “แต่คราวนี้เราจะเล่นซ่อนหากัน คุณเป็นพวกขี้เสือกเรื่องชาวบ้านอยู่แล้ว คุณจะหาทุกวิถีทางเพื่อที่จะเสือกเรื่องนั้นเรื่องนี้จนเจอไม่ต่างจากนักสืบ…ให้ตายสิ คุณน่าจะไปเป็นนักสืบนะ เงินดีเสียด้วย แต่น่าเสียดายที่คุณต้องมาลงเอยกับผมแบบนี้”
เขาหยิบกุญแจไขปลดพันธนาการของเธอโดยที่ยังคล้องกุญแจมือไว้หนึ่งข้างพวกไม่ให้หล่อนหนีได้ แต่เท่าที่ดูสภาพอันร่อแร่ของหล่อนแล้ว จะให้หนีสุดชีวิตโดยที่มีเขาไล่หลังมาด้วยอาจจะจบง่ายเกินไป
มันไม่สนุก
“ผมจะเปิดตาคุณ แต่จะไม่เปิดปากเพราะคุณไม่จำเป็นต้องใช้ปาก คุณหนีผมไปให้ได้หรือซ่อนให้มิดจนผมหาไม่เจอ โดยผมจะให้โอกาสด้วยการนับหนึ่งถึงสิบอย่างช้า ๆ เพื่อที่คุณจะได้หนีออกไป แล้วจะไปแจ้งความหรืออะไรก็แล้วแต่ ถ้าผมเจอคุณ คุณจะต้องถูกทรมานมากกว่าเดิมหลายสิบเท่าเพื่อเป็นการทำโทษในความไม่เอาไหนของคุณ เข้าใจนะ?”
หญิงสาวพยักหน้าก่อนจะถูกเปิดตา แสงสว่างลาง ๆ ได้แยงใส่ดวงตาอันมืดมิดทำให้เธอต้องใช้เวลาในการปรับสภาพดวงตาให้เรียบร้อย
“หนึ่ง” เธอสะดุ้งขึ้นเมื่อได้ยินเสียงนับของอีกฝ่ายโดยไม่ได้แจ้งล่วงหน้า จู่ ๆ สารอะดรีนาลีนในร่างกายดันสูบฉีดอย่างบ้าคลั่ง ทำให้เธอวิ่งออกไปที่ประตูหลังชายหนุ่ม แต่เมื่อเปิดออกมาไม่พบกับห้องเก็บของทรมานเหล่านั้น แต่เป็นทางเดินยาว ๆ สีแดงฉานราวกับเลือด เธอตะลึงได้สักครู่หนึ่งพร้อมกับสมองที่ขุ่นมัว
“สอง” หญิงสาวไม่มีเวลาแล้ว เธอกัดฟันแน่นพร้อมกับออกแรงถีบตัววิ่งเข้าไป เมื่อไปสุดทางจึงเจอกับทางแยกสองทาง เมื่อสัญชาตญาณของหล่อนได้เลือกทางซ้าย เธอจึงทำตามนั้น แต่แล้วก็เจอทางแยกสามทาง เมื่อเลี้ยวไปทางสัญชาตญาณไปเรื่อย ๆ เธอจึงเริ่มรู้สึกหลงทาง
“สาม” ดวงตาของเธอล่อกแลกไปมา มองสลับซ้ายขวาด้วยความกดดันอย่างถึงที่สุด
“สี่” เธอติดอยู่ในเขาวงกตเสียแล้ว…รอบก่อนหน้าที่เธอวิ่งไล่จับกลับประธานชานนท์นั้นไม่ใช่เขาวงกตแบบนี้ เธอเกือบจะชนะแล้วแท้ ๆ แต่สุดท้าย ประธานคนนั้นก็สามารถจับเธอได้อยู่ดี รอบนี้ก็คงไม่ต่างกัน
“ห้า” เธอหยุดวิ่ง ร่างกายอันสั่นเทิ้มกำลังจะทรุดลงกับพื้นพรมสีแดงด้วยความหมดหวัง
“หก” น้ำตาไหลเป็นสายน้ำ พลางนึกถึงอดีตอันเจ็บแสบระหว่างเธอกับท่านประธาน
“เจ็ด” เธอแค่จับได้ว่าท่านประธานได้ก่อตั้งบริษัทนี้ขึ้นมาเพื่อฟอกเงินและขโมยนวัตกรรมสมาร์ตโฮมจากเพื่อนสนิทจัดการฆ่าปิดปากมาเป็นของตัวเอง ทำให้เงินสะอาดที่ไหลมาเทมาทับถมเงินสกปรกจนมิด
“แปด” คนที่รวมหัวกันฆ่าก็คือ ท่านประธานชานนท์และยามป้อม! แม้ว่าตอนนี้จะยังไม่มีหลักฐานอะไร แต่ถ้าเธอสามารถออกไปจากที่นี่ได้ เธอจะแจ้งความข้อหาทำร้ายร่างกายและกักขังหน่วงเหนี่ยวแล้วเธอจะจ้างทนายเก่ง ๆ มาเปิดโปงสิ่งที่ท่านประธานได้ทำออกมาให้หมด!!
ไอ้คนชั่ว…
“เก้า!!” เดี๋ยวนะ…ทำไมเสียงมันอยู่ใกล้กันจัง…
“สิบ!!” หญิงสาวลุกขึ้นพรวดพร้อมกับพุ่งเข้าไปเอาหลังแนบชิดกับกำแพง “จะไปหาแล้วนะ! ซ่อนตัวให้ดี เขาวงกตอันนี้ผมสร้างขึ้นมาใหม่ก็เพื่อคุณเลย ถ้าคุณหาทางออกไปยังห้องเก็บของทรมานของผมได้ก็ถือว่าคุณชนะแล้วผมก็จะปล่อยคุณออกไปเป็นอิสระ จะว่ายังไงดีล่ะคุณเจน?”
ใช่…’ เจน’ คือชื่อของเธอ ไม่มีใครเรียกเธอในชื่อนี้นับตั้งแต่ถูกนำตัวเข้ามาในนี้แล้ว
เธอค่อย ๆ ขยับตัวเข้าไปในความมืดโดยที่แสงไฟจากเพดานไม่สามารถส่องผ่านเข้ามา เมื่อไหล่ชิดมุมเธอกัดฟันแน่นและลุ้นจนตัวโก่งเมื่อได้ยินเสียงฝีเท้าค่อย ๆ ดังเข้ามา โดยปกติแล้วประธานชานนท์จะเล่นไม่ซื่อกับเหยื่ออยู่แล้วเพื่อความหรรษาของตัวเอง ด้วยการหลอกให้เหยื่อตายใจก่อนจะเล่นโกงจนตัวเองชนะ
เกมแบบนี้มันไม่แฟร์แม้แต่นิดเดียวและดูเหมือนว่านี่จะไม่ใช่ครั้งแรกที่เขาทำแบบนี้
“อยู่ไหนกันน้า…เจนสุดที่รักของผม” ไม่กี่อึดใจต่อมา ร่างของเขาก็ปรากฏและหันมามองทางหญิงสาวในทันที เธอก็กัดริมฝีปากเต็มแรงจนทะลุเนื้อโลหิตไหลเป็นทางเพื่อระงับเสียงตัวเองเอาไว้พร้อมกับกลั้นหายใจ แต่ด้วยความที่โชคช่วยจากเงาดำปกคลุมอยู่บนร่างกายของเธอจึงทำให้รอดมาได้
“ถ้าตามฝีเท้ามาเธอก็น่าจะมาทางนี้นี่นา” เขาพูดขึ้นก่อนจะเดินจากไป เธอจึงค่อย ๆ คลายความตึงเครียดเหล่านี้ลงด้วยความโล่งอก
ตามฝีเท้างั้นเหรอ…? เขาเห็นได้ยังไง…?
เจนก้มลองลงไปบนพรม จึงทำให้ทุกอย่างได้กระจ่าง พรมชนิดนี้เป็นหนึ่งในสินค้าของทางบริษัทซึ่งจะเผยรอยเท้าเป็นสีนีออนขึ้นมาชั่วขณะก่อนจะหายไป…เขาตามสิ่งนี้มางั้นสิ…
นั่นหมายความว่า….
“เจอตัวแล้ว!!!” เสียงตะโกนของประธานโรคจิตดังขึ้นทำให้สติของเจนแตกกระเจิง เธอเผลอแผดเสียงกรีดร้องดังลั่นด้วยความตกใจ แต่ในความเป็นจริงประธานชานนท์ไม่ได้เห็นตัวเธอ แต่เป็นการแหกปากแผดเสียงเพื่อให้เหยื่อหลุดเสียงออกมา ซึ่งมันได้ผลอย่างร้อยเปอร์เซ็นต์ “อ่าฮ้า!! อยู่ตรงนั้นนั่นเอง!!”
จากนั้นเสียงฝีเท้าก็ค่อย ๆ ดังเข้ามาเรื่อย ๆ หญิงสาวเตรียมออกวิ่งอย่างไม่คิดชีวิต ไม่รู้ว่าทางออกที่แท้จริงจะไปทางไหน การที่ในห้องกักขังนั้นมีประตูทางเข้าออกแต่บานเดียว แต่ด้วยความสามารถของประธานจึงทำให้ห้องทั้งห้องนั้นหมุนไปยังห้องเขาวงกตนี้ได้ อีกทั้งเขาวงกตเก่าที่เธอเคยเจอนั้นก็จำทางไม่ได้เสียแล้ว ไม่ว่าจะเข้ามากี่ครั้งก็ต้องใช้สัญชาตญาณในการคลำทาง หากว่าเจอทางตัน…คือจบเห่…และนั่นคือสิ่งที่หญิงสาวเจอในครั้งที่แล้ว
“ผมได้กลิ่นเลือดของคุณ ผมได้กลิ่นฟีโรโมนที่ออกมาจากตัวคุณ ผมกำลังตามกลิ่นนั้นอยู่ ซู้ดดดดดด!! มันหอมเหลือหลาย! ทำให้น้องชายผมอยู่ไม่สุขเสียแล้วสิ!!” เสียงของประธานตามไล่หลังมาติด ๆ เมื่อหันไปมองด้านหลังจึงพบกับมัจจุราชเดินก้าวฉับ ๆ เข้ามาด้วยความเร็วอันเหนือชั้น “มาเถิดนะที่รัก มาอยู่กับผม ผมจะทำให้คุณมีความสุขไม่ว่าจะเป็นหรือตาย ให้ผมได้ลิ้มรสร่างกายของคุณ ให้ผมได้ชำแหละอวัยวะภายในของคุณมาเชยชม ผมจะควักหัวใจของคุณมาแล้วครอบครองให้เป็นของผมตลอดกาล กลับมาหาผมเถิดนะเจน”
“ไม่กลับโว้ย! ไอ้โรคจิต!!”
“เขาว่าผมโรคจิตอ่ะ…” ประธานชานนท์หันมาคุยกับคนอ่าน “แม่งโคตรฟินเลยโว้ย!! กางเกงตุงไปหมดแล้ว อย่างจะระเบิดออกมาจังเลย!!”
เจนกัดฟันออกแรงวิ่งอีก ข้อมือของหญิงสาวในตอนนี้เกิดแผลที่ถูกบาดโดยกุญแจมือมากมายจนตอนนี้เธอแทบจะไม่มีความรู้สึกแล้ว ต้องขอบคุณสารอะดรีนาลีนนี่จริง ๆ ที่สามารถต่อชีวิตให้เธอรอดได้…เพราะว่าประตูนั่น อยู่ด้านหน้าของเธอแล้ว ชัยชนะอยู่เพียงแค่เอื้อม เพียงแค่คว้าลูกบิดแล้วผลักออกไป อิสรภาพก็จะอยู่กับเธอ เมื่อสามารถคว้าลูกบิดประตูได้ เธอจึงผลักเข้าไปสุดแรง
“!!!”
ไม่ขยับ…ไม่ขยับเขยื้อนเลย!!
นี่มันเกิดอะไรขึ้น!!
อีประธานนั่นมันขี้โกง!!
“มาถึงแล้ว!!!” เสียงของประธานแผดขึ้นอย่างไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ยทำให้ร่างกายของหญิงสาวอ่อนยวบไปในทันที ตามมาด้วยความเจ็บปวดอันแสนทรมานจากแส้และเข็มขัดซึ่งถูกฟาดลงมาเต็มแรงกายชายชาตรี เสียงฟาดดังลั่น น้ำตาของหญิงสาวไหลริน มือเอื้อมไปสุดแขนเพื่อไขว่คว้าหาอิสรภาพซึ่งไม่มีอยู่จริง สติสตังของเจนค่อย ๆ เลือนราง ริมฝีปากอันแห้งผากเต็มไปด้วยแผลมีลมหายใจอันแผ่วเบาเข้าออก จิตวิญญาณของเธอกำลังจะออกจากร่าง นี่เป็นการเอาตัวรอดครั้งสุดท้ายของหญิงสาวที่ชื่อเจน
เมื่อประธานตีเธอจนหนำใจจึงก้าวเท้าข้ามร่างอันเล็กร่างของหล่อนก่อนจะจับลูกบิด แทนที่มันจะสามารถผลักออกไปหรือดึงเข้าหาตัว แต่กลับกลายเป็นว่าเขาดันเลื่อนบานประตูไปทางด้านข้าง!! ประตูเปิดออกพร้อมกับมีใครคนหนึ่งยืนจังก้าอยู่
คน ๆ นั้นก็คือ ‘ยามป้อม’ นั่นเอง!!
“ว้า! วันนี้ประธานก็เก็บเอาไปกินคนเดียวอีกแล้วเหรอครับ?” เขาแสยะยิ้มให้กับร่างอันไร้วิญญาณของเจน “แบบนี้ผมต้องเสียเงินเดิมพันไหมล่ะครับเนี่ย?”
“ไม่เอาดีกว่า วันนี้ถือว่าเป็นการออกกำลังกายไปก็แล้วกัน ว่าแต่ตอนนี้เลขาส่วนตัวคนใหม่ของผมล่ะ?”
“กำลังได้รับการทดสอบไหวพริบครับ”
“อย่างนั้นเองหรือ?” ประธานผงกศีรษะ “คราวนี้ขอแบบดี ๆ แล้วไม่ขี้เสือกเหมือนคนก่อน ๆ ก็แล้วกัน”
“มันก็คงจะเป็นไปได้ยากครับ” ยามป้อมแสยะยิ้ม “คนไทยอย่างเรา ๆ นั้นมันขี้เสือกจะตายไป”
“ก็นั่นแหละ คนที่ไม่เป็นแบบนั้นมีน้อยจริงไหม การที่จะขุดเพชรสักก้อนก็ต้องหาให้ลึก ๆ ซึ่งถูกปกคลุมไปด้วยดินสกปรก ฝากจัดการศพให้ทีด้วยล่ะ ผมจะไปพักผ่อน” ชายหนุ่มพูดดังนั้นแล้วจึงเดินออกไปจากห้องพร้อมอาวุธคู่ใจในมือทันที
ยามป้อมมองผู้เป็นเพื่อนสนิทเดินลับหลังไป เข้าจึงย่อตัวและยื่นมือเข้าไปขยี้หน้าอกของศพพร้อมกับแสยะยิ้มกว้างกว่าเดิมก่อนจะเริ่มถอดกางเกงลง…
“ไม่นะครับพี่น้อง…”
_________________________________________________
To Be Continue CHAPTER 4