อยู่ตัวใครตัวมันก็ดีอยู่แล้ว ไม่น่าก้าวก่ายเรื่องราวคนอื่น ส่งผลให้ชีวิตกลับตาลปัตรกลายเป็นผู้ที่อยู่ใกล้กับความตา
ระทึกขวัญ,ชาย-หญิง,เลือดสาด,ไทย,พล็อตสร้างกระแส,สืบสวนสอบสวน,ดราม่า,สยองขวัญ,ผี,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
Hide and Seek เสือก-ซ่อน-ตายอยู่ตัวใครตัวมันก็ดีอยู่แล้ว ไม่น่าก้าวก่ายเรื่องราวคนอื่น ส่งผลให้ชีวิตกลับตาลปัตรกลายเป็นผู้ที่อยู่ใกล้กับความตา
เลขาสาวดวงซวยลืมเอกสารสำคัญไว้ที่บริษัทจึงลากเพื่อนไปเอาในเวลาดึกดื่นโดยที่ไม่รู้ว่ามันจะเป็นคืนสุดท้ายของพวกหล่อน เมื่อพบกับความลับอันดำมืดบางอย่างของบริษัทนี้
สามเดือนแล้วที่ตัวเองไม่มีรายได้เข้ามาหลังถูกบริษัทปลดจนพ้นสภาพพนักงานฝ่ายขายเนื่องจากไม่สามารถยอมรับพฤติกรรมอันชอบล่วงละเมิดทางเพศพนักงานหนุ่มถึงขั้นกลับบ้านด้วยกันหลังเลิกงานไม่ซ้ำคน แน่นอนว่ากลายเป็นเรื่องราวใหญ่โตจนเหลือเพียงประธานหนุ่มซึ่งเป็นเพศชายคนเดียวที่ยังไม่พูดฉันกิน แน่นอนว่าฉันทั้งยั่วทั้งยวนจนเกือบโลมเลียไม่เหลือความหวาน สุดท้ายจึงตกม้าตายก่อนจะได้ชื่อว่า ‘ราชินีผู้กินผู้ชายหมดบริษัท’
ฉันใช้เงินที่เก็บมานานไปจนเกือบหมด ตัวเลขในบัญชีเหลือเพียงหลักร้อย ความคิดในหัวกลับมาทำงานหลังจากพักร้อนมานานจึงรู้ว่าด้วยจำนวนเงินแค่นี้อยู่ไม่ถึงสัปดาห์แน่จึงรีบท้องโลกอินเตอร์เน็ตเพื่อหาผู้ชาย…เอ้ย! เพื่อหางานซึ่งเข้ากับความเป็นสาวขี้เกียจ
เมื่อสอดส่องไปเรื่อย ๆ จึงมีตัวเลือกจำนวนสามงาน
งานแรกเป็นพนักงานฝ่ายขายสินค้าประเภทเครื่องใช้ไฟฟ้า อีกทั้งยังเป็นแบรนด์ดังแถมเงินเดือนสูงลิ่ว รวมถึงสวัสดิการช่างล่อตาล่อใจเสียเหลือเกิน งานที่สองเป็นพนักงานขายทางโทรศัพท์ เงินเดือนเริ่มต้นระดับปริญญาโท ทั้ง ๆ ที่ฉันจบเพียงปริญญาตรี แต่สวัสดิการดีกว่าบริษัทแรกเป็นไหน ๆ ส่วนงานสุดท้ายเป็นพนักงานขายบัตรในสวนสัตว์
ทั้งใบสมัครและเรซูเม่ที่ส่งไปถูกตีกลับทั้งหมดพร้อมด้วย Feedback กลับมาด้วยเรื่องของประวัติการทำงานรวมถึงสาเหตุถูกไล่ออกซึ่งไปหามาจากไหนไม่อาจรู้ได้
"ไม่รู้ซะแล้วว่าดิฉันนี่ระดับท็อปเซลล์ ผู้ได้ฉายาว่า 'บัว เจ้าแม่นักขาย' เชียวนะเฟ้ย! กะอีแค่เรื่องถูกไล่ออกเพราะกินผู้ชายเกือบทั้งบริษัทมันจะทำให้บริษัทล้มละลายไปยันชาติหน้าเลยหรือยังไง!?" หญิงสาวบ่นกระปอดกระแปดบนเตียงด้วยความหงุดหงิด "มันก็แค่งานอดิเรกส่วนตัวทำแก้เบื่อระหว่างงานเท่านั้นเอง ทำให้เป็นเรื่องใหญ่โตไปได้!!"
หญิงสาวถอนหายใจแรงก่อนนอนหงายบนเตียงแสนอ่อนนุ่ม เธออาศัยอยู่ในห้องพักขนาดสี่คูณสี่เมตรแห่งอพาร์ทเม้นท์ค่ายมวย สาเหตุที่ชื่อนี้เพราะเจ้าของอพาร์ทเม้นท์เป็นครูมวยเก่าจึงสร้างค่ายมวยขึ้นเพื่อฝึกสอนศิลปะการต่อสู้ป้องกันตัว แน่นอนว่าฉันไม่พลาดสมัครเรียนเพื่อจะได้เชยชมมัดกล้ามแน่น ๆ ของพวกเหล่าครูและลูกศิษย์ ด้วยความที่มีหุ่นบางกรอบหน้าอกหน้าใจอึ๋มจนใครต่อใครต้องหันมามอง แต่ขอโทษทีค่ะ ของแท้แม่ให้มา ไม่ได้เกิดจากการยัดซีลิโคนใด ๆ ทั้งสิ้น
พอคิดไปคิดมา จึงคิดว่ามันเลยเวลาจ่ายค่าห้องพักและค่าครูมวยไปนานแล้ว แต่ครูต้อมผู้เป็นเจ้าของอพาร์ทเม้นท์ยังไม่ขึ้นมาทวง สงสัยคงจะกุ๊กกิ๊กอยู่กับภรรยาสาวสวยคนนั้นแน่นอน
แต่ฉันสวยกว่า!!
กริ๊งงงง!!!
เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นทำลายความเงียบ ฉุดฉันให้กลับมาสู่โลกแห่งความจริงหลังลั้ลลาอยู่ในห้วงมิติแห่งจินตนาอนันตกาล ฉันปล่อยให้มันดังไปสักครู่เพื่อสะบัดศีรษะไล่ความคิดไร้สาระออกไป พลางคิดตั้งคำถามในหัวว่า ‘ใครโทรมา?’ เมื่อหงายหน้าจอมือถือขึ้นมาดูปรากฏเป็นชื่อ ‘Unkhown Number’ แต่แล้วสายก็ดับไป ฉันจึงเอียงคอด้วยความสงสัยก่อนสายเข้าด้วยชื่อเดิมอีกครั้ง ในใจเริ่มหวาดหวั่นเพราะกลัวว่าจะเป็นแก๊งค์คอลเซ็นเตอร์โทรเข้ามาก่อกวนประสาทจนเอาเงินไปหมดบัญชี แต่ขอโทษทีว่าฉันเองตอนนี้เหลือเงินไม่ถึงหนึ่งพันบาท หากเอาไปได้มันคงหัวเสียน่าดู ทั้งฉันทั้งเขาเลย
“หวัดดีค่า” ฉันตัดสินใจรับสายเมื่ออีกฝ่ายโทรเข้ามาอีกรอบ ราวกับเป็นการเดิมพันครั้งสำคัญโดยมีเงินที่มีอยู่น้อยนิดในบัญชีธนาคาร หากฟ้าฝนยังเข้าข้าง ฉันคงไม่เสียอะไร อีกทั้งอาจจะมีลาภลอยเข้ามาหาก็เป็นได้ “นี่บัวรับสายค่าถ้าเป็นคอลเซ็นเตอร์ล่ะก็ จะบอกไว้ก่อนว่าตอนนี้ฉันมีเงินแค่ห้าร้อยบาทในบัญชี ถ้าหากต้องการเงินจำนวนนั้นให้บอกเลขที่บัญชีของคุณมาจะดีกว่า เพราะอีกไม่อย่างนั้นเงินนี่จะไร้เจ้าของในทันที”
“ยินดีด้วยค่ะคุณบัว ดิฉันติดต่อมาเพื่อจะบอกว่าคุณได้งานแล้วค่ะ” เสียงของสาววัยสามสิยต้น ๆ เอ่ยออกมาจากปลายสายด้วยน้ำเสียงสดใสแต่แฝงความผู้ใหญ่ที่บรรลุนิติภาวะทางใจ
ฉันชะงักในคำตอบของปลายสายโดยไม่ได้นึกถึงประโยคนี้แม้แต่น้อย โอกาสคือหนึ่งในล้านเลยทีเดียวแถมหวยยังมาออกที่ฉันอีก
ให้ตายสิ...ทำไมเวลาซื้อหวยไม่เคยถูกแบบนี้สักครั้งเลยฟ่ะ!!
“อะ...เออ...คุณไม่ได้โทรผิดแน่เหรอคะ?” ฉันแกล้งถามเพื่อความแน่ใจ แต่ในความเป็นจริงสามารถตะคลุบเหยื่อได้ทันที แทนที่เมินเพื่อความมั่นใจ
“แน่ค่ะ”
“นะ...แน่ใจจริง ๆ แล้ว...ใช่ไหมคะ?”
“ใช่แน่นอนไม่ผิดหรอกค่ะ หมายเลขโทรศัพท์ของคุณบัวคือเบอร์ 0870920184 ใช่ไหมคะ?” เมื่อปลายสายยืนยันคำเดิมเป็นครั้งที่สามจึงทำให้ฉันมั่นใจได้เพียงฟ้าสิบเปอร์เซ็นต์ว่าอีกฝ่ายคงไม่ใช่คอลเซ็นเตอร์หรือใครก็ตามที่ได้เบอร์โทรไปติดต่อมาก่อกวน
“ใช่ค่ะ...”
“ดิฉันขอแสดงความยินดีด้วยที่คุณได้รับงานนี้แล้วค่ะ กรุณาเดินทางมายังสถานที่ที่ดิฉันส่งให้ทาง SMS เลยนะคะ”
“ดะ...เดี๋ยวสิ!! ง่าย ๆ แค่นี้เลยเหรอคะ? จะไม่มีการสัมภาษณ์หรือชักถามอะไรสักหน่อยเหรอคะ?” ฉันยกมือขึ้นสางเส้นผมตัวเองด้วยความตื่นเต้น แต่สมองของฉันคิดว่าเรื่องแบบนี้อาจเป็นเรื่องฝันจึงใช้เล็บจิกหนังหัวตัวเองหนึ่งครั้งเมื่อเล็บพลาดไปถูกหัวสิวแตก ความเจ็บปวดจึงพุ่งทะยานจากปลายนิ้วเท้าสูงขึ้นยันปลายเส้นผมทำให้รู้ว่าเรื่องนี้ไม่ใช่ความฝันอย่างแน่นอน “โอ๊ะ! เจ็บ ๆ...”
“ใช่แล้วค่ะ ส่วนรายละเอียดในการทำงานเมื่อมาถึงแล้วดิฉันจะแจ้งให้ทราบอีกทีวันพรุ่งนี้...อ้อ! ลืมถามไปเลยว่าสะดวกเริ่มงานในวันพรุ่งนี้เลยไหมคะ?”
“สะดวกค่ะ! สะดวกมาก ๆ!” ฉันรีบกระโดดกินเหยื่อในทันทีโดยไม่รีรอ “ไม่มีวันไหนสะดวกมากกว่าวันพรุ่งนี้แล้วล่ะค่ะ!”
“ยอดเยี่ยมเลยค่ะ ถ้าอย่างนั้นพรุ่งนี้เวลาหกโมงเย็นเจอกันนะคะ” เมื่อปลายสายพูดจบจึงตัดสายในทันที ฉันที่ยังงงกับเวลานัดหมายจึงกดหมายเลขในประวัติการโทรไปอีกครั้ง แต่สิ่งที่ได้กลับมาคือ
“ขออภัยค่ะ เลขหมายนี้ไม่สามารถติดต่อได้ในขณะนี้!”
“อ้าว! นี่มันหมายความว่ายังไงวะเนี่ย!?” ฉันขมวดคิ้วพร้อมคำถามใหม่ผุดขึ้นมาในหัว
ติ้ง!!
ไม่กี่เสี้ยวอึดใจ มีข้อความส่งเข้ามาทางเบอร์ SMS ปรากฏว่าเป็นลิ้งค์กดเข้าไปยังโลเคชั่นสถานที่ซึ่งเป็นสวนสัตว์ ฉันไม่รอช้ารีบกดโทรไปหาอีกฝ่ายตามหมายเลขเบอร์โทรบนหัวข้อความในทันที
“ขออภัยค่ะ เลขหมายนี้ไม่สามารถติดต่อได้ในขณะนี้!”
“เอ้า! อีนี่! มันยังไงกันแน่วะ!?”
หลังจากที่จัดเรียงข้อมูลความคิดในสมองอยู่ราวหนึ่งชั่วโมง ดวงตะวันเริ่มลับขอบฟ้า เงามืดค่อย ๆ คืบคลานเข้ามาฉันได้สติราวกับจิตวิญญาณที่หลุดออกไปกลับเข้าร่าง ฉันกะพริบตาถี่รัวก่อนลุกขึ้นเปิดไฟ จากนั้นจึงทำความเข้าใจแผนที่นำทางไปยังสวนสัตว์ซึ่งกำลังจะเป็นสถานที่ทำงานแห่งใหม่ ฉันใช้เวลาแทบทั้งคืนในการค้นหาข้อมูลสวนสัตว์นิรนามแห่งนี้พลางคิดถึงคำถามมากมายหลายข้อผุดขึ้นมาไม่ต่างจากดอกเห็ด แน่นอนว่าไร้ซึ่งคำตอบใด ๆ ข้อมูลที่มีในตอนนี้มีเพียงสถานที่ไปตาม Google Map เท่านั้น แม้แต่ชื่อ รวมถึงประวัติความเป็นมาก็ไม่มีปรากฏในโลกออนไลน์แม้แต่นิดเดียว ถึงแม้ค้นหาคำว่า ‘สวนสัตว์น่าเที่ยวในจังหวัด’ ก็ไม่ปรากฏชื่อแม้แต่น้อย
ช่างเป็นสวนสัตว์ที่ลึกลับเสียจริง ในใจแอบกลัวว่ามันจะหลอกให้ไปแล้วกรรโชกทรัพย์...หึ! ฉันไม่ใช่คนโง่ที่จะหลงกลหล่อนง่าย ๆ หรอก!!
………………………………..
ฉันนั่งคิดไม่ตกอยู่นานจนกระทั่งมายืนอยู่หน้าสวนสัตว์ร้างผู้คนเวลาหกโมงเย็น ช่วงนี้เป็นเวลาโพล้เพล้ เมื่อมองเข้าไปในนั้นจึงรู้สึกเหมือนมีบางอย่างด้านในมองออกมา แม้ว่าจะเป็นพวกสัตว์ก็ตาม แต่ไม่คิดว่าพวกกรงหรือความปลอดภัยจะได้มาตรฐานเท่าไหร่ แต่ด้วยจำนวนเงินเดือนที่สูงลิ่วเทียบเท่าเงินเดือนประธานบริษัทกลับได้เป็นเพียงฝ่ายขายจึงคิดว่าเป็นงานที่ไม่ได้ลำบากลำบนอะไร แต่พอมาเห็นสภาพอันย่ำแย่ของสวนสัตว์แห่งนี้จึงคิดว่าต้องทำงานหนักกันสักหน่อย
“สวัสดีค่ะคุณบัว ยินดีต้อนรับสู่สวนสัตว์ของเราค่ะ ดิฉันชื่อกาญจนา เป็นเจ้าของสวนสัตว์แห่งนี้ค่ะ” หญิงสาววัยสามสิบต้นแต่งตัวด้วยเสื้อคลุมเบลเซอร์สีแดงเลือดหมูสวมทับเสื้อเชิ้ตสีขาว สวมกางเกงขากระบอกสีเดียวกันทำให้ดูเหมือนชุดคณะละครสัตว์มากกว่าทางการ ใบหน้าเรียวสวยไม่ต่างจากสาววัยยี่สิบต้นแต่งแต้มเครื่องสำอางบาง ๆกลับเป็นฉันที่อายุยี่สิบปลาย แต่สภาพหนังหน้าย่างก้าวสู่วัยทอง ต่อให้มีเครื่องสำอางดีเลิศแพงหรูขนาดไหนก็มิอาจปกปิดมันได้แน่นอน...ให้ตายสิ น่าอิจฉาชะมัด!
“ดูเหมือนว่าที่นี่ไม่มีชื่อสวนสัตว์เลยนะคะ ขนาดแท็กซี่ยังมาไม่ถูกเลย นี่ถ้าไม่ได้โลเคชั่นที่คุณกาญจนาช่วยไว้มีหวังได้เสียค่าแท็กซี่อีกบานเลยค่ะ” ฉันเอ่ยยืดยาว “ว่าแต่ฉันขอเบิกเงินเดือนล่วงหน้าก่อนสักครึ่งหนึ่งได้ไหมคะ? พอดีช่วงนี้ต้องรีบใช้เงินน่ะค่ะ แต่ฉันสัญญาว่าจะทำงานนี้ให้ดีที่สุดไม่ให้ผิดหวังแน่นอนค่ะ”
คุณกาญจนาได้ยินดังนั้นจึงชื่นใจ เธอยิ้มมุมปากเหมือนรู้อยู่แล้ว
“ยินดีค่ะ” เธอหยิบมือถือขึ้นมาก่อนใช้นิ้วสัมผัสหน้าจอประมาณสองถึงสามครั้งก่อนเงยขึ้นมาสบตาฉัน เพียงไม่กี่อึดใจ เสียงแจ้งเตือนจากโทรศัพท์มือถือดังขึ้น
ติ๊ด!!
แน่นอนว่าเพื่อความปลอดภัย ฉันตัดสินใจเก็บมือถือแสนหวงแหนยิ่งกว่าชีวิตไว้ที่บ้านแล้วเปลี่ยนซิมกลับไปใช้มือถือโนเกียรุ่น 3310 เพราะหากโดนขโมย อย่างน้อยก็แค่เปลี่ยนเบอร์ใหม่เพื่อไม่ให้มันโทรมาก่อกวนได้อีก
เป็นไงล่ะ ทั้งสวยทั้งฉลาดขนาดนี้ไม่มี....โอ่ไม่...แถมรวยอีกต่างหาก!!
“หวังว่าจะได้รับเงินเดือนที่เบิกล่วงหน้าไปแล้วนะคะ แต่ไม่ว่าจะยังไงก็ตามหากถึงเวลาจ่ายเงินเดือน มันจะถูกโอนเข้าไปยังบัญชีของคุณโดยอัตโนมัติ” หญิงสาวอายุมากกว่าเอ่ยด้วยน้ำเสียงราบเรียบ “ส่วนเงินที่ให้ไปถือว่าให้เป็นค่าเดินทางก็แล้วกันนะคะ”
“รับทราบค่ะ…เจ้านาย…” ฉันมองจำนวนเงินเจ็ดหลักที่อยู่ในบัญชีธนาคารด้วยความหวัง อีกทั้งหลังจากนี้ชีวิตของฉันจะพลิกผันไปในทางที่ดีกว่าเดิม ระหว่างนั้นจึงวางแผนออกมาจากห้องเช่าเพื่อซื้อบ้านสักหลัง อาจจะเลี้ยงแมวน้อยสักตัว ดีไม่ดีอาจจะได้เจอผู้ชายหล่อรวยมาประดับชีวิตให้ดีขึ้นไปอีก
แต่กว่าจะไปถึงตรงนั้น เงินก้อนนี้คือจุดเริ่มต้นของความฝันกลางวันเมื่อกี้
“ว่าแต่…งานของหนูต้องทำอะไรบ้างคะ ดูจากสภาพแล้ว…เหมือนจะไม่ค่อยมีคนสักเท่าไหร่…” ฉันพูดอย่างระมัดระวังแต่ตรงไปตรงมา
“เพราะว่าสวนสัตว์ของเรายังไม่เปิดยังไงล่ะคะ แน่นอนว่าหลังสามทุ่มคนจะเยอะมาก ๆ ดิฉันถึงได้จ้างคุณมาดูแลสวนสัตว์กะกลางคืนยังไงล่ะ หวังว่าเงินเดือนที่เสนอให้ในตอนแรกคนจะไม่น้อยเกินไปนะคะ เพราะคุณบัวสามารถเรียกเพิ่มเท่าไหร่ก็ได้เลยค่ะ” ผู้เป็นเจ้านายเอ่ยด้วยน้ำเสียงสบาย ฉันพยายามจับโกหกคำพูดของหล่อน เนื่องจากเธอเองเจอรับใช้เจ้านายหลากหลายคน หลากหลายแบบจึงสามารถจับทางออกว่าเจ้านายคนนี้เป็นคนอย่างไร
พวกเราเดินเข้าไปในสวนสัตว์ซึ่งเป็นสถานที่ทำงานนับตั้งแต่วินาทีนี้เป็นต้นไป บรรยากาศรอบข้างดูวังเวง อึดอัดเงียบสงัด อีกทั้งยังไม่มีสัตว์อยู่ในกรงแม้แต่ตัวเดียว…เอ๊ะ! หรือว่าพวกมันยังหลับซ่อนอยู่ส่วนไหนของกรงโดยที่ไม่สังเกตเห็นก็เป็นได้ ฉันเคยจำสมัยยังเป็นเด็กได้เมื่อครั้งที่พ่อแม่พาไปเที่ยวสวนสัตว์แห่งหนึ่งซึ่งตอนนี้ถูกปิดตัวลงสัตว์เหล่านั้นต่างหลบซ่อนจากผู้คนจนทำให้ลูกค้าหงุดหงิดกันยกใหญ่ แต่ในความเป็นจริงแล้วไม่ใช่ความผิดของสวนสัตว์แม้แต่นิด และไม่ใช่ความผิดของสัตว์เหล่านั้นที่ขี้กลัวและไม่กล้าออกมาโชว์ตัว ด้วยความมืดค่อย ๆ คืบคลานเข้ามาจนทำให้บรรยากาศยิ่งไม่น่าไว้วางใจมากที่สุด
หัวใจของฉันเต้นโครมครามราวกับจะหลุดออกมาจากอกส่งผลให้ไขมันไร้ประโยชน์กระเพื่อมตามแรงเต้นไม่เป็นจังหวะ
แต่แล้วพวกเราจึงมาหยุดอยู่ที่หน้าประตูของสำนักงานชั้นเดียว คุณกาญจนามอบกุญแจสนิมเขรอะให้หนึ่งดอกพร้อมซองเอกสารสีน้ำตาล
“นี่คือเอกสารการปฏิบัติงาน อ่านให้ละเอียดพร้อมทำความเข้าใจกับมัน ส่วนกุญแจนี่เอาไว้สำหรับเปิดเอาบางอย่างสำหรับป้องกันตัวเอง จำไว้ว่าเปิดเฉพาะช่วงเวลาที่จนตรอกแล้วเท่านั้น เวลางานเริ่มตอนสองทุ่มเป็นต้นไป สามารถสั่งอาหารให้มาส่งหน้าสวนสัตว์ได้ถึงหนึ่งทุ่มเท่านั้น ฉะนั้นน้องบัวจงวางแผนให้ดี เพราะหลังจากเริ่มเวลางานแล้วน้องบัวจะไม่สามารถออกไปจากที่นี่จนกว่าจะหกโมงเช้า” หญิงสาวร่างสูงอธิบายรายละเอียดเบื้องต้นแก่ฉัน ซึ่งบางอย่างในคำพูดของหล่อนช่างฟังดูน่าสงสัยเสียจริง จึงเกิดคำถามมากมายขึ้นในหัว
แต่ดูเหมือนว่าคุณกาญจนาสามารถอ่านใจฉันออก
“หากมีคำถามอะไรให้เก็บเอาไว้ก่อน เพราะมันมีบอกอยู่ในเอกสารการปฏิบัติงานเอาไว้หมดแล้ว” หล่อนพูดอย่างมั่นใจ “ฉันมั่นใจว่ามันจะตอบคำถามในหัวได้ทุกข้อ”
“ว่าแต่ เจ้านายรู้ได้ยังไงคะว่าคำตอบในเอกสารฉบับนี้สามารถตอบคำถามในใจหนูได้ทั้งหมด?” ฉันถามด้วยความสงสัย แต่อีกฝ่ายกลับไม่ตอบ
“อ่านสิ แล้วเธอจะรู้” เธอเอ่ยด้วยน้ำเสียงเย็นชาทำให้รู้สึกเย็นวาบไปทั้งกระดูกสันหลัง
"อะ...ค่ะ ค่ะ..." ฉันเบิกตาโตก่อนรีบเปิดซองเอกสาร ภายในมีปิ้กกระดาษเย็บรวมเล่มด้วยกระดูกงูหนาประมาณห้ามิลลิเมตร เมื่อหยิบออกมาหน้าปกเขียนว่า 'Working Instruction' คู่มือการปฏิบัติงานในสวนสัตว์รัตติกาล
"สวนสัตว์รัตติกาล..." ฉันพึมพำชื่อพร้อมยักคิ้วหนึ่งข้าง "ทำไมชื่อถึง...” เมื่อเงยหน้าขึ้นก็ไม่เจอร่างของคุณกาญจนาผู้เป็นเจ้านายแม้แต่เงา นั่นยิ่งทำให้สันหลังเย็นวาบกว่าเดิม ความเงียบคืบคลานเข้ามามากกว่าเดิม ส่งผลให้ฉันรู้สึกวังเวงมากกว่าเดิม ฉันหยิบมือถือโนเกียรุ่นเก่าขึ้นมาดูเวลาปรากฏว่าอีกหนึ่งชั่วโมงครึ่งจะได้เวลาเริ่มงาน เธอคำนวณเส้นทางจากที่นี่กลับไปบ้านปรากฏว่าใช้เวลาไม่พอสำหรับการไปกลับเพื่อเอามือถือสมาร์ตโฟน...ให้ตายสิ ถึงแม้ว่าตัวเองไม่ได้สะเพร่า แต่ก็ไม่ได้โง่พอที่จะ...ช่างมันเถอะ ฉันโง่ในเรื่องที่ไม่ควรโง่เองนั่นแหละ ฉันคำนวณเวลาตั้งแต่วินาทีนี้จนถึงหกโมงเช้าของอีกวัน นั่นหมายความว่าต้องติดอยู่ในสวนสัตว์ชวนสยองนี่ตั้งสิบชั่วโมงโดยไม่มีมือถือหรืออุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์อย่างพวกสมาร์ตโฟนไว้ไถเล่นติ๊กต้อกฆ่าเวลา
“โธ่เอ้ย!! แบบนี้จะอู้งานยังไงล่ะเนี่ย!” ฉันกรีดร้องออกมาด้วยความโกรธเกรี้ยวก่อนตัดสินใจใช้กุญแจสนิมเขรอะไขเปิดประตู กลิ่นอับชื้นพุ่งเข้ามาถีบยอดหน้าจนเกือบเป็นลมหงายท้อง โชคดีที่สามารถยกมือขึ้นป้องจมูกไว้ทัน “อื้อหือ! เหม็นฉิบหาย!! ไม่คิดจะทำความสะอาดกันบ้างเลยหรือไงกันเนี่ย!?”
ฉันตัดสินใจกลั้นจมูกเดินเข้าไปกวาดมือคลำหาสวิตช์ไฟ แต่ก็คว้าได้แต่เพียงใยแมงมุมเหนียวเหนอะเท่านั้น ฉันบ่นกระปอดกระแปดอยู่ไม่กี่อึดใจท่ามกลางความมืดที่แม้แต่จะลืมตาก็ไม่ต่างจากคนตาบอด จนกระทั่งสัมผัสเข้ากับสวิตช์ไฟ แสงสว่างดั่งความหวังได้ถูกเปิดขึ้นในทันที สภาพของห้องนั้นเป็นเพียงห้องโล่ง ๆ มีโต๊ะทำงานสร้างจากเหล็กและเก้าอี้ไม้เก่า ๆ หนึ่งตัวท่าทางฝุ่นเขรอะ
“…” ฉันพูดไม่ออกก่อนรีบวิ่งสำรวจเพื่อหาอุปกรณ์ทำความสะอาด โดยวางเอกสารไว้บนโต๊ะที่มีฝุ่นจับอยู่หนาเตอะเพียงไม่กี่นาทีฉันเจอไม้กวาด ไม้ถูกพื้นพร้อมน้ำยาก้นขวดและกะละมังซักผ้า ฉันรวบเส้นผมที่ม้วนเป็นลอนมาอย่างดีมัดเป็นหางม้าพร้อมปาดเหงื่อที่ไหลย้อยมาตามใบหน้า แต่แล้วจึงนึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ “กูลืมเปิดแอร์ไปได้ยังไง...?”
รีโมตแอร์ติดอยู่บนผนังไม่ไกลตัว ฉันคว้ามันมากดปุ่มเปิดการทำงานของมันในทันที
.
.
.
.
ไม่นะ...มันไม่ทำงาน...มันไม่ทำงาน มันไม่ทำงาน มันไม่ทำงาน มันไม่ทำงาน มันไม่ทำงาน มันไม่ทำงาน
“โธ่เว้ย! เป็นอะไรของมันเนี่ย!!?” ฉันเริ่มมีน้ำโหขึ้นมากะทันหันก่อนปารีโมตแอร์ลงพื้น ฝาใส่ผ่านด้านหลังเปิดออกจึงเห็นความว่างเปล่า “อ๋อ...ไม่มีถ่านนี่เอง...เข้าใจได้ ๆ”
ฉันตัดสินใจเริ่มหามันด้วยการเปิดลิ้นชักโต๊ะทำงาน ปรากฏว่ามีถ่านก้อนจำนวนมากคละยี่ห้อหลากขนาดวางเรียงรายอยู่มากมายนับไม่ถ้วนราวกับขอพรเทพเจ้ามังกรเพียงหนึ่งอย่างแต่ท่านกลับให้ตั้งร้อยอย่าง
“เชี่ย! ให้มาตั้งขนาดนี้เหมือนประชดกันเลยว่ะ!” ฉันยิ้มแหยก่อนหยิบถ่านขึ้นมาสองก้อนแล้วเดินไปหยิบรีโมตขึ้นมาสวมจากนั้นจึงกดปุ่มเปิดการทำงานของเครื่องปรับอากาศทันที
ปิ๊บ!!
เหมือนสวรรค์ทรงโปรด เสียงมอเตอร์ด้านในเริ่มส่งเสียงดังขึ้น แม้สภาพของมันอาจไม่ดีเท่าไหร่ แต่อย่างน้อยร่างกายที่เต็มไปด้วยเหงื่อจนซุ่มเสื้อผ้าได้สัมผัสกับลมเย็นเสียที
“อ่า!! สบายจังเลย!!” ฉันร้องอย่างมีชัยก่อนเริ่มทำความสะอาดห้องทำงานหมดจด หากคุณกาญจนามาเห็นสภาพห้องที่เปลี่ยนไปมากขนาดนี้คงจะตกใจและเพิ่มเงินเดือนโบนัสให้อย่างงามแน่นอน
ฉันหยิบมือถือขึ้นมาดูเวลาอีกครั้ง ปรากฏว่าอีกยี่สิบนาทีจะถึงเวลาทำงาน เอกสารการปฏิบัติงานก็ยังไม่ได้อ่านจึงต้องรีบเข้ามาเปิดอ่านตั้งแต่หน้าแรกเพื่อเรียนรู้ทำความเข้าใจกับงานใหม่มากที่สุด
‘กฎระเบียบงาน สำหรับพนักงานใหม่
สวัสดีเด็กใหม่ หากคุณกำลังได้อ่านเอกสารฉบับนี้แสดงว่าคุณกำลังเผชิญกับงานใหม่ที่ไม่มีใครเคยทำมาก่อนและฉันเชื่อจนสุดห้วงหัวใจเลยว่าไม่มีงานไหนเหมือนที่นี่อย่างแน่นอน โอเค...ฉันไม่อยากจะต่อความยาวสาวความยืดให้กับนิยายเรื่องนี้เท่าไหร่ เอาเป็นว่างานนี้ไม่เหมาะกับคนขวัญอ่อน หากคิดว่ายังอยากทำงานนี้อยู่ ให้ดูเวลาว่าเลยสองทุ่มหรือไม่ หากยังก็ให้รีบเปลี่ยนใจเสีย แต่ถ้าเลยเวลาไปแล้ว...โอ...ดิฉันจำเป็นต้องขอแสดงความเสียใจมา ณ ที่นี้ด้วยคุณไม่สามารถออกไปจากที่นี่จนกว่าจะหกโมงเช้า ยามแสงแรกของวันสาดส่องเข้าสู่สวนสัตว์แห่งนี้คุณจะปลอดภัยหายห่วง เว้นเสียว่าคุณทำพลาดตามกฎที่ดิฉันได้ระบุไว้ข้างต้น
ขอย้ำว่า คุณจะต้องปฏิบัติตามกฎอย่างเคร่งครัด หากผ่านไปได้แต่ละคืนค่าจ้างรายวันจะถูกโอนเข้าไปในบัญชีของคุณโดยอัตโนมัติ’
เมื่อฉันอ่านเอกสารมาถึงตรงนี้ทำให้รู้สึกเป็นกังวลและหลุดขำออกมาเล็กน้อย ให้ตายสิ! คุณกาญจนาคิดจะเล่นตลกอะไรกันแน่ ทุกอย่างในเอกสารฉบับนี้คงเป็นเรื่องล้อเล่นเพื่อหลอกให้กลัวเพื่อปฐมนิเทศพนักงานใหม่ล่ะสิ
แต่ก็นะ...ว้าว! เกือบเชื่อแล้วไหมล่ะ
จากนั้นฉันจึงอ่านต่อด้วยความตั้งใจเพื่อฆ่าเวลา ไม่แน่ฉันอาจจะใช้เวลาอ่านทั้งโดยสามารถผ่านคืนนี้ไปได้โดยไม่ต้องทำอะไรและรอรับเงินอย่างเดียว ให้ตายสิ! คืนแรกมันง่ายไม่ต่างจากปอกกล้วยเข้าปาก
‘หากนี่คิดว่าเป็นเรื่องล้อเล่น ก็จงทำลายเอกสารฉบับนี้ด้วยวิธีใดก็ได้ เพราะลูกค้าก็กำลังหาเอกสารนี่อยู่เช่นกัน แต่ดิฉันจะยังไม่บอกหรอกว่ามันคืออะไร แต่งานของคุณในวันนี้ก็คือต้องรักษาเอกสารฉบับนี้ยิ่งชีวิต ห้ามให้ลูกค้าตนใดชิงไปได้ แน่นอนว่าสาเหตุที่เวลาสองทุ่มคุณออกไปจากที่นี่ไม่ได้เนื่องจากสถานที่แห่งนี้จะถูกย้ายไปยังมิติอื่นสลับไปมาไม่มีวันจบสิ้นคอยรับลูกค้าซึ่งจะมาในรูปแบบไม่ตายตัว ฉะนั้นคุณจำเป็นต้องปฏิบัติตามกฎเหล่านี้อย่างเคร่งครัดไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น กฎไม่ได้มีไว้แหก แต่มีเอาไว้ให้ทำตาม นี่ก็เพื่อความปลอดภัยของคุณเอง’
“โห! คุณกาญจนาน่าจะไปเป็นนักเขียนนิยายลึกลับสยองขวัญท่าจะรุ่งกว่าเปิดสวนสัตว์น่าขนลุกนี่เป็นไหน ๆ” ฉันอุทานออกมาพลางกายเนื้อเต้นไม่ประสานเสียงกับหัวใจ จากนั้นจึงอ่านต่อด้วยความอยากรู้
‘หากอ่านมาถึงตรงนี้ ดิฉันจึงถือว่าคุณตอบตกลง เอาล่ะ...มาทำความเข้าใจกับกฎระเบียบในการปฏิบัติงานกันเลยดีกว่า’
ฉันอ่านมาถึงตรงนี้ก่อนหยิบมือถือขึ้นมาดูเวลา อีกเพียงยี่สิบนาที ยังมีเวลาตัดสินใจไม่มาก แต่ด้วยความหนาของเอกสารฉบับนี้ ดูท่าแล้วเหลือเวลาให้อ่านเพียงกฎระเบียบการทำงานเท่านั้น บรรยากาศในห้องเริ่มเย็นลงเรื่อย ๆ จนต้องยืมเสื้อคลุมคาร์ดิแกนขึ้นมาสวมก่อนพลิกหน้ากระดาษถัดไป
‘ดีใจด้วยที่คุณตัดสินใจเปิดอ่านหน้านี้ เพราะปกติไม่ค่อยมีพนักงานใหม่คนไหนกล้าเปิดมาก่อน กรุณาอ่านให้ละเอียดและทำความเข้าใจกับกฎเหล่านี้ เพราะเนื่องจากวินาทีที่คุณก้าวเท้าเข้ามาในสวนสัตว์แห่งนี้ ชีวิตของคุณจึงถูกแขวนอยู่บนเส้นด้าย หากต้องการเอาตัวรอดถึงหกโมงเช้า คุณจะต้องปฏิบัติตามกฎอย่างเคร่งครัด ไม่มีข้อยกเว้นอะไรใด นี่ก็เพื่อตัวคุณเอง
กฎข้อที่หนึ่ง : เมื่อนาฬิกาบอกเวลาสองทุ่มตรง ประตูทางเข้าและทางออกของสวนสัตว์จะถูกปิดตาย สวนสัตว์แห่งนี้จะไม่ได้อยู่บนมิติพิภพมนุษย์จนกว่าจะหกโมงเช้า ฉะนั้นคุณไม่สามารถหนีออกไปไหนได้
กฎข้อที่สอง : เวลาประมาณสองทุ่มครึ่ง ลูกค้าจะเริ่มทยอยเข้ามาซื้อตั๋ว หน้าที่ของคุณต้อง
จัดการโดยห้ามสบตาพวกเขาเป็นอันขาด เพราะมันจะรู้ว่าคุณเป็นมนุษย์ ให้ใช้ผ้าปิดตาสีดำปิดไว้ตลอดเวลา หากลูกค้ากระชากออกจงปิดตาเสีย เพราะถ้าเกิดสบตาแม้แต่เสี้ยววินาทีเดียวอาจทำให้เกิดอันตรายได้
กฎข้อที่สาม : หากเกิดเหตุการณ์พบเด็กพลัดตกลงไปในกรงกอริลล่าหรือสัตว์อันตราย ให้ทำเป็นไม่สนใจ ต่อให้ผู้ปกครองมาอาละวาดขนาดไหนจงตั้งสติแล้วเดินกลับเข้าห้องพักซึ่งที่คุณกำลังนั่งอยู่ตอนนี้
กฎข้อที่สี่ : ในกรณีที่ลูกค้าต้องการซื้ออาหาร ไม่ว่าจะเป็นอะไร ทางสวนสัตว์ได้เตรียมไว้อยู่แล้ว ให้ของที่ลูกค้าต้องการแล้วรับเงินโดยยังคงห้ามสบตากับลูกค้าเด็ดขาด
กฎข้อที่ห้า : เวลาเที่ยงคืนลูกค้าผู้ใหญ่เริ่มออกกันไปหมดแล้ว จะถึงเวลาที่ลูกค้าเด็กจะเข้ามาพร้อมขอให้คุณเล่นซ่อนหากับพวกเขา ทางเราขอแนะนำให้คุณตามน้ำพวกเขาไปก่อน มิฉะนั้นจะเกิดอันตรายถึงชีวิต แต่ยังสบตาไม่ได้เหมือนได้กล่าวไว้ในกฎก่อนหน้านี้
กฎข้อที่หก : ในขณะที่กำลังเล่นซ่อนหากับพวกเด็ก ๆ หากได้เป็นคนซ่อน จงไปซ่อนที่โซนสัตว์พิเศษ เนื่องจากเด็กพวกนั้นไม่กล้าเข้าไปเพราะกลัวสัตว์พวกนั้น แต่ในกรณีที่คุณเป็นคนหา ต้องขอแสดงความเสียใจด้วย คุณไม่มีทางออกอื่นนอกจากสบตาพวกเขาและให้พวกเขาสูบวิญญาณของคุณจนตาย
สุดท้ายนี้ดิฉัน นางสาวกาญจนา อวยพรให้พนักงานใหม่ปฏิบัติงานไปได้อย่างราบรื่นและเคารพกฎกติกาที่ได้อ่านมาข้างต้น หากไม่เข้าใจสามารถกดกริ่งเรียกผู้ช่วยออกมาได้ แต่กริ่งนั่นได้หายไปเนื่องจากพนักงานคนก่อนได้พกติดตัวไปจึงมิอาจทราบได้ว่าอยู่ที่ไหน นั่นคืออีกหนึ่งหน้าที่ที่ต้องจัดการ ขอให้สู่สุคติ โชคดีกับการปฏิบัติงานและลาก่อน’
ข้อความทั้งหมดจบลงเพียงเท่านี้ ซึ่งทำเอาฉันแทบนั่งไม่ติดเก้าอี้ เนื่องจากการเขียนนั่นเข้าขั้นนักเขียนออนไลน์หลายคนได้เลย แต่ข้อความนี้ดันสุดอยู่ที่หน้าสี่ แต่ยังคงเหลือหน้าหลังจากนี้อีกมาก ฉันจึงพลิกไปหน้าอื่นปรากฏว่าว่างเปล่า นั่นสร้างความงงงวยให้เป็นอย่างมาก
ตอนนี้เวลาสองทุ่มแล้ว จู่ ๆ รู้สึกเหมือนมีผีเสื้อราตรีมาบินในท้องอีกทั้งอวัยวะภายในกลับปั่นป่วนจนอยากควักออกมาล้างเสียให้ได้ จากนั้นจึงเกิดแผ่นดินไหวขึ้นเล็กน้อยเพียงชั่วครู่จึงหยุด ฉันเบิกตามองไปรอบ ๆ พลางปาดเหงื่อที่ไหลอาบแก้ม อุณหภูมิเริ่มลดลงจนตัดสินใจปิดเครื่องปรับอากาศทันที ฉันจัดการหาผ้าสีดำสำหรับปิดตาซึ่งมันคือผ้าขี้ริ้วใช้เช็ดฝุ่นนั่นเอง ฉันแทบร้องไห้เป็นสายเลือดเมื่อต้องรีบชักผ้านั่นก่อนบิดมันให้แห้งที่สุดเท่าที่จะแห้งได้ก่อนคาดหน้าผากเอาไว้เผื่อเกิดเจอลูกค้าจะได้ยกลงมาปิดได้ถูก
ว่าแต่…ต้องขายตั๋วเข้ายังไงกันล่ะ…?
ระเบียบการปฏิบัติงานไม่ได้เขียนอยู่เสียด้วย แล้วหลังจากนี่จะปฏิบัติตามกฎต่อไปได้อย่างไร!?
ฉันรวบรวมความกล้าผลักประตูออกไปเจอกับผีดิบร่างมหึมา ร่างกายของฉันแข็งขืนไปหมดจนมิอาจขยับส่วนไหนของร่างกายได้เลย แต่แล้วบางอย่างฉุดให้รีบปิดตาลงมาคลุมสายตาของฉัน โลกทั้งใบเข้าสู่แดนทมิฬในทันที สายลมบาง ๆ แสนเย็นยะเยือกทะลุผ่านเสื้อคลุมคาร์ดิแกนสัมผัสกับผิวหนัง ทำให้รู้สึกหวาดกลัวขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก…เมื่อกี้ฉันได้สบตากับมันหรือเปล่านะ…แต่ด้วยสปิริสของพนักงาน ฉันต้องทำอะไรสักอย่าง
“สะ…สวัสดีคะ คุณลูกค้า ต้องการตั๋วเข้าสวนสัตว์กี่ใบคะ?” ฉันพยายามทำเสียงให้สดใสแม้ว่าในใจแทบวายก็ตาม
“บ้าหรือเปล่า? ฉันซื้อตั๋วจากเครื่องขายมาแล้วไง แต่มาที่นี่เพราะอยากได้น้ำอัดลมสักกระป๋องต่างหาก” เสียงอันแหบห้าวของลูกค้าผีดิบพูดกึ่งตะโกน “เอ้า! จะขายหรือไม่ขาย!?”
“อะ…เออ…สักครู่นะคะ!” ฉันผู้ทำอะไรไม่ถูกจึงรีบลุดกลับเข้าไปในห้องพักก่อนกระชากผ้าปิดตาออกแล้ววิ่งหาน้ำอัดลมที่ลูกค้าต้องการทันที ฉันไม่รู้ว่ามันอยู่ที่ไหนแถมเอกสารบ้านั่นแทบไม่ได้บอกรายละเอียดส่วนนั้นเลย ร่างกายของฉันสั่นเทิ้มไปด้วยความหวาดกลัวแทบอยากตายไปจากโลกนี้ให้พ้น
นั่นมันไม่ใช่ลูกค้าที่เป็นมนุษย์ แต่เป็นผีดิบต่างหาก!! เป็นผีดิบพูดได้ มีความคิด แถมร่างสูงใหญ่ขนาดนั้นหากทำอะไรให้ไม่พอใจคงได้ตายอยู่ก่อนรุ่งสางแน่นอน
ฉันควรทำยังไงดี!?
ไม่! ตอนนี้มันไม่ใช่เวลาที่จะมานั่งยอมแพ้อยู่อย่างนี้ ต้องทำอะไรสักอย่าง!! ต้องหาน้ำอัดลมสักกระป๋องให้ได้!!
ฉันวิ่งฝ่าความมืดเปิดสวิตซ์ไฟทั้งหมดจนสว่างจ้าไปทั้งห้อง พบตู้เย็นสภาพเก่าทรุดโทรม แต่ยังสามารถทำความเย็นได้เป็นอย่างดี และในนั้นมีน้ำอัดลมอยู่หนึ่งกระป๋องจึงคว้ามาแล้ววิ่งกลับไปโดยไม่ลืมคาดผ้าผูกตา
“หนะ…นี่ค่ะ น้ำอัดลมที่คุณลูกค้าสั่ง…แฮ่ก! แฮ่ก!”
“ขอบใจนะ แต่ให้ของของพนักงานมาขายแบบนี้มันถูกต้องแล้วหรือยังไง? ต้องไปขายที่ซุ่มตรงนั้นสิ!!” ผีดิบตนนั้นตำหนิก่อนชี้ไปทิศทางปริศนา ฉันแอบเลิกผ้าปิดตาขึ้นเห็นซุ่มขายอาหารเปิดอยู่ “สวมผ้าปิดตาอย่างนั้นไม่เหมาะกับพนักงานเท่าไหร่เลยนะ แถมดูไม่ให้เกียรติลูกค้าอีกด้วย เดี๋ยวฉันจะเป็นคนเอามันออกให้เอง”
นกกระจอกไม่ทันจะกินน้ำ ผ้าคาดตาสีดำถูกกระชากออก กฎข้อที่สองดังขึ้นในหัวทันที ฉันตัดสินใจหลับตาปี๋พร้อมร่างกายสั่นเกร็งพลางท่องบทสวดทั้งหมดเท่าที่จำได้ ซึ่งมีเพียง ‘นะโมตัสสะ’
ฉันค่อย ๆ เดินไปยังซุ่มขายของก่อนเริ่มทำการใช้ประสาทสัมผัสทั้งสี่ราวกับคนตาบอด แม้ว่าสามารถหรี่ตาขึ้นเพื่อให้คาดเดาสิ่งของรอบตัวได้ แต่ไม่อยากเสี่ยง เพราะนี่ไม่ใช่เกม ฉันมีโอกาสเพียงครั้งเดียว หากพลาด ชีวิตคงจบเห่กลายเป็นปุ๋ยใส่รากมะม่วงแน่นอน
…………………..
และแล้วเวลาก็ล่วงเลยผ่านไปถึงเที่ยงคืนซึ่งโลกของการทำงานของฉันอยู่ในความมืดตลอดหลายชั่วโมงจนเริ่มคิดว่าตัวเองกลายเป็นสาวตาบอดไปแล้ว เท่าที่จำได้นั้นหลังจากนี้คงเป็นเวลาสำหรับการเล่นซ่อนแอบ แน่นอนว่าฉันไม่ถนัดเกมนี้เลย ยิ่งเป็นคนหายิ่งแล้วใหญ่ แต่ไม่ว่าจะยังไงหรือหลีกเลี่ยงไม่ได้จริง ๆ ก็ไม่อยากเป็นคนหาหรอก…แต่เป็นคนซ่อนก็ไม่ดีเช่นกันเพราะไม่รู้ว่า ‘ผีเด็ก’ พวกนั้นมีพลังอำนาจพิสดารมฤตยูอะไรบ้าง แน่นอนว่ามีแต่เอกสารไม่มีระบุไว้
"นี่พี่สาว! มีเล่นซ่อนหากันเถอะ!" เสียงเด็กผู้ชายท่าทางซนดังขึ้น แต่ฉันยังคงหลับตาปี๋ไว้พลางท่องกดของที่สองขึ้นใจ
ไม่เปิดตา ไม่เปิดตา ไม่เปิดตา ไม่เปิดตา ไม่เปิดตา ไม่เปิดตา
"อ๋อ! เข้าใจแล้วล่ะ พี่สาวจะเล่นเป็นยักษ์หาเหยื่อนี่เอง" เด็กคนนั้นพูดเสียงแจ๋วฟังดูน่าจะเป็นเด็กผู้ชายรูปร่างอวบระยะสุดท้ายซึ่งคาแลคเตอร์น่าจะเป็นหัวโจกของกลุ่ม "ถ้าอย่างนั้นพี่สาวนับหนึ่งถึงสิบแล้วพวกเราจะไปซ่อน จากนั้นให้พี่สาวหาพวกเราให้เจอทั้งหมดนะ"
"เดี๋ยวสิ! พี่สาวเขาทำงานยุ่งอยู่หรือเปล่า อย่าไปรบกวนเขาสิ พวกเรามีกันตั้งหลายคนก็ให้สักคนเป็นยักษ์สิ!" เสียงเด็กผู้หญิงท่าทางเอาจริงเอาจังเอ่ยด้วยน้ำเสียงใสแจ๋ว
ใช่ ๆ ขอบใจมากเด็กน้อย ไม่ต้องมาให้ฉันเล่นอะไรอันตรายแบบนั้นเลย
"ไม่สนุกอ่ะ พวกเราอยากเล่นเป็นคนแอบกันเนอะ!!" จากนั้นตามมาด้วยเสียงเด็กจำนวนมากตอบ 'ถูกต้องแล้ว!' ออกมาเป็นจำนวนมาก ถึงกับต้องแอบเปิดตามอง สิ่งที่เห็นในตอนนี้คือ..ผีดิบร่างเด็กจำนวนหลายร้อยตนกำลังยืนล้อมฉันอยู่ ยิ่งทำให้กดดันมากขึ้นไปอีก
“ขะ…เข้าใจแล้วจ้ะ” น้ำเสียงของฉันสั่นคลอ “พอดีตอนนี้ไม่มีลูกค้าพอดี เดี๋ยวเล่นด้วยเป็นเพื่อนกับทุกคน ๆ เองนะจ๊ะ”
“เย้!!~~~” เสียงเหล่าเด็ก ๆ ส่งเสียงด้วยความดีใจ “เอ้าพวกเรา! ไปหาที่ซ่อน!!”
เพียงไม่กี่อึดใจ ฉันยืนอยู่ท่ามกลางความเงียบ กฎข้อที่หกผุดขึ้นมาในหัว…ให้ตายสิ อะไรมันจะแย่ไปกว่าให้ตัวเองเป็นฝ่ายหาทั้ง ๆ ที่ไม่สามารถเปิดตาได้ แต่ในกรณีนี้ฉันสามารถลืมตาเนื่องจากพวกมันหนีกันไปซ่อนตัวกันหมดแล้วแต่ในทางกลับกันในระเบียบไม่เคยบอกว่าผู้ชนะต้องเป็นใคร และโซนสัตว์พิเศษคือจุดปลอดภัยของฉัน
“หึหึ เด็กน้อยเอ๋ย คราวนี้ฉันชนะแล้วล่ะ ฉันนับหนึ่งถึงสิบในใจแล้ว จะเริ่มหาแล้วน้าาา!!!” เมื่อฉันตัดสินใจเปิดตา สิ่งที่ไม่คาดคิดจึงบังเกิดขึ้น “เอ๊ะ…?”
“พี่สาวไม่ใช่พวกเดียวกับเรานี่…” เสียงของหนึ่งในเด็กผีเหล่านั้นพูดขึ้น แทนที่ฉันจะยังคงหลับตาอยู่อย่างนั้นกลับลืมตาขึ้นจนเห็นกองทัพเด็กผียืนจ้องด้วยดวงตาแดงฉานราวกับทะเลเลือด
ท่ามกลางความเงียบสงัด ไม่มีใครหรือใด ๆ ส่งเสียงออกมา จนกระทั่ง
“พะ…พี่สาว…พี่สาวไม่ใช่พวกเรา พี่สาวไม่ใช่พวกเรา!! พี่สาวเป็นมนุษย์!!” เสียงของเด็กคนหนึ่งร้องขึ้นมาทลายความเงียบนั่นลง “เราจะสูบวิญญาณของหล่อนให้หมดเลย!! ไม่มีมนุษย์หลงเข้ามาในนี้นานแล้ว!!”
วินาทีนี้…ฉันพูดออกมาได้คำเดียวเลยว่า
.
.
.
.
“ฉิบหายแล้ว…”
ไม่กี่อึดใจต่อมา สัญชาตญาณของฉันสั่งให้ออกวิ่ง วิ่งออกไปสุดแรง ก้าวเท้าไปด้านหน้าสลับกับอีกข้าง แล้วก็อีกข้างแล้วก็อีกข้าง รอบตัวฉันไร้เสียงราวกับหูหนวกไปชั่วขณะ โลกทั้งใบถูกลดความเร็วลง ฉันเหวี่ยงแขนสุดแรงเพื่อผลักตัวเองให้เคลื่อนตัวไปด้านหน้าเร็วขึ้น
“จับพี่สาวคนนั้นเลยย!!!”
เพียงไม่กี่อึดใจกองทัพผีดิบเด็กพวกนั้นต่างพากันวิ่งกรูมาด้วยความเร็วอันเหลือเชื่อพร้อมส่งเสียคำรามอย่างน่าสะพรึงกลัว ในตอนนี้ฉันต้องหาป้ายชี้ทางไปโซนสัตว์พิเศษได้ได้เสียก่อน แต่ไม่ว่าจะหายังไงก็ไม่เจอ อีกทั้งในตอนนี้ยังมืดจนแม้ลืมตาก็ใช้ว่าจะมองเห็นรอบตัวในระยะหนึ่งเมตรได้ ฉันมองไม่เห็นอะไรเลย! นี่ตาฉันบอดไปแล้วงั้นเหรอ!?
"รีบจับพี่สาวคนนั้นเร็วเซ่!! ไม่อย่างนั้นเราจะไม่สามารถจุติที่ภพไหนได้เลย!!" เสียงเด็กผีคนหนึ่งคำรามยิ่งทำให้เด็กผีตัวอื่นเพิ่มความเร็วมากขึ้นจนเกือบคว้าชายเสื้อของเธอได้แล้ว แต่หยุดชะงักไป รวมถึงเด็กผีตัวอื่น ๆ
“เฮ้ย! หยุดทำไมกันวะ!? รีบไปตามจับมาเร็วสิ อายุขัยของเราหมดแค่คืนนี้นะโว้ย!”
“มันเข้าไปในโซนสัตว์พิเศษที่พวกเราไม่กล้าเข้าไปอะ!!”
“ใช่! แบบนี้ไม่มีใครกล้าเข้าไปแน่นอน!”
“โว้ยย! พวกมึงนี่ปอดแหกกันจังวะ! งั้นกูเข้าไปเอง!!”
"ระ...ระวังด้วยนะพี่ ผมไม่รู้ว่าจะมีแมงมุมหรืออะไรอยู่ในนั้นหรือเปล่า”
“อย่าทำเสียงสั่นอย่างนั้นเด้! ถ้าไม่ได้วิญญาณมนุษย์พี่สาวคนนั้นมา เราจะไม่รอดกันหมด” เด็กผีตัวใหญ่สุดพูดด้วยน้ำเสียงดุดันก่อนรวบรวมความกล้าเดินเข้าไปในโซนสัตว์พิเศษ
ฉันหลบอยู่ส่วนใดส่วนหนึ่งของโซนสัตว์พิเศษ จากป้ายที่เขียนว่า ‘โซนสัตว์พิเศษ’ ทำให้ใจชื้นขึ้นมาได้เปลาะหนึ่ง เมื่อเปิดดูมือถือจึงพบว่าเวลาผ่านไปถึงตีห้าแล้ว
ทำไมกัน…? เวลาของที่นี่เร็วกว่างั้นเหรอ?
จำได้ว่าหลังจากเวลาเริ่มงานจนถึงตอนนี้ก็รู้สึกว่าผ่านไปแค่ชั่วโมงเดียว
นั่นหมายความว่า…
“ฮ่า! เจอตัวสักที!!” เสียงเด็กดีดังขึ้นอย่างไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ยทำให้ฉันเผลอส่งเสียงกรีดร้องออกมาเสียงดัง
“อ๋อ! เธออยู่ตรงนั้นเองเหรอ!? ขนาดตะโกนลองใจเฉย ๆ นะเนี่ย แต่ก็ดีแล้ว อย่าหนีไปไหนเชียวล่ะพี่สาว ฉันจะพุ่งไปหาเดี๋ยวนี้เอง!!” เสียงเด็กผีดังใกล้เข้ามาเรื่อย ๆ “เกมเล่นซ่อนหาในครั้งนี้พวกผมเป็นฝ่ายชนะ!!”
ฉันก้มตัวลงต่ำอย่างหวาดกลัว ในตอนนี้ขาของฉันไม่เหลือแรงจะวิ่งแล้ว น้ำตาที่กลั้นเอาไว้ไหลพรากอย่างสิ้นหวังราวกับว่าไม่มีวันพรุ่งนี้สำหรับฉันอีกต่อไป
“เจอตัวจนได้” เสียงเด็กผีตัวใหญ่ดังอยู่เบื้องหน้า
ฉันไม่รอดแล้ว
ฉันไม่รอดแล้ว
ฉันไม่รอดแล้ว
ฉันไม่รอดแล้ว
“หือ? อะไรเนี่ย? …..อะ…อ๊ากกกก!! เว…เวลาไม่พอเหรอเนี่ย!!” จู่ ๆ เด็กผีตนนั้นก็มีเปลวไฟสีฟ้าลุกโชนขึ้นทั่วร่าง แต่ปราศจากความร้อน ไม่กี่อึดใจร่างของมันได้สลายหายไป แสงอาทิตย์สาดส่องเข้ามาจากช่องว่าง แสงแรกของวันมาถึงแล้ว
ติ๊ด!!
เสียงมือถือดังขึ้นพร้อมกับข้อความเงินจำนวนหนึ่งแสนบาทถูกโอนเข้ามาในบัญชี ร่างกายอันเกร็งทื่อคลายลงจนอ่อนเปลี้ยนอนแผ่อยู่ตรงนั้น แสงสว่างค่อย ๆ เพิ่มขึ้นจนสามารถเห็นสิ่งต่าง ๆ รอบตัว
“ฮ่ะ ๆ…ฉันชนะแลัว…”
……………………………
หลังจากนั้นฉันก็ไม่กลับไปเหยียบสวนสัตว์นั่นอีกเป็นครั้งที่สองพร้อมโทรไปลาออกกับคุณกาญจนาโดยยืนกรานโกหกว่าได้งานใหม่ เงินเดือนที่ได้มาเอาไปเช่าคอนโดขนาดกลางอยู่โดยให้เพื่อนสาวคนสนิทอย่าง ‘มิลิน’ มาร่วมแชร์ค่าห้องด้วยกัน
ไม่กี่สัปดาห์ต่อมาฉันได้งานใหม่ที่บริษัท ยอนอู คอลปอเรชั่น จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทผลิตเอไอจัดการภายในบ้านซึ่งเป็นสิ่งที่น่าทึ่งสำหรับฉัน แน่นอนว่สฉันใช้ลูกไม้เดิม ๆ ในการ ‘เต้าไต่’ จากพนักงานจ้างรายวันจนบรรจุเป็นพนักงานประจำ จนกระทั่งไปผ่านไปสามปี ฉันได้เป็นเลขาส่วนตัวของ ‘ประธานชานนท์’ แน่นอนว่าฉันทำหน้าที่ได้ดีตลอดไม่ว่าจะเป็นงานบริษัทหรืองานเมียชั่วคราว
แต่ก่อนหน้าที่จะได้ขึ้นเป็นเลขาส่วนตัว ฉันต้องเจอบททดสอบอันแสนน่าหวาดกลัวยิ่งกว่าในสวนสัตว์เป็นร้อยเท่าพันเท่า
อยากรู้ล่ะสิว่าฉันผ่านมาได้ยังไง?
_____________________________________________________________
To Be Continue CHAPTER 5