อยู่ตัวใครตัวมันก็ดีอยู่แล้ว ไม่น่าก้าวก่ายเรื่องราวคนอื่น ส่งผลให้ชีวิตกลับตาลปัตรกลายเป็นผู้ที่อยู่ใกล้กับความตา
ระทึกขวัญ,ชาย-หญิง,เลือดสาด,ไทย,พล็อตสร้างกระแส,สืบสวนสอบสวน,ดราม่า,สยองขวัญ,ผี,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
Hide and Seek เสือก-ซ่อน-ตายอยู่ตัวใครตัวมันก็ดีอยู่แล้ว ไม่น่าก้าวก่ายเรื่องราวคนอื่น ส่งผลให้ชีวิตกลับตาลปัตรกลายเป็นผู้ที่อยู่ใกล้กับความตา
เลขาสาวดวงซวยลืมเอกสารสำคัญไว้ที่บริษัทจึงลากเพื่อนไปเอาในเวลาดึกดื่นโดยที่ไม่รู้ว่ามันจะเป็นคืนสุดท้ายของพวกหล่อน เมื่อพบกับความลับอันดำมืดบางอย่างของบริษัทนี้
บัวมองไปด้านหลังเห็นมือสีดำปลายนิ้วทั้งห้ามีกรงเล็บยาวแหลม จากนั้นจึงหันไปหาชายหนุ่มผู้เป็นนาย เห็นแววความหวังประกายในดวงตาอันทรงพลัง จึงเลือกที่จะเชื่อมั่นในตัวเขาและเกาะแผ่นหลังแกร่ง ยิ่งเกร็งมากเท่าไหร่แผลของเธอยิ่งทวีความเจ็บปวดมากเท่านั้นแต่โชคดีที่อะดรีนาลีนสูบฉีดต่างยาระงับประสาท ทันใดนั้นกรงเล็บของสัตว์ประหลาดเหวี่ยงใส่เฉียดบาดแก้มซ้ายเลือดไหล ความเจ็บแสบแปลบแล่นพล่านไปทั่วใบหน้า เธอนึกหมดความหวังไปเพียงชั่วครู่ก่อนปลายเท้าของชานนท์ย่างพ้นเขตทมิฬ สู่ชัยชนะอย่างแท้จริง เสียงคำรามดังลั่นไล่หลังอย่างโกรธเกรี้ยวแต่ไม่ทำให้ชายหนุ่มกลับหันหลังมามอง เขาวางร่างเต็มไปด้วยบาดแผลลงก่อนสำรวจบาดแผลต่าง ๆ ด้วยความห่วงใย ไออุ่นจากฝ่ามือของเขาแทรกซึมผ่านแก้มนวลปลอบโยนจิตใจให้สงบลงแม้ดวงตายักษ์จ้องเขม็งมาจากด้านหลัง
“ถ้ากลับออกไปได้ผมจะพาคุณไปรักษาที่โรงพยาบาลที่ดีที่สุด” เขากล่าวคำสัญญาด้วยน้ำเสียงจริงจัง ประกายในดวงตาสุกาวจนบัวยิ่งหลงเสน่ห์จนร่างกายอ่อนระทวย เขาพยุงร่างหญิงสาวอรชรขึ้นก่อนวางมือที่เอว “อดทนสักหน่อยนะ อีกไม่นานมันก็จบแล้ว…และ…ผมเสียใจที่เพื่อนของคุณต้องเผชิญกับอะไรแบบนั้น ผมจะจัดงานศพให้เกียรติเธอเอง”
บัวไม่พูดอะไร ทำได้เพียงพยักหน้าก่อนเดินตามเข้าผ่านประตูไปยังห้องถัดไป
ชายหนุ่มจับลูกบิดโลหะเย็นเฉียบแล้วผลักมันออกนำพาเขาไปสู่สถานที่แปลกพิสดารความเชื่อมโยงบิดเบี้ยว สำนักงานกว้างสกปรกเบื้องหน้าเต็มไปด้วยกระจกซึ่งแต่ละบานถูกวาดเครื่องหมายกากบาทสีดำขนาดใหญ่ตัดกับสีท้องฟ้าแดงฉานภายนอกราววันสิ้นโลกส่องผ่านเข้ามากระทบผงฝุ่นกระจายในอากาศเกิดเป็นวิถีแสงจากนรกภูมิ รอบข้างเต็มไปด้วยรอยเขม่าดำเหมือนสถานที่แห่งนี้เคยถูกเปลวเพลิงโอบอุ้มผลาญทุกอย่างเป็นตอตะโก บัวไปรอบด้านไม่เห็นอะไรนอกจากซากปรักหักพังไหม้ดำอีกทั้งยังสัมผัสถึงไอร้อนจากรอบกาย
ป้อมและหุ่นยักษ์ล้อเลื่อนยืนจังก้ารอคอยการมาถึงของชายหนุ่มอยู่แล้ว กาญจนาถูกตรึงห้องศีรษะบนไม้กางเขนซึ่งลอยอยู่กลางอากาศ ใบหน้าแดงบิดเบี้ยวเส้นเลือดปูดโปนบนหน้าผากรอคอยความช่วยเหลือจากชายหนุ่ม
“คุณกาญจนา…”พึมพำเรียกชื่ออดีตเจ้านาย ดวงตาเบิกโพลงในภาพที่เห็น
“สายันต์สวัสดิ์ครับเจ้านาย หรือให้เรียกว่าพาร์ทเนอร์ดีล่ะ?” อาคะมานาสในร่างของป้อมกล่าวท่าทางเยาะเย้ยแสร้งทำเป็นโค้งคำนับอย่างอ่อนน้อมแต่ดันชูนิ้วกลางจะตา แต่มุมปากกลับหุบลงเหมือนบางอย่างไม่เป็นไปตามหมากที่เตรียมไว้ “ผมกำลังรอคุณอยู่พอดี นึกว่าจะมาคนเดียว ที่ไหนได้ยังพาผู้หญิงไร้ประโยชน์จุ้นจ้านขี้เสือกมาอีก! ยังดีที่อีกตัวแม่งตายห่าไปแล้ว”
“มึงนั่นแหละที่ทำให้ห้องทำงานของท่านประธานมีมลทิน ไอ้ยามป้อม!!”บัวแผดเสียงใส่อย่างโกรธแค้น มือกำแน่นจนเล็บจิกเนื้อพร้อมกัดฟันแน่นมองอีกฝ่ายอย่างอาฆาต
“ปากดีจังนะครับ คุณเลขาบัว” อาคะมานาสกล่าวอย่างไม่สบอารมณ์ “ผมเองก็อยากเล่นซ่อนหากับคุณอีกรอบ แต่ครั้งนี้คงต้องเปลี่ยนเกมเป็นวิ่งไล่ฆ่ากันดีไหมล่ะครับ?”
มันดีดนิ้วดัง เป๊าะ! เป็นดั่งสัญญาณเริ่มต้นการต่อสู้ของหุ่นยักษ์ มันเคลื่อนที่มาด้วยความรวดเร็ว ชานนท์คว้าท่อนเหล็กที่อยู่ใกล้มือหวดใส่ใบหน้าของมันอย่างจังด้วยพละกำลังเสริมอัตราสูบฉีดสารอะดรีนาลีนที่ไม่ธรรมดา จากนั้นจึงหยิบลูกเหล็กใกล้ตัวหวดใส่จนใบหน้าเกิดรอยร้าว เมื่อมันถูกโจมตีเข้าจุดเดียวถึงสองครั้งจึงเสียหลักหงายหลังล้มไปกับพื้น เขาหยิบลูกเหล็กที่บัวโยนกลิ้งเข้ามาใกล้เหวี่ยงเข้าใส่ใบหน้าของมันด้วยความอาฆาต
พลั่ก!!
อาคะมานาสมองตาค้างอ้าปากด้วยความคาดไม่ถึง
แววตาของชานนท์ในตอนนี้เต็มไปด้วยโทสะมากยิ่ง เขาขึ้นคร่อมร่างหุ่นยักษ์ล้อเลื่อนราวกับปฏิเสธความน่าสะพรึงกลัวจากมันก่อนชูก้อนเหล็กเหนือศีรษะด้วยสองมือก่อนเหวี่ยงลงตามแรงโน้มถ้วงทุบใบหน้าจนแตกเป็นเสี่ยง ๆ เผยให้เห็นก้อนเนื้อบางอย่างเรืองแสงสีแดงกำลังเต้นเป็นจังหวะ ชายหนุ่มรู้ได้ทันทีว่ามันคืออะไรก่อนเอื้อมมือกระชากมันออกมาชูเหนือศีรษะก่อนหันมามองอาคะมานาสซึ่งตอนนี้ตัวแข็งทื่อ
“ไม่เห็นจะเท่าไหร่เลยนี่หว่า” จากนั้นเขาจึงออกแรงบีบขยี้ก้อนเนื้อนั้นแหลกคามือ ของเหลวสีดำแตกกระจายเปรอะเปื้อน
“ไอ้ยักษ์นั่นมันไร้ประโยชน์มาตั้งแต่แรก แต่อาวุธของข้าคือนังนี่ต่างหาก!”อาคะมานาสปลดร่างของกาญจนาซึ่งไร้สติจากไม้กางเขนก่อนควบคุมเธอดั่งหุ่นเชิดพุ่งเข้าใส่ชานนท์ บัวพุ่งเข้ามาขวางไว้ก่อนล็อกตัวหญิงสาวร่างบางไว้ด้วยแขนขา แม้ว่ากาญจนาจะร่างหนากว่าบัวเล็กน้อย แต่ด้วยพละกำลังของบัวที่เค้นออกมาจนหยดสุดท้าย แม้แขนขาของทั้งสองฝ่ายจะหักออกจากกัน เธอจะไม่มีวันปล่อยให้กาญจนาทำร้ายเจ้านายใหม่ที่เธอรักได้หรอก
“ไปเลยค่ะชานนท์!!”บัวตะโกนเรียกชื่ออีกฝ่ายครั้งแรกทำเอาชายหนุ่มชะงักไปชั่วครู่ก่อนตั้งสติแล้วคว้ามีดที่ทำตกพุ่งเข้าใกล้ศัตรูตัวฉกาจ
“ปลาซิวปลาสร้อยเอ้ย!”อาคะมานาสพ่นลมหายใจออกทางจมูกอย่างไม่สบอารมณ์ก่อนเปิดการทำงานของแหวนประหลาดสีม่วงอีกครั้ง แม้การโจมตีของชานนท์มาจากทางไหนก็เหมือนมีเกราะที่มองไม่เห็นคอยปกป้องเขาอยู่รอบด้าน
“อะไรของมันวะ! หรือว่าแหวนวงนี้มัน…”ชานนท์รู้ตั้งแต่ที่มันบุกเข้ามาถึงห้องลับภายในคอนโดมิเนียมหรูว่าอาคะมานาสมีพลังอำนาจได้เพราะแหวนวงนี้ จึงตั้งเป้าไปที่มัน ไม่ว่าจะจ้วงแทงด้วยกำลังที่มี ไม่สามารถเจาะทะลุผ่านได้เลย เขาถูกมือที่มองไม่เห็นอัดเข้ากลางลำตัวก่อนที่ปีศาจในร่างเพื่อนสมัยเด็กกระโดดหมุนตัวถีบใบหน้าอันหล่อเหลาเข้าเต็มเปา สมองของชายหนุ่มหมุนวิงพยายามกัดฟันตั้งสติต่อสู้กับอาการปวดศีรษะซึ่งได้รับการกระทบกระเทือนขั้นรุนแรง จากนั้นมันจึงเปิดประตูมิติเดินเข้าไปก่อนปรากฏตัวมายืนคร่อมร่าง
“เป็นอะไรไปเจ้านาย? ทำไมถึงแทงผมไม่โดนเลยล่ะครับ?”มันแสยะยิ้มกว้าง ชานนท์ซึ่งสามารถตั้งสติได้แล้วจึงวิ่งเข้ามาเงื้อมีดเหนือศีรษะก่อนที่ปลายทื่อของมีดซึ่งหวดลงมาในขณะอาคะมานาสหลับตาด้วยความประมาท มันปักลงบนกลางอกสร้างความตกใจแก่มันจนต้องลืมตาขึ้นมาดูสถานการณ์ เขาเห็นกาญจนาซึ่งดึงสติกลับคืนมาแล้วยื่นมือไปทางปีศาจร้ายพลางแสยะยิ้ม
“พลังที่ข้าให้…ขอคืนแล้วกัน…”จากนั้นเธอจึงหมดสติลงซบตักบัว
“เธอพูดอย่างนั้นหมายความว่า…”ชายหนุ่มกระชากมีดออกก่อนเฉือนนิ้วที่สวมแหวนขาด มันคำรามเสียงดังแหลมอย่างเจ็บปวด เขาไม่สนใจจึงนิ้วที่ขาดพร้อมแหวนต่อหน้าและจ้องเข้าในในดวงตาอันไร้พลัง “ตอนนี้แหวนนี่เป็นแค่เครื่องประดับ เป็นดั่งกายหยาบของแก”
“อย่า!!!”อาคะมานาสรู้ว่าชานนท์จะทำอะไร เขาเหวี่ยงมันลงพื้น ถีบร่างอีกฝ่ายหงายท้องก่อนคว้าลูกเหล็กซึ่งอยู่ข้างหุ่นยักษ์ล้อเลื่อนทุบจนรูปทรงบิดเบี้ยว ทำให้ร่างกายของปีศาจชั่วบิดเบี้ยวไปพร้อมกัน “ไอ้บัดซบ!!”
“กูรอคิดบัญชีกับมึงเรื่องแมวกูมานานแล้ว” ชายหนุ่มเดินเข้าไปหาก่อนจัดการแทงมีดลงกลางศีรษะทะลุท้ายทอย ส่งผลให้ภาชนะของมันไม่สามารถใช้การได้อีกต่อไป จิตวิญญาณของมันจึงหลุดเข้ามาสิงในแหวนรูปร่างไม่ต่างจากเศษเหล็ก ชานนท์เห็นดังนั้นจึงหยิบขึ้นมาจ้องเขม็ง
“อย่าได้กลับมาให้กูเห็นหน้าอีก กูเตือนด้วยความหวังดี”
จากนั้นเขาได้เหวี่ยงมันออกไปนอกสำนักงานร้างจมหายเข้าไปในความมืดอนธการไม่มีวันได้กลับขึ้นมาอีก เมื่อทุกอย่างจบลงร่างกายของชายหนุ่มกลับอ่อนเปลี้ยจนทิ้งตัวลงนั่งเหยียดขาพร้อมถอนหายใจยาว
“มันจบแล้ว…ใช่ไหมคะ?”ชานนท์พยักหน้าแทนคำตอบ ในขณะเดียวกันที่กาญจนาเริ่มรู้สึกตัว ซึ่งตรงจังหวะที่ประตูบานหนึ่งเปิดออก หญิงสาวในชุดเบลเซอร์เดินออกมาด้วยท่าทางสง่างาม บัวรู้ได้ทันทีรวมถึงคำถามประดังประเดในหัวมากมาย โดยเฉพาะชานนท์ที่เบิกตาโตผงะเพราะเขาเคยสั่งให้อาคะมานาสจัดการเธอมาก่อน
“คุณจินตนา…ทำไมคุณถึงมาอยู่ที่นี่…?”บัวถาม
“ดิฉันได้ถูกยามป้อมพาตัวเข้ามาที่นี่โดยลิฟท์ของบริษัทค่ะ” เธอตอบด้วยท่าทีใจเย็นไม่สะทกสะท้าน “จากนั้นดิฉันก็หลงเข้าไปในเขาวงกตสีเหลืองก่อนจะโดนสัตว์ประหลาดฆ่าตายและกลายเป็นวิญญาณเฝ้าลิฟท์ซึ่งเชื่อมต่อกับโลกคนเป็นคนตายค่ะ”
“เหมือนกับในหนังการ์ตูนเลย…แต่…ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อแหละนะว่าทุกอย่างในนี้สามารถเกิดขึ้นได้อย่างไม่มีอะไรตายตัว เวลาที่นี่จะต่างกับเวลาในมิติคนเป็นค่ะซึ่งจะเดินช้ากว่า” จินตนากล่าวเสียงเรียบนิ่ง ดวงตาไร้แววไม่ต่างจากศพ อีกทั้งผิวหนังยังซีดเซียว “ดิฉันถูกเบื้องบนส่งมาให้พาพวกท่านกลับไปสู่โลกคนเป็นค่ะ กรุณาเชิญทางนี้”
ชานนท์และบัวพยุงกาญจนาเดินเข้าไปในลิฟท์แต่ไม่ได้เชื่อใจอีกฝ่าย แต่ในเมื่อมาจากคำพูดของ ‘อดีต’ ฝ่ายทรัพยากรมนุษย์ด้วยแล้วจึงยอดเดิมพันครั้งสุดท้าย
เมื่อประตูลิฟท์ปิดเขามองไปรอบ ๆ จึงเกิดความคุ้นตาเหมือนกับว่าเขาเพิ่งเสร็จงานและกำลังจะกลับบ้าน จินตนากดหมายเลขประมาณห้าเลขจากนั้นรู้สึกเหมือนตู้โดยสารสั่นเคลื่อนดึงขึ้นไปด้านบน เพียงไม่กี่อึดใจมันหยุดลงก่อนประตูเหล็กหนาเลื่อนเปิดออก ชานนท์มองออกไปเห็นประตูสำนักงานร้างผู้คน แต่เมื่อเห็นท้องฟ้าสีครามจากภายนอกเป็นหนึ่งในหลักฐานชี้ชัดว่าพวกเขาได้กลับสู่โลกมนุษย์
“ขอบคุณนะคุณ…” ชายหนุ่มตั้งใจหันไปกล่าวคำขอบคุณแต่คุณจินตนากลับไม่ยืนอยู่ตรงนั้นแล้ว เขาจึงไม่พูดอะไรมากกว่านี้แล้วพยุงร่างกาญจนาออกไป กระดาษแผ่นหนึ่งปลิวมาติดขา เขาจึงหยิบมันขึ้นมาเห็นตัวหนังสือหัวข้อว่า
‘หนังสือแจ้งล้มละลายบริษัท ยอนอู จำกัด’
“เห้อ…” ชายหนุ่มถอนหายใจก่อนฉีกมันออกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย “ในเมื่อบริษัทถูกปิดไป คงน่าจะเพราะว่าผมหายสาบสูญ เลขาบัวตายและหัวหน้าแผนกทรัพยากรยังไม่รอดจึงไม่แปลกที่กิจการจะหยุดชะงักจนล้มละลาย”
เขาหันมามองสองสาวสลับกันไปมา ความรู้สึกบางอย่างแผ่ซ่านไปทั่วร่าง เขาอยู่ตัวคนเดียวมานานเกินไปจึงคิดว่าตัวเองควรลงหลักปักฐานกับใครสักคน
“ไม่น่าจะเป็นสถานที่ที่สมควรเท่าไหร่แต่…”
เส้นทางเลือกบทละคร