การเลือกเดินทางร่วมกันในความสัมพันธ์พิเศษนี้มันไม่ผิดเลย แต่มันก็ไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบและสวยงามเหมือนในนิยาย เพราะสังคมที่เราอยู่ตอนนี้มันไม่ใช่ทุกคนที่จะ ยอมรับ และ ใจกว้าง พอให้กับคนรักเพศเดียวกัน
รัก,หญิง-หญิง,เกาหลี,ดราม่า,feelgood,girllove,เกาหลี,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
ปันนะรัก 01
สนามบินนานาชาติสุวรรณภูมิ ประเทศไทย
“เดินทางปลอดภัยนะพี่ปรรณ” แป้งเอ่ยบอกด้วยความเป็นห่วง
“ไม่ต้องห่วง…เกาหลีก็บ้านพี่เหมือนกัน”
“จ้าๆ”
“ถึงแล้วเดี๋ยวพี่ส่งข้อความหานะแป้ง ฝากดูแลคุณแม่ด้วย”
แป้งพยักหน้ารับคำก่อนที่ทั้งสองพี่น้องจะแยกกันตรงบรรไดเลื่อนที่หลายต่อหลายคนพูดว่าเป็น ‘บรรไดเลื่อนแห่งการจากลา’ ที่ตัวเขาเองก็จากลาบ้านเกิดเมืองนอนไปเรียนและทำงานอยู่ต่างประเทศร่วมสิบปี
ปรรณ หรือ ปรรณรัก สาวสวยเท่ อดีตนักกีฬาวอลเลย์บอลเยาวชนทีมชาติ ที่พกความสูงกว่า 182 เซ็นติเมตรไปเรียนและทำงานอยู่ที่ประเทศเกาหลีใต้ตั้งแต่อายุสิบแปด ปัจจุบันเขาทำงานอยู่ที่ HYU Korean Language Academy เขาเป็นทั้งเจ้าของสถาบัน และเป็นหนึ่งในทีมผู้สอน ปรรณได้เริ่มต้นทำสถาบันสอนภาษาแห่งนี้เมื่อสองปีก่อน ตั้งแต่ที่ตัดสินใจกลับมาตั้งหลักที่ประเทศไทย
ปรรณรักมีพี่น้องทั้งหมดสามคน โดยเขาเป็นลูกคนกลาง ที่มีพี่ชายฝาแฝดชื่อ โปรด หรือ โปรดปราน ปัจจุบันทำงานในตำแหน่งนักปรับปรุงพันธุ์พืช ประจำศูนย์วิจัยวิทยาศาสตร์การเกษตรนานาชาติแห่งประเทศญี่ปุ่น
และ แป้ง หรือ ปนัดดา น้องสาวคนเล็กของบ้าน อันที่จริงแล้วแป้งมีศักดิ์เป็นลูกพี่ลูกน้องของสองแฝดแต่คุณพ่อคุณแม่รับแป้งมาอยู่ในความดูแล และรับเป็นบุตรบุญธรรม ตั้งแต่ที่แป้งอายุได้เพียงแปดเดือนเท่านั้น เนื่องจากพ่อแม่ของแป้งประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์
ปัจจุบันปนัดดาเป็นคุณครูประจำชั้นอนุบาล 2 ห้องทานตะวัน โรงเรียนอนุบาลก้องวณิช ที่มีอาจารย์ปริศนาหรือคุณแม่ของทั้งสามพี่น้องดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการคนปัจจุบัน ซึ่งแป้งก็ถูกวางตัวให้เตรียมเข้ามารับตำแหน่งต่อจากมารดาในอนาคตด้วยเช่นกัน
สองปีก่อน…
14:42 น. วันอังคาร
“ครู กับ นักเรียน มันจะไปคบกันได้ยังไง” ผอ.คิม พูดเสียงดังพร้อมกับฟาดแฟ้มลงบนโต๊ะประชุมกลางห้องพักครูที่ชาฮยอนนั่งอยู่ ทำเอาเธอสะดุ้งตัวโยนด้วยความตกใจ
“อาจารย์ฮยอน คุณอย่าลืมสิว่าคุณเป็นครูนะ ที่สำคัญ…คุณเป็น ผู้หญิง และนักเรียนคนนั้นก็เป็น ผู้หญิง มันจะไป คบ กันได้ยังไง” ผอ.คิมเอ่ยด้วยน้ำเสียงดุดันพร้อมทำตาถมึงทึง ซึ่งประโยคนี้ไม่ได้ทำให้ชาฮยอนสตั๊นไปเพียงคนเดียวเท่านั้น หากแต่มีอาจารย์อีกสองท่านที่กำลังนั่งทำงานอยู่ประจำที่นั่งของตัวเองก็ตกใจไม่แพ้กัน
ไม่มีคำตอบจากคนตัวเล็ก…มีแต่ความเงียบงันที่เข้ามาปกคลุมพื้นที่ในห้องทำงาน ชาฮยอนทำได้แค่เพียงก้มหน้าพลางเม้มปากแน่น น้ำตาที่ไหลอาบแก้มอย่างห้ามไม่ได้กำลังทำให้เธอมองเห็นภาพเบื้องหน้าได้ไม่ชัดเจนอย่างเคย
“ไปจัดการให้เรียบร้อย คุณคงเข้าใจความหมายของผมนะ ไม่อย่างนั้นผมคงต้องขอตัดสิทธิ์เรื่องทุนเรียนต่อในปีการศึกษาหน้าของคุณ…อย่าหาว่าผมใจร้ายล่ะ ในเมื่อคุณก็เคยใจร้ายกับผมมาก่อนเหมือนกัน” ผอ.คิมพูดเสร็จก็เดินออกจากห้องพร้อมเหวี่ยงประตูปิดเสียงดัง
ตัดสิทธิ์ทุน
ตัดสิทธิ์ทุน
ตัดสิทธิ์ทุน
คำประกาศิตนี้ยังคงดังกึกก้องอยู่ในโสตประสาทของเธอ
ตอนนี้คนตัวเล็กที่ตกอยู่ในภวังค์กับคำขาดของ ผอ.คิม ได้แต่นั่งจ้องมือถือที่มีภาพหน้าจอเป็นภาพของเธอกับคนรักกำลังกอดและหัวเราะกันอย่างมีความสุข แม้เพื่อนร่วมงานทั้งสองคนจะเดินเข้ามาเรียกสติเธอ…แต่ก็ไม่ได้ทำให้ชาฮยอนหลุดจากห้วงความคิดนั้นแต่อย่างใด
“ยาดม…ช่วยหยิบในกระเป๋าให้หน่อยค่ะ” คนตัวเล็กเอ่ยขอหลังจากนิ่งเงียบไปราวสิบนาที
“ขออนุญาตนะคะ” ดาอินพูดพร้อมกับเอื้อมมือไปเปิดกระเป๋าของคนตัวเล็กอย่างถือวิสาสะ เพราะโต๊ะทำงานของเขาและคนตัวเล็กอยู่ติดกัน และเขาเองก็รู้จักของสิ่งนี้เป็นอย่างดี…
ดาอินเริ่มเห็นสิ่งเล็กๆ ที่เรียกว่า ยาดม ครั้งแรก น่าจะตั้งแต่ตอนเขาเรียนมหาฯลัยปีหนึ่งเทอมแรก ในวันนั้นเขาเข้าห้องเรียนสายเนื่องจากหาตึกและห้องเรียนไม่เจอ และเพื่อไม่ให้เป็นการรบกวนอาจารย์และเพื่อนร่วมห้องคนอื่นๆ เขาจึงเข้าห้องเรียนทางประตูด้านหลัง และได้เข้าไปนั่งตรงที่นั่งว่างที่มีนักศึกษาตัวสูงคนหนึ่งนั่งอยู่คนเดียว
หลังหมดคาบเรียนต่างฝ่ายต่างแนะนำตัวและทำความรู้จักกัน จึงได้รู้ว่าเพื่อนตัวสูงคนนี้ชื่อ ปรรณรัก เป็นคนไทย ตอนนั้นเขารู้สึกว้าวมาก เพราะคณะนี้ไม่ค่อยมีนักศึกษาต่างชาติเรียนสักเท่าไหร่ และจนถึงปัจจุบันปรรณยังคงเป็นนักศึกษาไทยคนแรกและคนเดียวในคณะนี้
พูดถึงยาดม…เพื่อนตัวสูงของเขามักจะยัดสิ่งนี้คารูจมูกของตัวเองไว้เกือบตลอดชั่วโมงเรียน และเกือบทุกครั้งที่มีโอกาสหยิบมันขึ้นมาใช้งาน จนเกิดเป็นภาพคุ้นตาของเพื่อนๆ และอาจารย์ประจำสาขา
‘สดชื่นดีนะ แล้วก็แก้คัดจมูกได้ด้วย’
‘เวียนหัวหรอ อ่ะ เอาไปดมสิ’
‘ถ้าแกหายใจไม่ออก ก็ดมยาดมสิ’
เพื่อนตัวสูงของเขามักจะพูดประโยคเหล่านี้กับเพื่อนๆ เสมอ และจากกลิ่นที่คนในสาขาไม่ชื่นชอบ กลายเป็นของฝากให้ทุกคนในทุกๆ ครั้งที่ปรรณกลับมาจากบ้านเกิด…
จะว่าไปยาดมก็ถือเป็นอีกหนึ่งซอฟท์พาวเวอร์ของไทยที่ปรรณรักเอามาหว่านเสน่ห์ทิ้งไว้ตั้งแต่สมัยเรียน และตัวเขาเองก็ยังคงชอบกลิ่นของมันมาจนถึงปัจจุบัน
“นี่ค่ะอาจารย์” ดาอินว่าพร้อมยื่นสิ่งที่คุณครูคนสวยต้องการให้
ดาอิน หรือ คังดาอิน คือเพื่อนรักเพื่อนสนิทของปรรณรัก เขารู้จักกับปรรณตั้งแต่เดย์วันในรั้วมหาวิทยาลัยเลยก็ว่าได้ มาจนถึงตอนนี้เขากับเพื่อนตัวสูง เรียกว่าสนิทกันมากขนาดเพียงแค่มองตาก็รู้ใจ ไม่ต้องพูดอะไรก็รู้กัน ไม่ใช่เพราะทั้งคู่คบหากันมานานเพียงเท่านั้น แต่เพราะสมัยเรียนทั้งคู่เคยแชร์ห้องอยู่ด้วยกันมานานร่วมสี่ปี และต่างก็ร่วมทุกข์ร่วมสุขร่วมกันมามากมาย รวมๆ ทั้งคู่เป็นบั๊ดดี้กันมากว่าแปดปีเห็นจะได้
“ไหวไหมชาฮยอน” คำถามสั้นๆ จากเพื่อนสนิทของคนตัวเล็ก
“อืมม”
“บ่ายนี้ไม่มีสอนแล้ว ไปหาอะไรกินแก้เครียดกันดีไหม”
“เอาสิ…แต่ขอเราส่งข้อความบอกปรรณแป๊บนึงนะ” ชาฮยอนเอ่ยขึ้นทันทีที่นาฬิกาบนข้อมือสั่นแจ้งเตือนว่ามีข้อความเข้ามา
ppÄn: ที่รัก…ปรรณกำลังจะเข้าประชุมเกี่ยวกับโพรเจกต์ใหม่ที่ได้รับมอบหมายเมื่อเดือนก่อนนะคะ ขอกำลังใจดวงโตๆ โหน่ยยยยย
ChaHyeon: สู้ๆ นะคะรัก พี่เป็นกำลังใจให้ค่ะ<3<3 คิดถึงงง
ppÄn: ขอบคุณนะคะ คิดถึงเหมือนกันค่ะท่านซังกุงสูงสุด
ไทป์หมาเด็ก
เป็นคำนิยามที่บ่งบอกถึงตัวตนของปรรณรักได้เป็นอย่างดี ด้วยบุคลิกขี้เล่น ขี้อ้อน คุยเก่ง เข้ากับคนอื่นได้ง่าย และเป็นคนที่มีพลังบวกเสมอ ไม่แปลกที่เธอจะตกหลุมรักเจ้าหมาเด็กของเธอได้ทุกวัน และวันละหลายๆ ครั้งด้วย
แต่ถ้าเมื่อไหร่ที่เจ้าหมาเด็กโดนดุ เขาจะสลับโหมดเป็นหมาหงอยทันที หน้าจะเศร้า หูจะลู่ และเงียบไปราวกับโลกนี้มันช่างมืดมนเสียเหลือเกิน ทำให้เธออดเอ็นดูไม่ได้ ถึงแม้จะมีบ้างบางครั้งที่ไม่เข้าใจในความคิดของเจ้าหมาเด็กคนนี้ เพราะหลายๆ ครั้ง ความคิดเหล่านั้นมักจะมาเหนือความคาดหมายเสมอ แต่เธอก็รักและภูมิใจกับทุกย่างก้าวและทุกการเติบโตของเจ้าหมาเด็กของเธอมากไม่แพ้ใคร
Group Chat
Da.iN: @ppÄn นี่แฝด…รู้เรื่องศรีภรรหรือยัง??
Yae-Ji: พี่ฮยอนไม่สบายหรออินอิน??
เยจี หรือ ซอเยจี เพื่อนรักเพื่อนสนิทอีกคน ทั้งปรรณ ดาอิน และเยจี รู้จักและสนิทสนมกันมาตั้งแต่เรียนปีหนึ่ง และทั้งสามสาวก็เคยแชร์บ้านอยู่ด้วยกันสมัยเรียน ปัจจุบันเยจีก็เป็นคุณครูสอนภาษาเกาหลีที่เดียวกับชาฮยอนและดาอิน หากแต่โต๊ะทำงานของเยจี อยู่คนละห้องกับเดอะแก๊งค์
Da.iN: เปล่าป่วย แต่พี่ฮยอนจะโดน ผอ.คิม ตัดสิทธิ์ทุนเรียน ป.เอก
Yae-Ji: นี่ฉันตกขาวอะไรอีกแล้วเนี่ย TT
Da.iN: ตกข่าว ไม่ใช่ตกขาวยัยจีจี้!!!
เยจีที่นั่งทำงานอยู่คนละห้องกับชาฮยอนและดาอิน ทำให้เธอตกข่าวอยู่บ่อยๆ มีหลายครั้งที่เธอใจกล้าหน้าด้านเดินไปขอหัวหน้าแผนกเพื่อจะขอย้ายโต๊ะทำงานไปอยู่ห้องเดียวกับเพื่อนสนิท แต่เธอมักจะโดนหัวหน้าบ่นจนถอยทัพกลับแทบไม่ทัน
19:15
ตึ๊ด ตึ๊ด ….
“พี่ฮยอนนน ปรรณกลับมาแล้วค่าาาา”
เป็นปกติของเจ้าหมาเด็กที่จะตะโกนบอกคนตัวเล็กทันทีที่กลับถึงบ้าน และก็เป็นปกติอีกเช่นกันที่เจ้าของหมาเด็กจะตอบรับการกลับมาด้วยน้ำเสียงและอ้อมกอดที่อบอุ่นเสมอ แต่วันนี้…เงียบสนิท!!!
ปรรณก้าวเท้าไปยังห้องครัวเป็นที่แรก เพราะปกติคนตัวเล็กจะเป็นผู้รับผิดชอบงานในครัวไม่ว่าจะมื้อเช้าหรือมื้อเย็น และด้วยเวลานี้คนพี่น่าจะอยู่ในห้องครัวอยู่แล้ว แต่พอเดินไปถึงเขาเจอแต่ความว่างเปล่า เขาเห็นเพียงถุงจากซุปเปอร์ฯ แถวบ้านที่ใส่ข้าวสารและเครื่องปรุงที่เพิ่งหมดไปตั้งอยู่บนเคาน์เตอร์เท่านั้น เจ้าตัวเดินต่อไปดูที่ห้องน้ำด้านในห้องนอน เผื่อคนตัวเล็กจะกำลังอาบน้ำชำระความเครียดจากการทำงานมาทั้งวัน แต่ก็ไม่มีใครอยู่เลย
“แง้วว…พี่ฮยอนไปไหนอ่ะเนี่ย?!” เจ้าหมาเด็กพึมพำกับตัวเองเบาๆ พร้อมกับดึงมือถือออกจากกระเป๋ากางเกง เพื่อโทรหาคนรัก
เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นมาจากห้องทำงานของคนพี่ ปรรณยกยิ้มก่อนที่จะรีบเท้าเดินไปตามเสียงเพลงที่ดังมาจากโทรศัพท์ของคนตัวเล็ก
“ทำอะไรอยู่คะที่ร…” ปรรณเอ่ยขึ้นยังไม่ทันจบประโยคดี
“อะ อ่าวว…ไม่อยู่!!!”
จากความสงสัยที่หาคนตัวเล็กไม่เจอถูกแทนที่เป็นความกังวลใจแทนเพราะชาฮยอนไม่ใช่คนขี้ลืมหรือคนที่จะวางของทิ้งไว้เรี่ยราดแบบนี้โดยเฉพาะมือถือที่คนตัวเล็กมักจะพกมันติดตัวเสมอ ประหนึ่งเป็นอวัยวะชิ้นที่สามสิบสามของร่างกาย
เหตุมาจากครั้งหนึ่งเมื่อหลายปีก่อนที่คนตัวเล็กติดอยู่ในห้องน้ำเนื่องจากลูกบิดประตูเสียทำให้เธอต้องรออยู่ในนั้นเกือบสองชั่วโมง เพราะไม่ได้เอามือถือเข้าไปด้วยเลยไม่สามารถโทรขอความช่วยเหลือจากใครได้เลย
เธอจำต้องรอจนเจ้าหมาเด็กกลับบ้านถึงได้รู้ว่าคนตัวเล็กโดนขังอยู่ในห้องน้ำ และกว่าจะเรียกช่างประจำตึกมาก็ต้องรออีกเกือบชั่วโมงเพราะตอนนั้นเป็นเวลาเลิกงานแล้ว ทำให้ต้องรอช่างเดินทางจากที่พักมาเพื่องัดประตูให้เธอ
ตอนแรกปรรณตั้งใจว่าจะนั่งเล่นนอนเล่นรออยู่ที่บ้าน เพราะคิดว่าคนตัวเล็กคงออกไปซื้อของกินที่ตลาดเย็นที่อยู่ไม่ไกลจากที่พักนัก เพราะก็จะมีบางวันที่คนตัวเล็กไม่ทำอาหารเย็นแต่จะออกไปหาซื้อที่ตลาดเย็นมาแทน แต่พุงเต่งของปรรณดันส่งเสียงประท้วงออกมา เจ้าหมาเด็กเลยคว้ามือถือและกระเป๋าตังค์ออกไปเดินหาของกินที่ตลาดเย็น และเมนูสำหรับวันนี้ของเขาคือซุนแด เขาเดินหาของกินพร้อมกับสอดส่องสายตามองหาคนรักตามร้านรวงต่างๆ ทั่วตลาดกว่าสามสิบนาที ก็ยังไม่มีวี่แววของคนตัวเล็กเลย เขาเลยแวะพักเหนื่อยที่ร้านคาเฟ่เล็กๆ เจ้าประจำท้ายตลาด
“ชาเอิร์ลเกรย์เย็นไม่ไซรัปแก้วนึงจ้ามินจู” เขาสั่งเครื่องดื่มสุดโปรดกับน้องพนักงานอย่างคุ้นเคยและเป็นกันเอง
“แปดพันวอนค่ะพี่ปรรณ”
“นี่จ้า” เขายื่นแบงค์หมื่นวอนให้น้องพนักงาน
“เงินทอนค่ะ รอสักครู่นะคะ”
‘ชี กึม ชอ รอม มัน นัล ซา รัง แฮ จวอ’ เสียงโทรศัพท์ของเขาดังขึ้น เป็นจังหวะเดียวกับที่เขาเอื้อมมือไปรับเงินทอน ทันทีที่หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาได้ เขาก็รีบปัดรับสายทันที เพราะไม่ใช่ใครที่ไหนแต่เป็นอาจารย์พัคเพื่อนสนิทของคนรักที่โทรเข้ามา
“ค่ะ เดี๋ยวปรรณรีบไปเดี๋ยวนี้เลยค่ะ”
“มินจู! เครื่องดื่มของพี่กินได้เลยนะ พี่มีธุระด่วนต้องรีบไป”
ที่ปรรณรอเครื่องดื่มนี้ไม่ได้ ไม่ใช่เพราะเมนูนี้ต้องใช้เวลาแช่ชาอย่างน้อยห้าถึงสิบนาทีเท่านั้น แต่เป็นเพราะประโยคสั้นๆ ของสายที่โทรเข้ามา
‘ปรรณ…ชาฮยอนเมา’
แค่ เมา อาจจะไม่ใช่ปัญหาหรือเป็นอะไรที่น่าห่วงสำหรับใครหลายๆ คน แต่หากเป็นชาฮยอนเมา เป็นอะไรที่น่าห่วงและต้องเฝ้าระวังเป็นอย่างใกล้ชิด เพราะคนตัวเล็กของเขานั้น
แพ้แอลกอฮอล์…
เขาไม่แน่ใจเลยว่าคนที่ร่วมวงอยู่ตอนนี้จะรู้ไหมว่าอาจารย์ฮยอน หรือ พี่ฮยอนนั้นแพ้แอลกอฮอล์ และอาการในแต่ละครั้งหลังจากดื่มเข้าไปนั้น ก็ดันแสดงอาการไม่เหมือนกันเลยสักครั้ง
เพราะเคยมีครั้งนึงคนตัวเล็กดื่มไปเพียงเล็กน้อยก็มีผื่นแดงขึ้นเห่อเต็มตัวคล้ายกับเป็นงูสวัด สุดท้ายต้องไปให้คุณหมอฉีดยาเอพิเนฟรีนและนอนให้น้ำเกลือที่โรงพยาบาลอยู่คืนนึง และอีกครั้งที่ดื่มเข้าไปแล้วความดันตกจนวูบหมดสติไป ครั้งนั้นเหตุเกิดในขณะที่เธอเดินไปเข้าห้องน้ำ และด้วยลางสังหรณ์บางอย่างเจ้าหมาเด็กเลยเดินไปเป็นเพื่อน และพอดีกับที่เขาคว้าร่างเล็กไว้ได้ทัน ไม่อย่างนั้นอาจจะเกิดเหตุการณ์ไม่คาดคิดขึ้นได้ และสุดท้ายก็ไปจบด้วยการนอนให้น้ำเกลือที่โรงพยาบาลอีกเช่นเคย
และก็มีอีกหลายต่อหลายครั้งที่เขาต้องคอยเฝ้าระวังตลอดเวลาที่ชาฮยอนดื่มเครื่องดื่มมึนเมา แม้คนตัวเล็กจะแพ้แอลกอฮอล์ แต่สาวเจ้าก็ชอบดื่มเหลือเกิน
และเธอก็ให้เหตุผลว่า
พี่ดื่มเอาสังคม!!!