การเลือกเดินทางร่วมกันในความสัมพันธ์พิเศษนี้มันไม่ผิดเลย แต่มันก็ไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบและสวยงามเหมือนในนิยาย เพราะสังคมที่เราอยู่ตอนนี้มันไม่ใช่ทุกคนที่จะ ยอมรับ และ ใจกว้าง พอให้กับคนรักเพศเดียวกัน

ปันนะรัก - ปันนะรัก 02 2 โดย สิงห์โตน้ำเงิน @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

รัก,หญิง-หญิง,เกาหลี,ดราม่า,feelgood,girllove,เกาหลี,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย

ปันนะรัก

หมวดหมู่ที่เกี่ยวข้อง

รัก,หญิง-หญิง,เกาหลี,ดราม่า

แท็คที่เกี่ยวข้อง

feelgood,girllove,เกาหลี

รายละเอียด

ปันนะรัก โดย สิงห์โตน้ำเงิน @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

การเลือกเดินทางร่วมกันในความสัมพันธ์พิเศษนี้มันไม่ผิดเลย แต่มันก็ไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบและสวยงามเหมือนในนิยาย เพราะสังคมที่เราอยู่ตอนนี้มันไม่ใช่ทุกคนที่จะ ยอมรับ และ ใจกว้าง พอให้กับคนรักเพศเดียวกัน

ผู้แต่ง

สิงห์โตน้ำเงิน

เรื่องย่อ

สารบัญ

ปันนะรัก-ปันนะรัก 01 1,ปันนะรัก-ปันนะรัก 02 2,ปันนะรัก-ปันนะรัก 03 3,ปันนะรัก-ปันนะรัก 04 4,ปันนะรัก-ปันนะรัก 05 5

เนื้อหา

ปันนะรัก 02 2

ปันนะรัก 02


ปรรณกึ่งวิ่งกึ่งเดินจากร้านกาแฟท้ายตลาดไปยังจุดหมายปลายทางที่คนในสายได้บอกพิกัดไว้ ซึ่งใช้เวลาประมาณเกือบยี่สิบนาทีเขาก็มาหยุดยืนหอบแฮ่กอยู่ที่หน้าร้านคาเฟ่กึ่งบาร์ขนาดกลางชื่อดังในละแวกนั้น ภายนอกได้รับการตกแต่งอย่างสวยงามโดยเฉพาะช่วงเทศกาลต่างๆ จะสวยและโดดเด่นเป็นพิเศษ

ส่วนภายในร้านก็มีดนตรีสดเล่นเคล้าคลอล้อไปกับบรรยากาศยามค่ำคืน ซึ่งร้านนี้จะคราคร่ำไปด้วยลูกค้าวัยทำงานมากมายที่เข้ามานั่งดื่มสังสรรค์กันหลังเลิกงานเพื่อปลดปล่อยความเครียดที่สะสมกันมาตลอดทั้งวัน

“ปรรณปรรณ...” คนตัวสูงหันไปตามเสียงและรีบก้าวเท้าพุ่งตัวไปหาคนที่กำลังโบกมือเรียกทันที

“อาจารย์พัค อินอิน ยัยจีจี้” เขาเอ่ยทักทายทั้งสามคนก่อนจะหันไปมองบุคคลที่สี่ที่นั่งหลับคอพับพิงเรียบไปกับโซฟา

“ทำไมพี่ฮยอนเมาแบบนี้อ่ะ แล้วทำไมพวกแกไม่ส่งข่าวฉัน”

ปรรณยิงคำถามรัวใส่เพื่อนทั้งสองอย่างต้องการคาดโทษทันทีที่เห็นสภาพคนรักของตัวเองเมาหลับอยู่ข้างอาจารย์พัคตั้งแต่สองทุ่มกว่าๆ เช่นนี้

“วันนี้พี่ฮยอนของแกยกไปกี่ขนานก็ไม่รู้” ยัยจีจี้บ่นพึมพำออกมาเบาๆ พร้อมชี้ให้ดูหลักฐานบนโต๊ะที่มีทั้งโซจู เบียร์และเหล้าบ๊วย ก่อนถูกดาอินหันไปทำหน้าดุใส่และทำสัญญาณมือให้เงียบๆ ไว้

“ว่าแต่ชาฮยอนได้บอกปรรณเรื่อง ผอ.คิม แล้วหรือยัง” อาจารย์พัคเพื่อนสนิทของคนเมาเอ่ยถามขึ้นมา

“ยังค่ะ พอดีเมื่อบ่ายปรรณติดประชุม แล้ว…มันเกิดอะไรขึ้นคะ”

อาจารย์พัคถอนหายใจออกมาอย่างเหนื่อยหน่ายกับเหตุการณ์ในวันนี้ ก่อนจะเริ่มเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อกลางวันให้ลูกศิษย์ตัวสูงฟัง ซึ่งเจ้าหมาเด็กก็ได้แต่พยักหน้ารับทราบเรื่องราวที่เกิดขึ้นเมื่อกลางวันเท่านั้น

สีหน้าเคร่งเครียดของทั้งอาจารย์พัค ดาอิน เยจีและปรรณรักทำให้บรรยากาศในโต๊ะอึมครึมขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ซึ่งแตกต่างจากบรรยากาศในร้านและโต๊ะอื่นๆ ที่ตอนนี้มีแต่เสียงพูดคุย เสียงหัวเราะไปจนถึงเสียงกระทบของแก้ว ‘จั๊นนน’ ที่ดังมาไม่ขาดสาย

“ในเมื่อตอนนี้แกรู้เรื่องแล้ว จะเอาไงต่ออ่ะ” ปรรณหลับตาส่ายหน้าเบาๆ ด้วยความหนักใจ

“แกจะตัดสินใจยังไงก็ได้นะแต่ขอให้แกคิดให้ดีๆ อย่าตัดสินใจด้วยอารมณ์และความรู้สึกส่วนตัวนะ” คราวนี้เป็นเยจีที่เตือนสติเพื่อนตัวสูงด้วยความเป็นห่วงและเพราะรู้นิสัยของเพื่อนคนนี้เป็นอย่างดี

เขาพยักหน้ารับคำของเพื่อนพลางมองไปที่ชาฮยอนที่นั่งหลับอยู่ข้างอาจารย์พัคด้วยแววตาที่วูบไหวและเต็มไปด้วยความกังวล...เฮ้อ

“ถ้าอาจารย์เป็นพี่ฮยอน...อาจารย์จะตัดสินใจยังไงคะ”

“หืม? ก็ไม่รู้สินะ...เอาจริงๆ มันเป็นเรื่องส่วนตัวของพวกเธอนะ และครูก็มองว่าไม่ได้เป็นเรื่องผิดอะไรเลยที่ผู้หญิงสองคนจะรักกัน”

อาจารย์พัคเป็นเพื่อนสนิทของชาฮยอนที่รับรู้เรื่องราวของปรรณรักกับเพื่อนของตัวเองมาตลอด และเธอเคยเอ่ยปากเตือนคนทั้งคู่ให้ระวังถึงปัญหาที่อาจจะตามมา แต่ก็ไม่คิดว่าปัญหามันจะตามมาในวันที่ทั้งคู่รู้จักและคบหากันมาร่วมสิบปี

‘การเลือกเดินทางร่วมกันในความสัมพันธ์พิเศษนี้มันไม่ผิดแต่มันก็ไม่ได้งดงามดั่งในนิยาย เพราะระหว่างทางเราต้องเจอบททดสอบมากมาย เพื่อพิสูจน์ว่าเราสองคนรักมากพอและพร้อมจะเผชิญทุกปัญหาไปด้วยกันไหม เพราะสังคมที่เราอยู่ตอนนี้มันไม่ใช่ทุกคนที่จะยอมรับและใจกว้างพอให้กับคนรักเพศเดียวกัน’

“หึหึ เจ็บฉิบหาย!!!” ก็เพราะก้อนเนื้อที่อกข้างซ้ายมันกำลังถูกบีบรัดด้วยสิ่งที่มองไม่เห็นจนอึดอัดไปหมด เขาได้แต่หัวเราะในลำคอให้ตัวเอง พร้อมสบถออกมาเบาๆ

“แม่ง น่าสมเพชจริงๆ”

 นี่มันตลกร้ายชัดๆ คบกันมาตั้งนานไม่เคยจะมีปัญหาอะไร ทั้งเขาและเธอก็ไม่เคยไปสร้างปัญหาหรือสร้างความเดือดร้อนให้ใคร แล้วทำไมแค่คนรักของเขายื่นขอทุนเรียนต่อถึงมีปัญหาขึ้นมาได้ล่ะ

“แค่ผู้หญิงสองคนรักกัน ทำไมคนที่ทำงานต้องมาเสือกด้วยวะ”

 คนตัวสูงสบถคำรุนแรงออกมาทำเอาอาจารย์พัคถึงกับอ้าปากค้างด้วยความตกใจ เพราะเธอไม่เคยเห็นศิษย์รักในเวอร์ชั่นฮาร์ดคอร์เช่นนี้มาก่อนเลยอดที่จะถามออกไปไม่ได้

 “ปรรณรัก...เธอไปเอาคำหยาบคายพวกนี้มาจากไหน”

ดาอินกับเยจีได้แต่มองหน้ากันเลิ่กลั่กและยิ้มแห้งให้กับคำถามของอาจารย์พัค ก็พวกหนูสองคนนี่แหละค่ะที่เป็นคนสอนคำศัพท์นอกห้องเรียนให้ปรรณเอง

พวกหนูขุนมันมากับมือเลยนะคะอาจารย์พัค

จะว่าไปชีวิตของปรรณค่อนข้างที่จะสมบูรณ์และเพอร์เฟคมาตลอดตั้งแต่ที่รู้จักกันมา ปรรณน่ะเรียนก็เก่งกิจกรรมก็ดีเป็นนักกีฬาวอลเลย์บอลทีมมหาวิทยาลัยอีกต่างหาก และเพื่อนตัวสูงคนนี้ก็สามารถเรียนจบด้วยเกรดเฉลี่ย 3.5 ซึ่งถือว่าสูงมากหากเทียบกับนักศึกษาต่างชาติด้วยกัน และสูงกว่าเพื่อนร่วมรุ่นที่เป็นคนเกาหลีบางคนเสียด้วยซ้ำ

ส่วนงานที่ทำอยู่ปัจจุบัน ทุกคนที่ใกล้ชิดกับเขาก็คิดเห็นไปในทางเดียวกันว่าเป็นงานที่ค่อนข้างดี มั่นคงและผลตอบแทนก็ค่อนข้างสูง ซึ่งเหมาะสมกับความสามารถและศักยภาพที่เจ้าตัวมี

ส่วนเรื่องความรัก ปรรณก็ถือว่าโชคดีมากที่มีคนรักดี เข้าใจและยอมรับทั้งข้อดีข้อเสียของกันและกันได้ ที่สำคัญคนรักของเพื่อนตัวสูงคือ สวยมาก ก.ไก่ล้านตัว พี่ฮยอนจัดว่าเป็นสาวเกาหลีที่หน้าตาสวยคมแถมนิสัยก็ดีเรียบร้อยอย่างกับผ้าพับไว้ บางครั้งพวกเรายังคิดว่าพี่ฮยอนน่ะหลุดมาจากยุคโชซอนหรือเปล่าเลย แต่พอบทจะลุกขึ้นมาแต่งตัวเซ็กซี่ก็ร้อนแรง แซ่บโฮ่งไม่เกรงใจใคร ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมปรรณถึงตามจีบพี่สาวคนสวยคนนี้มานานนับปี

และเอาจริงๆ พวกเราอิจฉาตาร้อนมากนะ เวลาที่เห็นเพื่อนสนิทกับคนรักอยู่ด้วยกัน เพราะไม่ว่าทั้งคู่จะทำอะไร ทุกอย่างมันดูละมุน ดูนุ่มนิ่ม ดูมุ้งมิ้งและอบอุ่นใจอย่างบอกไม่ถูก คือดูเข้าอกเข้าใจกันไปหมดและพวกเราก็ไม่เคยเห็นทั้งสองคนทะเลาะกันเลย จะมีบ้างก็แค่งอนง้อกันตามประสาคนรักกัน

และที่สำคัญครอบครัวของคนตัวเล็กก็เวลคัมและยอมรับในความสัมพันธ์ของทั้งคู่เป็นอย่างดี ไม่ขัดขวาง ไม่ห้ามแถมยังยินดีกับความรักครั้งนี้อีกต่างหาก และช่วงหลังมานี้คุณพ่อคุณแม่ของพี่ฮยอนก็เปลี่ยนคำเรียกเพื่อนตัวสูงของพวกเราจากคำว่าเด็กไทยคนนั้นเป็นลูกเขยแล้วด้วย

ไอปรรณ…มันโชคดีจังเลยวะ

แต่พอมาถึงวันนี้ที่พวกเราได้รับรู้เรื่องราวที่เคยเกิดขึ้นในอดีตจากปากของอาจารย์พัค ก็ทำให้รู้ว่าชีวิตคนเรามันไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบตลอดเวลา มันต้องมีบ้างแหละที่ระหว่างทางจะต้องเจอเศษเสี้ยนหนามตำให้ได้รับบาดแผลเล็กๆ น้อยๆ พอให้ชีวิตมีสีสัน

แต่ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าที่ทั้งคู่กำลังเผชิญอยู่ตอนนี้มันจะเป็นแค่สีสันหรือเปล่า เพราะเท่าที่ฟังมาเรื่องนี้มันสะสมมานานอย่างกับระเบิดเวลาที่ตอนนี้มันพร้อมจะบึ้มแล้ว

‘ผอ.คิม เขาเคยตามจีบชาฮยอนอยู่เป็นปี แต่เพื่อนครูเค้าไม่สนใจ และสุดท้าย...ม้ามืดก็เป็นปรรณรัก’

ไม่แปลกเลยที่ชาฮยอนจะหลงรักเจ้าหมาเด็กและยอมเปิดใจให้เขาเข้ามาเป็นคนข้างกาย ทั้งที่เพื่อนของเธอไม่ชอบคนอายุน้อยกว่า ด้วยเพราะกลัวเรื่องของความคิดความอ่านที่อาจจะทำให้ไปกันไม่ได้และกลัวความไม่จริงจังของคนอายุน้อยกว่า

แต่สุดท้าย...คนตัวเล็กก็ต้องกลืนน้ำลายตัวเอง

และที่สำคัญไปกว่านั้นคือความสม่ำเสมอและความพยายามของเจ้าหมาเด็กที่คนตัวเล็กเห็นมาตลอด ปรรณกระหายที่จะพัฒนาตัวเองให้ดีขึ้นเรื่อยๆ ปรรณมักจะพูดเสมอว่าเขาจะทำตัวเองให้เหมาะสมและคู่ควร เผื่อวันใดวันหนึ่งที่เขาได้รับอนุญาตให้ใช้คำว่าคนรัก วันนั้นเพื่อนของเธอจะได้ไม่อายใคร

แม้ฟังดูเหมือนเป็นคำพูดลมๆ แล้งๆ ของเด็กน้อยที่อยากเอาชนะ แต่ปรรณก็พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่า เขาสามารถดูแล ปกป้อง เป็นความสุข เป็นรอยยิ้มและเป็นพื้นที่ปลอดภัยให้คนที่เขารักได้เสมอ ซึ่งระยะเวลาเกือบสิบปีที่ผ่านมาก็เป็นเครื่องพิสูจน์ได้ดีว่าเจ้าหมาเด็กของชาฮยอนทำได้และทำได้ดีมาก

“ครูเข้าใจเธอนะปรรณ ถึงบอกไงว่าพวกเธอทั้งสองคนไม่ผิดหรอก...จะผิดก็คือ ‘อคติกับความรู้สึกส่วนตัวของคนที่รื้อฟื้นเรื่องนี้ขึ้นมา’ และเป็นผอ.คิมเองที่ไม่ยอมรับความจริง ยุคนี้สมัยนี้ความรักมันก็เป็นเรื่องของคนสองคน ใครจะรักกับใคร ใครจะรักเพศไหนมันก็เรื่องของเขา คนนอกอย่างเราควรจะมีแต่คำยินดีที่พวกเขาได้เจอกับความรักดีๆ คนดีๆ และได้มีคู่คิดคู่ชีวิตดีๆ”

อาจารย์พัคพูดพลางย้อนนึกถึงช่วงแรกที่ทั้งเธอและชาฮยอนเริ่มเข้ามาทำงานที่โรงเรียนสอนภาษาแห่งนี้ ซึ่งก็เป็นช่วงเวลาเดียวกันกับที่ปรรณรักเข้ามาเป็นนักเรียนของโรงเรียนแห่งนี้พอดี

“อาจารย์ฮยอนครับ กาแฟสำหรับเช้านี้ครับ” ผอ.คิมหรือหัวหน้าคิมในสมัยนั้นเอ่ยพร้อมยื่นแก้วกาแฟยี่ห้อดังหน้ามหาฯลัยให้อย่างที่ทำเป็นประจำ

“ขอบคุณค่ะหัวหน้าคิม” ชาฮยอนว่าพร้อมยิ้มให้บางๆ

“ขอให้เป็นวันที่ดีนะครับ”

ในช่วงปีแรกชีวิตของคนตัวเล็กจะมีหัวหน้าคิมมาวนเวียนวุ่นวายอยู่รอบตัวเสมอ เธอรู้ดีว่าหัวหน้าคิมคิดอะไรอยู่ แต่ด้วยเพราะไม่อยากมีปัญหาและเพราะเธอก็เป็นครูที่เพิ่งเข้ามาเริ่มงานที่นี่ได้ไม่นาน เธอเลยตกอยู่ในสภาวะกลืนไม่เข้าคายไม่ออก และไม่มีความกล้าพอที่จะปฏิเสธไปตรงๆ เพราะกลัวจะเป็นการไปหักหาญน้ำใจอีกฝ่าย ที่สำคัญเธอกลัวชีวิตการทำงานที่นี่จะไม่สงบสุข

“จีบ!!!” อาจารย์พัคเพื่อนสนิทของคนตัวเล็กพูดด้วยน้ำเสียงที่ค่อนข้างมั่นใจว่าผู้ชายที่ซื้อกาแฟและดอกไม้มาให้เพื่อนเธอทุกวัน มาด้วยจุดประสงค์อะไร

แม้ชาฮยอนจะพยายามบ่ายเบี่ยงแค่ไหน แต่ก็มีหลายครั้งที่ไม่สามารถปฏิเสธได้ เธอจำต้องไปกับหัวหน้าคิม แต่เธอก็ไม่ลืมที่จะหนีบเพื่อนสนิทไปด้วยทุกครั้งเพื่อความปลอดภัยและกันโดนคำครหา เพราะเธอเคยได้ยินอาจารย์บางท่านพูดถึงเธอว่า กำลังอ่อยหัวหน้าคิมและพยายามใช้เต้าไต่เพื่อให้ได้ตำแหน่งที่สูงขึ้น

“วันนี้เราไปทานมื้อค่ำกันไหมครับชาฮยอน” หัวหน้าคิมเอ่ย

“ขอโทษด้วยนะคะอาจารย์ วันนี้ฉันมีนัดกับปรรณรักแล้วค่ะ” ชาฮยอนเอ่ยปฏิเสธอย่างสุภาพ

‘ปรรณรัก’ ไอเด็กนี่อีกแล้วเหรอ

ในช่วงแรกหัวหน้าคิมไม่ได้ใส่ใจอะไรเพราะเห็นว่าทั้งคู่เป็นผู้หญิงเหมือนกัน คงไม่น่าจะมีอะไรเกินเลยไปกว่าความเป็นครูและลูกศิษย์ที่สนิทสนมกัน เพราะตัวเขาเองก็ทราบเป็นอย่างดีว่าปรรณรักไม่ค่อยชอบสุงสิงกับคนวัยเดียวกันสักเท่าไหร่

กลับกันเด็กคนนี้ชอบพูดคุยกับคนที่อายุมากกว่า ชอบมาวอแวและแหมะตัวอยู่ในห้องพักครูอยู่บ่อยๆ จนเป็นภาพชินตาของคุณครูหลายๆ ท่าน

แต่ช่วงหลังมานี้เขาอดที่จะสงสัยในความสัมพันธ์ของคนทั้งคู่ไม่ได้ เพราะไม่ว่าเขาจะชวนคุณครูคนสวยไปไหนก็ตาม เขามักจะถูกปฏิเสธด้วยชื่อของนักเรียนตัวสูงคนนี้เสมอ และก็มีบ่อยครั้งที่เขาบังเอิญเห็นนักเรียนตัวสูงเดินอยู่กับคุณครูคนสวยของเขาตามสถานที่ต่างๆ แถวๆ มหาฯลัย ทั้งร้านกาแฟ ร้านอาหาร สถานีรถไฟฟ้าหรือแม้แต่ที่โรงหนัง...แม้จะไม่ได้มีการจับมือถือแขนแต่ความสนิทสนมนั้นมันก็ดูเกินพอดีไปหน่อย


หากแต่มีเหตุการณ์นึงที่ตอกย้ำให้หัวหน้าคิมในวันนั้นต้องคิดใหม่เพราะเขากำลังจะ...เรียกว่า แพ้ ได้ไหมนะ