การเลือกเดินทางร่วมกันในความสัมพันธ์พิเศษนี้มันไม่ผิดเลย แต่มันก็ไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบและสวยงามเหมือนในนิยาย เพราะสังคมที่เราอยู่ตอนนี้มันไม่ใช่ทุกคนที่จะ ยอมรับ และ ใจกว้าง พอให้กับคนรักเพศเดียวกัน
รัก,หญิง-หญิง,เกาหลี,ดราม่า,feelgood,girllove,เกาหลี,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
ปันนะรักการเลือกเดินทางร่วมกันในความสัมพันธ์พิเศษนี้มันไม่ผิดเลย แต่มันก็ไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบและสวยงามเหมือนในนิยาย เพราะสังคมที่เราอยู่ตอนนี้มันไม่ใช่ทุกคนที่จะ ยอมรับ และ ใจกว้าง พอให้กับคนรักเพศเดียวกัน
ปันนะรัก 04
หลังจากเช็ดตัวและเปลี่ยนชุดให้คนตัวเล็กเสร็จ เจ้าหมาเด็กก็เดินมานั่งดื่มเบียร์ให้ชื่นใจอยู่ที่บีนแบคตัวโปรดสีน้ำเงินกรมท่า
ป๊อง...เสียงกระป๋องเบียร์ถูกเปิด ก่อนที่เขาจะยกดื่มรวดเดียวเกือบครึ่งกระป๋อง
가슴이 말해준다
ในใจมันบอกออกมาแล้ว
누가 뭐래도
ไม่ว่าใครจะว่ายังไง
누난 너무 예뻐
พี่สาวสวยมากจริงๆ
누난 너무 예뻐(Replay) / 샤이니(Shinee)
เสียงเพลงที่ดังมาจากลำโพงยี่ห้อดังที่เขาชอบเปิดฟังเพื่อไม่ให้บรรยากาศในบ้านเงียบเหงาจนเกินไป ทำเอาคนที่กำลังกระดกเบียร์อยู่อดที่จะยิ้มน้อยยิ้มใหญ่เหมือนคนบ้าที่ได้ยินเพลงท่อนนี้ไม่ได้ ก็คนตัวเล็กเธอสวยมากจริงๆ นี่นะ
…สวยสะดุดตาตั้งแต่แรกเห็นแล้ว…
“โอเคค่ะ วันนี้เอาไว้เท่านี้ เจอกันพรุ่งนี้นะคะ” คุณครูคนสวยได้กล่าวจบการเรียนการสอนสำหรับวันนี้
“ขอบคุณครับ / ขอบคุณค่ะ”
เสียงขอบคุณของเพื่อนที่นั่งข้างๆ ทำให้ปรรณหลุดจากภวังค์ความคิด ส่วนเพื่อนร่วมห้องคนอื่นๆ ก็รีบเก็บหนังสือใส่กระเป๋าเพื่อจะรีบไปกินมื้อกลางวัน เพราะตอนนี้เวลาก็ล่วงเลยบ่ายโมงมากว่าสิบนาทีแล้ว มีแต่เจ้าหมาเด็กเนี่ยล่ะ ที่อ้อยอิ่งเก็บของอย่างเชื่องช้าเหมือนตัวสลอธก็ไม่ปาน
“อาจารย์คะ”
“คะ”
“เอ่อ…พักกลางวันแล้วไปทานข้าวหรือไปดื่มกาแฟด้วยกันไหมคะ”
ปรรณเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่ไม่ค่อยมั่นใจนัก แต่ก็พอจะทำให้คนฟังเข้าใจความนัยของคนเอ่ยปากชวนได้ไม่ยากเย็นก็เพราะเจ้าตัวเขินจนตัวบิดเป็นเกลียวซะขนาดนั้น แค่จะชวนสาวไปทานกลางวัน ใบหน้านี่ต้องแดงเป็นลูกมะเขือเทศสุกแถมขึ้นสีลามไปถึงใบหูขนาดนั้นเชียวเหรอ
คุณครูคนสวยหัวเราะเบาๆ ด้วยความเอ็นดูคนตรงหน้า ก่อนเอ่ยคำตอบที่ทำให้หมาเด็กอย่างปรรณใจฟู
“ได้สิ...แต่รอสักสิบนาทีนะ เดี๋ยวเจอกันใต้ตึกค่ะ”
ชาฮยอนเดินแยกกับปรรณที่หน้าลิฟท์ ก่อนเขาจะลงมานั่งรอคุณครูคนสวยอยู่ใต้ตึกตามที่นัดหมายกันไว้ ให้หลังไม่นานคนตัวเล็กก็ตามลงมาก่อนที่ปรรณจะพาไปทานมื้อกลางวันที่ร้านลับหลังมหาฯลัย ซึ่งร้านนี้เป็นร้านที่ตัวเขาคุ้นเคยเป็นอย่างดี เพราะช่วงนึงเขาเคยมาทำงานพิเศษช่วยคุณป้าเจ้าของร้านที่ลูกชายเกิดอุบัติเหตุจนต้องหาเด็กมาทำงานพาร์ทไทม์ในช่วงระยะเวลาสั้นๆ ประมาณสามสี่เดือน
ปรรณใช้เวลาเรียนภาษาเกาหลีอยู่ในมหาฯลัยแห่งนี้ประมาณสองปี ตลอดสองปีนั้นอาจารย์ท่านอื่นมักจะเห็นเขาแวะเวียนมานั่งเล่นอยู่ที่ห้องพักครูเป็นประจำ ทำให้เด็กไทยคนนี้เป็นที่คุ้นหน้าคุ้นตาของอาจารย์ทุกท่าน แม้บางท่านจะไม่เคยสอนเขาเลยก็ตาม
กระทั่งวันหนึ่งที่อาจารย์พัคเพื่อนสนิทของคุณครูคนสวยพูดขึ้นทีเล่นทีจริง แต่ทำเอาเจ้าหมาเด็กเลิ่กลั่กไปไม่ถูกกันเลย
“นี่ๆ พวกเธอสองคน...นับวันเหมือนแฟนกันเลยนะ” อาจารย์พัคเอ่ยแซว
“เหมือนยังไงเหรอคะ” เขาย้อนถามติดตลก แต่จริงๆ แล้วในใจคือไม่ได้รู้สึกแบบนั้นเลย
“ก็ดูสิ มารอรับกันกลับบ้านทุกวัน มาส่งกันถึงห้องทำงานทุกเช้า แถมบางวันยังมีไปกินกลางวันด้วยกันอีก แบบนี้ถ้าไม่เป็นแฟนกันจะให้เป็นอะไรได้อีกคะคุณปรรณรัก” อาจารย์พัคเอ่ยขำขันอย่างอารมณ์ดี
สายตาเจ้าเล่ห์ของอาจารย์พัคทำเอาปรรณโล่งใจอย่างบอกไม่ถูก แต่ในขณะเดียวกันก็ไปต่อไม่เป็นเหมือนกัน เขาได้แต่ยืนส่งยิ้มที่แสนจะแห้งแล้งไปพร้อมกับหัวเราะกลบเกลื่อนแทน เพราะที่อาจารย์พัคพูดมามันก็เป็นเรื่องจริงทั้งนั้น
7:44 วันศุกร์
“รัก…เร็วค่ะ วันนี้เราสายมากแล้วนะคะ”
“ค่าที่รัก แป๊บเดียวๆ ปรรณผูกเชือกรองเท้าจะเสร็จแล้ว” ปรรณหัวเราะเอิ๊กอ๊ากตอบอย่างอารมณ์ดี
“วันนี้พร้อมนะคะ” ชาฮยอนถามพลางจัดระเบียบเสื้อผ้าของคนรักให้เข้าที่เข้าทางอย่างที่เธอชอบทำเป็นประจำ ก่อนพากันเดินออกจากบ้านไปสถานีรถไฟฟ้าพร้อมกัน
“พร้อมมากค่ะ”
วันนี้เจ้าหมาเด็กของเธอมีพรีเซนต์โครงการใหม่ ซึ่งเขาได้รับความไว้วางใจจากหัวหน้าทีมให้เป็นโพรเจกต์เมเนเจอร์ เลยทำให้ช่วงหลายสัปดาห์ที่ผ่านมาเขาค่อนข้างยุ่งจนหัวหมุนและก็จริงจังกับงานนี้เป็นพิเศษ
ปรรณเก็บทุกรายละเอียดของงานจนเธอนึกเป็นห่วง เพราะเจ้าหมาเด็กเข้านอนหลังเที่ยงคืนแทบจะทุกคืน โดยเฉพาะเมื่อคืนซึ่งเป็นคืนสุดท้ายก่อนพรีเซนต์จริง เธอเลยต้องรับบทเป็นติวเตอร์ให้คนรักจนเวลาล่วงเลยเข้าวันใหม่ ทำให้เราสลบไสลกันอยู่ที่โซฟาแทนที่จะเป็นเตียงนุ่มๆ ของเราสองคน
“ที่รัก...วันนี้ก็พร้อมใช่ไหมคะ” คนตัวสูงก้มลมกระซิบถามที่ข้างหูของคนตัวเล็กที่ยืนอยู่ด้านหน้าตัวเองในรถไฟฟ้าด้วยน้ำเสียงที่แสดงความกังวลอย่างปิดไม่มิด
“พ พี่ก็พร้อมค่ะ…รักสู้ไปด้วยกันกับพี่นะคะ”
ชาฮยอนที่มีคำตอบอยู่ในใจเรียบร้อยแล้ว เธอรอแค่ให้ถึงเวลาที่ผอ.คิมเรียกเข้าพบทุกอย่างก็จะจบ เพราะเธอคิดทบทวนมาอย่างดีตลอดช่วงหลายวันที่ผ่านมา
หากการที่เธอจะได้รับทุนการศึกษาแต่ต้องแลกกับการที่ต้องเลิกราหรือถูกสั่งห้ามติดต่อกับคนรักอย่างเจ้าหมาเด็กที่กำลังยืนซ้อนหลังเธออยู่ในตอนนี้ เธอขอไม่รับทุนเสียดีกว่า ก็เหมือนอย่างที่เธอเคยบอกนั่นแหละ อนาคตไปหาเอาที่อื่นก็ได้
“...ค่ะ” ปรรณตอบด้วยเสียงที่แผ่วเบาราวกับกำลังกระซิบเพราะกลัวใครจะได้ยิน และเพราะน้ำเสียงที่เจือไปด้วยความกังวลของเจ้าหมาเด็กหรือเปล่า ชาฮยอนถึงกับต้องเงยหน้าไปมองคนรักของเธอ ก่อนเอื้อมไปจับแก้มเพื่อต้องการส่งต่อกำลังใจและความห่วงใยไปยังอีกฝ่าย
ชาฮยอนเลือกที่จะไม่ซักไซร้หรือถามอะไรต่ออีก เพราะเธอไม่อยากให้มีอะไรมารบกวนจิตใจเขา เนื่องจากเช้านี้ปรรณจะมีพรีเซนต์งานสำคัญที่บริษัท เธอเลยอยากให้เจ้าหมาเด็กของเธอโฟกัสแค่เรื่องงานเพียงเรื่องเดียว
ประชุมเช้าวันนี้สำหรับปรรณรักแล้วนั้นทุกอย่างราบรื่นและผ่านไปได้ด้วยดี ทั้งสกิลภาษาเกาหลีที่ไม่ได้ด้อยไปกว่าใคร ทั้งความพร้อมจากการเตรียมตัวมาเป็นอย่างดี ทั้งความช่วยเหลือจากคนรักและเพื่อนๆ ในทีมทำเอาเจ้าของผลงานยิ้มแก้มปริกับผลลัพธ์ที่ออกมา
“ปรรณรัก...วันนี้เยี่ยมมากเลยนะ ผมดีใจและยินดีด้วยที่โพรเจกต์แรกผ่านไปได้ด้วยดี” หัวหน้าซอได้เอ่ยชื่นชมพร้อมตบไหล่เจ้าคนตัวสูงเบาๆ ด้วยความภูมิใจ
รอยยิ้มและสายตาชื่นชมจากใครก็ไม่ได้ทำให้โพรเจกต์เมเนเจอร์คนนี้ดีใจและเป็นปลื้มได้เท่ารอยยิ้มของหัวหน้าซออีกแล้ว เพียงแค่หัวหน้าซอแตะไหล่เขาเบาๆ น้ำตาก็ไหลมาคลอเบ้ากันเลยทีเดียว เพราะตลอดหลายปีที่เขาเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในทีม เขาก็ได้หัวหน้าซอคนนี้นี่แหละที่มาเป็นพี่เลี้ยงคอยสอนงานให้และเป็นพี่ชายที่คอยเตือนสติและให้คำปรึกษาอยู่เสมอ
ครืด ครืด…
ChaHyeon: พรีเซนต์งานเป็นยังไงบ้างคะรัก เรียบร้อยดีไหม ส่งข่าวด้วยนะคะ
ppÄn: โพรเจกต์ผ่านแล้วนะคะ แล้วของที่รักเป็นยังไงบ้าง ได้เข้าพบ ผอ.คิม หรือยัง??
ChaHyeon: ของพี่ยังไม่ได้คุยค่ะ รักคะ…พี่ รัก นะคะ<3
ppÄn: ปรรณก็รักที่รักค่ะ
ด้วยลางสังหรณ์บางอย่างทำให้เขาตัดสินใจออกจากออฟฟิศเร็วกว่าปกติ จริงๆ แล้วหลังจากประชุมเสร็จเจ้าตัวก็ขอลางานในช่วงครึ่งบ่ายทันที
14:32 ใต้ตึกอินเตอร์
Group Chat
ppÄn: สาวๆ ทำอะไรกันอยู่??
Da.iN: นั่งตรวจการบ้านเด็กอยู่ วันนี้ไม่มีสอนแล้ว
ppÄn: เอ่อ…ตอนนี้ฉันนั่งอยู่ใต้ตึก
…ปรรณส่งข้อความไปพร้อมแนบรูปตัวเองที่ถ่ายคู่กับตู้เอทีเอ็มประจำตึกประกอบเป็นหลักฐาน…
Da.iN: เอ้ย!! เดี๋ยวฉันลงไป แล้วพี่ฮยอนรู้หรือยังว่าแกมา
Yae-Ji: เก็บโต๊ะห้านาทีตามไปค่าสาว
ppÄn: ยังไม่รู้หรอก ไม่ต้องบอกนะ พวกแกรีบลงมาละกัน
ดาอินรีบลงมาใต้ตึกทันทีที่ตอบข้อความเสร็จ โดยเขาอ้างกับอาจารย์พัคและพี่ฮยอนว่าจะลงไปซื้อกาแฟดื่มแก้ง่วง ส่วนเยจีก็ตามลงมาสมทบให้หลังไม่นาน
“มาถึงที่นี่ได้ มีเรื่องอะไรคะคุณปรรณรัก” ดาอินเอ่ยถามเพื่อนตัวสูงทันทีที่เห็นหน้า ก่อนหย่อนก้นนั่งลงข้างๆ กัน
“อืมม”
ดาอินสังเกตุเห็นสีหน้าที่ไม่ค่อยสู้ดีสักเท่าไหร่ของเพื่อนตัวสูง ตอนแรกก็ว่าจะถามเรื่องเสนองานเมื่อเช้าแต่คนรักของเพื่อนก็เพิ่งอัพเดทให้ฟังเมื่อตอนไปกินข้าวกลางวันด้วยกันว่า ปรรณเสนอโพรเจกต์ผ่านแล้วและมีลุ้นว่าต้นปีหน้าเพื่อนของเขาจะได้เลื่อนตำแหน่งอีกด้วย
สำหรับเพื่อนตัวสูงของเขาการจะได้เลื่อนตำแหน่งไม่ได้ถือเป็นเรื่องง่ายในบริษัทยักษ์ใหญ่ที่มีแต่คนเกาหลีที่จ้องแต่จะหั่นขาเก้าอี้กันเอง เพราะทุกคนอยากจะเติบโตในหน้าที่การงานของตัวเองกันทั้งนั้น การแก่งแย่งชิงดีในบริษัทจึงมีให้เห็นอยู่บ่อยๆ เหมือนในละครหลังข่าวก็เอามาจากเรื่องจริงทั้งนั้นนั่นแหละ
แต่เอาจริงๆ เพื่อนของเขาก็สมควรที่จะได้รับข่าวดีนี้สักที เพราะเจ้าตัวก็ทำงานที่นี่มานานแล้วสี่ปีเห็นจะได้ และเท่าที่เคยพูดคุยกันมาจะมีก็แค่การขยับขึ้นของเงินเดือนซึ่งก็ตามวาระเท่านั้น แต่ตำแหน่งไม่เคยได้ขยับไปไหนเลย
ถึงเวลาที่แกจะได้เฉิดฉายแล้วปรรณปรรณ
“วันนี้วันศุกร์” ปรรณเอ่ยเสียงเรียบ ชวนคนฟังอึดอัด
“เออใช่!!! ฉันลืมไปเลย” ดาอินพูดกับเพื่อนสนิทด้วยน้ำเสียงกังวลระคนตกใจ
“สมมตินะ สมมติว่ารุ่นพี่เค้าเลือกแกแล้วไม่เอาทุนอ่ะ” เยจีทันเดินมาได้ยินบทสนทนาก่อนหน้าเลยถามขึ้น
ความเงียบนี้แทนคำตอบได้เป็นอย่างดี ดาอินและเยจีต่างมองไปที่เพื่อนตัวสูงราวกับรู้ว่าการที่เพื่อนลางานมาอยู่ที่นี่ในเวลานี้มาเพื่อจะทำอะไร พวกเราทั้งคู่เข้าใจดีว่าการที่ปรรณดื้อดึงจะให้คนพี่รับทุนให้ได้นั้น ส่วนหนึ่งก็จะได้ช่วยกันประหยัดค่าใช้จ่ายเพราะค่าเรียนที่นี่มันแพงมาก ไม่ใช่ห้าสิบวอนร้อยวอนซะที่ไหน อีกอย่างหากรุ่นพี่ของพวกเราเรียนต่อมีหรือที่เพื่อนตัวสูงที่นั่งหน้ามุ่ยอยู่ตอนนี้จะไม่เรียนด้วย
ก็ตอนสมัยเรียนปริญญาโท ตอนนั้นเธอและดาอินเอ่ยปากชวนเพื่อนตัวสูงให้เรียนต่อด้วยกันอยู่หลายครั้ง แต่เจ้าตัวกลับปฏิเสธหัวชนฝาอ้างว่ากว่าจะเรียนจบปริญญาตรีมาได้เลือดตาแทบกระเด็น ถ้าต้องเรียนต่ออีกได้ตายจริงๆ แน่
แต่ให้หลังไม่นานเจ้าเพื่อนตัวดีก็กุลีกุจอไปยื่นใบสมัครช่วงโค้งสุดท้ายก่อนปิดรับสมัคร ทำเอาเธอและดาอินต่างก็งงกันเป็นเกาหลีตาแตก เหตุผลก็คือพี่ฮยอนเอ่ยปากบอกเจ้าหมาเด็กให้ไปลงเรียนปริญญาโทด้วยกัน...แค่นั้นเลย