การเลือกเดินทางร่วมกันในความสัมพันธ์พิเศษนี้มันไม่ผิดเลย แต่มันก็ไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบและสวยงามเหมือนในนิยาย เพราะสังคมที่เราอยู่ตอนนี้มันไม่ใช่ทุกคนที่จะ ยอมรับ และ ใจกว้าง พอให้กับคนรักเพศเดียวกัน

ปันนะรัก - ปันนะรัก 05 5 โดย สิงห์โตน้ำเงิน @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

รัก,หญิง-หญิง,เกาหลี,ดราม่า,feelgood,girllove,เกาหลี,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย

ปันนะรัก

หมวดหมู่ที่เกี่ยวข้อง

รัก,หญิง-หญิง,เกาหลี,ดราม่า

แท็คที่เกี่ยวข้อง

feelgood,girllove,เกาหลี

รายละเอียด

ปันนะรัก โดย สิงห์โตน้ำเงิน @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

การเลือกเดินทางร่วมกันในความสัมพันธ์พิเศษนี้มันไม่ผิดเลย แต่มันก็ไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบและสวยงามเหมือนในนิยาย เพราะสังคมที่เราอยู่ตอนนี้มันไม่ใช่ทุกคนที่จะ ยอมรับ และ ใจกว้าง พอให้กับคนรักเพศเดียวกัน

ผู้แต่ง

สิงห์โตน้ำเงิน

เรื่องย่อ

สารบัญ

ปันนะรัก-ปันนะรัก 01 1,ปันนะรัก-ปันนะรัก 02 2,ปันนะรัก-ปันนะรัก 03 3,ปันนะรัก-ปันนะรัก 04 4,ปันนะรัก-ปันนะรัก 05 5

เนื้อหา

ปันนะรัก 05 5

ปันนะรัก 05

16:35 ห้องประชุมเล็ก

“เชิญครับ”

“ขอบคุณค่ะ ผู้อำนวยการ”

“อย่างที่เราคุยกันไปเมื่อสองสามวันก่อน วันนี้คุณต้องให้คำตอบกับผมแล้วนะ แต่อย่าลืม!!! คำตอบของคุณมีผลกับลายเซ็นต์ของผมบนเอกสารอนุมัติทุนฉบับนี้”

“เอ่อคือ... ” คนตัวเล็กละล่ำละลัก ไม่ใช่ว่าไม่มั่นใจในคำตอบ แต่ก็แอบเสียดายทุนที่รอมาหลายปี

ตั้งแต่วันที่เกิดเรื่องมาถึงวันนี้ทั้งชาฮยอนและปรรณได้คุยกันบ้างแล้ว และน่าจะเป็นครั้งแรกในรอบหลายปีตั้งแต่คบกันมาที่ความคิดเห็นของทั้งคนพี่และคนน้องไม่ตรงกันเลย จริงๆ ชาฮยอนนั้นตั้งความหวังและรอคอยทุนนี้มานานหลายปีแล้ว เลยไม่แปลกใจถ้าเรื่องนี้จะเป็นเรื่องที่ทำให้เธอต้องคิดหนัก แต่หากจะให้เธอเลิกกับคนรักเพราะเรื่องนี้เธอก็ทำไม่ได้ แต่เจ้าหมาเด็กกลับมองว่าอนาคตและโอกาสที่เดินเข้ามาหามันไม่ได้มีบ่อยๆ เลยอยากให้คว้าโอกาสนี้ไว้ก่อน ส่วนเรื่องของเราไว้ทีหลังก็ได้

“ผมไม่มีเวลาให้คุณมานั่งคิดอะไรตอนนี้หรอกนะอาจารย์ มันเสียเวลาผม” ผอ.คิมพูดพลางหัวเราะเบาๆ ในลำคอ

“หนูจะกลับไทยให้เองค่ะ” เป็นคำตอบที่พูดออกมาด้วยเสียงที่สั่นเครือของใครบางคน

“รักคะ” ชาฮยอนเรียกคนรักทันทีที่หันไปเห็นหน้าบุคคลที่สามที่กำลังเดินเข้ามา

“มันเป็นทางออกที่ดีที่สุดแล้วค่ะพี่ฮยอน ปรรณรู้ว่าที่รักรอทุนนี้มานาน ปรรณเห็นทุกความพยายามมาตลอด ปรรณเลยไม่อยากให้ที่รักพลาดโอกาสดีๆ แบบนี้นะ” เขาพูดไปพร้อมกับเดินเข้าไปหาคนตัวเล็กที่ตอนนี้เริ่มร้องไห้สะอื้นจนตัวโยน

“ไม่เอาแบบนี้สิ พี่ไม่เอาทุนก็ได้นะ พี่ไม่เรียนต่อแล้วก็ได้” คนตัวเล็กโผเข้ากอดทันทีที่เจ้าหมาเด็กของเธอเดินมาถึง

“ที่รัก…”

ความฝันของคนตัวเล็กคือการที่เธอได้เรียนและจบหลักสูตรศึกษาศาสตรดุษฎีบัณฑิตและได้เป็นอาจารย์ที่เต็มไปด้วยความรู้และคุณภาพ

“พี่อยากเรียนต่อเร็วๆ จัง พี่อยากเป็นอาจารย์สอนในมหาวิทยาลัยแล้วค่ะ ”

“จริงๆ วุฒิของที่รักตอนนี้ก็สามารถสอนได้แล้วนะคะ ทำไมต้องเอาให้จบด็อกเตอร์ก่อนด้วยล่ะ หืมมม” ปรรณถามด้วยความไม่เข้าใจกับระบบความคิดของคนตัวเล็ก

“รักจำตอนเราเรียน ป.โทได้ไหมคะ” ปรรณส่ายหน้าพลางเก็บไรผมไปทัดหลังหูของคนรักอย่างอ่อนโยน

“ก็ตอนนั้นที่พี่มีปัญหากับอาจารย์ที่ปรึกษาไงคะ” คนตัวเล็กพูดพลางหันไปทำหน้ายู่ใส่

“อ๋ออ ถ้าเรื่องนั้นจำได้สิคะ วุ่นวายมากช่วงนั้นน่ะ” เขาตอบพร้อมพยักหน้าหงึกๆ

จุดเริ่มต้นนี้เริ่มจากความสะเพร่าของอาจารย์ที่ปรึกษาของชาฮยอนที่ทำรายงานของคนตัวเล็กหายและที่ทำให้เธอโกรธที่สุดคือการที่มาโทษเธอว่าไม่ส่งรายงานทำให้คนตัวเล็กต้องนั่งหาข้อมูลเพื่อทำรายงานฉบับใหม่ส่งด้วยหัวข้อใหม่ที่อาจารย์กำหนดให้ใหม่อีกครั้ง

และหลังจากนั้นปัญหาจุกจิกก็มีตามมาเรื่อยๆ ทำให้ผลคะแนนของชาฮยอนออกมาแย่ที่สุดในรุ่น เพราะคะแนนในส่วนของรายงานฉบับนั้นถูกเว้นว่างไว้ ส่วนอาจารย์ที่ปรึษาก็ให้เหตุผลเพียงว่า เธอส่งรายงานช้ากว่ากำหนดเลยยังไม่ลงคะแนนให้

และซ้ำร้ายไปกว่านั้นคือวันที่ต้องพรีเซนต์งานสุดท้ายก่อนยื่นจบ คนตัวเล็กของเขาก็ไม่ได้พรีเซนต์ตามวันเวลาที่กำหนดเนื่องจากอาจารย์ที่ปรึกษาไม่ได้เข้าร่วมตามที่นัดหมายกันไว้ล่วงหน้าด้วยเหตุผลส่วนตัว กว่าจะเคลียร์ปัญหาต่างๆ ได้ก็เกือบไม่ทันเวลายื่นคำร้องขอจบการศึกษา

“ช่วงที่ปรรณไม่อยู่ก็ต้องดูแลตัวเองดีๆ ใช้ชีวิตให้มีความสุขที่สุดในทุกๆ วันนะคะ ปรรณจะรอจนถึงวันที่ที่รักประสบความสำเร็จนะ” เขาพูดด้วยเสียงสั่นเครือ

“ไม่เอาแบบนี้สิ ไม่ต้องทำขนาดนี้ก็ได้” ชาฮยอนตอนนี้ที่เอาแต่ร้องไห้ราวกับเขื่อนแตก สายตาของเธอพร่ามัวไปด้วยน้ำตาที่ไม่มีทีท่าว่าจะหยุดไหล สุดท้ายคนตัวเล็กก็เป็นลมหมดสติไป...

ให้หลังไม่นานเจ้าของร่างเล็กลืมตาขึ้นมาพร้อมกับยันตัวให้ลุกขึ้นนั่ง เธอพยายามปรับโฟกัสตาให้ชินกับภาพรอบๆ ตัวที่มองยังไงก็ไม่ใช่ห้องประชุมเล็ก

“ตื่นแล้วเหรอชาฮยอน” เสียงของอาจารย์พัคเอ่ยถามทันทีที่เห็นเพื่อนสนิทเริ่มขยับตัว

“พี่ฮยอนเป็นยังไงบ้างคะ” ดาอินถามต่อด้วยความเป็นห่วง

“ปรรณล่ะ ปรรณอยู่ไหน” เสียงคนบนเตียงถามด้วยความร้อนใจ พร้อมกับเขย่าแขนเพื่อนสนิทเพื่อจะเอาคำตอบอย่างคนเอาแต่ใจ

เธอจำได้ว่าก่อนหน้านี้เธอยังกอดเจ้าหมาเด็กของเธออยู่เลย

“ปรรณรักน่ะ...” อาจารย์พัคเม้มปากแน่น ไม่ต่างจากคนตัวเล็กที่กำลังจ้องมองไปที่เพื่อนของตัวเองเพื่อรอฟังคำตอบอยู่บนเตียงผู้ป่วย

 ปรรณกลับมาพบผอ.คิมอีกครั้ง แม้ตอนนี้ตัวเขาเองก็ยังไม่รู้เหตุผลที่แท้จริงว่าทำไมเรื่องความรักของคนสองคนจะต้องมามีผลกับการได้รับทุนการศึกษาในครั้งนี้ด้วย

หรือเขาไม่ให้ทุนกลุ่มคน LGBTQ+ กันนะ

“ปรรณรัก...ที่เกาหลีน่ะ ความรักของคนเพศเดียวกันมันไม่ได้ผิดหรอกนะ แต่มันก็ไม่ได้เป็นเรื่องที่สังคมยอมรับกันในวงกว้าง โดยเฉพาะพวกเธอที่คนนึงเป็นครูและอีกคนเป็นนักเรียน ถึงมันจะเป็นเรื่องส่วนตัวก็เถอะ แต่มันก็ไม่เหมาะสมอยู่ดี” ผอ.คิมพูดออกไปด้วยสีหน้าหนักใจแต่สายตากลับแฝงไปด้วยความสะใจ

“ค่ะ ปรรณเข้าใจแล้วค่ะ ปรรณจะทำตามสัญญา ยังไงรบกวนอาจารย์ด้วยนะคะ” เขาแสดงความเคารพอีกครั้งก่อนเดินออกจากห้องประชุมไป ทั้งที่ตัวเองก็ไม่รู้เลยว่า ผอ.คิมจะทำตามสัญญาด้วยการจรดปลายปากกาเซ็นต์อนุมัติทุนฉบับนี้ให้คนรักของเขาไหม

“เฮ้ออออออออ” ปรรณหยุดยืนถอนหายใจอยู่ที่หน้าห้องพักผู้ป่วยชั้นเจ็ดของโรงพยาบาลมหาวิทยาลัย

“ปรรณรัก…” อาจารย์พัคเรียกชื่อนักเรียนตัวสูงจากทางด้านหลัง

“อาจารย์…”

“เมื่อสักครู่ ผอ.คิม โทรมาบอกครูแล้วนะ”

“ค่ะ ยังไงปรรณฝากพี่ฮยอนด้วยนะคะอาจารย์…”

“ทำไมต้องทำขนาดนี้ด้วยล่ะปรรณ” เพื่อนสนิทคนตัวเล็กเอ่ยถาม

“มันเป็นทางออกที่ดีที่สุดแล้วค่ะ พี่ฮยอนทำเพื่อปรรณมาเยอะแล้ว ถึงเวลาที่ปรรณต้องทำเพื่อพี่เค้าบ้างแล้วค่ะ”

รอยยิ้มที่เศร้าหมองบนใบหน้าของลูกศิษย์ในตอนนี้ คนเป็นครูอย่างเธอเห็นแล้วก็ปวดใจไม่ใช่น้อย เธอรู้ว่าลูกศิษย์ตัวสูงต้องเจ็บปวดมากมายแค่ไหนกับการตัดสินใจในครั้งนี้

เมื่อเช้าเรายังบอกรักกัน ยังกอดให้กำลังใจกันอยู่เลย…

มันไม่ใช่ความผิดของพวกเธอทั้งสองคนเลย มันไม่ควรมีใครต้องมาเสียใจหรือเสียน้ำตาให้กับเรื่องนี้เลยด้วยซ้ำ และวันนี้ก็ไม่ควรมาถามหาถึงความเหมาะสมหรือไม่เหมาะสมอีกแล้ว เพราะมันเลยเวลานั้นมาไกลมากๆ แล้ว ที่สำคัญวันนี้นักเรียนตัวสูงที่ยืนตาแดงก่ำอยู่ตรงหน้าเธอตอนนี้เรียนจบมหาวิทยาลัยมาหลายปีและเขาก็ก้าวเข้าสู่ชีวิตวัยทำงานได้อย่างสวยงามและมั่นคงเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

คนสองคนที่ใช้ชีวิตด้วยกัน ร่วมทุกข์ร่วมสุขกันมาตลอดเกือบสิบปี อยู่ดีๆ พวกเธอต้องมาแยกจากกันโดยที่ไม่ได้เต็มใจ คนน้องตัดสินใจหันหลังจากไปให้เพราะอยากให้คนพี่ได้ทำในสิ่งที่ฝันและประสบความสำเร็จในหน้าที่การงานที่เคยฝันไว้

ส่วนคนพี่เลือกที่จะทิ้งอนาคตและสิ่งที่ตัวเองเคยฝันไว้ เพียงเพื่ออยากให้ชีวิตคู่ของเราสองคนเดินต่อไปถึงปลายทางได้อย่างปลอดภัย โดยที่เธอไม่ได้สนใจเลยว่าจะประสบความสำเร็จเหมือนที่เคยฝันไหม เธอยอมแลกอนาคตของตัวเองกับปรรณรักได้ ขอแค่คนที่มีผลต่ออัตราการเต้นของหัวใจเธอไม่ไปไหน...เท่านั้นพอ

“ปรรณขอตัวก่อนนะคะ จะรีบไปสนามบินค่ะ”

“ต้องรีบขนาดนั้นเลยเหรอปรรณ…จะไม่รอเจอแฟนเธอหน่อยเหรอ”

“…ไม่ดีกว่าค่ะ” ปรรณก้มหน้าเม้มปากแน่น

“ครูคิดว่าฮยอนเค้าน่าจะ…” อาจารย์พัคยังพูดไม่ทันจบประโยคดี

“อย่าเลยค่ะ ปรรณกลัว…” เขาพูดแทรกขึ้นมา

กลัว…ถ้าเกิดได้เห็นหน้าคนรักแล้วจะทำใจหันหลังเดินจากไปไม่ได้

กลัว…ถ้าเกิดได้เห็นน้ำตาของคนรักแล้วจะทำให้ความตั้งใจนั้นล้มเหลวไม่เป็นท่า

กลัว…จะผิดสัญญาและทำให้คนตัวเล็กไม่ได้เรียนอย่างที่ตั้งใจ

 ‘โชคดีนะปรรณรัก’ อาจารย์พัคได้แต่พูดในใจและมองลูกศิษย์คนโปรดของตัวเองค่อยๆ เดินลับตาไป

01:50

 สนามบินนานาชาติสุวรรณภูมิ ประเทศไทย

 “พี่ปรรณ ทางนี้ๆ” เสียงแป้งตะโกนเรียกพี่สาวที่เดินแบกเป้ออกจากประตูทางออกที่นัดหมายกันไว้ก่อนหน้า

“รอนานไหมแป้ง” ปรรณเอ่ยถามเบาๆ ทันทีที่มาหยุดยืนโงนเงนอยู่ตรงหน้าน้องสาว

เมาบนเครื่องมาใช่ไหม ทำไมถึงมีสภาพแบบนี้ มีปัญหากับพี่สะใภ้มาหรือเปล่า เป็นคำถามที่แป้งรัวถามหลังจากเห็นพี่สาวสุดเท่หมดสภาพจนรู้สึกหน่วงในใจอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ไหนจะใบหน้าและลำคอที่ขึ้นรอยแดงเป็นปื้นจากฤทธิ์ของแอลกอฮอล์ ไหนจะดวงตาที่แดงและบวมตุ่ยจนน่าตกใจ ท่าทางจะผ่านการร้องไห้มาอย่างหนักหน่วง และไหนจะเสียงแหบพร่าที่ฟังไม่ค่อยรู้เรื่องเพราะลิ้นกำลังพันกันอยู่อีก

“ไม่เมาหรอก แค่หกกระป๋องเอง” จริงๆ เขาก็อยากจะขอเพิ่มอีกนั่นแหละ แต่บนเครื่องปิดไฟให้ผู้โดยสารได้พักผ่อน เลยต้องพอแค่นั้นเพราะเขาก็แอบเกรงใจผู้โดยสารที่นั่งอยู่ข้างๆ

“ห๊ะ” แป้งหันไปมองหน้าด้วยความตกใจ ไม่รู้ว่าจะตกใจอะไรก่อนดี ไม่ใช่เธอไม่เชื่อในสิ่งที่พี่สาวพูด เพราะเธอรู้ดีว่าคนที่นั่งข้างๆ เธอในรถตอนนี้มีความสามารถในด้านการดื่มแอลกอฮอล์มากขนาดไหน

เคยมีครั้งหนึ่งตอนที่เธอไปเที่ยวหาพี่สาวตัวสูงที่เกาหลี คืนนั้นพี่ปรรณกับพี่สะใภ้พาเธอไปนั่งดื่มที่ร้านเหล้าแถวบ้าน ตอนนั้นเธอตกใจอ้าปากค้างเลย เพราะพี่สาวสุดเท่ของเธอ ดื่มเบียร์ไปหนึ่งเหยือกยักษ์ หรือที่คนเกาหลีเรียกว่า ซัมชอน เท่ากับสามพันซีซี หรือปริมาณสามลิตรคนเดียวหมด

แต่ที่ตกใจกว่าคือ พี่สะใภ้คนสวยของเธอเอาแต่นั่งมองคนรักด้วยสายตาภูมิอกภูมิใจกับความสามารถในการดื่มนี้ ตอนนั้นเธออยากจะเชอะใส่สักร้อยรอบจริงๆ แล้วกะอีแค่เบียร์หกกระป๋องมันจะสักเท่าไหรกันเชียว

แต่ก็ต้องยอมรับว่าพี่ปรรณมีความสามารถในการดื่มเหมือนคุณพ่อเลย ก็ลูกพ่ออ่ะเนอะ ขนาดพี่โปรดยังยอมแพ้เลย แต่ที่เธอเป็นห่วงก็เพราะอาการที่แสดงออกมาตามตัวของพี่ปรรณเนี่ยสิ อีกอย่างพี่สาวสุดเท่ของเธอก็เลิกดื่มหนักๆ แบบนี้มานานมากๆ แล้ว

 ก็เจ้าตัวเขาเคยเมาจนกลับบ้านไม่ไหว แล้วไปนอนหลับอยู่ที่ป้ายรถเมล์กลางอากาศหนาวที่มีหิมะตกตลอดคืนกับเพื่อนสนิทที่ชื่อดาอินหรือกาอินอะไรสักอย่าง ซึ่งเธอก็จำไม่ค่อยได้ และเธอก็ไม่เคยได้เจอเพื่อนคนนั้นของพี่ปรรณเลยสักที ไม่รู้ทำไมต้องมีเหตุให้คลาดกันทุกครั้งที่เธอไปเกาหลีก็ไม่รู้

ปรรณที่กำลังยิ้มกว้างอย่างภูมิใจกับหกกระป๋องที่เจ้าตัวดื่มไป แต่ดันหันไปเจอสายตาที่เต็มไปด้วยคำถามจากน้องสาว

“พอดีเกิดเรื่องนิดหน่อยน่ะ” เขาอ้อมแอ้มตอบเบาๆ

หลังจากใช้เวลาตั้งสติไม่นาน พี่ปรรณก็ได้เล่าเรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมดตั้งแต่ต้นสัปดาห์จนถึงเมื่อช่วงเย็นที่ผ่านมาให้เธอฟัง ซึ่งเธอต้องใช้ความพยายามอย่างมากในการปะติดปะต่อเรื่องราวพอสมควร เนื่องจากคนเมาจนลิ้นพันกันไปหมด แถมยังพูดจาวกไปวนมาแล้วไหนจะเสียงสะอื้นที่หลุดออกมาให้ได้ยินเป็นพักๆ อีก

คาดเดาได้ไม่ยากว่าตอนนี้คนขี้เมาสภาพจิตใจจะย่ำแย่แค่ไหน…ก็ไม่แปลกเพราะทั้งคู่รักกันมาก ก.ไก่ล้านตัว ทำไมเธอจะไม่รู้

แต่เพราะพี่ปรรณก็คือพี่ปรรณ ที่ตัดสินใจอะไรไปแล้วก็ไม่มีใครไปเปลี่ยนใจเขาได้ เธอเคยคิดนะว่าพี่สะใภ้น่าจะช่วยแก้ไขจุดบอดข้อนี้ของพี่สาวเธอได้ แต่มาถึงวันนี้ก็รู้แล้วว่ายังไม่มีใครสามารถจริงๆ นอกจากเหตุผลที่เจ้าตัวไม่สามารถนำมาหักล้างได้เท่านั้น

แล้วพี่สะใภ้จะเป็นยังไงบ้างนะ

เธอได้แต่เป็นห่วงคนทางนู้นว่าจะมีสภาพเป็นอย่างไร ขนาดคนทางนี้ที่อยู่กับเธอตอนนี้ยังมีสภาพแย่ขนาดนี้

เธอควรจะแอบส่งข่าวหาพี่สะใภ้เธอดีไหมนะ…

เพราะการจากลาครั้งนี้มันไม่ใช่ว่าต่างคนต่างไม่รักกันแล้วหรือมีใครนอกใจเสียเมื่อไหร่ แต่เป็นเพราะการตัดสินใจโดยไม่คุยไม่ปรึกษากันให้รู้เรื่อง ตอนนี้เธอสงสารแต่พี่สะใภ้ ไม่รู้จะเป็นอย่างไรบ้าง แม้จะยังไม่รู้ว่าเหตุผลที่แท้จริงคืออะไร และเพราะแค่เรื่องทุนเท่านั้นจริงๆ เหรอถึงกับต้องเก็บเสื้อผ้ากลับบ้านแบบนี้

พี่สะใภ้ของเธอน่ะ เป็นคนน่ารักมากใจดี ใจเย็น พูดเพราะเรียบร้อยอย่างกับผ้าพับไว้ ไม่รู้ว่าคบกับพี่ปรรณมาถึงทุกวันนี้ได้อย่างไร ก็พี่ปรรณน่ะซนอย่างกับลิง ทะเล้น เจ้าเล่ห์ จอมวางแผนอีกต่างหาก แต่ความต่างนี้กลับทำให้ทั้งสองคนอยู่ด้วยกันได้อย่างลงตัว

เธอเคยหวังว่าจะได้เห็นงานแต่งของพี่ปรรณกับพี่สะใภ้ด้วยนะ ไม่ต้องจัดยิ่งใหญ่หรอก เพราะเธอก็ไม่รู้ว่าคนอื่นเขาจะยอมรับกับความรักแบบนี้ได้มากน้อยแค่ไหน แต่ขอแค่ให้ในงานอบอวลไปด้วยความรัก ความสุขของทั้งคู่ก็พอแล้ว และก็รีบผลิตเจ้าตัวเล็กสักคนสองคนมาวิ่งเล่นให้บ้านเรามีสีสัน มีรอยยิ้ม มีเสียงหัวเราะและเต็มไปด้วยความสุขที่มีมากอยู่แล้วให้มีมากกว่าเดิมคูณสิบคูณร้อยไปเลย แต่จากภาพที่เห็นตอนนี้ชักเริ่มไม่แน่ใจแล้วว่าจะมีโอกาสได้เห็นพี่ปรรณจูเนียร์หรือพี่สะใภ้จูเนียร์ไหม

“สรุปคือ...หนีเขากลับมา แล้วพี่ปรรณทำแบบนี้พี่สะใภ้จะไม่เสียใจแย่เหรอคะ”

รู้แหละว่าเสียใจ คงเสียใจมากและคงโกรธกันมากๆ ด้วยแต่ไม่รู้ต้องทำยังไงแล้วอ่ะ ทางออกมีตั้งเยอะแยะไม่รู้ทำไมถึงเลือกทางนี้ ทั้งที่รู้ดีว่าทั้งเขาและเรามีแต่จะเสียใจ ส่วนคนที่สะใจและพึงพอใจที่สุดก็คงจะหนีไม่พ้นผอ.คิมผู้ที่ใช้อำนาจหน้าที่บีบบังคับให้เรื่องมันเลยเถิดมาถึงจุดนี้ แม้ตัวเองจะไม่ได้ครอบครอง ก็อย่าหวังจะมีใครได้ครอบครองเลย