เรื่องราวของเหล่าหุ่นยนต์แปลงร่างที่มีทั้งการแข่งความเร็ว ไปจนถึงหายนะระดับจักรวาล แซมด้วยความกุ๊กกิ๊กเล็กน้อย ไซไฟแฟนตาซีอ่านง่าย
ไซไฟ,แฟนตาซี,แฟนตาซี,ไซไฟแฟนตาซี,ไซไฟ,หุ่นยนต์,พล็อตสร้างกระแส,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
After หลังโลกสลายเรื่องราวของเหล่าหุ่นยนต์แปลงร่างที่มีทั้งการแข่งความเร็ว ไปจนถึงหายนะระดับจักรวาล แซมด้วยความกุ๊กกิ๊กเล็กน้อย ไซไฟแฟนตาซีอ่านง่าย
ทะเลทรายเวสต์แลนด์อันเวิ้งว้างเป็นทะเลทรายแห่งเดียวบนดาวดวงนี้ หากแต่ก็กินพื้นที่ไม่น้อยราว ๆ 1 ใน 10 ของดวงดาว ไม่มีโอเอซิเหมือนดั่งดาวดวงอื่นทำให้มองไปทางใดก็มีแต่ทรายเต็มไปหมด ไม่มีจุดสำคัญเพื่อบ่งชี้ทิศทาง หลายครั้งกระแสแม่เหล็กที่ผันผวนก็ทำให้ระบบนำทางรวนเรไปบ้าง พวกที่ไม่ได้ใช้แสงอาทิตย์เป็นพลังงาน เมื่อหลงทางจนพลังงานหมดก็ต้องจบชีวิตอยู่ที่นี่ อีกทั้งอุณหภูมิที่แตกต่างกันอย่างสุดขั้วในตอนกลางวันและกลางคืนก็ไม่เป็นผลดีต่อสิ่งมีชีวิตประเภทโลหะนัก แต่โดยปกติแล้วที่นี่ก็ไม่ได้สร้างปัญหามากมายนอกจากหลายครั้งทรายเข้าไปติดขัดตามชิ้นส่วนต้องซ่อมแซมกันอย่างน่าหงุดหงิด
ถึงกระนั้นการจะบอกว่าทะเลทรายแห่งนี้ไม่มีอะไรเลยก็เป็นไปไม่ได้เพราะในสายตาของผู้มาเยือน สถานที่ท่องเที่ยวสำคัญแห่งเดียวของที่นี่คือยานอวกาศเก่า ๆ รูปปลาวาฬสีน้ำเงินที่จอดแน่นิ่งอยู่นานนับศตวรรษ ระบบขับเคลื่อนและคอมพิวเตอร์หลักของยานเสียหายจนซ่อมแซมไม่ได้ไปนานแล้วคงอยู่เพียงไฟฟ้าและระบบช่วยชีวิต ยังไม่มีใครทราบว่ายานลำนี้มาจากที่ใดและเหตุใดจึงมาทะเลทรายแห่งนี้และที่นี่คือที่หมายสุดท้ายของมันหรือไม่ มีคนพยายามเจาะข้อมูลในคอมพิวเตอร์หลักของยานซึ่งถูกเข้ารหัสไว้ แม้แต่นักถอดรหัสที่เก่งที่สุดก็ยังไม่สามารถถอดรหัสออกมาได้
ส่วนหางของปลาวาฬจมทรายลงไปค่อนข้างลึกโผล่พ้นออกมาแค่ส่วนปากซึ่งก็เป็นประตูทางเข้ายาน ตอนนี้ผู้ดูแลยานลำนี้คือ สมาคมพ่อค้าวาฬน้ำเงิน (Bluewhale Guild) ซึ่งก็เป็นสมาคมพ่อค้าแม่ค้าตามชื่อ สมาชิกในสมาคมจะตามหาของล้ำค่าจากที่ต่าง ๆ บนดวงดาวมาขายรวมถึงรับทำภารกิจที่มีผู้ว่าจ้าง ส่วนมากก็ไม่ใช่ภารกิจสำคัญอะไร ก็อย่างเช่นการตามหาสัตว์เลี้ยงหรือการสืบหาชู้รักแล้วทำหลักฐานให้แน่นหนา เป็นต้น แต่บางครั้งก็มีภารกิจสำคัญประเภทหยุดยั้งความชั่วร้ายบลา ๆ ๆ เข้ามาบ้าง แต่ส่วนใหญ่แล้วสมาชิกของสมาคมก็หาของมาขายกับมานั่งคุยเล่นกันที่ยานปลาวาฬแห่งนี้นี่เอง โดยค่าสมาชิกต้องจ่ายรายปีมีสิทธิ์เข้าชมยานวาฬและฝากขายของที่ยานตลอดทั้งปีไม่จำกัดจำนวนครั้ง ส่วนบุคคลทั่วไปต้องเสียค่าเข้าชมที่ไม่แพงเท่าไร
หัวหน้าสมาคมเป็นหุ่นชื่อ จังก์แคลช ดูภายนอกเหมือนเอาเศษเหล็กตามกองขยะมาต่อติดกันเป็นรูปร่างคล้ายมนุษย์และไม่เคยมีใครเห็นร่างพาหนะจริงของเขา จังก์แคลชค่อนข้างจะอยู่เงียบ ๆ ในกิลด์ ไม่ค่อยออกมาสุงสิงกับผู้ใด นอกจากบางครั้งจะออกมาให้กำลังใจสมาชิกในกิลด์บ้างยามมีภารกิจที่ยากลำบากหรืออาจจะออกมาพูดคุยกับสมาชิกในบางคราว แต่ส่วนใหญ่เขามักจะเก็บตัวอยู่ในห้องทำงาน บ้างก็ว่าเขากำลังวางแผนอะไรบางอย่างอยู่ แต่ก็ไม่เคยมีใครเคยได้ยินจากปากของเขาเลย
โดยส่วนใหญ่แล้วภายในกิลด์จะค่อนข้างจอแจ ทั้งสมาชิกที่เข้าออกและนักท่องเที่ยวที่วันหนึ่ง ๆ ก็มีปริมาณไม่ใช่น้อย แต่วันนี้ยานปลาวาฬยักษ์แทบจะเรียกได้ว่าว่างเปล่าไร้ผู้คน สมาชิกแทบทุกคนออกไปทำภารกิจกันหมด จังก์แคลช เองก็เก็บตัวเงียบอยู่ในห้องทำงานพร้อมปิดป้ายบอกไม่ติดต่อใครอีกสามวันพร้อมให้คำสั่งว่าให้หุ่นแผนกช่างทั้งหมดจัดการบำรุงรักษายานปลาวาฬและให้งดรับนักท่องเที่ยวจนกว่าจะแล้วเสร็จ ในกิลด์วันนี้จึงเหลือหุ่นอยู่เพียงสองคน หนึ่งในนั้นคือโคลเดอร์ หนุ่มน้อยละอ่อนผู้เข้ามาอยู่ในกิลด์ได้ไม่กี่วัน เจ้าของร่างแปลงรถสายความเร็วสีฟ้าอ่อน กับเบิร์นนิงไฟร์ ชายหนุ่มร้อนแรงผู้พ่นไฟได้จริง ๆ
ระบบปรับอากาศในเวลคิงถูกปรับเป็นแบบประหยัดพลังงานมากที่สุด อีกทั้งยังอยู่ในทะเลทรายทำให้อุณหภูมิค่อนข้างสูง ถึงแม้ว่าพวกสิ่งมีชีวิตโลหะจะทนความร้อนได้ดีแต่ก็ไม่ค่อยมีใครชอบความร้อนนักเพราะมันทำให้ประมวลผลอะไรไม่ค่อยได้
เบิร์นนิงไฟร์นั่งอย่างหงุดหงิดอยู่บนเก้าอี้ ร่างกายสีแดงเพลิงของเขาดูร้องแรงจนอาจจะร้อนเกินไปด้วยซ้ำ นิ้วมือทั้งสิบของเขาเปลี่ยนเป็นสีส้มเรืองแสงเพราะเจ้าตัวให้ความร้อนกับมันจนเหมือนเตาที่กำลังติดไฟ ที่ทำไปนั้นก็มีเพียงเหตุผลเดียวคือความเบื่อหน่าย
“อุณหภูมิในนี้จะเกิน 70 องศาอยู่แล้วนะครับ” โคลเดอร์ หนุ่มน้อยวัยละอ่อน เอ่ยอย่างกล้า ๆ กลัว ๆ
“ผมว่าคุณเลิกเล่นอย่างนี้จะดีกว่า”
“ช่างฉันเถอะน่า!” เบิร์นนิงไฟร์ยกนิ้วชี้ขึ้นมาดู คราวนี้มันมีเปลวไฟพุ่งออกมาด้วย
“โธ่ ผมทนความร้อนไม่ค่อยได้ คุณก็รู้” โคลเดอร์พูดพร้อมสีหน้าเหนื่อยหน่าย
“เรื่องของนาย”
โคลเดอร์ ถอนหายใจอย่างอ่อนใจ เขาเกลียดอากาศร้อน ด้วยความที่เป็นหุ่นที่มาจากที่หนาว ร่างกายของเขาจึงถูกออกแบบมาให้ทนทานต่อความเย็น ความร้อนแบบธรรมดาก็นับว่าแย่แล้วยิ่งเพื่อนรุ่นพี่คอยใส่ไฟ (ความหมายตรงตามตัวอักษร) ก็ยิ่งแย่เข้าไปใหญ่ รู้สึกเหมือนน็อตตามตัวจะเริ่มละลาย
“ผมก็อยากเก็บพลังงานเอาไว้ทำอย่างอื่น” เขาบ่นพึมพำ พลางเปิดระบบทำความเย็นของร่างกาย พวกไอซ์เบิร์นจะมีระบบนี้เพื่อใช้ยามเดินทางไกลออกนอกเขตหนาว ดูเหมือนโคลเดอร์จะมีความสามารถพิเศษด้านการสร้างความเย็น ไม่นานนักทั้งห้องก็มีอุณหภูมิลดลงไปมาก
“เฮ้ย!” เสียงตวาดสั้น ๆ แต่น่ากลัว เปลวเพลิงที่ปลายนิ้วหายไปหมดแล้วแต่ดูราวกับว่ามันจะย้ายที่ไปลุกอยู่ในดวงตาของหุ่นสีแดง “ทำอะไรของนาย?”
“ปละ... เปล่า” ทำไมเราต้องมาเฝ้ายามกับหมอนี่ด้วยนะ โคลเดอร์คิดในใจ
“มานี่ซิ” เมื่อได้ยินคำสั่ง โคลเดอร์ก็ขยับเข้าไปหาเบิร์นนิ่งไฟอย่างว่าง่าย
เบิร์นนิ่งไฟเพิ่มความร้อนให้กับหมัดข้างซ้ายของตนเองจนมันเปล่งแสงสีส้มอ่อนเหมือนเหล็กที่กำลังจะหลอมละลาย “ไหนลองแช่แข็งมันซิ”
“แต่ถ้าอุณหภูมิเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว แขนของคุณจะ...”
“ช่างฉันเถอะน่า!” เพื่อนรุ่นพี่ตวาดอีกครั้ง หุ่นสีฟ้าจึงเริ่มใช้พลังของตนเองอย่างกล้า ๆ กลัว ๆ เขาคำนวณไม่ให้อุณหภูมิเปลี่ยนแปลงรวดเร็วเกินไป แม้กระนั้นแขนของเบิร์นนิงไฟร์ก็เย็นตัวลงอย่างรวดเร็ว จนในที่สุดก็มีอุณหภูมิเท่ากับน้ำแข็ง เบิร์นนิ่งไฟลองขยับนิ้วดู เขาขยับนิ้วไม่ได้ มัน “ชา” ไปหมด มีน้ำที่ควบแน่นจนกลายเป็นน้ำแข็งที่เกาะอยู่ตามแขนด้วย
“ดี!” เขายิ้มและเริ่มหัวเราะอย่างบ้าคลั่งก่อนใช้พลังความร้อนจนแขนเรืองแสงอีกแล้วปล่อยให้มันเย็นลง จากนั้นจึงใช้มืออีกข้างเปิดหน้าจอที่อยู่บนแขน
“มาดูนี่สิ” ภาพในหน้าจอเป็นหุ่นยนต์หญิงสาวคนหนึ่งกำลังทำหน้าไม่สบอารมณ์พร้อมโคลเดอร์ที่ทำหน้างุนงงอย่างไม่เข้าใจ
“จีคอน เรื่องที่ให้หาวันนั้นไง”
“บอกกี่ครั้งแล้วว่าอย่าติดต่อมาเวลางาน ยิ่งกำลังโดนเล็งอยู่” เธอยังอารมณ์ไม่ดีขึ้น เบิร์นนิงไฟร์หัวเราะแห้ง ๆ ดูเป็นคนละคนกับปกติ จีคอนถอนหายใจพลางเปิดแผนที่ให้ดู
“เอ้า การแข่งเวิลด์ทัวร์นาเมนต์ ต้องเริ่มจากชนะการแข่งท้องถิ่นสามครั้งแล้วก็จะได้สิทธิ์ในการสมัคร สนามท้องถิ่นที่ใกล้ที่สุดก็อยู่ในสตีลซิตี้นี่แหละ” เธอเปิดรูปขึ้นมาอีกรูปหนึ่งซึ่งเป็นสนามแข่งรถเล็ก ๆ ย่านชานเมือง
“การแข่งครั้งล่าสุดจะจัดพรุ่งนี้ ถ้านายจะไปก็ต้องรีบละ” จีคอนพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง
“โคลเดอร์ นายเร็วแค่ไหน?” เมื่อได้ยินเช่นนั้น เบิร์นนิงไฟร์จึงหันไปถามโคลเดอร์ที่นั่งข้าง ๆ
“อะไรนะครับ?”
“ฉันถามว่านายเร็วแค่ไหน!”
“กะ ก็พอสมควรครับ” อันที่จริงหนุ่มน้อยค่อนข้างมั่นใจในความเร็วของตนเอง แต่ด้วยนิสัยส่วนตัวจึงไม่ค่อยโอ้อวดอะไรนัก
“ดี! มีพลังน้ำแข็งด้วย อย่างนี้ก็ไปได้สวย ไปกันได้”
“ไปไหนครับ พวกเราได้รับมอบหมายให้เฝ้ากิลด์”
“ฉันบอกให้ไปก็ต้องไป! ไปแข่งรถไงเล่า!” เบิร์นนิงไฟร์แววตาลุกเป็นไฟอีกครั้งพร้อมเข้าล็อกคอกึ่งลากกึ่งจูงออกไป
“พวกนายจะทำอะไรกันน่ะ เกรงใจฉันบ้างนะ” เสียงจากในจอดังแบบกลั้วหัวเราะ หุ่นสีแดงหันไปยิ้มแหะ ๆ แล้วกดปิดเครื่องมือสื่อสาร
“เราจะรวยกันแล้วนะไอ้น้อง” ทั้งสองแปลงร่างเป็นรถแล้วขับออกไปจากเวลคิง
สตีลซิตี้ ถือได้ว่าเป็นเมืองที่ใหญ่ที่สุดของดวงดาวและเป็น “เมืองหลวง” ของดาวแห่งนี้ด้วย เนื่องจากที่นี่ไม่มีการแบ่งประเทศ ภาษาอาจมีความแตกต่างไปบ้างในแต่ละพื้นที่ แต่โดยรวมแล้วก็ถือได้ว่าใช้ภาษาเดียวกันหมด ส่วนเงินตรา ไม่ต้องมีการแลกเปลี่ยนเนื่องจากใช้สกุลเดียวกัน ที่สตีลซิตี้ถือได้ว่าเป็นพื้นที่ที่เทคโนโลยีทันสมัยที่สุดของดวงดาว มีบาเรียควบคุมอุณหภูมิและมลภาวะปกคลุมทั่วทั้งเมืองสามารถป้องกันเมืองจากอุณหภูมิที่ร้อนระอุเนื่องจากอยู่ใกล้ทะเลทราย และมลภาวะต่าง ๆ ที่โรงงานอาจจะก่อขึ้น (ปกติแล้วมีมลภาวะน้อยมาก) ตลอดจนสามารถป้องกันภัยธรรมชาติเช่นพายุทรายหรือแผ่นดินไหวได้ในระดับหนึ่ง ด้านความสะดวกสบาย เมืองหลวงแห่งนี้ก็มีอุปกรณ์อำนวยความสะดวกให้ผู้อาศัยและผู้มาเยือนได้ไม่น้อย เช่นระบบการจราจรที่เป็นม่านพลังงานเป็นชั้น ๆ เพื่อเป็นถนนให้พวกที่แปลงร่างเป็นยานพาหนะบินไม่ได้ สามารถใช้ประโยชน์ของระนาบสูงได้โดยการขับเคลื่อนบนม่านพลังงานนี้และยังมีระบบนำทางไปยังพื้นที่ต่าง ๆ เมื่อขึ้นสู่ม่านพลังงานให้ด้วย ซึ่งมีความแม่นยำและละเอียดกว่าระบบนำทางที่ติดตัวทุกคนอยู่ ระบบขนส่งมวลชนสาธารณะมีให้สำหรับผู้ที่ต้องการประหยัดพลังงานโดยไม่แปลงร่างหรือไม่ต้องการพบจราจรติดขัด เป็นรถไฟฟ้าที่มีเครือข่ายรอบเมืองใช้พลังงานจากแสงอาทิตย์ ทุกคนสามารถใช้บริการได้ฟรี ด้านสถานที่ท่องเที่ยว สตีลซิตี้มีแลนมาร์กที่สำคัญหลายจุด หนึ่งในนั้นคือสนามแข่งรถ “อันทารอส” ซึ่งเป็นที่หนึ่งของดวงดาว แต่พวกโคลเดอร์ยังไม่ได้มาแข่งที่นี่เพราะต้องไปเก็บคะแนนจากสนามท้องถิ่นก่อน
ย่านชานเมือง เป็นเขตที่ไม่ค่อยมีคนพลุกพล่าน เครือข่ายถนนม่านพลังงานไม่ค่อยซับซ้อน มีการปรับปรุงดินและเพิ่มพื้นที่สีเขียวให้เหมาะกับการเป็นย่านที่อยู่อาศัย เรายังไม่รู้สาเหตุที่สิ่งมีชีวิตเครื่องจักรชอบต้นไม้และพืชพันธุ์ต่าง ๆ ได้แต่เพียงสันนิษฐานว่าเป็นความชอบร่วมของจักรวาล
“เอาล่ะ ถึงแล้ว” เบิร์นนิงไฟร์พูด เขาดูมีความตื่นเต้นหน่อย ๆ ส่วนโคลเดอร์น่ะเหรอ แทบจะทำอะไรไม่ถูกเลยทีเดียว
ที่นี่คือสนามท้องถิ่นขนาดเล็กหนึ่งในหลายสนามที่มีอยู่ย่านชานเมือง ป้ายทำจากเหล็กเก่าคร่ำคร่าขึ้นสนิมเขียนว่า “Bored” ว่ากันว่าเจ้าของสนามสร้างที่นี่ขึ้นเพราะความเบื่อหน่าย สภาพแวดล้อมสนามมีต้นไม้ขึ้นเป็นหย่อม ๆ แทบไม่มีร้านค้าหรือบ้านเรือน สนามมีรั้วทำจากเหล็กและมีอัฒจันทร์ที่เก่ามากแทบจะไร้คนนั่งดู แม้กระทั่งเครื่องรับลงทะเบียนก็ค่อนข้างเก่าแต่มันยังใช้งานได้ดี หลังลงชื่อและกดจ่ายเงินแล้วหุ่นทั้งสองตัวก็เข้าไปในสนาม
ภายในสนามค่อนข้างสะอาดแต่มีร่องรอยของการถูกชน ถูกกระแทก ถูกฟัน ถูกระเบิด ไปทั่วบริเวณ ที่นี่มีหุ่นสมัครเข้ามาแข่งไม่มากนัก
“ฉันตั้งใจพานายมาที่นี่ คู่แข่งจะได้น้อย ๆ ดูสิแทบไม่มีใครที่แข่งความเร็วกับนายได้เลย” เบิร์นนิงไฟร์อธิบายสาเหตุที่ต้องขับรถมาไกลถึงที่นี่
“นายต้องระวังแค่หมอนั่น” หุ่นสีแดงชี้ไปที่หุ่นร่างสูงสีดำสนิทที่ดูราวกับเขาจะไม่มีรายละเอียดอะไรในร่างกายเลยนอกจากจะเป็นแท่งสีเหลี่ยมสีดำยาวหลาย ๆ แท่งมาประกอบกันกับไอพ่นที่มีอยู่ตามแขนขา แต่ดวงตารูปสี่เหลี่ยมขนมเปียกปูนแบบยาวสีฟ้านั้นเรืองแสงอย่างดุร้าย
“มันชื่อ LSD” ดูภายนอกเหมือนไม่มีอะไรแต่มันซ่อนความร้ายกาจไว้เยอะ” เบิร์นนิงไฟร์กระซิบเสียงเบา ๆ ร่างกายของโคลเดอร์เริ่มสั่นแต่ดูจะไม่ใช่เพราะความหนาว
LSD ยืนอยู่กับลูกน้องของมันที่เป็นหุ่นแฝดอีกสองตัว มันกำลังสั่งการอะไรบางอย่าง
ทันใดนั้นก็ได้มีเสียงประกาศก็ดังขึ้นเพื่อให้หุ่นที่เข้าร่วมแข่งขันไปที่จุดสตาร์ต