เรื่องราวของเหล่าหุ่นยนต์แปลงร่างที่มีทั้งการแข่งความเร็ว ไปจนถึงหายนะระดับจักรวาล แซมด้วยความกุ๊กกิ๊กเล็กน้อย ไซไฟแฟนตาซีอ่านง่าย
ไซไฟ,แฟนตาซี,แฟนตาซี,ไซไฟแฟนตาซี,ไซไฟ,หุ่นยนต์,พล็อตสร้างกระแส,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
After หลังโลกสลายเรื่องราวของเหล่าหุ่นยนต์แปลงร่างที่มีทั้งการแข่งความเร็ว ไปจนถึงหายนะระดับจักรวาล แซมด้วยความกุ๊กกิ๊กเล็กน้อย ไซไฟแฟนตาซีอ่านง่าย
ปรากฏการณ์ลำแสงสีขาวขนาดมหึมาเป็นหัวข้อในการพูดคุยของทุกคนอยู่ระยะหนึ่ง เนื่องจากปกติแล้วพยากรณ์อากาศที่นี่จะมีความแม่นยำสูงมากและระบบดาวเทียมที่โคจรอยู่รอบดวงดาวก็สามารถสอดส่อง เฝ้าระวัง อุกกาบาตขนาดใหญ่ที่อาจเคลื่อนที่เข้ามาใกล้จนเป็นอันตรายต่อดวงดาวและทำลายมันได้ทันท่วงทีทุกครั้ง ทว่าปรากฏการณ์ลำแสงนี้เกิดขึ้นโดยปราศจากการคาดการณ์ใด ๆ ภาพถ่ายท้องฟ้ามืดมิดที่มีลำแสงสีขาวพาดผ่าน รวมถึงภาพเคลื่อนไหว ก็ขึ้นอยู่บนหน้าจอแทบทุกอันอยู่หลายวันทีเดียว นักวิทยาศาสตร์ของดวงดาวพยายามหาสาเหตุของปรากฏการณ์นี้แต่ก็ยังไม่พบคำตอบ มีเพียงนักประวัติศาสตร์บางคนที่รู้สึกเหมือนคุ้นเคยว่าเป็นตำนานที่เคยเกิดขึ้นเมื่อหลายร้อยหลายพันปีก่อน แต่เมื่อไม่มีหลักฐานที่บันทึกไว้อย่างเป็นทางการ จึงไม่มีใครออกมาให้ความเห็นอะไร ปรากฏการณ์นี้เกิดขึ้นอยู่เพียงไม่กี่นาทีแล้วทุกอย่างก็เป็นปกติ ไม่มีสิ่งใดเสียหาย ไม่มีผู้ใดเสียชีวิต ไม่นานทุกคนก็พากันลืมเลือนแล้วใช้ชีวิตไปตามปกติ
เวลาผ่านไปสามเดือน อาการของโคลเดอร์ดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด เมื่อประกายไฟซ่อมแซมจากโดรนตัวสุดท้ายดับลง ก็อาจถือได้ว่าเขาหายดี หลังพ้นกำหนดการกักบริเวณ เบิร์นนิงไฟร์ก็หายตัวไปจากกิลด์ ไม่มีใครทราบว่าเขาไปที่ใดและเขาไม่ได้รับภารกิจใด ๆ จึงไม่มีบันทึกไว้ว่าเขาจะไปไหน ส่วนโคลเดอร์ เมื่อหายดีแล้วก็ช่วยงานเล็ก ๆ น้อย ๆ อยู่ภายในกิลด์ เขาเองก็ไม่ได้ออกไปทำภารกิจเช่นกัน
ถึงแม้เขาจะบาดเจ็บสาหัสจากการแข่งขัน แต่ภาพความสนุกตื่นเต้นของการใช้ความเร็วสูงสุดยังฝังอยู่ในใจของโคลเดอร์ ทั้งชีวิตเขาไม่เคยได้สัมผัสกีฬาที่ชื่นชอบเช่นนี้มาก่อน แต่การไร้ความปลอดภัยในการแข่งขันก็ทำให้เขาคิดหนัก บางครั้ง เราก็ไม่น่าเอาชีวิตไปเสี่ยงเพียงเพื่อความสนุก
เวลาว่างจากการทำงาน โคลเดอร์เปิดดูไฟล์ต่าง ๆ ในฮาร์ดดิสก์ของตนอย่างไร้จุดหมาย เขาแทบจะลืมไปแล้วว่าจังก์แคลชได้ให้โลเคชั่นของสถานที่หนึ่งไว้กับเขา เขานึกถึงถ้อยคำของจังก์แคลชอย่างเลือนราง
“ทำให้มันถูกต้อง” ถูกต้องยังไงกัน ที่ไปแข่งมาก็ไม่ใช่สนามใต้ดินอะไร ลงชื่อแข่งกันอย่างถูกต้องตามกฎหมาย
โคลเดอร์ติดต่อหาเบิร์นนิงไฟร์แต่ก็ไม่สามารถติดต่อได้ เขานั่งลงและพยายามหาวิธีติดต่อกับเบิร์นนิงไฟร์อีกรอบ ตอนนั้นให้ใครหาข้อมูลเรื่องการแข่งขันให้นะ ดูเหมือนจะเป็นบรรณารักษ์อยู่ที่หอสมุดกลางของเมือง เขาไม่มีที่อยู่ติดต่อ คงจะต้องไปหาด้วยตัวเอง
ถึงแม้จะเป็นโลกที่ทุกคนสามารถเข้าถึงข้อมูลปริมาณมหาศาลได้จากอินเทอร์เน็ต แต่สิ่งปลูกสร้างโบราณอย่างหอสมุดก็ยังคงมีอยู่ สำหรับเก็บข้อมูลบางอย่างที่ไม่ต้องการให้สูญหายหรือเปลี่ยนแปลงและข้อมูลที่อาจเป็นอันตรายหากรั่วหลุดออกสู่สังคมภายนอก อีกทั้งยังเป็นสถานที่ท่องเที่ยวและพักผ่อนหย่อนใจของประชาชนอีกด้วย
หอสมุดกลางของสตีลซิตี้ตั้งอยู่ย่านใจกลางเมือง ทุกคนรู้วิธีเดินทางไปที่นั่นดี ถึงแม้จะใช้เวลานานพอสมควรในการเดินทางจากกิลด์มายังหอสมุด แต่โคลเดอร์ก็เลือกใช้เวลาในวันหยุดของเขา เดินทางมาถึงจนได้
ในความทรงจำของเขา โคลเดอร์เห็นหน้าจีคอนได้ไม่ชัดนัก เมื่อสืบค้นดูเขาเห็นเพียงภาพรางเลือน แต่ก็เป็นภาพเดียวที่พอจะมีอยู่ เขาจัดการแคปเจอร์หน้าจอนั้นเป็นภาพนิ่ง แล้วแต่งภาพให้มีความคมชัดมากที่สุดเท่าที่จะทำได้
หอสมุดกลางของสตีลซิตี้ ก่อสร้างตามแบบจำลองของสถาปัตยกรรมโบราณของสิ่งมีชีวิตอินทรีย์ขนาดเล็กที่หายสาบสูญไปนานแล้ว มันสร้างขึ้นจากอิฐและปูนซีเมนต์ ผสานเข้ากับไม้และเหล็กบางส่วน ถึงแม้วัสดุเหล่านี้จะไม่คงทนถาวรเฉกเช่นวัสดุก่อสร้างทั่วไปของดาวดวงนี้ แต่ก็ได้รับการดูแลรักษาอย่างดีจนมีอายุได้หลายร้อยปีแล้ว สาเหตุที่มีการก่อสร้างเช่นนี้ยังไม่ประจักษ์ชัด บ้างก็ว่าเพื่อระลึกถึงความสัมพันธ์ระหว่างสิ่งมีชีวิตจักรกลกับสิ่งมีชีวิตอินทรีย์ที่เคยเกิดขึ้น แต่หลักฐานทางประวัติศาสตร์ที่หายสาบสูญไปมากทำให้ไม่สามารถจะยืนยันอะไรได้ มีเพียงรูปสลักทำจากเหล็กที่แสดงถึงความสัมพันธ์อันดีของทั้งสองเผ่าพันธุ์ ติดตั้งอยู่รายล้อมห้องโถงของหอสมุด แต่นั่นก็ไม่ได้บอกเล่าเรื่องราวอะไรมากนัก
หอสมุดกลางมีขนาดใหญ่มหึมา กินพื้นที่เกือบจะเท่ากับสนามแข่งขนาดใหญ่สองสามสนามรวมกัน มีพื้นที่เป็นสวนสาธารณะขนาดใหญ่อยู่ด้านหน้าและมีคูน้ำโดยรอบ การจะเข้าไปได้มีอยู่ทางเดียวคือข้ามสะพานข้ามคูที่อยู่ด้านหน้า และเมื่อเข้าประตูไป ระบบแสกนอัตลักษณ์ประจำตัวจะทำงานเพื่อเก็บสถิติผู้เข้าชมและรักษาความปลอดภัยเบื้องต้น
ในวันนี้มีผู้เข้าชมหอสมุดบางตา นอกจากไม่กี่ครอบครัวที่เข้ามาพักผ่อนที่สวนสาธารณะแล้ว ก็มีอีกเพียงไม่ถึงสิบคนเท่าที่ตาเห็น พวกเขาเข้ามานั่งเงียบ ๆ ค้นคว้าข้อมูลอยู่ในหอสมุด
โคลเดอร์เดินตรงเข้าไปที่กลางห้องโถง ในส่วนของประชาสัมพันธ์ มีหุ่นรูปร่างสตรีสองตัวนั่งอยู่ หนึ่งในนั้นคือจีคอนอย่างไม่ต้องสงสัย ที่เขาต้องลำบากค้นความทรงจำแทบตายนี่เพื่ออะไรกันนะ
“มีอะไรให้ช่วยคะ?” เธอถามตามหน้าที่
“ผม เป็นเพื่อนร่วมงานของเบิร์นนิงไฟร์ที่บลูเวลกิลด์ แต่ตอนนี้ติดต่อเขาไม่ได้เลย จำได้ว่าเขาเคยติดต่อกับคุณจึงลองมาดูครับ” ปกติโคลเดอร์ไม่ใช่คนช่างพูด แต่ครั้งนี้เขาเตรียมข้อความที่จะพูดมาอย่างดี
“เธอคือคนที่ไปแข่งรถกับเบิร์นนิงไฟร์วันนั้นนี่” จีคอนจำได้ “ชื่ออะไรนะ?” เขาบอกชื่อไป
“โคลเดอร์ เบิร์นนิงไฟร์ไม่ได้ติดต่อมาเลย แต่ปกติถ้าหมอนั่นมีเรื่องต้องคิดก็มักจะหายตัวไปอย่างนี้ล่ะ เธอไม่ต้องห่วงนะ”
ก็ไม่เชิงว่าเขาจะห่วงหุ่นสีแดงเลือดร้อนคนนั้น แต่เขาอยากจะปรึกษาเรื่องโลเคชั่นที่จังก์แคลชเคยให้ไว้ต่างหาก จะบอกกับจีคอน ก็ไม่รู้ว่าต้องปิดไว้เป็นความลับหรือเปล่า แต่สุดท้ายเขาก็บอกเธอไป
“โลเคชั่นนี้มันผับที่ฉันไปเที่ยวกับเพื่อน ๆ บ่อย ๆ นี่ ผับน่ารักมาก แต่คนรู้จักน้อย เหมือนเจ้าของแกไม่อยากให้มีคนเข้า” เธอหัวเราะนิด ๆ
“ผับชื่อ Blurry น่าไปนะ เสียงไม่ดังเหมือนที่อื่น แต่ไม่มีเพื่อนไปด้วยอาจจะเหงาหน่อยน่ะ”
มันน่าไปตรงไหนเนี่ย เขาบ่นในใจขณะแปลงร่างรถขับผ่านย่านเสื่อมโทรมก่อนจะถึงผับ Blurry ที่มีแต่เศษขยะ และตึกพัง ๆ กลิ่นเหม็น ผู้คนดูท่าทางไม่น่าไว้วางใจเดินไปมา ทั้งในร่างรถและร่างหุ่น แต่แล้วเขาก็มาถึงที่ผับก่อนที่จะทันรู้ตัว
ผับ Blurry มีเพียงคูหาเดียว ป้ายผับทำจากเหล็กขนาดใหญ่ขึ้นสนิม มีหลอดไฟรูปตัวอักษรตามชื่อร้านติด ๆ ดับ ๆ โดยเฉพาะตรงตัว R กับ Y มักจะดับนานกว่าเพื่อน ทำให้มองเห็นเป็นคำว่า Blur
ภายในผับมีโต๊ะเก้าอี้อยู่ไม่กี่ชุด แทบไม่มีแขกมานั่ง ที่บาร์ด้านหน้ามีหุ่นขี้เมาสองสามตัวนั่งอยู่ พวกเขานั่งดื่มไม่พูดไม่จา บาร์เทนเดอร์ยืนเช็ดแก้วแบบที่เรามักจะเห็นในหนัง
“รับอะไรดีครับ?” เสียงดังขึ้นที่ข้างหู โคลเดอร์สะดุ้งเฮือก บาร์เทนเดอร์คนเดิมยังยืนเช็ดแก้วอยู่ แต่มีบาร์เทนเดอร์อีกคนที่หน้าตาเหมือนกันทุกประการ มายืนข้าง ๆ เขา
โคลเดอร์กดปุ่มเรียกเมนู เขาไม่รู้จะดื่มอะไร ปกติเขาไม่ใช่คนชอบดื่ม
“อันนี้ละกันนะครับ” ดูบาร์เทนเดอร์จะใจร้อน หันไปอีกทีเขากำลังทำเครื่องดื่มให้อย่างรวดเร็ว อ้าว ทำไมเหลือคนเดียวแล้ว ไม่ทันกะพริบตา แก้วใสที่มีเครื่องดื่มสีม่วงก็มาวางอยู่ตรงหน้า
“มันเหมาะกับคุณ” บาร์เทนเดอร์พูดยิ้ม ๆ ก่อนจะไปยืนเช็ดแก้วต่อ
โคลเดอร์หยิบแก้วขึ้นมาจิบ รสชาติทั้งร้อนเย็น แสบคอนิด ๆ แต่ให้ความรู้สึกผ่อนคลายอย่างบอกไม่ถูก
“ขอบคุณครับ” เขากล่าว
“เท่าไรครับ ผมคงดื่มแก้วเดียว ปกติผมไม่ได้ดื่ม”
“ไม่เป็นไร ผมเลี้ยง” บาร์เทนเดอร์คนที่สองมายืนข้างเขาอีกครั้ง โดยที่เขาไม่รู้เลยว่าเขามาจากทางไหน มาได้อย่างไร บาร์เทนเดอร์คนแรกยังคงยืนเช็ดแก้วอยู่อย่างสงบ
“จังก์แคลชส่งคุณมาใช่ไหม?” โคลเดอร์พยักหน้ารับ
“ถ้าคุณดื่มหมดแก้วนี้แล้วก็กลับไปซะ” บาร์เทนเดอร์ยิ้มอ่อน
“ผมไม่ได้ฝึกให้ใครมานานแล้ว พวกนักแข่งรถหิวเงิน จะเอาชีวิตไปทิ้งซะเปล่า” ปกติโคลเดอร์เป็นคนหัวอ่อนที่เกลียดความขัดแย้งยิ่งกว่าอะไร อะไรที่เขายอมได้ก็มักจะเลือกทางยอม แต่คราวนี้ไม่ใช่อย่างนั้น
“ผมว่าคงให้เป็นแบบนั้นไม่ได้ครับ”
“ยังไงซะผมก็ต้องเป็นนักแข่งรถที่เก่งกว่านี้ให้ได้”
“อย่างนั้นเหรอ?” บาร์เทนเดอร์ยังคงยิ้ม แต่ดูจะเป็นรอยยิ้มที่เหี้ยมเกรียมยิ่งขึ้น
“ผมจะทำให้คุณกลับไปเอง”
ทันใดนั้นจำนวนบาร์เทนเดอร์ในร้านก็เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว จากสองเป็นสาม จากสามเป็นสี่ จากสี่เป็นห้า หก เจ็ด แปด สิบ ยี่สิบ สามสิบ…จนโคลเดอร์ไม่อาจจะนับไหว
“ทั้งหมดนี่น่ะ คือตัวผมยังไงล่ะ”
“ผมหวังดีนะ อย่าเข้ามาในโลกใบนี้เลย กลับไปซะ” เสียงนั้นไม่อาจจับทิศทางได้ว่ามาจากทางไหน ยังคงสะท้อนไปเรื่อย ๆ จำนวนบาร์เทนเดอร์ยังคงเพิ่มขึ้น จนในผับเล็ก ๆ แห่งนั้นแทบจะอัดแน่นไปด้วยบาร์เทนเดอร์
เดี๋ยวก่อนสิ บาร์เทนเดอร์ไม่ได้มีจำนวนมากขึ้น พวกเขาไม่มีความแตกต่างอะไรกันเลย รูปร่างหน้าตา เครื่องแต่งกาย มันเหมือนกันทั้งหมด
นี่มันคือความเร็วสูงมาก จนดวงตาจับภาพไม่ทัน มันคือภาพติดตา
เขาคืออดีตนักแข่งรถที่เร็วที่สุด แชมเปี้ยนสามสมัย ที่ไม่มีใครไม่รู้จัก อาฟเตอร์อิมเมจ