เรื่องราวของเหล่าหุ่นยนต์แปลงร่างที่มีทั้งการแข่งความเร็ว ไปจนถึงหายนะระดับจักรวาล แซมด้วยความกุ๊กกิ๊กเล็กน้อย ไซไฟแฟนตาซีอ่านง่าย
ไซไฟ,แฟนตาซี,แฟนตาซี,ไซไฟแฟนตาซี,ไซไฟ,หุ่นยนต์,พล็อตสร้างกระแส,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
After หลังโลกสลายเรื่องราวของเหล่าหุ่นยนต์แปลงร่างที่มีทั้งการแข่งความเร็ว ไปจนถึงหายนะระดับจักรวาล แซมด้วยความกุ๊กกิ๊กเล็กน้อย ไซไฟแฟนตาซีอ่านง่าย
หุ่นวัยรุ่นสีฟ้าอ่อนกลับมายังที่พักที่เป็นห้องเล็ก ๆ ชั้นบนของผับ Blurry เพื่อพักผ่อนจากการฝึกฝนที่แสนหนักหน่วง ก่อนจบการฝึกคอร์สแรกอาฟเตอร์อิมเมจให้เขาออกไปลองทำความเร็วอีกครั้ง ดูจะมีพัฒนาการไปมากทีเดียว
“แต่แค่นี้ยังไม่พอที่จะเอาชนะคู่แข่งได้นะครับ คงจะยังจำได้ว่า นอกจากจะแข่งขันกันด้วยความเร็วแล้ว ยังต้องมีการต่อสู้อีกด้วย” ครูฝึกของเขากล่าวอย่างใจเย็น
“เพราะฉะนั้นตั้งแต่วันพรุ่งนี้ เราจะมาฝึกการต่อสู้กันครับ” ว่าแล้วอาฟเตอร์อิมเมจก็เดินจากไป โคลเดอร์ทิ้งตัวลงนอนบนที่นอน เขามองไปที่เพดานห้อง ไม่อยากจะนึกถึงการฝึกที่เปลี่ยนไปในวันรุ่งขึ้น
…
เบิร์นนิงไฟร์นั่งครุ่นคิดอยู่ที่โรงอาหารภายในกิลด์ หลังจากกลับมาเขายังมีเวลาว่างอีกเป็นสัปดาห์กว่าที่โคลเดอร์จะฝึกเสร็จ ก็ได้ไปรับภารกิจเล็ก ๆ น้อย ๆ ประเภททำกันไม่เกินสามคน หาค่าขนมนิดหน่อย แต่พอทำเสร็จแล้วก็ยังคงว่างเหมือนเดิม หุ่นสีแดงรู้สึกเบื่อหน่ายจนอาจจะถึงขั้นเหงา พอมาคิดดูอีกทีแล้ว ถึงเขาจะอยู่ที่กิลด์มานาน แต่ก็ยังไม่มีเพื่อนสนิทเลย จะมีก็เพียงแต่โคลเดอร์ที่เพิ่งรู้จักเท่านั้นที่รู้สึกสนิทมากกว่าเพื่อน ถึงกระนั้นเขาก็แทบไม่รู้อะไรเกี่ยวกับหมอนั่นเลยสักนิด
จีคอนว่างจากงานที่หอสมุด ติดต่อมานัดเข้าไปเที่ยวเล่นในเมืองเพื่อเปลี่ยนบรรยากาศ เบิร์นนิงไฟร์ตอบรับ เมื่อถึงเวลาก็แปลงร่างเป็นยานพาหนะเข้าสู่สตีลซิตี้ หุ่นสาวสวยรอเขาอยู่ที่หน้าหอสมุดใต้ต้นไม้ใหญ่ วันนี้เธอดูดีกว่าที่เคย ถึงแม้เหล่าสิ่งมีชีวิตโลหะที่แปลงร่างได้จะไม่มีเสื้อผ้าให้เข้าไปติดขัดตามชิ้นส่วนแล้วเป็นอันตราย แต่วันนี้จีคอนดูเปล่งประกายทีเดียว
เบิร์นนิงไฟร์กับจีคอนเป็นเพื่อนร่วมรุ่นสถาบันการศึกษา พวกเขาสนิทสนมกันมากจนมีคนหนึ่งคิดไปไกลเกินกว่าคำว่าเพื่อน เมื่อฝ่ายหนึ่งปฏิเสธ พวกเขาก็ไม่ได้ละทิ้งความสัมพันธ์ หากแต่ยังคงคบหากันในฐานะเพื่อนมาจนถึงปัจจุบัน ทั้งสองในร่างยานพาหนะเคลื่อนที่ไปชมความงามรอบ ๆ ตัวเมืองอย่างไม่มีจุดหมาย เส้นทางที่ร่มรื่นนั้นนำพาทั้งสองมายังสถานที่แห่งความทรงจำ นั่นคือโรงเรียนที่พวกเขาจบมา
“อ้าว เรามาถึงที่นี่กันแล้ว” ทั้งสองแปลงร่างเป็นหุ่นแล้วเดินเข้าไปในโรงเรียน
“โรงเรียนไม่เปลี่ยนไปเลยนะ” เบิร์นนิงไฟร์กล่าว ดูเหมือนเขากำลังครุ่นคิดอะไรบางอย่าง จีคอนพยักหน้าเงียบ ๆ ทั้งสองเดินเคียงข้างกันไปเรื่อย ๆ ไม่มีใครพูดอะไร จนกระทั่งมาหยุดอยู่ที่ด้านหลังตึกวิทยาศาสตร์
“ไม่รู้ช่วงนี้ฉันเป็นอะไร เหมือนใช้ชีวิตไปวัน ๆ น่าเบื่อไปหมด ไม่มีอะไรที่น่าสนุกเลย อยู่ในกิลด์ก็ไม่มีเพื่อนสักคน” เบิร์นนิงไฟร์เอ่ยทำลายความเงียบ
“ไม่รู้ว่าฉันคนที่มีไฟล้นเหลือสมัยเรียนคนนั้นไปไหนแล้ว” เขาพูดพร้อมจุดไฟที่มือข้างหนึ่งไปด้วย ในยามที่พระอาทิตย์ใกล้จะตกดิน ดูเหมือนมีหิ่งห้อยขนาดใหญ่ห้าตัวบินวนไปมา
ความเงียบเข้าปกคลุมอีกครั้ง คราวนี้ปกคลุมอยู่ครู่ใหญ่
“เบิร์นนิงไฟร์ นายจำได้หรือเปล่า?”
“ที่ตรงนี้ ฉันบอกรักนายที่นี่ตอนก่อนจะเรียนจบ” หิ่งห้อยดับแสงทันควัน
“ตอนนั้นนายบอกว่ายังไม่อยากถูกผูกมัด อยากจะออกเดินทางรอบโลก ยังจำได้ไหม?” จีคอนเอ่ยปากพลางคิดถึงเรื่องในอดีต
“ตอนนั้นนายเป็นคนที่มีจุดหมายในชีวิตมาก ๆ เลย นั่นเป็นส่วนหนึ่งที่ฉันชอบในตัวนาย” หากสิ่งมีชีวิตโลหะมีลมหายใจ เราคงจะได้เห็นเบิร์นนิงไฟร์ถอนหายใจเฮือกใหญ่ เขามองจีคอนด้วยสายตาเศร้า ๆ
“เป้าหมายนั้นก็ยังมีอยู่นะ แต่บางทีฉันก็รู้สึกว่าแค่ใช้ชีวิตไปวัน ๆ ก็เหนื่อยจนจะเกินแรงแล้ว”
“บางครั้งฉันก็อยากหาทางลัด อะไรที่ทำให้อยู่ได้โดยไม่ต้องใช้เวลาไปทำงาน แล้วฉันก็เกือบจะฆ่าหมอนั่น” หุ่นสีแดงกำหมัดแน่น
“ฉันยังแทบไม่รู้จักหมอนั่นเลยด้วยซ้ำ”
จีคอนขยับเข้ามาใกล้ ๆ เขา และโอบไหล่เขาไว้ ทั้งสองนั่งลงบนม้านั่งอย่างเงียบ ๆ เป็นเวลานาน
ทางด้านโคลเดอร์
“อย่างที่คุณทราบแล้วว่าผมมีความเร็วสูงมากจนเหมือนแยกร่างได้ วันนี้ผมจะลองแยกสักสามร่างเพื่อมาต่อสู้กับคุณ”
“การฝึกขั้นแรกจะจบลงเมื่อคุณสามารถรับการโจมตีของผมได้ครับ” อาฟเตอร์อิมเมจกล่าวกับโคลเดอร์ที่กำลังนอนหมดแรงอยู่บนพื้น หลังจากลองรับการโจมตีนับครั้งไม่ถ้วนแล้วก็ยังทำไม่ได้อยู่ดี
“เมื่อเรามีร่างกายที่แข็งแรงเป็นพื้นฐานอยู่แล้ว การต่อสู้ของผู้ใช้ความเร็วก็คงเป็นอย่างอื่นไปไม่ได้ นอกจากการใช้ความเร็วให้เป็นประโยชน์”
“การใช้สายตาและระบบตรวจจับยังคงเป็นสิ่งสำคัญในการวางแผนการโจมตีจากระยะไกล แต่การต่อสู้ระยะประชิดนั้นต่างออกไป หลายครั้งคุณจำเป็นต้องใช้สัญชาตญาณ” ครูคนนี้โหดเหลือเกิน พูดไปฟาดไป
“หากใช้สัญชาตญาณได้อย่างคล่องแคล่วแล้ว คุณจะประเมินได้ว่าคู่ต่อสู้จะโจมตีมาอย่างไรและรับหรือหลบหลีกการโจมตีนั้น ๆ ได้อย่างทันท่วงที ก่อนที่จะโจมตีโต้กลับ”
“เห็นว่าคุณมีเวลาไม่มากนัก ดังนั้นวันนี้คุณต้องรับการโจมตีสามร่างให้ได้นะครับ”
พาร์ท LSD
“ชื่อของข้าคือ เอ็นเฟอร์” หุ่นค้างคาวประกาศ “ในที่สุดข้าก็มาถึงที่นี่จนได้”
“ลุกขึ้นมา ลูกน้องที่น่ารักของข้า”
เบื้องหน้าของมันคืออดีตลูกน้อง SUV ของ LSD ที่บัดนี้ดูเลื่อนลอยไร้สติราวยี่สิบคน พวกมันทุกตัวถูกเขี้ยวของเอ็นเฟอร์เจาะเพื่อดึงเชื้อเพลิงออกไป ทว่านอกจากเชื้อเพลิงที่ต้องสูญเสียไปแล้ว พวกมันยังได้รับนาโนแมชชีนจำนวนมากที่ทำให้มันต้องรับคำสั่งจากเอ็นเฟอร์เพียงผู้เดียวอีกด้วย ข้างกายของเอ็นเฟอร์คือ LSD ที่ยืนสงบนิ่งด้วยความกลัว ถึงแม้ว่าจะไม่ถูกกัดก็ตาม
“ข้าต้องการชมวิถีชีวิตของพวกเจ้า ปกติพวกเจ้าทำอะไรกันอยู่?” เมื่อเอ็นเฟอร์ถาม LSD เลยเล่าให้มันฟังถึงการแข่งรถ
“ดี! น่าสนุก ข้าจะไปชมด้วย” มันยิ้มออกมาด้วยสีหน้าพอใจ
พาร์ท โคลเดอร์
ทำยังไงเราถึงจะรับการโจมตีที่เร็วขนาดนั้นได้ แค่มองตามยังแทบจะไม่ทันอาฟเตอร์อิมเมจบอกให้ใช้สัญชาตญาณเมื่อถูกโจมตีระยะประชิดอย่างนั้นเหรอ
ทันใดนั้นร่างแยกทั้งหมดของหุ่นสีน้ำเงินหายไปจากสายตา เนื่องจากฝึกมานานจนโคลเดอร์เริ่มจะจับทางได้แล้วว่าหากเป็นเช่นนี้อีกไม่ช้า อาฟเตอร์อิมเมจจะเข้ามาโจมตีระยะประชิด เขาปิดระบบการมองเห็นแล้วตั้งสมาธิ สัมผัสบ่งบอกทิศทางของอีกฝ่ายลาง ๆ ปรากฏขึ้นในหน่วยประมวลผล ไม่มีเวลาคิดคำนวณ เขารีบฉีกออกไปทิศทางตรงกันข้าม
“ยินดีด้วย คุณเริ่มหลบการโจมตีได้แล้ว” คนสอนได้เอ่ยปากชม
“แต่จุดประสงค์ของการฝึกคือคุณต้องโจมตีกลับไปได้ด้วย”
ดูท่าเขาคงจะต้องฝึกอีกนานเลยทีเดียว