เรื่องราวของเหล่าหุ่นยนต์แปลงร่างที่มีทั้งการแข่งความเร็ว ไปจนถึงหายนะระดับจักรวาล แซมด้วยความกุ๊กกิ๊กเล็กน้อย ไซไฟแฟนตาซีอ่านง่าย

After หลังโลกสลาย - 19 ก่อนกลับคืน (2) โดย ราชาวาฬ @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

ไซไฟ,แฟนตาซี,แฟนตาซี,ไซไฟแฟนตาซี,ไซไฟ,หุ่นยนต์,พล็อตสร้างกระแส,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย

After หลังโลกสลาย

หมวดหมู่ที่เกี่ยวข้อง

ไซไฟ,แฟนตาซี

แท็คที่เกี่ยวข้อง

แฟนตาซี,ไซไฟแฟนตาซี,ไซไฟ,หุ่นยนต์,พล็อตสร้างกระแส

รายละเอียด

After หลังโลกสลาย โดย ราชาวาฬ @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

เรื่องราวของเหล่าหุ่นยนต์แปลงร่างที่มีทั้งการแข่งความเร็ว ไปจนถึงหายนะระดับจักรวาล แซมด้วยความกุ๊กกิ๊กเล็กน้อย ไซไฟแฟนตาซีอ่านง่าย

ผู้แต่ง

ราชาวาฬ

เรื่องย่อ

สารบัญ

After หลังโลกสลาย-0 บทนำ,After หลังโลกสลาย-1 จุดเริ่มต้น,After หลังโลกสลาย-2 สนามแรก (1),After หลังโลกสลาย-3 After Image,After หลังโลกสลาย-4 การทดสอบ,After หลังโลกสลาย-5 การฝึก,After หลังโลกสลาย-6 หลบหนี,After หลังโลกสลาย-7 เริ่มต้นใหม่,After หลังโลกสลาย-8 การเตรียมพร้อม (1),After หลังโลกสลาย-9 การเตรียมพร้อม (2),After หลังโลกสลาย-10 สนามแรก (2),After หลังโลกสลาย-11 ระยะฟื้นตัว,After หลังโลกสลาย-12 การปกป้องข้อมูลของหอสมุด (1),After หลังโลกสลาย-13 การปกป้องข้อมูลของหอสมุด (2),After หลังโลกสลาย-14 การปกป้องข้อมูลของหอสมุด (3),After หลังโลกสลาย-15 ผ่อนคลาย,After หลังโลกสลาย-16 สนามที่สอง (1),After หลังโลกสลาย-17 สนามที่สอง (2),After หลังโลกสลาย-18 ก่อนกลับคืน (1),After หลังโลกสลาย-19 ก่อนกลับคืน (2),After หลังโลกสลาย-20 ก่อนกลับคืน (3),After หลังโลกสลาย-21 ก่อนกลับคืน (4),After หลังโลกสลาย-22 กลับคืน (1),After หลังโลกสลาย-23 กลับคืน (2),After หลังโลกสลาย-24 กลับคืน (3),After หลังโลกสลาย-25 กลับคืน (4),After หลังโลกสลาย-26 กลับคืน (5),After หลังโลกสลาย-27 กลับคืน (6),After หลังโลกสลาย-28 กลับคืน (7),After หลังโลกสลาย-29 ติดอยู่ในความทรงจำ,After หลังโลกสลาย-30 การช่วยเหลือ (1),After หลังโลกสลาย-31 การช่วยเหลือ (2),After หลังโลกสลาย-32 การช่วยเหลือ (3),After หลังโลกสลาย-33 เส้นทางที่ต้องเดินต่อ,After หลังโลกสลาย-34 เตรียมพร้อมรบ (1),After หลังโลกสลาย-35 เตรียมพร้อมรบ (2),After หลังโลกสลาย-36 ตะลุมบอน (1),After หลังโลกสลาย-37 ตะลุมบอน (2),After หลังโลกสลาย-38 มหันตภัยครั้งใหม่,After หลังโลกสลาย-39 ความสงบชั่วครู่ (1),After หลังโลกสลาย-40 ความสงบชั่วครู่ (2),After หลังโลกสลาย-41 ดูดกลืน (1),After หลังโลกสลาย-42 ดูดกลืน (2),After หลังโลกสลาย-43 ดูดกลืน (3),After หลังโลกสลาย-บทอวสาน ชีวิตต้องเดินต่อไป

เนื้อหา

19 ก่อนกลับคืน (2)

เด็กชายไม่เคยประสบกับความลังเลเช่นนี้มาก่อน จากการหมกมุ่นศึกษาประวัติศาสตร์อารยธรรมของดวงดาวมาเป็นเวลายาวนาน ทำให้เขามีความโกรธแค้นและสงสัยในสิ่งมีชีวิตโลหะ ว่าเหตุใดพวกเขาจึงต้องยึดครองพื้นที่ของดวงดาวไปทำเป็นถิ่นฐานที่อยู่อาศัยนานนับหมื่นปีและหลังจากที่ถ่ายทอดเทคโนโลยีให้บางส่วน พวกเขาก็นำเหล่ามนุษย์ สิ่งมีชีวิตทรงปัญญาที่อาศัยอยู่มาก่อนต้องมารวมตัวกันอยู่ในหมู่เกาะ ถึงแม้จะเป็นหมู่เกาะที่มีขนาดใหญ่ แต่ก็เท่ากับมนุษย์ต้องสูญเสียดินแดนที่เคยเป็นของตนเองไปกว่าครึ่งหนึ่ง แม้ว่ามนุษย์จะยังคงสามารถเดินทางไปได้ทั่วทั้งดวงดาว แต่ก็ไม่สามารถอาศัยอยู่ในเมืองของพวกหุ่นยนต์ได้ เนื่องจากมีสภาพแวดล้อมที่แตกต่างกันเกินไป

ดินแดน ที่ครั้งหนึ่งเคยเป็นของเรา

หลักฐานทางประวัติศาสตร์ที่คงเหลืออยู่บ่งชี้ว่าเคยมีสงครามระหว่างมนุษย์และสิ่งมีชีวิตโลหะ ทว่าสงครามจบลงด้วยสันติสุข มีเพียงอย่างเดียวที่เป็นหัวข้อสงสัยหลักใหญ่ ๆ ของเด็กชาย คือสงครามสิ้นสุดลงได้อย่างไร ทุกฝ่ายยอมให้ลงเอยเช่นนี้ได้อย่างไรและเป็นคำถามที่หลักฐานทางประวัติศาสตร์สูญหายไปพอดี

ช่างเป็นเหตุบังเอิญอย่างไม่น่าเชื่อ

สิ่งที่น่าแปลกคือสิ่งมีชีวิตโลหะไม่ได้มาที่ดาวแห่งนี้เพียงครั้งเดียว แต่เมื่อประมาณสองพันปีก่อน ได้มียานอวกาศรูปวาฬตกลงมาที่ทะเลทราย กำเนิดของบลูเวลกิลด์ ช่างน่าสงสัยว่าพวกเขาจะมาที่นี่อีกหรือไม่

และลงท้าย จะยึดครองดาวดวงนี้ไปจนหมดหรือเปล่า

เด็กชายปรารถนามาโดยตลอดที่จะสร้างความเปลี่ยนแปลงให้กับดวงดาวของตนเอง ให้เหล่ามนุษย์ได้มีเสรี กลับมาเป็นเจ้าของดาวดวงเดิมได้อย่างอิสระ วันนี้ เขาได้ยินเสียง เสียงที่น่าจะเป็นโอกาสแรกที่จะทำให้ความฝันเป็นจริงได้

แต่เจ้าเสียงนี้มันน่าเชื่อถือได้มากแค่ไหนกัน

ขณะนี้เขานั่งอยู่ที่โต๊ะ เอามือกุมศีรษะตัวเองด้วยความกลัดกลุ้มที่จุดขึ้นมา ลังเลว่าจะเดินทางไปยังพิกัดตำแหน่งที่เสียงนั้นบอกดีหรือไม่ ถึงอย่างไรเขาก็ยังเป็นแค่เด็กที่อ่อนแอ ถ้าเกิดอะไรขึ้นมาก็ไม่น่าจะปกป้องตัวเองได้

“ข้ามีกำลังเพียงสื่อสารมาถึงเจ้าเท่านั้น หากเจ้าไม่ปลดผนึก ข้าก็ทำอะไรเจ้าไม่ได้” เสียงนั้นดังขึ้นในหัวอีกครั้ง

“แสดงว่าถ้าปลดผนึกให้ จะทำอะไรผมใช่ไหม?”

“หึหึหึ รอบคอบดี แต่ถ้าเจ้าไม่ปลดผนึกให้ข้า เจ้าก็ไม่มีทางได้พลังที่เจ้าปรารถนาไปตลอดกาล”

เด็กชายกำลังใช้ความคิดอย่างถี่ถ้วน

“ข้าไม่มีเวลาเล่นกับเจ้าอีกแล้ว ข้าตัดสินใจให้เจ้าก็แล้วกัน”

แมงมุมเหล็กขนาดเล็กเท่าหัวแม่มือไต่ขึ้นมายังต้นคอของเขา มันใช้ปลายขาที่แหลมคมเจาะไปที่ต้นคอ และฝังตัวเข้ากับคอของเด็กชาย เข้าไปถึงเส้นประสาทที่ไขสันหลัง ฉับพลันการรับรู้ของเด็กชายก็เลือนราง ขาก้าวเดินไปข้างหน้าอย่างเลื่อนลอย) มุ่งหน้าไปยังจุดหมายของเสียงเรียกที่ดังก้องภายในหัว

อาคารรกร้างห่างไกลจากชุมชน เด็กชายเดินอย่างเลื่อนลอยมาถึงในกลางดึก เขารู้สึกเหมือนอยู่ในความฝัน ไม่เป็นตัวของตัวเอง รู้ตัวอีกทีก็มาอยู่ตรงนี้เมื่อไหร่ไม่รู้

“ในเมื่อเจ้าเลือกที่จะเชื่อข้า ข้าก็จะให้พลังกับเจ้าตามสัญญา” เสียงนั้นยังคงดังก้องกังวานภายในหัว แม้เขาอยากจะปฏิเสธว่าตนเองไม่ได้เลือกมากเพียงใด ทว่าก็ปราศจากเรี่ยวแรงที่จะยับยั้งมันได้

“ข้าจะมอบพลังด้านสติปัญญาให้กับเจ้า”

เด็กชายนั่งลงบนเก้าอี้ เริ่มขีดเขียนสิ่งต่าง ๆ ที่คนธรรมดามองแล้วไม่อาจเข้าใจ เพียงแต่หากผู้ใดได้มาเห็นสิ่งนั้นก็คงเข้าใจได้คร่าว ๆ ว่ามันคือแบบแปลนของเครื่องจักรอะไรบางอย่าง อาจเป็นอาวุธหรืออุปกรณ์เพื่อปลดปล่อยผู้ควบคุมตัวเขาจากพันธนาการ

เด็กชายยังคงคำนวณต่อไปไม่หยุดโดยไม่พักผ่อนและรับประทานอาหารสักนิด ตัวตนของเขาที่อยู่ภายในพยายามต่อสู้ดิ้นรนแต่ไม่เป็นผล กาลเวลาผ่านไปจากวันเป็นเดือน จากเดือนเป็นปี ร่างกายของเขาทรุดโทรมลงเรื่อย ๆ ทีละนิด ๆ แต่ยังคงมีชีวิตอยู่ หลายครั้งที่เขาเรียกร้องขอความตายจากผู้ควบคุมแต่ก็ไม่ได้รับอนุญาต เขาถูกบังคับทั้งร่างกายและจิตใจให้มีชีวิตเพื่อทำงานต่อไปจนกว่าจะสำเร็จบรรลุเป้าหมาย

 

ปัจจุบัน ห้องของโอวี่

“ข้าจับสัญญาณของเซอร์เรลได้ แต่มันอ่อนมาก” เอ็นเฟอร์พูดขึ้น

“เซอร์เรลนี่ใครครับท่าน” โอวี่ถามอย่างมึนงง

“นางเป็นสมาชิกยานเอ็กโซดัสเหมือนกับข้า” ตาของเอ็นเฟอร์เรืองแสงเป็นสีแดง

“แล้วท่านตามรอยสัญญาณนั้นได้ไหม?”

“ไม่ได้เลย สัญญาณมันอ่อนมากและมันมาแค่วินาทีเดียวก็หายไป”

“แต่นั่นเป็นสัญญาณบอกว่าผนึกที่พวกมันสร้างไว้เริ่มอ่อนกำลังลงแล้ว ข้าขอถามความคืบหน้าของการถอดรหัสอีกครั้ง”

“ใกล้แล้วท่าน อีกไม่เกิน 24 ชั่วโมงก็น่าจะถอดได้แล้ว บอกแล้วว่าข้ามันอัจฉริยะ”

“นี่ข้าต้องเข้าไปดึงความสามารถของคอมตามบ้านมาช่วยถอดรหัสด้วยนะ ส่งโปรแกรมแทรกเข้าไปตามบ้านที่ไม่ได้ป้องกันน่ะ ใช้คอมชาวบ้านทำงานเครื่องละนิดละหน่อย แต่ใช้เป็นพัน ๆ เครื่องเลย นี่ถ้าไม่ใช่ข้าก็คิดวิธีแบบนี้ไม่ได้” โอวี่พล่ามไม่หยุด ส่วนเอ็นเฟอร์ก็ทำหน้าเซ็ง

 

หอสมุดกลาง สตีลซิตี้ เวลาพักกลางวัน

โคลเดอร์นั่งอยู่กับแมปส์ที่ใต้ต้นไม้ในบริเวณสวนของหอสมุด พวกเขาเริ่มสนิทกันและพูดคุยเรื่องสัพเพเหระ แมปส์เป็นผู้ที่มีความรู้กว้างขวางสมกับเป็นบรรณารักษ์ของหอสมุด เมื่อเธอหายเขินอายก็เป็นผู้ที่คุยสนุกดีเลยทีเดียว

“คุณแมปส์พอจะทราบเรื่องของสิ่งมีชีวิตชีวภาพที่มีรูปปั้นอยู่ในหอสมุดเราหรือเปล่าครับ?” โคลเดอร์ถาม

“ค่ะ พวกเขามีชื่อว่า พวกมนุษย์”

“พวกมนุษย์เป็นสิ่งมีชีวิตทรงปัญญาเพียงสายพันธุ์เดียวของดวงดาวแห่งนี้มาเป็นระยะเวลาหลายหมื่นปี จนกระทั่งบรรพบุรุษของเราได้เดินทางมาตั้งรกรากอยู่ที่นี่และแบ่งปันเทคโนโลยีให้กับพวกเขา แต่นั่นก็หลังจากที่ทำสงครามกันอยู่ช่วงหนึ่งเพราะพวกมนุษย์รู้สึกว่าพวกเขาถูกแย่งชิงถิ่นเกิดไป”

“ถึงอย่างนั้นสงครามก็จบลงด้วยสันติสุข พวกเราได้ทำสนธิสัญญาตกลงแบ่งพื้นที่ของดวงดาวครึ่งหนึ่งเพื่ออยู่อาศัยต่อ โดยพวกมนุษย์ไปอยู่ในพื้นที่ที่เป็นเกาะเป็นส่วนใหญ่ ทางตะวันออกของที่นี่”

“จริง ๆ พวกเขาสามารถเดินทางไปมาได้นะคะ เพียงแต่ไม่ค่อยทำกันเพราะสภาพแวดล้อมมีบางอย่างที่ทำให้พวกเขาอาศัยอยู่กับเราถาวรไม่ได้ ต้องมีอุปกรณ์ช่วยดำรงชีวิต แต่ถ้ามาแค่ไม่กี่วันก็ไม่มีปัญหา แต่ก็น่าแปลกที่พวกมนุษย์ไม่ค่อยมาท่องเที่ยวที่นี่เหมือนกัน”

“ใช่ครับ ผมไม่เคยเห็นพวกมนุษย์เลย นอกจากรูปปั้น”

“ขนมนี่อร่อยดีนะครับ เชื่อคุณแมปส์ได้เลย ถ้าเป็นเรื่องขนม”

“ฮิฮิ ใช่ไหมล่ะคะ?” เธอหัวเราะขบขัน

“อ้าว นั่งคุยกันเพลิน ใกล้จะต้องกลับไปทำงานแล้วล่ะค่ะ” แมปส์ลุกขึ้นพร้อมกับโคลเดอร์

“โอเคครับ งั้นผมกลับไปที่กิลด์ก่อน”

“แล้วเจอกันนะคะ”

หุ่นวัยรุ่นสีฟ้าอ่อนโบกมือให้บรรณารักษ์สาวที่กำลังเดินกลับไปยังอาคาร แล้วแปลงร่างเป็นรถเพื่อกลับไปที่กิลด์อย่างอารมณ์ดี