"พลังที่ผมได้มานั้น...มันคือพรหรือคำสาปกันแน่นะ...? แล้วผมจะใช้พลังนี้แก้ไขประเทศที่ล่มสลายนี้จะกลับเหมือนเดิมได้อย่างไร...?"
แอคชั่น,ชาย-หญิง,สะท้อนปัญหาสังคม,ไทย,เลือดสาด,พล็อตสร้างกระแส,ดราม่า,สยองขวัญ,ผี,ผจญภัย,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
Undead War สงครามคนเป็น"พลังที่ผมได้มานั้น...มันคือพรหรือคำสาปกันแน่นะ...? แล้วผมจะใช้พลังนี้แก้ไขประเทศที่ล่มสลายนี้จะกลับเหมือนเดิมได้อย่างไร...?"
โรคระบาดยังคงอยู่รอบๆ ตัวเรา ไม่ได้หายไปไหน หมอทุกคนตายกันไปหมดแล้ว ความหวังดับวูบจนไม่เหลือแม้แต่แสงสุดท้าย ราวกับว่าตัวเองกำลังเดินอยู่ในอุโมงค์ไร้แสงสว่างและไร้สิ้นสุด พวกซอมบี้ต่างคอยจะได้กัดกินเนื้อมนุษย์อย่างกับเครื่องจักรที่ไม่มีวันเหนื่อย ไม่ว่าจะมองไปทางไหน ก็มีแต่พวกมันอยู่เต็มไปหมด
แต่ความหวังก็ยังไม่หมดไป เมื่อผมสามารถเอาชนะเชื้อไวรัสตัวนี้ได้ ทำให้ร่างกายของผมเกิดกลายพันธุ์และสามารถแปลงกายเป็นซอมบี้ได้ตลอดเวลา นั่นทำให้ผมวิวัฒนาการไปอีกขั้นเพื่อที่จะช่วยเหลือมวลมนุษยชาติได้
“พวกเราจะเป็นเพื่อนกันตลอดไปใช่มั้ย!?” เสียงคาโอริน หญิงสาวชาวลูกครึ่งญี่ปุ่นจับมือธัน สาวแว่นร่างเล็กชาวไทยวิ่งหนีซอมบี้มาด้วยกันสองคน พวกเธอจับมือแน่นราวกับว่าทั้งสองรวมกันเป็นหนึ่งที่ไม่อาจจะพลัดพลาดจากกันได้ ทั้งสองคนเป็นคู่รักเลสเบี้ยนที่คบหาดูใจกันมากว่าสองปี แต่ยังไม่ได้คบกันเป็นแฟน ทั้งคู่เป็นนักศึกษาปีสี่ซึ่งกำลังจะจบการศึกษาในปีนี้ และหากทั้งคู่เรียนจบ พวกนางได้วางแผนว่าจะย้ายไปอยู่ที่ประเทศอเมริกาเพื่อแต่งงาน ซึ่งมันเป็นที่รู้ดีอยู่แล้วว่าการแต่งงานในประเทศไทยไม่สามารถแต่งงานกับเพศเดียวกันได้ มันอาจจะเป็นเรื่องบัดสีบัดเถลิง แม้ว่าพวกเธอจะเป็นคู่เลสเบี้ยนคนดังของโรงเรียนก็ตาม นั่นก็ไม่ได้ทำให้พวกเธอดีใจอยู่ลึก ๆ หรอก จริง ๆ แล้วพวกเธอมีความรู้สึกผิดต่างหากที่รักเพศเดียวกัน โดยเฉพาะคาโอรินที่มีผู้ชายที่ชอบอยู่แล้ว แต่ไม่สามารถรู้สึกรักได้แม้แต่น้อย นั่นเป็นความรู้สึกที่ขัดแย้งกับตัวเอง ชอบ แต่ไม่ได้รัก ไม่ต่างจากที่ตัวเองถูกตัวเองขังอยู่ในห้วงความขัดแย้งที่ไร้สิ้นสุดและไร้ทางออก
พวกเธอวิ่งไปตามทางเดินพร้อมกับส่งเสียงหอบจนซอมบี้ที่อยู่ใกล้
ได้ยินเสียงและวิ่งไล่ตามมาติด ๆ แต่ทั้งสองก็ยังวิ่งไปเรื่อย ๆ แต่ไม่คิดจะปล่อยมือจากกัน
“ใช่!! พวกเราจะเป็นเพื่อนกันตลอดไป ตลอดไปเลยนะ” ธันตอบกลับอย่างเศร้า ๆ เพราะคำว่า ‘เพื่อน’ มันทำให้เธอรู้สึกแย่ แม้ว่าทั้งสองจะมีความรักให้กัน แต่ก็ยังไม่ได้ขึ้นสถานะว่าเป็นแฟน เพราะเหตุผลบ้างอย่างที่มันกระทบกระเทือนถึงชื่อเสียงของเธอที่มีต่อมหาวิทยาลัย เธอเป็นถึงมือซ้ายของอาจารย์โต๋งและเธอไม่อยากจะหลุดออกจากตำแหน่งนั้นเพราะว่าไปคบกับผู้หญิงคนเดียว คนเดียวที่เธอรักหมดหัวใจ แต่มีแค่เส้นบาง ๆ กั้นอยู่แค่ว่า มันจะเป็นการรักเพศเดียวกัน ซึ่งอาจารย์โต๋งจะต้องตัดเธอออกจากตำแหน่งนี้อย่างแน่นอน
“โอ๊ย! ช่วยด้วย!!” เสียงธันร้องขึ้นมาจากด้านหลังของคาโอริน
“คาโอริน!!”
เมื่อหญิงสาวหันไปหาธัน ปรากฏว่าเข้าตัวกำลังโดนซอมบี้ตัวนึงกัดเข้าที่แขนจนทำให้ความเร็วในการวิ่งตกไประดับนึง คาโอรินหยุดวิ่ง แต่นั่นเป็นความคิดที่แย่เอามาก ๆ เป็นเพราะว่าธันกำลังจะตายและจะทำให้ตัวของคาโอรินตายอย่างแน่นอน
“ช่วยฉันด้วย…ที่รัก” ธันเริ่มร้องไห้ จู่ ๆ ก็มีซอมบี้อีกสองสามตัวพุ่งเข้าหากัดร่างกายของเธอจนเลือดกระฉูดไปทั่วบริเวณ พวกมันคงคิดว่าผู้หญิงคนนั้น ช่างเป็นอาหารกลางวันที่แสนโอชะเสียจริง ๆ คาโอรินมองคนที่ตัวเองรักด้วยความหวาดกลัว ตอนนี้ความขัดแย้งในตัวก็เพิ่มขึ้น ถ้าช่วยเธอมันก็มีความเสี่ยงที่เธอจะโดนกัดเสียเอง หรือว่าจะหนีและทิ้งคนรักเอาไว้แบบนัั้น แต่ถ้าทิ้งเธอไป มันก็ไม่ได้เป็นการพิสูจน์รักแท้ที่คาโอรินที่่มีต่อธัน
จะเอายังไงดี…
“ช่วยฉันด้วย เจ็บเหลือเกิน” ธันดิ้นไปมาทั้ง ๆ ที่มือซ้ายของเธอกำลังบีบรัดมือของคาโอรินจนเลือดไม่มีจะเลี้ยง ซึ่งเธอก็ไม่ได้คิดถึงตรงนั้นสักเท่าไหร่
“ปล่อยมือฉัน…” คาโอรินพูด อยู่ดี ๆ น้ำตาของเธอก็ไหลลงมาตามใบหน้า แววตาของเธอไม่ได้บ่งบอกถึงความอาลัยอาวรณ์เลยสักนิด แต่เป็นแววตาของซาตานที่เต็มไปด้วยความเย็นชา หญิงสาวสะบัดแขนของคนที่เคยรักหลุดด้วยการสะบัดเพียงครั้งเดียว ธันตกใจเป็นอย่างมาก แต่ใจสลายด้วยในเวลาเดียวกัน
“คาโอริน!!”
“จะให้กูกับมึงเป็นรักต้องห้ามไปตลอด ชีวิตกูก็ล่มสลายกันพอดี!!” คาโอรินตะคอกใส่เหมือนกับว่าสิ่งที่อัดอั้นในใจนั้นได้ถูกปล่อยออกมา “ตาย ๆ ไปซะเถอะมึง!!”
ว่าแล้วคาโอรินก็จัดการใส่เท้าถีบร่างของอดีตคนรักล้มหงายหลังไปหาพวกซอมบี้และพวกมันก็จัดการรุมกินโต๊ะอย่างบ้าคลั่งราวกับว่ามันเป็นอาหารมื้อโอชะเลยก็ว่าได้ เสียงฉีกเนื้อทำให้คาโอรินถึงกับสำรอกออกมาเพราะมันไม่ต่างอะไรที่ตัวเองฆ่าเอง เธอฆ่าอดีตคนรักของตัวเอง แต่ซอมบี้เป็นคนลงมือปลิดชีพ เธอวิ่งออกไปพร้อมกับปาดน้ำตา ‘ฉันจะต้องรอด’ เธอพูดกับตัวเอง ‘ความรักจะหาต่อไปข้างหน้าก็มีอยู่เยอะแยะ!!’
พวกเรากำลังวิ่งหนีพวกซอมบี้ที่กำลังไล่กวดอยู่ นิวใช้กำลังแขนอันมหาศาลของเขาดันตู้เหล็กที่ตั้งอยู่ข้าง ๆ ทางล้มลงเพื่อสกัดพวกมัน แต่ก็สกัดไม่ได้นาน พวกมันก็สามารถปีนผ่านมาได้อย่างง่ายดาย พวกมันมีการเรียนรู้ที่รวดเร็ว พวกมันสามารถแก้ปัญหาได้บางอย่างเพื่อเป้าหมายที่เหมือนกันอยู่เป้าหมายเดียวก็คือ เลือดเนื้อและสมองของพวกเรานั่นเอง ผมหวดพวกมันสองตัวที่จู่ ๆ ก็พุ่งเข้ามาหมายจะแหวกหน้าท้องและได้ชิมเลือด ขอโทษทีที่จะให้ทำแบบนั้นได้ยาก ผมหวดพวกมันติดกับกำแพงหนึ่งตัวและอีกตัวผมหมุนตัวหลบกรงเล็บของมันและใช้หัวกระบองสวนทิ่มขึ้นที่คาง พริบตาเดียวที่ผมเห็นนิววิ่งเข้ามา ผมก็ก้มหมอบลงกับพื้น ส่วนนิววิ่งเข้ามากระโดดถีบซอมบี้ตัวที่ผมเสยคางไปและใช้กระบองฟาดเข้าที่ศีรษะของมันจนสมองแบะอยู่กับพื้น เราไม่มีเวลาที่จะชื่นชมคอมโบที่เพิ่งทำไปเมื่อกี้ สิ่งสำคัญอย่างหลักเลยก็คือเราต้องออกจากที่นี่ให้ได้ พวกเราอยู่ชั้นสอง และเราไม่สามารถลงไปชั้นหนึ่งได้ เพราะบันไดหนีไฟมันสุดแค่ชั้นนี้ พอถึงจุดนี้มันทำให้ผมรู้สึกเกลียดสถาปนิกที่ไม่ออกแบบให้บันไดหนีไฟลงไปให้ถึงชั้นหนึ่ง ผมกับนิวหันหลังชนกัน
“เอ็น ตรงหน้าชั้นมีอีกตัว”
“ข้างหลังชั้นก็มี”
นิวหยิบเศษเหล็กที่อยู่ตรงเท้าของเขาและปาไปเสียบทะลุกะโหลกศีรษะของซอมบี้ตรงหน้าเขาด้วยแรงเหวี่ยงอันมหาศาล ปกติแล้วนิวเป็นคนมีพละกำลังที่เกินมนุษย์แล้ว เขาเคยเล่าให้ฟังก่อนที่จะเกิดเรื่องราวกลียุคนี้ว่า เขาเป็นคนออกกำลังกายที่ใช้แรงเกินกำลังมาตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้ว จนพละกำลังของเขาสามารถยกรถได้คันนึงเลยทีเดียว อันนี้เขาไม่ได้พูดเล่น แต่เขาเคยยกรถของตัวเองให้ดูแล้ว ซึ่งเขาทำได้จริง ๆ!!
“ให้ช่วยมั้ย?” นิวถาม
“ไม่ต้อง”
ผมไม่ยอมให้เขามาช่วยเพียงฝ่ายเดียวหรอก พริบตานั้น ในที่สุดผมก็ยอมใช้ทักษะการใช้อาวุธที่ถูกพ่อบังคับให้ฝึกฝนมานาน ควงกระบองเป็นวงก่อนจะฟาดไปที่หัวมันสิบทีด้วยความเร็วที่เหนือแรง มันเป็นทักษะที่ผมฝึกอยู่ประมาณสองปี ต้องมีกำลังแขนที่แกร่งพอที่จะทำได้ เมื่อก่อนพ่อบังคับให้ผมฝึกเคนโด กระบอง และปืน จนทำให้ผมมีทักษะติดตัว ด้วยเหตุผลที่ว่า ผมจะสามารถเอาทักษะพวกนี้ไปปกป้องคนที่เรารักได้ แต่ก็ไม่คิดว่าจะได้ใช้มันเร็วขนาดนี้ ยุคสมัยกลียุค ทักษะการต่อสู้เป็นทักษะที่สำคัญมากในการเอาชีวิตรอด
จากนั้นซอมบี้ที่ปืนพ้นตู้มาได้ก็เริ่มวิ่งเข้ามาประจันหน้า ส่วนซอมบี้อีกฝั่งนึงก็วิ่งเข้ามาประจันเหมือนกัน
“มันเริ่มเข้ามาเยอะเกินไปแล้ว ต่อให้เป็นพลังของชั้นกับทักษะของนายก็ไม่มีทางเอาชีวิตรอดได้หรอก” นิวบอก
“แล้วเราจะทำยังไงดี?” ผมถาม
“โดดลงจากหน้าต่าง” ไม่พูดเปล่า นิวพุ่งเข้าไปกระแทกกับหน้าต่างบานใหญ่จนกระจกแตก ร่างกายของเขาดิ่งลงพสุธาอย่างรวดเร็ว เขาหมุนตัวจากที่แผ่นหลังของเขาจะถึงพื้น เปลี่ยนให้เป็นฝ่าเท้าของเขาแทน เมื่อเท้าของเขาถึงพื้น เขาสั่งให้ผมกระโดดลงมา
“ลงมาเลย!!”
“จะบ้าเหรอ!! กูจะกระโดดได้ยังไง มันสูงนะเว่ย!!” ผมเหงื่อตก “กูก็ไม่ได้มีพละกำลังที่แข็งแกร่งเทียบเท่าซูเปอร์แมนอย่างนายสักหน่อย”
“เดี๋ยวจะรอรับให้ ไม่โดดก็เรื่องของนาย จะตายที่นี่ก็ไม่มีใครว่าหรอก” เมื่อเขาเห็นซอมบี้ตัวนึงที่จะวิ่งเข้าใส่ เขาจับมันแล้วหักคอจนศีรษะหลุดออกมาจากบ่า และร่างกายของมันก็ล้มลงกับพื้น
ในขณะที่ยังสองจิตสองใจว่าจะทำยังไงต่อไป ถ้าผมยังอยู่ตรงนี้ยังไงก็ต้องตาย ถ้าโดดลงไป โอกาสตายก็จะลดน้อยลง แต่จะไว้ใจนิวให้รับเข้าทันได้หรือเปล่า ผมฆ่าซอมบี้ไปได้สองสามตัวในระหว่างคิดว่าผมจะเอายังไงดี ในชีวิตจริงพวกมันไม่เคยรอให้เราคิดเสร็จหรอก มันจะคอยวิ่งพุ่งเข้าสู่เป้าหมายของมันโดยที่ไม่ได้สนใจว่าเป้าหมายกำลังคิดอะไรอยู่ แต่เชื่อเถอะว่า พวกมันย่อมไม่มีความปรานีต่อเป้าหมายอยู่แล้ว จู่ ๆ มีหญิงสาวคนหนึ่งวิ่งหนีลงมาจากบันไดหนีไฟคนละฝั่งที่ผมวิ่งมา เธอหลบการโจมตีของซอมบี้อย่างรวดเร็ว แต่เธอก็ส่งเสียงออกมาด้วยความหวาดกลัว ด้วยร่างกายที่มันขยับไปเอง ผมวิ่งเข้าไปช่วยเธอโดยที่ในหัวนั้นไม่ได้มีข้อมูลความคิดแบบนั้นอยู่ด้วยซ้ำ
กระบองถูกหวดไปที่กลางหน้าผากของซอมบี้ตัวหนึ่งที่อยู่ใกล้หญิงสาวคนนั้นมากที่สุด ผมดึงเสื้อของอีกตัวเข้ามาหาตัวแล้วดีดกระบองฟาดกลางกระหม่อมจนมันสิ้นฤทธิ์ไป
“ไม่เป็นอะไรนะ?” ผมถาม
“ไม่เป็นไรค่ะ” คาโอรินตอบ “แต่รีบหนีกันดีกว่านะคะ”
“บันไดหนีไฟก็มีถึงแค่ชั้นนี้ ส่วนลิฟต์ก็พังไปแล้ว”
“งั้นกระโดดลงทางหน้าต่างกันเถอะค่ะ เมื่อกี้ชั้นเห็นคนกระโดดลงไปแล้วไม่เป็นอะไรเลย ชั้นคิดว่าถ้าเรากระโดดลงไปก็ไม่เป็นอะไรแน่นอนค่ะ” คาโอรินพูดด้วยความมั่นใจที่มาพร้อมกับแววตา
“มันเสี่ยงมากเลยนะ ถ้ากระโดดลงไปผิดท่าแล้วเกิดขาหักขึ้นมาจะทำยังไง”
“ไม่มีเวลาคิดแล้วค่ะ” เธอคว้ามือของผมและวิ่งออกไป ส่งผลให้ตัวเองถูกกระซากตามไปด้วย พละกำลังที่เกินกำลังผู้หญิงนี่มันคืออะไรกัน
เธอแบกผมด้วยพละกำลังของเธอและกระโดดลงไปทางหน้าต่าง พวกซอมบี้ที่วิ่งไล่กวดเข้ามาต่างก็ตกลงไปทางหน้าต่างจนร่างกายพวกมันแหลกเหลวจนไม่สามารถใช้งานได้ นิวที่ยืนรออยู่ตรงนั้นพลางจัดการฆ่าพวกซอมบี้ที่วิ่งเข้ามาหมายจะลิ้มลองเลือดอันหอมหวานของเขาที่ไม่มีซอมบี้ตัวไหนเคยลิ้มลองมาก่อนถึงกับอึ้ง เมื่อร่างของคาโอรินถึงพื้น เธอเหวี่ยงผมลงจากบ่า ใบหน้าของนิวดูประหลาดใจเมื่อได้เห็นคาโอริน
“ผู้หญิงอะไรวะเนี่ย แกร่งเกินไปแล้ว” ผมครวญ
“นี่นิวมาอยู่ที่นี่ได้ยังไงเนี่ย” คาโอรินถาม
“กะ…ก็ไม่อยากถูกพวกซอมบี้ฆ่าก็ต้องดิ้นรนเอาตัวรอดเป็นเรื่องธรรมดา” นิวตอบ “ว่าแต่เธอแหละ มาอยู่นี่ได้ยังไง”
“พอ ๆ ไม่ต้องมาถามอะไรมากมาย ตอนนี้เอาชีวิตให้รอดก่อนดีมั้ย!?” ผมไม่รู้นะว่าสองคนนั้นเคยมีความสัมพันธ์อะไรมาก่อน ถึงได้พูดจาเหมือนเคยสนิทสนมกันมาก่อน แต่ตอนนี้มันใช่เวลาที่ต้องมาตอบคำถามนี้กันแล้ว ผมคว้ากระบองของตัวเองที่ตกอยู่ที่พื้นแล้วลากทั้งสองคนออกจากพื้นที่บริเวณนั้น
“เราต้องไปที่ตึกจอดรถก่อน ถ้าขับรถออกไปได้เราก็จะมีโอกาสรอดชีวิตได้มากขึ้น” นิวบอก
“นายมีกุญแจรถใช่มั้ย” ผมถาม
“ชั้นเสียบคาไว้บนรถตลอดเวลา ไม่มีทางที่จะไม่หาย” เขาพูด
“แบบนั้นยิ่งโดนขโมยเข้าไปใหญ่เลยไม่ใช่เหรอ!?”
“ก็ไม่เคยโดนขโมยสักครั้งเลยนี่”
พวกเราวิ่งไปตามทางเดินที่ทอดยาวไปถึงตึกเรียนต่าง ๆ ในระหว่างทางนั้นก็เจอซอมบี้หลายตัว ตัวไหนที่สามารถหลบได้ ผมจะหลบแล้วให้นิวจัดการ ส่วนตัวไหนที่ผมจัดการได้ ผมก็ลงมือ ณ ตอนนั้นเลย ส่วนผู้หญิงที่ผมข้างหลัง เหมือนจะชื่อคาโอริน หรืออะไรสักอย่าง เพราะผมเคยเจอเธออยู่ไม่กี่ครั้งที่มหาวิทยาลัย แถมยังเป็นรุ่นพี่ของผมอีกด้วย เธอวิ่งตามพวกเราติด ๆ แต่ดูเหมือนว่าเธอจะวิ่งมาอยู่ฝั่งผมมากกว่าที่จะไปอยู่ฝั่งนิว เรื่องนี้ผมไม่เข้าใจ หรือจะเป็นเพราะว่าเธอไม่ได้รู้จักนิวมาก่อนเลยไม่ค่อยไว้ใจเท่าไหร่ แต่ผมที่ถูกเธอแบกและยังถูกเหวี่ยงลงพื้นก็คงไว้ใจได้สักส่วนนึงล่ะมั้ง
เมื่อถึงตึกจอดรถ นิวเพิ่มความเร็วที่ฝีเท้าของตัวเองแล้ววิ่งขึ้นบันไดไปแทนที่จะใช้ลิฟต์
“นายจอดไว้ชั้นไหน?” ผมถาม
“ชั้นสองนี้เอง”
“นายใช้เส้นสายยังไงถึงสามารถจอดรถไว้ชั้นสองได้กันล่ะเนี่ย” ที่ผมพูดแบบนี้เป็นเพราะว่าผมเคยขับรถมาจอดที่ตึกนี้มาก่อน และตึกจอดรถนี้สูงสุดอยู่ที่ชั้นที่สิบ การที่เราจะมาจอดที่ชั้นสองนี้แทบจะเป็นไปไม่ได้นอกจากว่าจะมาเช้าจริง ๆ ผมว่านิวคงจะต้องมาถึงเช้ามาก ๆ ถึงจะได้จอดเพียงชั้นสอง ส่วนชั้นหนึ่งนี่ยิ่งเป็นไปไม่ได้ใหญ่ เพราะมันเป็นของคณะอาจารย์ฝ่ายบริหารเท่านั้นถึงจะจอดได้
“ชั้นไม่มีเส้นสายอะไรทั้งนั้นเว่ย!” เขาชะโงกหน้ามาแล้วพูด “ทุกอย่างที่ชั้นได้มานั้นไม่เคยได้มาจากเส้นสายของชั้นเลยแม้แต่ครั้งเดียว”
ดูท่าเขาจะเกลียดการใช้เส้นสายเข้าไส้เลยแฮะ ไม่งั้นเขาคงไม่พูดถึงขนาดนี้หรอก
ผมกับคาโอรินวิ่งขึ้นวิ่งขึ้นบันไดไป
“เดี๋ยวนาย นายชื่ออะไร” คาโอรินถาม “ฉันชื่อคาโอริน”
“เอ็น” ผมตอบ “ยินดีที่ได้รู้จักนะ แต่เดี๋ยวค่อยคุยกันต่อบนรถ”
เมื่อถึงรถของนิว ผมไม่เห็นเขาขึ้นไปนั่งบนรถและสตาร์ตเครื่องยนต์พร้อมออกไปจากที่นี่เมื่อสมาชิกครบทีม แต่กลับเห็นเขายืนเผชิญหน้ากับกลุ่มผู้ชายจำนวนห้าคน แต่ละคนมีไม้เบสบอลเป็นอาวุธประจำกาย แต่งตัวนักศึกษาแต่ใส่หมวกคลุมหน้าเหลือแต่เพียงดวงตาที่โผล่พ้นมาให้เห็น ผมหยุดอยู่ตรงหัวบันไดเพื่อวิเคราะห์สถานการณ์ เท่าที่ผมเห็นในตอนนี้ก็คือนิวกำลังเผชิญหน้ากับโจทย์เก่าของเขาอยู่ที่เคยมีเรื่องกันเมื่อนานมาแล้ว แต่เขาเป็นคนที่ไม่ค่อยมีเรื่องกับใคร จะไปมีศัตรูที่ไหนกัน
“ว่าไงไอ้นิว ทำอะไรหายงั้นเหรอ?” ชายร่างใหญ่ที่ยืนอยู่ตรงกลางถามด้วยน้ำเสียงที่กวนประสาท นิวไม่ตอบ ซึ่งเขาก็รู้ปฏิกิริยาของนิวดี จึงชูกุญแจรถของนิวขึ้นมาพร้อมกับมองมันเสมือนเพชรที่เพิ่งถูกขุดออกมาจากโคลนตม ให้ตายสิ เขาโดนขโมยกุญแจรถงั้นเหรอ มันจะโทษใครไม่ได้นอกจากจะต้องโทษตัวเองที่สะเพร่าได้ถึงขนาดนี้ ผมยืนมองสถานการณ์ได้สักครู่ก่อนที่จะเข้าไปยืนข้าง ๆ
“โฮ่! เดี๋ยวนี้แกมีเพื่อนแล้วเหรอ?” มันพูดออกมาด้วยความแปลกใจและเยาะเย้ย “คนที่โลกส่วนตัวสูงอย่างแกมีเพื่อนกับเขาด้วยเหรอวะ? อะ! ไหน ๆ ก็จะตายกันหมดอยู่แล้ว ก็ตายเฉพาะแค่พวกแกเลยละกัน”
ผมจำได้แล้ว! พวกนี้เป็นนักเลงที่ชอบปลอมตัวมาเป็นนักศึกษาของมหาวิทยาลัยผมและคอยหลอกหาผู้หญิงไปฟันแล้วทิ้ง ส่วนผู้ชาย ถ้าไม่จับไปเป็นทาสรับใช้ก็จะกลายเป็นกระเป๋าเงินให้มันแทน แม้จะไม่ใช่แก๊งใหญ่อะไร แต่โดยเฉพาะหัวหน้าหนุ่มที่กำลังยืนเผชิญหน้าอยู่นี้ชื่อ ‘กันต์’ พ่อเป็นถึงนายกรัฐมนตรี ที่ไม่ว่าใครก็ไม่สามารถแตะต้องตัวเขาคนนี้ได้ นี่จึงเป็นสาเหตุที่เขายิ่งใหญ่ที่สุดในมหาวิทยาลัย เพราะถูกเลี้ยงมาโดยมีพ่อของตัวเองหนุนหลังมาอยู่ตลอด ผมจำข่าวนึงได้เมื่อสองสามวันที่ผ่านมา เมื่อนายกชนะการเลือกตั้ง เขาได้ประกาศว่าเขาจะแต่งตั้งลูกชายของเขาเป็นนายกคนต่อไปหากหมดวาระ นั่นกลายเป็นข่าวดังเพียงชั่วข้ามคืน
แต่วันนี้มันไม่มีอีกแล้ว ไม่ว่าจะเป็นนายกหรือผู้มีอิทธิพลทั้งหลายที่คิดว่าตัวเองเป็นใหญ่ในประเทศ พอโลกของเราถึงคราวกลียุค คนพวกนี้ก็ไม่ต่างจากก้อนอาหารชุ่มเลือดอันโอชะที่ให้ซอมบี้มันไล่ล่าเพื่อความสนุกก่อนที่จะกัดกินอย่างเอร็ดอร่อย มนุษย์เรานี่ก็แปลก บางคนเชื่อว่าผีน่ากลัวกว่าคน เพราะมันสามารถหลอกคนและทำอะไรที่มันเหนือธรรมชาติได้ แต่หารู้ไม่ว่าบางทีมนุษย์ด้วยกันเองนี่แหละเป็นสัตว์ที่เดินสองขาที่น่ากลัวที่สุดบนโลกใบนี้ แม้ว่าพวกซอมบี้จะน่ากลัวก็จริง แต่ยังไงความน่ากลัวอันเป็นที่หนึ่งมันก็ตกเป็นของมนุษย์ธรรมดาตามเคย พวกเราวิ่งหนีอย่างหวาดกลัวจากพวกซอมบี้ แต่ก็ไม่น่ากลัวเท่ามายืนประจันหน้ากับมนุษย์ที่ไม่รู้ว่าอีกฝ่ายกำลังจะทำอะไร ผมมองว่าตามจิตวิทยา คนเราจะกลัวในสิ่งที่เราไม่รู้ ซึ่งมันก็จริง แต่กับพวกซอมบี้ เรารู้ว่ามันจะเข้ามากัดกินเรา และเราไม่อยากโดนมันกัดเพราะหากโดนกัดก็จะตาย ถึงกลัวและวิ่งหนีไปให้ไกล
ผมไม่ได้ขยับตัวเข้าใกล้มากเพราะเกรงว่าจะเป็นตัวถ่วงให้นิวมากกว่า แต่น่าเสียดายที่พวกผมถูกจับได้ทันที ซึ่งมันทำให้ผมคิดว่า ‘แค่ยืนแอบอยู่เฉย ๆ มันเป็นความคิดที่ดีที่สุด’ แต่ในความจริงนั้น มันเป็นความคิดที่แย่พอ ๆ กับพุ่งออกไปเผชิญหน้ากับพวกมันโดยที่เบื้องหน้าไม่ได้มีความหวาดกลัว
“เดี๋ยวนี้มีเพื่อนมาสมทบด้วยงั้นเหรอ?” กันต์พูดอย่างเหยียดหยาม “แกโซโล่มาตลอดเลยนี่ แล้วทำไมตอนนี้ถึงเข้าหาพวกแล้วล่ะ หืม?”
นิวไม่ตอบ ท่าทางของเขาเหมือนทำท่าจะยอมแพ้
ผมไม่ได้รู้จักเขาถึงขนาดว่าท่าทางของเขากำลังจะทำอะไร แต่รู้สึกสังหรณ์ใจว่าจะเกิดอะไรบางอย่างขึ้น
จู่ ๆ ก็มีซอมบี้วิ่งขึ้นมาทางบันได! มันกำลังพุ่งเข้ามาหาผมอย่างรวดเร็วโดยที่ไม่ให้พวกผมได้ตั้งตัว
อีกนิดเดียว…
อีกนิดเดียว เล็บของมันกำลังจะได้ลิ้มลองเลือดของผมแล้ว!!!!
__________________________________________________
To Be Continue Ep.7