"พลังที่ผมได้มานั้น...มันคือพรหรือคำสาปกันแน่นะ...? แล้วผมจะใช้พลังนี้แก้ไขประเทศที่ล่มสลายนี้จะกลับเหมือนเดิมได้อย่างไร...?"
แอคชั่น,ชาย-หญิง,สะท้อนปัญหาสังคม,ไทย,เลือดสาด,พล็อตสร้างกระแส,ดราม่า,สยองขวัญ,ผี,ผจญภัย,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
Undead War สงครามคนเป็น"พลังที่ผมได้มานั้น...มันคือพรหรือคำสาปกันแน่นะ...? แล้วผมจะใช้พลังนี้แก้ไขประเทศที่ล่มสลายนี้จะกลับเหมือนเดิมได้อย่างไร...?"
โรคระบาดยังคงอยู่รอบๆ ตัวเรา ไม่ได้หายไปไหน หมอทุกคนตายกันไปหมดแล้ว ความหวังดับวูบจนไม่เหลือแม้แต่แสงสุดท้าย ราวกับว่าตัวเองกำลังเดินอยู่ในอุโมงค์ไร้แสงสว่างและไร้สิ้นสุด พวกซอมบี้ต่างคอยจะได้กัดกินเนื้อมนุษย์อย่างกับเครื่องจักรที่ไม่มีวันเหนื่อย ไม่ว่าจะมองไปทางไหน ก็มีแต่พวกมันอยู่เต็มไปหมด
แต่ความหวังก็ยังไม่หมดไป เมื่อผมสามารถเอาชนะเชื้อไวรัสตัวนี้ได้ ทำให้ร่างกายของผมเกิดกลายพันธุ์และสามารถแปลงกายเป็นซอมบี้ได้ตลอดเวลา นั่นทำให้ผมวิวัฒนาการไปอีกขั้นเพื่อที่จะช่วยเหลือมวลมนุษยชาติได้
สยามสแควร์ยามค่ำคืนเวลาสี่ทุ่มนี้โดยปกติแล้วก็ยังมีวัยรุ่นเดินกันให้วุ่นไปหมด แต่ตอนนี้มันกลับร้างผู้คน รวมถึงพวกซอมบี้อีกด้วย สถานที่แห่งนี้เต็มไปด้วยกลิ่นคาวเลือดที่ลอยคลุ้งอยู่บนอากาศ ไม่มีแสงสว่างอยู่รอบ ๆ บริเวณ มีแต่เพียงแสงจากตะเกียงที่ไปเจออยู่ตามร้านขายของในสยามสแควร์ซึ่งสามารถใช้น้ำมันก๊าดในการจุดตะเกียงเพื่อให้แสงสว่าง เราเอามันมาหลายตะเกียงและจุดวางไว้รอบ ๆ ตัวเราเพื่อให้ทัศนะการมองเห็นของพวกเรากว้างขึ้นไปอีก อีกทั้งยังสามารถป้องกันไม่ให้พวกมันเข้ามาได้ใกล้มากกว่าเดิมอีกด้วย เราได้ไอเดียในการใช้มีดหรือดาบฆ่ามันเพื่อให้เกิดเสียงน้อยที่สุด จะใช้ปืนเมื่อจวนตัวจริง ๆ หรือใช้ฆ่ามนุษย์
ในความเป็นจริงผมไม่คิดอยากจะฆ่ามนุษย์ด้วยกันเลยแม้แต่นิดเดียว ส่วนแผลที่โดนพวกมันข่วนเริ่มแสดงอาการปวดอีกแล้ว แถมมันยังปรากฏเส้นเลือดสีดำบาง ๆ ขึ้นมาจากใต้ผิวหนังที่ดูแล้วน่าสยดสยองเหลือเกิน ด้วยความที่ไม่อยากให้นิวและกิ๊บรู้แม้กระทั่งโดนข่วน เพราะไม่อยากให้ให้แตกตื่น ถ้าผมกลายเป็นซอมบี้ขึ้นมา ผมจะต้องมีสติพอที่จะเอาปืนมาเป่าสมองตัวเองทันทีอย่างไม่ลังเล พวกเราทั้งหมดถืออาวุธประจำกายของตัวเองครบครัน กิ๊บมีปืนกลหนักหนึ่งกระบอก กระสุนสำรองกว่าสิบแม็กอยู่ที่เข็มขัดหนังสีดำสองเส้นซึ่งคาดไขว้กันเป็นตัวเอ็กซ์อยู่ที่เอวอันผอมบางของเธอและยังมีปืนพกที่อยู่ในชองใส่กระบอกปืนพกที่คาดไว้ที่เข็มขัดเส้นที่สองและเส้นที่หนึ่งของเธอ เรียกไว้ว่าเธอพร้อมฆ่าทุกคนที่ขวางหน้า นิวถือปืนลูกซองที่สามารถยิงได้หกนัดติดต่อกันรวด พร้อมกระสุนหลายนัดที่อยู่ในกระเป๋าใส่กระสุนที่คาดอยู่กับเข็มขัดของเขา อีกทั้งมีปืนสั้นใบมีดสีดำซึ่งเป็นหนึ่งในของสะสมของเขาเหน็บไว้กับเข็มขัดเป็นแนวนอนด้านหลัง เมื่อสูญเสียอาวุธระยะไกล เขาจะสามารถชักมันออกมาจัดการศัตรูได้ง่ายดาย ส่วนผมมีปืนเอ็มสิบหกหนึ่งกระบอก ปืนพกหนึ่งกระบอกที่เหน็บไว้กับชองปืนที่เข็มขัดพร้อมแม็กกระสุนห้าแม็ก ด้านหลังผมคาดดาบคาตะนะไว้สองเล่มไขว้กันเป็นตัวเอ็กซ์และยังมีมีดสั้นมองเล่มที่คาดไว้กับซองใส่มีดที่ต้นขา เรียกได้ว่าพวกเราสามคนนั้นอาวุธครบมือ
ลมเย็น ๆ พัดผ่านพวกเราเบา ๆ ซึ่งตอนนี้เราเข้าสู่โหมดระวังตัวแบบที่สุด ผมไม่รู้ว่าพวกมันจะมาไม้ไหน แต่การที่พวกมันจ้องซุ่มยิงพวกเรามันคงจะไม่สวยเท่าไหร่ แต่ไม่เป็นไร เพราะตอนนี้เราให้ฟางมาเป็นหน่วยซุ่มยิงให้กับเรา แม้ว่าเธอจะไม่มีประสบการณ์ในการยิงปืนเลยแม้แต่น้อย แต่ด้วยความที่คนของเรามีไม่กี่คน ไม่ว่าจะยังไงก็ตาม เราจะต้องระมัดระวังตัวให้ก่อนและขู่มันด้วยว่า ‘เรามีพลซุ่มยิงอยู่แถวนี้ ถ้าไม่อยากโดนเป่าหัวสมองกระจุยก็คืนเพื่อนกูมาซะดี ๆ แล้วทางใครทางมัน’ กิ๊บสอนการใช้ปืนไรเฟิลซุ่มยิงเบื้องต้นให้เผื่อเกิดสถานการณ์ที่ไม่คาดคิดและผมก็หวังว่าเธอจะสามารถยิงมนุษย์ด้วยกันได้นะ เชื่อเถอะ เมื่อเธอเห็นสภาพของโลกปัจจุบันที่เป็นอยู่แล้วเธอแทบจะช็อกไปเลยทีเดียว เหงื่อของผมไหลลงมาตามใบหน้าหลายแม็กจนต้องยกมือขึ้นมาปาดเหงื่อทั้ง ๆ ที่อากาศนั้นไม่ได้ร้อนเลยแม้แต่นิดเดียว แถมผมก็ไม่ได้อ่อนแอขนาดที่ว่าแค่ยืนเฉย ๆ ก็เหงื่อไหลได้เลย แต่เป็นเพราะตอนนี้ผมคงอ่อนแอลงและกำลังจะกลายร่างหรือเปล่า…?
ในระหว่างที่รอ ก็มีซอมบี้บางตัวเข้ามาในเขตแสงสว่าง ก็เป็นหน้าที่ของผมก็ใช้ดาบฟันหัวของพวกมันขาดครึ่ง รู้สึกได้เลยว่าการตวัดดาบของผมรวดเร็วขึ้น แม้ว่าจะลองผ่อนแรงแล้วก็ตาม เรี่ยวแรงมันมาจากไหนกัน ไม่ใช่เป็นเพราะอะดรีนาลีนแล้วมันเป็นเพราะอะไรกันแน่ เพราะพื้นฐานผมไม่ได้เป็นคนที่แข็งแรงอยู่แล้ว แต่ดาบธรรมดาเล่มเดียวจะเหวี่ยงตวัดออกไปก็ต้องใช้แรงแทบหมด
แบบนี้มันไม่ปกติแล้ว…
“ตอนนี้กี่โมงแล้ว?” นิวพูดขึ้นทำลายความเงียบลง
“จะสี่ทุ่มแล้ว” กิ๊บตอบพลางมองนาฬิกาในโทรศัพท์มือถือสมาร์ตโฟน
ก่อนที่จะรีบปิดหน้าจอและยัดลงไปในกระเป๋ากางเกงที่รัดรูปเผยให้เห็นส่วนเว้าส่วนโค้งของเธอชัดเห็น
“ไม่เห็นวี่แววของพวกมันเลยสินะ” ผมถอนหายใจ
“ใจเย็น ๆ น่าเอ็น” นิวพูดเป็นเชิงห้ามด้วยน้ำเสียงเรียบ ๆ “ยังไม่
สี่ทุ่มเลย อย่าเพิ่งด่วนสรุปดีกว่านะ”
ผมพยักหน้าเบา ๆ อย่างเซ็ง ๆ
ให้ตายสิ ขอให้เรื่องมันจบ ๆ ไปจะดีที่สุด
“ฉันไม่คิดเลยว่าเรื่องแบบนี้จะเกิดขึ้น” ผมพูดขึ้นโดยไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ย
“คิดอย่างนั้นเหมือนกัน นัทไม่น่า…” จู่ ๆ ก็ได้ยินเสียงฝีเท้าของคนหลายคนใกล้เข้ามา ซึ่งเสียงนั่นผมเป็นคนได้ยินเสียงนั่นเป็นคนแรก จึงกำปืนในมือแน่นและหันไปยังทิศทางต้นเสียงทันที คนอื่นที่เห็นคนก็ทำตามอย่างไร้คำถาม เพราะคำถามนั้นค่อยถามทีหลัง ตอนนี้เราต้องระแวงและไม่ไว้ใจอะไรสักอย่างนอกจากพวกพ้องของตัวเอง ใช่…ผมได้ยินเสียงฝีเท้าที่กระทบกับพื้นคอนกรีตจริง ๆ พวกมันกำลังเดินเข้ามาหาพวกเราด้วยความเร็วคงที่ ให้ตายสิ มันเกิดอะไรขึ้นกับผมกันแน่ ถ้าเงี่ยหูฟังให้ดี แม้กระทั่งเสียงลมหายใจของพวกมันผมก็ยังได้ยินชัดสองหู!
“พวกมันงั้นเหรอ?” กิ๊บปลดล็อกเซฟตี้ปืนของตัวเอง
“ใช่…” ล่ะมั้ง…
เพียงไม่กี่อึดใจเท่านั้นก็ปรากฏกลุ่มคนจำนวนประมาณสิบคนพร้อมกับอาวุธจับฉ่าย ไม่ว่าจะเป็นปืนพก ซึ่งดูยังไงก็เป็นปืนเถื่อน มีดทำครัว ปืนอูซี่ (ไอ้คนที่ถือมันดูท่าจะเป็นหัวหน้า เพราะมันยืนอยู่หน้ากลุ่ม) มีดสั้นของทหาร ไม้เบสบอล ท่อนไม้คมแฝก และมีดดาบมาเชเต้ ซึ่งถ้าเทียบกับอาวุธที่พวกเรามี มันต่างกันราวกับฟ้าเหว เพียงเราเปิดยิงกระหน่ำพวกมัน เราสามารถชนะศึกนี้ได้ในเวลาไม่ถึงห้าวินาที แต่มันดันเอานัทที่ร่างกายสะบัดสะบอมมัดกางแขนไว้กับไม้กางเขนที่เอามาจากโบสถ์ใกล้ ๆ เลือดที่ไหลออกมาตามบาดแผลที่เกิดจากพวกมันซ้อมเขาจนหมดสภาพ ตอนนี้ดูเหมือนว่าจะหมดสติอยู่และถัดจากเขาก็มีเหยื่ออีกคนที่ถูกมัดไว้กับไม้กางเขนเช่นเดียวกับนัท แต่ร่างกายสะบัดสะบอมมากกว่าและดูเหมือนว่าเขากำลังจะตายในไม่ช้านี้แล้ว ดูดี ๆ เธอเป็นผู้หญิงผมสีทองยาวปิดใบหน้า เราไม่สามารถยิงได้เพราะมีโล่มนุษย์อยู่ถึงสองโล่ แต่ผมเห็นอาวุธของพวกมันแล้วรู้ได้ทันทีเลยว่าพวกมันไม่สามารถจัดการพวกเราได้อย่างแน่นอน
พวกมันเดินมาหยุดอยู่ตรงข้ามกับพวกเรา เสียงลมหายใจของเหยื่อทั้งสองนั้นรวยรินที่สุด เมื่อสังเกตหน้าตาของพวกมันแต่ละคนดูเหมือนว่าพวกมันจะเป็นนักเลงสยามที่ออกข่าวเมื่อไม่นานมานี้ พวกมันเป็นนักเลงกลุ่มใหญ่ที่คอยป่วนชาวบ้านแถบสยามนี่เป็นประจำ สมาชิกส่วนใหญ่จะเป็นเด็กกระโปกไปยังเด็กมหาวิทยาลัยปีหกที่รักสถาบันจัดจนเรียนยังไงก็ไม่ยอมจบเสียที ตอนนี้พวกมันมากันสิบคนซึ่งน้อยมาก ๆ หากเปรียบกับทั้งหมดที่ผมเคยเห็นในขณะที่เดินที่สยามสแควร์แห่งนี้เมื่อสองสามวันที่ผ่านมา
“ว่าไงพวก” คนที่ถือปืนอูซี่ทักทายด้วยการยกมือไหวแต่ไม่ก้มหัวอย่างกวนตีน ผมรู้ว่ามันกำลังจะปั่นประสาทพวกเราอยู่ แต่ผมภาวนาไม่ให้กิ๊บระเบิดลงละกัน ไม่งั้นเธอเป่าหัวพวกนั้นหมดก่อนที่จะได้พูดอย่างแน่นอน
“กูชื่อ ‘ไรท์’ เป็นหัวหน้าแก๊งนักเลงสยามที่กำลังโด่งดังในโซเซียลเน็ตเวิร์กช่วงนี้” มันยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์และชี้ปืนอูซี่มาทางพวกเรา “พวกมึงก็คงจะรู้จักพวกกูแล้วล่ะมั้ง เพราะพวกกูโด่งดังซะขนาดนั้น ถ้าจะให้ไปออกทีวีก็คงยากหน่อย ยังมีสาว ๆ ทั่วสยามต้องการจะไปกับพวกกูอยู่ โดยเฉพาะกู ฮ่า ฮ่า ฮ่า!!”
“กิ๊บ มึงใจเย็น ๆ ไว้นะเว่ย” ผมกระซิบ เพราะรู้ว่าเธอเริ่มโกรธเป็นฟืนเป็นไฟไปแล้ว “เราจะต้องเจรจากับพวกมันอย่างสันติที่สุด ไม่ใช่ว่าเราสู้พวกมันไม่ไหว แต่เราไม่ได้มาที่นี่เพื่อนองเลือดพวกมัน”
“กูจะฆ่าพวกมัน” เธอพูดอย่างโกรธแค้นและกัดฟัน น้ำตาของเธอไหลลงมาตามใบหน้าที่เรียวสวยทำให้รู้ว่าไฟของเธอกำลังปะทุแล้ว “มันบังอาจทำกับผัวกูแบบนี้กูยอมไม่ได้”
“กูรู้และเข้าใจนะเว่ย” ผมพยายามเอาน้ำเย็นเข้าลูบ ผมจับไหล่เธอและบีบแน่น ผมรู้ว่าผมไม่ได้สนิทกับเธอจนถึงขนาดแตะเนื้อต้องตัวได้ แต่ตอนนี้ผมต้องรั้งเธอไว้ก่อน “กูจะช่วยมึงฆ่าพวกมันก็ได้ แต่ขอให้พวกมันคืนนัทมาก่อน หลังจากนั้นมึงจะล้างบางพวกมันได้ไม่ต้องกลัวผิดเลย”
ลมหายใจของเธอจากฟุดฟิดไม่ต่างจากวัวกระทิง ตอนนี้เริ่มเบาลงอย่างเห็นได้ชัด ไฟของเธอเริ่มอ่อนลงซึ่งนั่นเป็นสัญญาณที่ดี เธอพยักหน้าเบา ๆ เป็นเชิงเข้าใจ
“ขอให้มันจริง” เธอพูดออกมาเป็นเสียงต่ำ
“พวกมึงคงจะเอาเครื่องบรรณาการมาให้พวกเราแล้วสินะ” ไรท์เริ่มต้นพวกเข้าประเด็น “ดูจากสัมภาระที่อยู่ข้างหลังของพวกมึงแล้วรู้สึกได้กลิ่นดินปืนและกลิ่นอาหารมากมายอยู่ในกระเป๋าทั้งสองใบใหญ่นั่น”
มันเป็นการสันนิษฐานได้มั่วที่สุดเท่าที่ได้ยินมาเลยทีเดียว คนบ้าอะไรจะได้กลิ่นไกลถึงห้าเมตรกันเล่า
“กูเอามาให้พวกมึงครบแล้ว ปล่อยตัวประกันออกมาด้วย” นิวพูดด้วยน้ำเสียงที่ดูแข็งแรง
“ได้! แต่กูเห็นว่าพวกมึงถืออาวุธครบมือกันมาแบบนี้ กูก็กลัวเป็นเหมือนกันนะ เผื่อกูอาจจะพูดอะไรกวนตีน ๆ พวกมึงออกไปแล้วทำให้พวกมึงคนใดคนหนึ่งไม่พอใจขึ้นมาอาจจะทำให้คนใดคนหนึ่งของพวกมึงเกิดไม่ชอบหน้ากูขึ้นมาแล้วเป่าหัวกูกระจุยขึ้นมาจะทำยังไง” มันยิ้มและเบิกตา จากนั้นก็ยิ้มเห็นฟันออกมาอย่างกวนส้นตีนสุด ๆ แต่ดูจากสภาพการแต่งตัวของมันไม่ต่างจากเด็กแว้นธรรมดาที่เกิดมารกโลกเท่านั้นเอง ในข้อมือข้างขวาของมันใส่นาฬิกาจีช็อกอยู่ ซึ่งผมเห็นแล้วรู้สึกหงุดหงิดชอบกล
“กูอยากให้หนึ่งในพวกมึงเดินเข้ามาหากูเพื่อยื่นหมูยื่นแมว” มันพูดด้วยน้ำเสียงที่จริงจัง แตกต่างจากเมื่อกี้โดยสิ้นเชิง “แต่กูไม่อยากให้มึงมา” ซึ่งมันชี้ไปที่นิว และมันก็ชี้มาที่ผมเช่นกัน แต่มันไม่ได้ชี้ไปที่ ‘กิ๊บ’!!
“กูไม่อยากยื่นหมูยื่นแมวกับตัวผู้” มันแสยะยิ้มอย่างหื่นกระหาย “แต่ถ้าเป็นน้องคนนั้นกูยินดีเลยจ้ะ นางฟ้าหรือเปล่าคะเนี่ย?”
“แบบนี้มันขี้โกงนี่หว่า!!” นิวตะคอกอย่างเหลืออด “กูก็เอาของที่พวกมึงต้องการมาแล้ว มึงยังจะเอาอีกอย่างนั้นเหรอ!!?”
“แบบนี้ก็แย่น่ะสิ” มันพูดอย่างผิดหวัง แม้ว่าลึก ๆ แล้วมันไม่ได้รู้สึกอย่างนั้นเลยแม้แต่น้อย “พวกเราอุตส่าห์เดินไกลตั้งหนึ่งกิโลเมตรเพื่อมาเจรจาธุรกิจกับพวกคุณมึงเลยนะครับ”
ผมเกลียดคำพูดแบบนี้ที่สุด…
“ถ้าเข้าใจแล้วให้เธอวางปืนทุกกระบอกลงกับพื้นให้หมด อย่าให้จับได้นะว่ามีปืนอยู่กับตัว และก็อย่าทำอะไรที่ทำให้พวกพี่ตื่นเต้นนะจ๊ะ เดี๋ยวปืนพี่ลั่น” มันพูดเป็นเชิงเต๊าะใส่กิ๊บที่กำลังโมโห
ให้ตายสิ แกว่งเท้าหาเสี้ยนจริง ๆ
“เร็ว ๆ สิ พวกกูไม่มีเวลามากนะเว่ย!” ไรท์ถุยน้ำลายไปด้านข้างอย่างหมดความอดทน
กิ๊บลังเลอยู่พักนึง จากนั้นเธอก็ปลดอาวุธปืนทั้งหมดออกจากร่างกายของเธอ กิ๊บหยิบกระเป๋าทั้งสองที่เต็มไปด้วยอาวุธปืนและอาหารไปหาพวกมัน ด้วยความโทสะของกิ๊บที่มีและอะดรีนาลีนที่สูบฉีดได้ที่แล้วทำให้พละกำลังของเธอนั้นเพิ่มขึ้นจนสามารถยกของที่หนักกว่าน้ำหนักของตัวเองได้อย่างสบายแม้ว่าจะหนักเกินไปเล็กน้อยสำหรับผู้หญิงคนหนึ่งก็ตาม
พวกมันเห็นดังนั้นก็ยิ้มด้วยความหื่นกาม ราวกับว่าเป็นเสือที่จ้องจะขย้ำกระต่ายแต่กลับไม่รู้เลยว่า พวกมันเป็นเพียงหมาที่ให้หมาป่าที่กำลังโกรธเข้าไปขย้ำแทนมากกว่า!!
พวกมันกลับไม่เดินเข้ามา แบบนี้มันไม่เรียกยื่นหมูยื่นแมวแล้ว…ผมกระชับปืนเอ็มสิบหกของตัวเองให้พร้อมสำหรับการถีบลูกตะกั่วออกไปทันที หากเกิดเรื่องที่มันคาดฝันขึ้นและดูท่านิวก็จะรู้เรื่องนี้อยู่แล้วจึงยืนนิ่ง ๆ ให้ตายสิ ผมอ่านใจเขาไม่ออกเลยว่าเข้าจะทำอะไรต่อไปกันแน่
“แหม ๆ มาส่งถึงที่เลยนะจ๊ะ” คนที่ถือไม้เบสบอลพูดใส่หญิงสาวที่กำลังมองพื้นอยู่ เธอวางกระเป๋าไว้ข้างหน้าพวกมันแรง ๆ ทำให้ไรท์นึกสนุกอยากเล่นสนุกกับหญิงสาวที่มีใบหน้าสวย ๆ คนนี้มากขึ้น เพราะตอนนี้พวกเราติดกับดักมันเสียแล้ว และผมหวังว่านิวคงจะทำอะไรสักอย่างกับสถานการณ์แบบนี้ เพราะในระยะห้าเมตรกับปืนที่เพิ่งเคยจับ คงจะยิงให้โดนจุดตายพวกมันคงจะทำได้ยากยิ่ง ไรท์เดินผ่านกระเป๋าเครื่องบรรณาการไปหากิ๊บและจับใบหน้าของเธอ เมื่อกิ๊บสะบัดใบหน้าของตัวเองออกมาจากมือ ดูเหมือนจะเป็นการยั่วโทสะให้กับอีกฝ่าย จึงถูกไรท์ตบฉาดเข้าไปที่ใบหน้าที่ขาวไร้ริ้วรอยนั้นจนเกิดรอยแดงทันที แรงตบนั้นทำให้ใบหน้าของเธอหันไปเกือบถึงด้านหลัง
ในขณะนั้นดูเหมือนว่านัทจะฟื้นแล้วและเห็นแฟนของตัวเองโดนตบก็เริ่มคลั่ง เขาพยายามดิ้นอย่างหนักเพื่อให้ตัวเองหลุดจากพันธนาการพวกนี้เสียที แต่ตอนนี้แผลที่ข้อมือของนัทเริ่มเปิด เนื่องจากเชือกที่พวกมันมัดเป็นเชือกกระสอบที่มีความขรุขระ ถ้าถูกมัดและดิ้นมากเท่าไหร่ เชือกก็จะเริ่มบาดมากขึ้นเท่านั้น
“ปล่อยเมียกูไปนะเว่ย!” นัทพยายามตะคอกออกมา
ไรท์มองไปที่นักโทษอย่างมีคำถามสลับกับมองหญิงสาวที่ตัวเองเพิ่งทำร้ายไปหยก ๆ
จากนั้นเขาก็รู้
“เข้าใจละ พวกมึงสองคนเป็นผัวเมียกันนี่เอง” มันแสยะยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์ ใบหน้าของมันบงบอกได้ถึงชัยชนะที่มันกำลังภูมิใจ “แต่งงานกันหรือยังล่ะ หื้ม?”
“อย่าทำอะไรเมียกูนะเว่ย!!” นัทตะคอกอีก แต่ก็ไม่ได้ทำให้ไรท์สะเทือนแม้แต่น้อย
“เงียบสิวะ!” ลูกน้องของไรท์ที่ถือไม้เบสบอลจิ้มอาวุธของตัวเองไปที่ปากของนัทอย่างแรงจนแผลที่ปากเปิด กิ๊บที่เห็นสภาพนั้นก็ถึงกับพูดไม่ออก
ไรท์กระชากเส้นผมของกิ๊บให้หงายหน้าขึ้นมา ซึ่งเธอก็พยายามขัดขืนอย่างเต็มที่ เมื่อผมกับนิวเห็นดังนั้นจึงยกปืนขึ้นมาเล็งไปที่หัวของสารเลวคนนั้นทันที ชี้ของพวกเราอยู่ที่ไกปืนพร้อมยิงทันทีเพียงกดนิ้วลงไปเต็มเหนี่ยว แต่ไม่สามารถทำแบบนั้นเพราะไอ้สารเลวนั่นได้เอาตัวของกิ๊บไปป้องตัวเองต่างโล่และยังเอาปืนอูซี่จ่อที่ขมับของกิ๊บอีกด้วย ส่วนนัทก็ยังคงสะบัดสะบอมและสูญเสียเรี่ยวแรงไปเยอะจึงทำได้แต่ดิ้นบนไม้กางเขนเท่านั้น
“ไอ้สัตว์!!” นัทแหกปากพร้อมกับน้ำตาที่กำลังไหลย้อยอาบแก้ม
“กูอยากจะเพิ่มอีกหนึ่งข้อในสัญญาของเราว่ะ” ไรท์พูดและกดปลายกระบอกปืนเย็น ๆ ไปที่แก้มของกิ๊บหนักขึ้น “กูอยากจะเอาผู้หญิงคนนี้ไปกับเราด้วย หวังว่าจะเอาไปเป็นนางบำเรอน่ะ หน้าตาน่ารักขนาดนี้ ผู้ชายกลุ่มเราคงจะชอบกับของขวัญชิ้นนี้แน่นอน รับรองว่าแปดเปื้อนทั้งหายและใจก่อนที่จะส่งไปให้พวกซอมบี้กัดกินหลังจากที่พวกเราเล่นเบื่อแล้ว”
“อ่อ! แล้วอีกอย่าง พวกมึงจะต้องเอาอาหารและปืนกระสุนมาบรรณาการของเราทุกอาทิตย์” สารเลวพูดด้วยรอยยิ้มที่แสดงถึงชัยชนะของตัวเองด้วยความภาคภูมิใจ
นิวกับผมยืนนิ่ง ผมกัดฟันอย่างโกรธแค้น ส่วนนิวทำได้เพียงยืนนิ่งอยู่ตรงนั้น
“แสดงว่าพวกมึงจะไม่ยอมสงบสุขกันใช่มั้ย?” นิวพูดออกมาด้วยเสียงเรียบ ๆ
“ถ้าพวกมึงทำตามข้อตกลงของพวกเราทั้งหมดก็ถือว่าสงบสุขกัน แต่เมื่อข้อตกลงและผลที่ตามมาจะเป็นยังไงก็ขึ้นอยู่กับพวกมึงล่ะนะ” ไรท์ยังคงแสยะยิ้ม ดวงตาของมันเปล่งประกายไปด้วยแสงสว่างแห่งชัยชนะ กูมีทาสเป็นของตัวเองอีกแล้วโว้ย!
“กูปฏิเสธข้อตกลงของพวกมึงทั้งหมด”
___________________________________________________
To Be Continue Ep.13