"พลังที่ผมได้มานั้น...มันคือพรหรือคำสาปกันแน่นะ...? แล้วผมจะใช้พลังนี้แก้ไขประเทศที่ล่มสลายนี้จะกลับเหมือนเดิมได้อย่างไร...?"

Undead War สงครามคนเป็น - ตอนที่ 15 สีขาวที่แปดเปื้อน โดย นิวไม่จิ๋ว @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

แอคชั่น,ชาย-หญิง,สะท้อนปัญหาสังคม,ไทย,เลือดสาด,พล็อตสร้างกระแส,ดราม่า,สยองขวัญ,ผี,ผจญภัย,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย

Undead War สงครามคนเป็น

หมวดหมู่ที่เกี่ยวข้อง

แอคชั่น,ชาย-หญิง,สะท้อนปัญหาสังคม,ไทย,เลือดสาด

แท็คที่เกี่ยวข้อง

พล็อตสร้างกระแส,ดราม่า,สยองขวัญ,ผี,ผจญภัย

รายละเอียด

Undead War สงครามคนเป็น โดย นิวไม่จิ๋ว @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

"พลังที่ผมได้มานั้น...มันคือพรหรือคำสาปกันแน่นะ...? แล้วผมจะใช้พลังนี้แก้ไขประเทศที่ล่มสลายนี้จะกลับเหมือนเดิมได้อย่างไร...?"

ผู้แต่ง

นิวไม่จิ๋ว

เรื่องย่อ

โรคระบาดยังคงอยู่รอบๆ ตัวเรา ไม่ได้หายไปไหน หมอทุกคนตายกันไปหมดแล้ว ความหวังดับวูบจนไม่เหลือแม้แต่แสงสุดท้าย ราวกับว่าตัวเองกำลังเดินอยู่ในอุโมงค์ไร้แสงสว่างและไร้สิ้นสุด พวกซอมบี้ต่างคอยจะได้กัดกินเนื้อมนุษย์อย่างกับเครื่องจักรที่ไม่มีวันเหนื่อย ไม่ว่าจะมองไปทางไหน ก็มีแต่พวกมันอยู่เต็มไปหมด 

 

แต่ความหวังก็ยังไม่หมดไป เมื่อผมสามารถเอาชนะเชื้อไวรัสตัวนี้ได้ ทำให้ร่างกายของผมเกิดกลายพันธุ์และสามารถแปลงกายเป็นซอมบี้ได้ตลอดเวลา นั่นทำให้ผมวิวัฒนาการไปอีกขั้นเพื่อที่จะช่วยเหลือมวลมนุษยชาติได้

สารบัญ

Undead War สงครามคนเป็น-ตอนที่ 1 ณ จุดเกิดเหตุ,Undead War สงครามคนเป็น-ตอนที่ 2 มื้อเช้าสองพ่อลูก,Undead War สงครามคนเป็น-ตอนที่ 3 มีอะไรให้คิดอีกเยอะ,Undead War สงครามคนเป็น-ตอนที่ 4 จุดกำเนิดฝันร้าย,Undead War สงครามคนเป็น-ตอนที่ 5 หัวใจที่เน่าสลาย,Undead War สงครามคนเป็น-ตอนที่ 6 เข้าสู่กลียุค,Undead War สงครามคนเป็น-ตอนที่ 7 นาทีหลบหนี,Undead War สงครามคนเป็น-ตอนที่ 8 กลิ่นคาวเลือดที่หอมหวาน,Undead War สงครามคนเป็น-ตอนที่ 9 ไปให้ถึงเซฟเฮาส์,Undead War สงครามคนเป็น-ตอนที่ 10 สำรวจพื้นที่,Undead War สงครามคนเป็น-ตอนที่ 11 ฟาร์มของ,Undead War สงครามคนเป็น-ตอนที่ 12 ยื่นหมูยื่นแมว,Undead War สงครามคนเป็น-ตอนที่ 13 RED RIGHT HAND,Undead War สงครามคนเป็น-ตอนที่ 14 หญิงสาวปริศนา,Undead War สงครามคนเป็น-ตอนที่ 15 สีขาวที่แปดเปื้อน,Undead War สงครามคนเป็น-ตอนที่ 16 หัวใจกลับมาเต้นอีกครั้ง,Undead War สงครามคนเป็น-ตอนที่ 17 เสียงกระซิบ,Undead War สงครามคนเป็น-ตอนที่ 18 หน้ากากหนังมนุษย์,Undead War สงครามคนเป็น-ตอนที่ 19 กลายร่าง,Undead War สงครามคนเป็น-ตอนที่ 20 หนึ่งต่อร้อย,Undead War สงครามคนเป็น-ตอนที่ 21 เสียงประสานลมหายใจ,Undead War สงครามคนเป็น-ตอนที่ 22 เสียงเพรียกแห่งความทรงจำ,Undead War สงครามคนเป็น-ตอนที่ 23 น้ำตาที่ไร้ความชุ่มชื้น,Undead War สงครามคนเป็น-ตอนที่ 24 จากที่ต่ำ…ขึ้นสู่ที่สูง,Undead War สงครามคนเป็น-ตอนที่ 25 ชายส่งสาส์นปริศนา,Undead War สงครามคนเป็น-ตอนที่ 26 ถอยหลังเพื่อเริ่มต้นใหม่,Undead War สงครามคนเป็น-ตอนที่ 27 ลางร้ายเริ่มปรากฏ,Undead War สงครามคนเป็น-ตอนที่ 28 อสูรไร้เทียมทาน,Undead War สงครามคนเป็น-ตอนที่ 29 ความรู้สึกที่ซับซ้อน,Undead War สงครามคนเป็น-ตอนที่ 30 ฮาวทูมูฟออน,Undead War สงครามคนเป็น-ตอนที่ 31 ไวท์เว็ดดิ้งและผู้มาเยือน,Undead War สงครามคนเป็น-ตอนที่ 32 หมาป่าที่แต่งตัวด้วยขนแกะ,Undead War สงครามคนเป็น-ตอนที่ 33 สิ่งที่น่าหวาดกลัวยิ่งกว่า,Undead War สงครามคนเป็น-ตอนที่ 34 ศัตรูที่ไม่อยากจะสู้,Undead War สงครามคนเป็น-ตอนที่ 35 ละทิ้ง,Undead War สงครามคนเป็น-ตอนที่ 36 โลกที่เปลี่ยนไปเมื่อลืมตาตื่น,Undead War สงครามคนเป็น-ตอนที่ 37 ผู้ครอบครองพลังซอมบี้คนที่สอง,Undead War สงครามคนเป็น-ตอนที่ 38 ทุ่มสุดตัวเพื่อรอยข่วน,Undead War สงครามคนเป็น-ตอนที่ 39 พัฒนาโหมดซอมบี้,Undead War สงครามคนเป็น-ตอนที่ 40 เมล็ดพันธุ์,Undead War สงครามคนเป็น-ตอนที่ 41 พื้นที่จำกัด,Undead War สงครามคนเป็น-ตอนที่ 42 เบื้องหลังของนิว,Undead War สงครามคนเป็น-ตอนที่ 43 เตรียมบุก,Undead War สงครามคนเป็น-ตอนที่ 44 ก่อนการบุกโจมตี,Undead War สงครามคนเป็น-ตอนที่ 45 ชีวิตที่ไร้ค่า,Undead War สงครามคนเป็น-ตอนที่ 46 อดีตปะทะปัจจุบัน,Undead War สงครามคนเป็น-ตอนที่ 47 แบล็กเว็ดดิ้ง,Undead War สงครามคนเป็น-ตอนที่ 48 มนุษย์คือสัตว์ประเสริฐจริงหรือ?,Undead War สงครามคนเป็น-ตอนที่ 49 ออรัลบนรถ,Undead War สงครามคนเป็น-ตอนที่ 50 วัดป่า,Undead War สงครามคนเป็น-ตอนที่ 51 พระสงฆ์รูปสุดท้าย,Undead War สงครามคนเป็น-ตอนที่ 52 อมตะไม่มีจริง,Undead War สงครามคนเป็น-ตอนที่ 53 เป้าหมายเพื่อเอาชีวิตรอด,Undead War สงครามคนเป็น-ตอนที่ 54 ตะลุมบอน,Undead War สงครามคนเป็น-ตอนที่ 55 ยอมแพ้เสีย,Undead War สงครามคนเป็น-ตอนที่ 56 ผู้นำที่อ่อนแอไม่มีวันเป็นทรราช,Undead War สงครามคนเป็น-ตอนที่ 57 ขอเรียกร้องจากผู้ใหญ่,Undead War สงครามคนเป็น-ตอนที่ 58 โครงการทั้งห้า,Undead War สงครามคนเป็น-ตอนที่ 59 สงครามคนเป็น,Undead War สงครามคนเป็น-ตอนที่ 60 ผู้ป่วยโรคระบาดที่ก้าวราวเกเรมาก ๆ และรอการรักษา,Undead War สงครามคนเป็น-ตอนที่ 61 ความรักที่เกินกว่าค่าอนันต์,Undead War สงครามคนเป็น-ตอนที่ 62 คำตอบค่าเอ็กซ์ในสมการ,Undead War สงครามคนเป็น-ตอนที่ 63 ยุทธการทุบหม้อข้าว,Undead War สงครามคนเป็น-ตอนที่ 64 นักฆ่าลูกตำรวจ,Undead War สงครามคนเป็น-ตอนที่ 65 กัปตันไทยแลนด์,Undead War สงครามคนเป็น-ตอนที่ 66 ความแข็งแกร่งที่แท้จริง,Undead War สงครามคนเป็น-ตอนที่ 67 ประกาศชัยชนะ,Undead War สงครามคนเป็น-ตอนที่ 68 การมาถึงของเบื้องบน,Undead War สงครามคนเป็น-ตอนที่ 69 ข้อเสนอที่ดูเป็นธรรม?,Undead War สงครามคนเป็น-ตอนที่ 70 นักวิทยาศาสตร์สันหลังยาว,Undead War สงครามคนเป็น-ตอนที่ 71 กุญแจสู่การสร้างวัคซีน,Undead War สงครามคนเป็น-ตอนที่ 72 สงครามครั้งสุดท้าย,Undead War สงครามคนเป็น-ตอนที่ 73 พร้อมสละทุกอย่างเพื่อคนรัก,Undead War สงครามคนเป็น-ตอนที่ 74 การเสียสละกำเนิดวีรบุรุษ,Undead War สงครามคนเป็น-ตอนที่ 75 วันครบรอบวันตาย,Undead War สงครามคนเป็น-ตอนที่ 76 ชีวิตหลังความตาย,Undead War สงครามคนเป็น-ตอนที่ 77 จากไปแล้วหวนคืน (ตอนอวสาน)

เนื้อหา

ตอนที่ 15 สีขาวที่แปดเปื้อน

แสงสว่างจากเทียนส่องประกายไปทั่วห้อง ตอนนี้เป็นเวลาค่ำซึ่งเป็น
เวลาที่เราจะต้องปิดไฟทุกดวงและใช้เพียงแสงเทียนเพื่อความปลอดภัยต่อมนุษย์ด้วยกัน พวกเราเชื่อสุดใจเลยว่ามนุษย์ ณ ตอนนี้ได้กลายเป็นศัตรูตัวฉกาจของพวกเราเป็นที่เรียบร้อย นับจากที่มีเรื่องกันกลางสยามแควร์เมื่อไม่กี่วันก่อน บนโต๊ะอาหารมีสมาชิกรวมกันอยู่หกคน ประกอบไปด้วย นัทที่นิวอุ้มมานั่งที่เก้าอี้และให้กิ๊บที่นั่งอยู่ข้าง ๆ ป้อนข้าวต้มเข้าปากก่อนที่จะกลืนลงคอไปด้วยความเจ็บปวด อาการของเขาถือว่าพ้นขีดอันตรายไปแล้ว แต่ฟางก็ไม่อยากให้นัทลุกออกมาจากเตียงเร็วขนาดนี้ แต่กิ๊บไม่ยอมที่จะมาร่วมโต๊ะอาหารโดยที่ไม่มีนัท สุดท้ายฟางจึงยอมให้นัทลุกออกมาเพียงหนเดียวเท่านั้น ถ้าอาการมันแย่ลงหรือมีเลือดซึมออกมาจากบาดแผลต้องอุ้มกลับไปที่เตียงด่วนเลย ฟางกับนิวนั่งอยู่หัวโต๊ะตรงข้ามกัน ส่วนผมนั่งอยู่ข้างฮีซุยที่ยังคงนั่งนิ่งไม่ไหวติง เธอดูอึดอัดที่ต้องมานั่งร่วมโต๊ะอาหารกับคนแปลกหน้าทั้งห้าคน บรรยากาศดูตึงเครียดเพราะไม่มีใครอยากจะพูดอะไรออกมาเลยสักคำ ต่างคนต่างรับประทานอาหารที่อยู่บนโต๊ะอย่างเงียบ ๆ แม้ว่าดูจากภายนอกจะไม่ค่อยตึงเครียดเท่าไหร่ แต่สายตาของกิ๊บดูไม่ค่อยไว้ใจฮีซุยเท่าไหร่ บางครั้งเธอจ้องหญิงสาวที่ผมช่วยไว้อย่างจะกินเลือดกินเนื้อจนบางครั้งทำข้าวต้มหกใส่นัทจนเขาร้องออกมาเสียงหนัก แต่โชคดีที่นิวไหวตัวทัน เขาพุ่งเข้ามาปิดปากผู้ป่วยชายเพื่อไม่ให้ส่งเสียงดังเพื่อเรียกพวกซอมบี้หรือมนุษย์เข้ามาในอาณาเขตของเรา

เราใช้คำว่า ‘อาณาเขต’ เมื่อวานเพราะว่าเรามีกันถึงหกคน ในอนาคตอาจจะมีประชากรมาเพิ่มก็ได้ แต่ก็ยังไม่ได้ตัดสินใจแน่ชัดว่าจะรับสมาชิกใหม่มาเร็ว ๆ นี้ ซึ่งฮีซุยนั้นก็เป็นหนึ่งในสมาชิกของพวกเราเช่นกันโดยการโหวตและกิ๊บก็ออกเสียงโหวตเห็นด้วยแม้ว่าจะไม่เต็มใจก็ตาม เพราะฮีซุยนั้นเป็นหนึ่งในเหยื่อของแก๊งนักเลงสยามอยู่แล้ว แถมยังไม่มีที่ไปอีก จึงดีที่สุดแล้วที่เราจะรับเธอเข้ามาในกลุ่มของพวกเรา

“เราว่ามาแนะนำตัวกันดีกว่า” ผมพูดขึ้นอย่างไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ย “รู้สึกว่าเราจะมีสมาชิกใหม่เข้ามาในกลุ่มด้วยนี่”

“พูดเหมือนกับว่าเรามีสมาชิกกลุ่มเป็นร้อย ๆ คน” กิ๊บแซะ “มีกันอยู่แค่นี้ไม่รู้ก็ไม่รู้จะว่ายังไงกันแล้ว”

“เอาน่า” ผมยิ้มแหยะ “ในเมื่อเรารวมกันเป็นกลุ่มตัวละครหลักแบบนี้แล้ว ก็ต้องเริ่มมีอะไรเป็นทางการบ้างแล้ว”

“เริ่มจากฉันก่อนก็ได้” นิวพูดขึ้น “ชื่อ ‘นิว’ ก่อนเกิดกลียุคเป็นนักศึกษาคณะนิเทศของมหาวิทยาลัยสยาม หลังเกิดเรื่อง เป็นมือปืนและหัวหน้ากลุ่มนี้”

“ชื่อ ‘กิ๊บ’ ” กิ๊บแนะนำตัวเองก่อนที่จะป้อนข้าวต้มนัทและทำเศษข้าวต้มเลอะเป้าแฟนหนุ่ม “ก่อนหน้านี้เป็นนักศึกษาเรียนคณะเดียวกับนิว หลังเกิดเรื่องเป็นมือปืน ส่วนนี่ผัวฉัน ชื่อ ‘นัท’ เรียนคณะเดียวกัน หลังเกิดเรื่องก็เป็นแค่ตัวถ่วง”

คำพูดของกิ๊บทำให้แฟนหนุ่มถึงกับมองมาที่แฟนสาวด้วยสายตาอันน่าสงสาร

“ไม่ต้องมาเถียงเลยนะพี่นัท!” กิ๊บตวาด “ตอนที่พี่ถูกจับตัวไปรู้มั้ยว่ากิ๊บกลัวขนาดไหน! พี่ไม่แข็งแกร่งเลย!” 

“พี่ขอโทษ…” นัทพูดเสียงอ่อน

“ฉันชื่อ ‘ฟาง’” ฟางปากไวตัดบททั้งสองทิ้ง “ก่อนหน้านี้เรียนคณะเดียวกับนิว ตอนนี้เป็นมือซุ่มยิง อาวุธหลักจะเป็นปืนไรเฟิลซุ่มยิง”

“ชื่อ ‘เอ็น’” ผมพูด “เมื่อก่อนเรียนคณะเดียวกับคนอื่น ตอนนี้เป็นนักดาบและหน่วยลุยระยะประชิดของกลุ่ม”

ใช่แล้ว…ก่อนหน้านี้เราได้แบ่งหน้าที่ซึ่งกันและกันเป็นที่เรียบร้อย ว่าใครทำอะไรโดยเฉพาะเรื่องการต่อสู้ พวกเราทุกคนล้วนไม่อยากจะมีสงครามกับใครทั้งนั้น แต่ในเมื่อโลกมันได้บีบบังคับเราให้เข้าสู่สงครามแห่งคนเป็นนั้นไม่สามารถคาดเดาได้ว่ามันจะสิ้นสุดเมื่อไหร่ ดีไม่ดีมันอาจจะสิ้นสุดเมื่อมนุษย์คนสุดท้ายได้ตายไปจากโลก

ความเงียบครอบคลุมพวกเราอีกครั้ง ไม่ชอบเลยบรรยากาศแบบนี้ ตึงเครียดได้ใจจริง ๆ 

“ถึงตาเธอแล้วล่ะ น้องใหม่” ผมพูด ซึ่งเธอแอบสะดุ้งเล็กน้อย สมาชิกที่เหลือหยุดทานมื้อเย็นเพื่อฟังคำแนะนำตัวของสมาชิกใหม่ที่ทุกคนรู้จักแค่ชื่อ

“ชื่อ ‘ฮีซุย’…”  เธอเริ่มพูดด้วยสีหน้าอันแดงก่ำ “เรียนมหาวิทยาลัยมายา คณะการแสดง ตอนนี้ก็…”

เธอเงียบไป

ผมมองสมาชิกแต่ละคนอย่างมีคำถามในหัวว่า ‘ผมควรจะทำอย่างไรต่อไปดี’ ก่อนที่จะหันไปหาเธอ

“ไม่ต้องกลัวไปหรอก เธอเป็นสมาชิกของเราแล้ว ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องเกร็งแล้วนะ” ผมปลอบ

“อย่าเพิ่งดีกว่าเอ็น” ฟางพูดเป็นเชิงห้าม “ฮีซุยเพิ่งเจออะไรที่กระทบจิตใจเธอเกินไป ฉันว่าปล่อยให้เธอค่อย ๆ ปรับตัวก่อนดีกว่า แต่ตอนนี้เธอก็ไม่มีอะไรที่ต้องกลัวแล้วนะฮีซุย เพราะเราเป็นเพื่อนกันแล้ว”

ใบหน้าของฮีซุยดีขึ้นเมื่อได้ยินคำว่า ‘เพื่อน’ 

เมื่อฮีซุยเริ่มพูดกับคนอื่นในกลุ่ม ซึ่งก็ทำให้บรรยากาศของมื้อเย็นนี้มีสีสันมากขึ้น แทนที่จะเป็นเพียงสีดำขาว ทุกคนต่างมีความสุขยิ่งขึ้นเมื่อใบหน้าอันน่ารักของหญิงสาวที่เป็นสมาชิกใหม่ของเรานั้นยิ้มออกมาด้วยความจริงใจ ความหนาวเย็นยะเยือกเมื่อสักครู่ถูกความอบอุ่นของฮีซุยละลายไปหมดแล้ว เหลือแต่เพียงรอยยิ้มที่เริ่มค่อย ๆ เกิดบนใบหน้าของทุกคน 

ยกเว้นกิ๊บที่ยังคงไม่ได้แสดงปฏิกิริยาอะไรเลย

 

เมื่อมื้อเย็นได้ถูกรับประทานจนหมดแล้ว ฟางและกิ๊บช่วยกันล้างจาน ฮีซุยช่วยเก็บโต๊ะ ส่วนพวกผู้ชายอย่างผมและนิวเดินออกไปที่ระเบียง ปกติแล้วจะมีแสงสว่างจากตึกรามบ้านช่องส่องสว่างไปทั่วบริเวณไกลสุดลูกหูลูกตา แต่คืนนี้กลับมืดจนไม่สามารถเห็นอะไรได้เลย ซึ่งมันเป็นการดีที่จะทำให้เราสามารถสังเกตเห็นผู้บุกรุกเข้ามาบุกพวกเราได้ ผมมั่นใจได้เต็มร้อยเลยว่ามนุษย์อย่างพวกเราไม่สามารถมองเห็นในความมืดที่มืดไม่ต่างจากหลับตาได้อย่างแน่นอน ทางเดียวก็คือต้องจุดไฟเพื่อให้แสงสว่าง แต่ความผิดพลาดจะอยู่ตรงนั้นเมื่อพวกมันสร้างแสงสว่างไม่ว่าจะด้วยวิธีใดก็ตาม มันจะเป็นเป้าอย่างดีให้กับนักซุ่มยิงสามารถสอยมันได้อย่างง่ายดาย เพราะตอนนี้ทักษะความแม่นปืนของฟางนั้นก็พัฒนาขึ้นอย่างรวดเร็ว อาจเป็นเพราะความที่เจ้าตัวนั้นหัวไวด้วย จึงสามารถเรียนรู้อะไรต่ออะไรได้ในเวลาอันรวดเร็ว

นิวควักบุหรี่ขึ้นมาสูบก่อนที่จะยื่นให้ผม แต่ก็ปฏิเสธไป 

“รู้มั้ยว่าฉันคิดอะไรก่อนที่จะตักอาหารเข้าปากในทุก ๆ มื้อหลังจากเกิดกลียุค” เขาพ่นควันออกมากจากปากก่อนที่จะเริ่มตั้งคำถามกับผม

ผมไม่ตอบ

นิวสูดมะเร็งเข้าปอดอีกครั้งและพ่นควันออกมา มันลอยเป็นกลุ่มควันหนาก่อนที่มันจะค่อย ๆ สลายหายไปตามกาลเวลาที่มีให้มันได้ชมโลกกว้างเพียงไม่กี่วินาที

“ฉันคิดว่าเราจะต้องมีชีวิตรอดไปเพื่ออะไร” เขาพูด “ทำไมต้องมีชีวิตอยู่? ชีวิตของเรามีค่าพอที่จะได้กินข้าวจานนี้หรือเปล่า? พอกินไปแล้วชีวิตต่อจะทำอะไรอีก? จะทำอะไรที่มันคุ้มค่าพอที่จะสมควรได้กินข้าวในแต่ละมื้อ? ถ้าเป็นนาย นายจะตอบคำถามพวกนี้ยังไง?”

ตัวผมเองก็ไม่สามารถตอบบางคำถามนั้นได้ แต่เป้าหมายของผมก็คือ…

“นายอยากจะกลับไปหาพ่อแม่ตัวเองที่ยังคิดว่าจะยังอยู่ที่คอนโดของตัวเองงั้นเหรอ?” เขาถามด้วยน้ำเสียงที่เรียบเฉยและไร้อารมณ์ 

เขาเงียบไปพักหนึ่ง

“ทำไมถึงหลอกตัวเองอย่างนั้นล่ะ?” เขาพูดประโยคนั้นออกมา

ผมมองหน้านิวที่กำลังยกมือขึ้นมาสูดมะเร็งเข้าปอดเป็นครั้งที่สาม

เขาบอกว่าผมหลอกตัวเองงั้นเหรอ?

“นายอาจจะมีคำถามในหัวว่าทำไมฉันถึงได้พูดแบบนั้นใช่มั้ย?” เขาพูดแล้วดับบุหรี่ด้วยการขยี้ก้นบุหรี่ที่รั้วระเบียงซึ่งถูกทาด้วยสีขาว หลังจากนั้นมันก็เปื้อนไส้บุหรี่จนมันกลายเป็นรอยด่างสีดำ ไม่จากหญิงสาวที่มีแต่รอยแปดเปื้อนและความบริสุทธิ์ที่ได้ถูกพลัดพราก “นายเองก็ไม่รู้ว่าตัวเองมีเป้าหมายที่จะมีชีวิตจะอยู่ไปเพื่ออะไร เลยหลอกตัวเองขึ้นมาว่าจะอยู่เพื่อกลับไปหาพ่อแม่ตัวเอง ซึ่งในความเป็นจริงแล้วพ่อแม่นายอาจจะตายไปแล้วก็ได้ และไม่นายก็ฉันอาจจะฆ่าไปแล้วก็ได้”

ผมฉุน

แผลที่โดนข่วนแสบร้อนอย่างเห็นได้ชัด รอยแผลเกิดสีแดงก่ำอย่างไม่มีสาเหตุ 

“หน้านายไปโดนอะไรมา?” นิวถาม “โดนข่วนหรือเปล่า? ทำไมเพิ่งมาเห็นล่ะเนี่ย?” นิวตั้งคำถามขึ้นมาหลายข้อจนทำให้ผมต้องควบคุมความโกรธและสติของตัวเองให้อยู่ เพราะว่าผมจะให้นิวรู้เรื่องที่ผมโดนข่วน แม้ว่าจะเฉียด ๆ ก็ตามไม่ได้เด็ดขาด

“เปล่า ๆ แค่น่าจะล้มไปโดนเหล็กข่วนหน้าล่ะมั้ง” ผมแก้ตัวอย่างกะทันหัน ทั้ง ๆ ที่รู้ว่าคำแก้ตัวแบบนี้มันใช้ไม่ได้ทุกสถานการณ์ แต่ก็เอาเถอะ ใช้คำพูดเป็นใหญ่ไว้ก่อนแล้วถ้านิวไม่เชื่อค่อยหาหลักฐานมาโต้ทีหลัง เพราะแม้ว่าซอมบี้ตัวนั้นข่วนผมมาได้สามวันแล้ว แต่ก็ไม่มีท่าทีที่จะไม่สบายหรือกลายร่างเลยแม้แต่นิดเดียว ในทางกลับกัน มันเปรียบเสมือนยาดีที่ทำให้ผมรู้สึกแข็งแรงกว่าที่เคยเป็น ดวงตาและประสาทการได้ยินนั้นพัฒนาขึ้นอย่างเห็นได้ชัด จนบางทีผมสามารถได้ยินเสียงครางเบา ๆ ของพวกซอมบี้ได้ในระยะห้าร้อยเมตร ซึ่งมนุษย์ธรรมดานั้นไม่สามารถทำได้แน่นอน

นี่มันเกิดอะไรขึ้นกับเรากันแน่…

“งั้นเหรอ?” นิวพยักหน้าอย่างเชื่อใจ “มันก็จริง เพราะรอยมันแค่ขีดเล็ก ๆ ขีดเดียว พวกมันคงทำไม่ได้หรอก ทีหลังก็อย่าซุ่มซ่ามแบบนี้อีกละกัน”

“อ่า…เข้าใจแล้ว” ผมพูด

ผมเดินกลับเข้าไปในห้อง แต่ด้วยความที่ต้องแหวกม่านก่อนจึงทำให้ไม่ทันมองคนที่ยืนอยู่หลังผ้าม่าน ทำให้ชนกับใครบางคนจนอีกฝ่ายล้มลงไปกับพื้น

“อะ! ขอโทษนะ!” 

คนที่ถูกผมชนล้มนั่นก็คือฮีซุยนั่นเอง

“ฮีซุย…ขอโทษ…เป็นอะไรมั้ย? เจ็บตรงไหนหรือเปล่า?” ผมโผเข้าไปพยุงร่างของหญิงสาวขึ้นมา

“ฉันไม่เป็นไรค่ะ” เธอยิ้ม “ฉันมองไม่ดูทางเอง”

“เกิดอะไรขึ้นวะ?” นิวที่ได้ยินเสียงโครมครามพุ่งเข้ามาจากระเบียงเพื่อมาดูเหตุการณ์

“ไม่มีอะไรหรอก แค่ชนฮีซุยล้มเฉย ๆ” ผมพยุงร่างของหญิงสาวให้ลุกขึ้นมา

“งั้นก็ไม่มีเป็นไร ไหน ๆ แผลของฮีซุยก็เริ่มดีขึ้นเยอะแล้ว งั้นอาทิตย์หน้าให้นายกับฮีซุยออกไปหาอาหารเพิ่มละกัน เพราะเดี๋ยวกูต้องไปหาของใช้” นิวพูด

“เอางั้นเหรอ?”

“ก็แยกกันไปดีกว่า”

“ปกติถ้าแยกกัน มันมีโอกาสเสี่ยงสูงที่จะโดนพวกซอมบี้หรือพวกนักเลงสยามฆ่าได้ง่าย ๆ เลยนะ เหมือนหนังสยองขวัญเกรดบีไง ที่ปกติแล้วคนแยกกันจะตายง่าย ๆ เสมอ” 

“เอาน่า เอารถไปกันคนละคันก็ไม่มีปัญหาหรอก พวกเราต่างมีฝีมือกันหมดแล้วนี่”

“งั้นก็ได้ พรุ่งนี้ให้กิ๊บช่วยฝึกฮีซุยยิงปืนหน่อยสิ”

____________________________________________

To Be Continue Ep.16