"พลังที่ผมได้มานั้น...มันคือพรหรือคำสาปกันแน่นะ...? แล้วผมจะใช้พลังนี้แก้ไขประเทศที่ล่มสลายนี้จะกลับเหมือนเดิมได้อย่างไร...?"
แอคชั่น,ชาย-หญิง,สะท้อนปัญหาสังคม,ไทย,เลือดสาด,พล็อตสร้างกระแส,ดราม่า,สยองขวัญ,ผี,ผจญภัย,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
Undead War สงครามคนเป็น"พลังที่ผมได้มานั้น...มันคือพรหรือคำสาปกันแน่นะ...? แล้วผมจะใช้พลังนี้แก้ไขประเทศที่ล่มสลายนี้จะกลับเหมือนเดิมได้อย่างไร...?"
โรคระบาดยังคงอยู่รอบๆ ตัวเรา ไม่ได้หายไปไหน หมอทุกคนตายกันไปหมดแล้ว ความหวังดับวูบจนไม่เหลือแม้แต่แสงสุดท้าย ราวกับว่าตัวเองกำลังเดินอยู่ในอุโมงค์ไร้แสงสว่างและไร้สิ้นสุด พวกซอมบี้ต่างคอยจะได้กัดกินเนื้อมนุษย์อย่างกับเครื่องจักรที่ไม่มีวันเหนื่อย ไม่ว่าจะมองไปทางไหน ก็มีแต่พวกมันอยู่เต็มไปหมด
แต่ความหวังก็ยังไม่หมดไป เมื่อผมสามารถเอาชนะเชื้อไวรัสตัวนี้ได้ ทำให้ร่างกายของผมเกิดกลายพันธุ์และสามารถแปลงกายเป็นซอมบี้ได้ตลอดเวลา นั่นทำให้ผมวิวัฒนาการไปอีกขั้นเพื่อที่จะช่วยเหลือมวลมนุษยชาติได้
จากที่สูง…ลงสู่ที่ต่ำ…
กาลเวลารอบตัวถูกทำให้ช้าลง ดวงตามองตรงไปยังประตูลิฟต์
ไม่เห็นอะไรนอกจากภาพที่สั่งสะเทือนเมื่อรู้ตัวเองว่ากำลังตกจากที่สูง ซึ่งในความเป็นจริงแล้วมันตกลงมาจากชั้นห้า แต่นั้นมันก็พอที่จะทำให้คนธรรมดาตายไม่ก็พิการตลอดชีวิตได้ แต่ถ้าเป็นผมก็ไม่รู้ว่าชะตาของตัวเองจะมาถึงจุดไหน จุดที่ต้องมาตายอนาถในลิฟต์แบบนี้ หรือจะพิการ ถ้ามองกันอย่างตรงไปตรงมา ความตายก็น่าจะเป็นทางออกที่ดีที่สุดแล้วก็เป็นได้ จริง ๆ ช่วงที่อยู่ในสถานะที่มีพลังซอมบี้อยู่ก็คงจะไม่เป็นอะไรมาก
ตู้ม!!!!
ผมละตัวลิฟต์ตกลงสู่ที่ต่ำเป็นที่เรียบร้อย ซึ่งมันไม่ใช่ชั้นหนึ่ง แต่เป็นชั้นใต้ดิน แรงกระแทกทำให้ร่างกายกระแทกกับพื้นลิฟต์จัง ๆ โชคดีที่ศีรษะไม่โดน ไม่งั้นผมอาจจะตายไปจริง ๆ ก็เป็นได้ ตู้ลิฟต์โดยสารบิดงอ รวมถึงประตูที่ปิดอยู่ ส่วนร่างกายของผมมีกระดูกซี่โครงหักประมาณห้าซี่ ซึ่งถือว่าเยอะมาก ๆ ความเจ็บปวดไม่ได้ถูกแสดงออกมา เพราะโชคดีทีมีอะดรีนาลีนสูบฉีดไปทั่วร่างกายเพื่อบรรเทาอาการเจ็บปวด นั่นมันก็เพียงพอที่จะใช้พลังซอมบี้รักษาและสมานกระดูกที่แตกหักเข้าได้ ผมค่อย ๆ ยันตัวเองให้ลุกขึ้น พยายามควบคุมจังหวะการหายใจให้อยู่ในระดับที่คงที่ แม้ว่าอะดรีนาลินจะสูบฉีดขนาดไหน แต่ถ้าหายใจเข้าออกมากเกินไปก็จะทำให้ออกซิเจนที่มีจำกัดหมดไปแน่นอน
ผมตะเกียกตะกายไปหาประตูลิฟต์และใช้พลังซอมบี้ทั้งหมดพยายามง้างประตูลิฟต์ให้เปิดออก ผลที่ได้ก็คือมันไม่ขยับแม้แต่นิดเดียว
ดูจากสภาพมันคงติดอะไรแน่นอน เชื่อเถอะไม่ว่าผมจะออกแรงมากเท่าไหร่ ผลลัพธ์ก็ยังเป็นเหมือนเดิม
ในที่สุดผมก็ถอดใจ แต่พอลองมาคิด ๆ ดูแล้ว สลิงลิฟต์มันไม่น่าจะขาดง่ายขนาดนี้ ถ้าไม่มีใครไปตัดมัน ผมเชื่อใจพรรคพวกของผมว่าไม่มีใครอยากไปยุ่งกับมันอย่างแน่นอน แถมเวลาผ่านไปเพียงเดือนกว่า ในระยะเวลาแค่นี้ไม่สามารถทำให้สลิงลิฟต์เปราะบางถึงขนาดบรรทุกคนหนึ่งคนไม่ได้จนมันขาด นั่นหมายความว่าต้องมีใครสักคนขึ้นไปตัดมันก่อนหน้านี้แล้ว
ซึ่งมันมีอยู่คนเดียว หนึ่งในแก๊งของวินมันเข้ามาบุกถึงที่นี่ ซึ่งทุกคนอาจจะตกอยู่ในอันตรายก็ได้
ที่ห้องของนิว
“เสียงอะไรน่ะ?” นิวทัก
“เสียงของลิฟต์ที่ถูกพวกเราตัดไงล่ะ ตอนนี้อาจจะมีใครสักคนใช้ลิฟต์แล้วบังเอิญทำให้ลิฟต์ตก” ลูกน้องของวินคนหนึ่งพูด แต่ผู้บัญชาการ
ของทีมนี้ไม่ได้สนใจ
“คุกเข่า!” เสียงของผู้นำหญิงคนหนึ่งสั่งให้นิวคุกเข่าในระหว่างที่ตัวเธอกำลังชี้ปลายกระบอกปืนไปหาฟางที่กำลังคุกเข่าชูมือทั้งสองข้างขึ้นเหนือศีรษะ ภายในห้องเละเทะไม่มีชิ้นดีที่เกิดจากการต่อสู้ นัทกับกิ๊บถูกเหล่าชายฉกรรจ์แห่งแก๊งนักเลงสยามสี่คนล็อกตัวเองไว้ แต่ละคนที่เหลือถือปืนไรเฟิล และกำลังชี้มาหานิวที่กำลังยืนอยู่กลางวงล้อมของศัตรู พวกมันบุกรุกเข้ามาตอนที่คนอื่นกำลังนอนอยู่ที่นอน กิ๊บไม่มีเวลามากพอที่จะพุ่งไปหยิบปืนของตัวเอง จึงถูกจับได้ง่าย ดูเหมือนว่าเธอจะถูกลวนลามนิดหน่อย ส่วนนัทนั้นช่วยเธอไม่ได้ เขาพุ่งเข้าไปชกหน้าของคนที่ล็อกแฟนสาวของตัวเอง แต่สุดท้ายก็โดนอีกคนพุ่งเข้ามาซัดเข้าลงไปนอนกับพื้นได้ในหมัดเดียว ส่วนนิวจัดการไปได้สองคนแต่ก็โดนผู้นำหญิงคนนั้นยิงเข้าที่แขนขวาก่อนที่เขาจะไปคว้าปืนพกได้ทัน ในความเป็นจริงพวกเขาประมาทเกินไป พวกเขาไม่น่าวางอาวุธไว้ห่างจากตัวเลย นิวคิดเช่นนั้น รวมถึงทุกคนด้วย
“กูบอกให้คุกเข่า” ไม่ช้า ผู้นำหญิงคนนั้นก็ยิงไปที่พื้น เฉียดใบหน้าของฟางเพียงเล็กน้อย แต่นั่นก็ทำให้เกิดรอยแผลเล็ก ๆ ผ่ากลางใบหน้าที่แสนงดงามไป เลือดอุ่น ๆ มีแดงไหลออกมาจากแผล เมื่อหญิงสาวกลับออกจากภวังค์ช็อกแล้ว แต่ก็เริ่มร่ำไห้ด้วยความกลัว ท่ามกลางความตกใจของนิวและกิ๊บ ทำให้กิ๊บยิ่งดิ้นรนเข้าไปใหญ่
“มึงขี้โกงนี่อีสัตว์!!” กิ๊บแยกเขี้ยวขู่ “แน่จริงก็ลองมาสู้กันดูสิวะ!!
คาโอริน!!”
ใช่…เธอคือคาโอริน ผู้หญิงที่ทุกคนลืมไว้บนรถเมื่อครั้งที่หนีออกมาจากมหาวิทยาลัยด้วยกัน ความจริงนิวก็ไม่ได้แปลกใจที่คาโอรินกลับมาในสภาพของแก๊งนักเลงสยามแบบนี้ มันเป็นเรื่องที่ไม่น่ายินดีเอาเสียเลย ความเครียดครอบงำจิตใจของนิวว่าจะทำอย่างไรดี ในความเป็นจริงนิวคิดในหัวตลอดว่า เอ็นจะเป็นอย่างไรบ้าง…? จะตายหรือเปล่า…? ถ้าคิดในแง่ร้ายเอ็นคงจะตายไปเรียบร้อยแล้ว ศรัทธาของนิวจึงหมดลงตรงนั้น
“เอ็น…” ฟางสะอื้น “เธอจะปลดผนึกก็ได้นะ”
“กูก็ไม่อยากจะเปลื้องน้ำลายตะคอกมึงเลยนะอีฟาง” คาโอรินถอนหายใจก่อนที่จะพุ่งเข้ามาตะคอกใส่หูของฟาง “กูบอกไปก่อนหน้านี้แล้วใช่มั้ยว่าให้เงียบ!! ไม่งั้นกูจะยัดตะกั่วเข้ากบาลมึงตอนนี้นี่แหละ!!”
“เฮ้ย…ใจเย็นน่าคาโอริน” นิวเอาน้ำเย็นเข้าลูบ “ฉันจะทำในสิ่งที่เธอบอกเดี๋ยวนี้แหละ”
จากนั้น นิวก็ยกมือทั้งสองขึ้นเหนือศีรษะก่อนที่จะค่อยคุกเข่าลง
ทีละข้างอย่างช้า ๆ สายตามองเข้าไปในแววตาของคาโอรินที่ตอนนี้ฉายแววความแค้นและความกลัวในเวลาเดียวกัน เธอกำลังฝืนอะไรบางอย่างอยู่ จากนั้นก็ค่อย ๆ มองไปยังลูกน้องของคาโอรินที่มีกันอยู่ประมาณสิบคน อาวุธครบมือ แต่คิดผิดที่ใส่เพียงเสื้อยืดบาง ๆ ราคาถูกและกางเกงขาสั้นถูก ๆ ที่ไม่เหมาะกับการเอาชีวิตรอดในโลกแบบนี้เอาเสียเลย มีแต่คาโอรินที่ใส่กางเกงยืนขายาว ใส่เกราะกันกระสุนของตำรวจ ผมถูกมัดรวบไว้ด้านหลังเป็นหางม้า เชื่อเถอะ มันทำให้เธอดูสวยขึ้นเป็นกอง แทนที่จะปล่อยผมให้สยาย อาจเป็นเพราะตอนนั้นเธออาจจะยังไม่ได้สระผมก่อนเข้าเรียนคาบเช้าก็เป็นได้
“ดี…เชื่อฟังกันแบบนี้ตั้งแต่แรกก็ไม่มีใครต้องเจ็บตัวแล้ว แถมยังไม่มีใครจะต้องเสียโฉมด้วย” เธอมองไปที่ตัวประกันของตัวเองซึ่งตอนนี้เลือดไหลย้อยลงมาตามใบหน้าผสมกับน้ำตา จนใบหน้าอันงดงามที่เปรอะเปื้อนไปด้วยเลือด เธอไม่ได้เสียใจที่ตัวเองจะต้องเสียโฉม แต่เสียใจที่ศักดิ์ศรีของแฟนหนุ่มจะต้องถูกเหยียบย่ำขนาดนี้
“นิว ปลดผนึกเถอะ…” ฟางพูด
“ไม่” เขาปฏิเสธ “ฉันให้คำสัญญากับทุกคนแล้วว่าจะไม่ปลดผนึกพลังของตัวเองจนกว่าเราจะได้เจอกันอีก”
“คุยอะไรกันวะ?” คาโอรินใช้ปลายกระบอกปืนเกาหัวของตัวเองก่อนที่จะทำปืนลั่น
ปัง!!!
นั่นทำให้ทุกคนตกใจเป็นอย่างมาก โชคดีหรือโชคร้ายก็ไม่รู้ที่วิถีกระสุนห่างศีรษะเธอไปถึงสองเซนติเมตร แต่ดูเหมือนว่านั่นเป็นการจงใจมากกว่า ดูจากสีหน้าและแววตาของเธอนั่นไม่ได้ตกใจกับช่วงเวลาเฉียดตายเลยแม้แต่นิดเดียว แต่กลับหัวเราะออกมาอย่างสะใจ นั่นส่งผลให้ลูกน้องของตัวเองลดการ์ดลงมาเล็กน้อยและให้ความสนใจเพียงครึ่งเดียวไปหาผู้บังคับบัญชาของตัวเอง
“ปืนมันไม่ใช่ของเล่นจริง ๆ ด้วยแฮะ” เธอแสยะยิ้มพร้อมเอาปลายกระบอกปืนไปส่องที่ตาขวาของตัวเอง ซึ่งนั่นได้สร้างความหวาดเสียวให้กับทุกคนที่เห็นสุด ๆ รวมถึงฟางที่กำลังกลัวสุดขีดว่าตัวเองจะโดนเป่าสมองหรือเปล่า แต่ฉากนี้มันทำให้เธอนึกถึงในคืนที่เธอโดนจับตัวไป ซึ่งนิวและแก๊งของเขาเองมาช่วยและต้องปะทะกับคนหนึ่งพันคน ซึ่งเหตุการณ์นั้นก็ผ่านมาเจ็ดปีแล้ว
“นิว…เค้าขอร้องละนะ” ฟางสะอื้น “ช่วยพวกเราด้วย”
ตัดมาที่ผมซึ่งตอนนี้สมานกระดูกซี่โครงได้แล้ว ผมตัดสินใจกระโดดขึ้นไปผลักประตูเพดานลิฟต์ให้เปิดออกก่อนที่จะดันตัวเองให้ขึ้นมาอยู่หลังคาลิฟต์ อากาศในนี้อับชื้นผมเห็นซากศพของซอมบี้นอนตายอยู่ห้าศพ เลือดของมันไหลนอง ผมจัดการก้มลงไปดื่มเลือดจากปากแผลเพื่อให้พลังซอมบี้ของตัวเองยังคงอยู่ เชือกสลิงที่ถูกตัดขาดถูกกองไว้ตรงนั้น ซึ่งพอหยิบขึ้นมาตรวจสอบ ต่อให้ไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญก็รู้ได้ทันทีว่าเชือกสลิงนั้นได้ถูกตัดด้วยของมีคม ซึ่งไม่จำเป็นจะต้องระบุได้ว่าใช้อะไร แต่รู้ได้อย่างชัดเจนว่าต้องเป็นพวกของแก๊งวินแน่นอน ผมจัดการปีนโพรงลิฟต์อย่างบ้าคลั่ง โชคดีที่มีส่วนที่สามารถเกาะได้ แถมยังโชคดีซ้ำสองที่พลังซอมบี้ผมนั้นทำให้ร่างกายและพละพลังเหนือกว่ามนุษย์ปกติหลายเท่า ร่างกายของผมยืดหยุ่นขึ้น เหมาะสำหรับการต่อสู่และการเคลื่อนไหวที่คล่องแคล่วว่องไว ทุกมือที่ไขว่คว้านั้นไม่ได้แสดงออกถึงความเหนื่อยล้าเลย ผมแทบจะไม่รู้สึกถึงมันเลยด้วยซ้ำ
จากที่สูง…ลงสู่ที่ต่ำ…
แต่ตอนนี้มันกลับตาลปัตรไปหมดแล้ว
เพราะตอนนี้ผมกำลังตะเกียกตะกายสุดแรงเพื่อที่จะขึ้นจากที่ต่ำสู่ที่สูง
ผมนับชั้นไปเรื่อย ๆ
ชั้นแปด…
ชั้นเก้า…
ชั้นสิบ…ใกล้แล้ว อีกนิดเดียว
ชั้นสิบเอ็ด!!
ผมหยุดที่ชั้นนี้ก่อนที่จะใช้มือที่นิ้วทั้งห้าเหยียดตรงและแทงเข้าไปช่องระหว่างประตูลิฟต์ที่ปิดไม่สนิท ซึ่งครั้งนี้ได้ผล ประตูลิฟต์เปิดออกและผมยกเท้าขึ้นมาเหยียบบนโครงเหล็กก่อนที่จะใช้มืออีกข้างสอดเข้าไปที่ช่องและออกแรงง้างจนสุดกำลัง
สุดท้ายประตูลิฟต์ก็ถูกเปิดออก พร้อมกับตัวผมที่พุ่งออกไปยังห้องของนิว มีลูกน้องคนหนึ่งยืนเฝ้ายามอยู่หน้าห้อง เมื่อเห็นผมพุ่งเข้ามาก็ตกใจกับใบหน้าที่บิดเบี้ยวของผม ซึ่งไม่ต่างจากใบหน้าของซอมบี้ จึงยิงไปที่ลำตัวของผม ขอโทษทีที่กระสุนพวกนั้นทำอะไรร่างกายของผมไม่ได้ ยกเว้นว่าจะเล็งที่หัว แต่ก็ช้าไปเสียแล้ว เพราะว่าผมสามารถเข้าถึงตัวเขาได้ก่อน หลังจากนั้นผมจับหัวของชายคนนั้นแล้วหักคออย่างไร้ปรานี
ให้ตายสิ…ผมกลายเป็นปีศาจไปแล้วหรือไงเนี่ย…
ปัง!!!
นั่นเป็นอีกครั้งในรอบวันที่กาลเวลาถูกปรับให้ช้าลง ในเวลาเพียงเสี้ยววินาทีนั้นยาวนานราวกับเป็นชั่วโมง ภาพที่ผมเห็นก็คือ มีคนคนหนึ่งได้ยิงกระสุนตะกั่วเข้ามาหาผม กระสุนลูกนั้นจะไม่เป็นผล ถ้าโดนแค่ที่ลำตัว แต่นี่มันถูกเล็งมายังศีรษะของผมซะงั้น!!
_________________________________________________
To Be Continue Ep.25