"พลังที่ผมได้มานั้น...มันคือพรหรือคำสาปกันแน่นะ...? แล้วผมจะใช้พลังนี้แก้ไขประเทศที่ล่มสลายนี้จะกลับเหมือนเดิมได้อย่างไร...?"
แอคชั่น,ชาย-หญิง,สะท้อนปัญหาสังคม,ไทย,เลือดสาด,พล็อตสร้างกระแส,ดราม่า,สยองขวัญ,ผี,ผจญภัย,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
Undead War สงครามคนเป็น"พลังที่ผมได้มานั้น...มันคือพรหรือคำสาปกันแน่นะ...? แล้วผมจะใช้พลังนี้แก้ไขประเทศที่ล่มสลายนี้จะกลับเหมือนเดิมได้อย่างไร...?"
โรคระบาดยังคงอยู่รอบๆ ตัวเรา ไม่ได้หายไปไหน หมอทุกคนตายกันไปหมดแล้ว ความหวังดับวูบจนไม่เหลือแม้แต่แสงสุดท้าย ราวกับว่าตัวเองกำลังเดินอยู่ในอุโมงค์ไร้แสงสว่างและไร้สิ้นสุด พวกซอมบี้ต่างคอยจะได้กัดกินเนื้อมนุษย์อย่างกับเครื่องจักรที่ไม่มีวันเหนื่อย ไม่ว่าจะมองไปทางไหน ก็มีแต่พวกมันอยู่เต็มไปหมด
แต่ความหวังก็ยังไม่หมดไป เมื่อผมสามารถเอาชนะเชื้อไวรัสตัวนี้ได้ ทำให้ร่างกายของผมเกิดกลายพันธุ์และสามารถแปลงกายเป็นซอมบี้ได้ตลอดเวลา นั่นทำให้ผมวิวัฒนาการไปอีกขั้นเพื่อที่จะช่วยเหลือมวลมนุษยชาติได้
“เอ็น ระวัง!!”
ฟางกรีดร้องอย่างเสียขวัญเมื่อเห็นคนคุ้นหน้ากำลังจะถูกมัจจุราชบินเข้ามาปลิดชีพ เวลาถูกทำให้ช้าลงอีกแล้ว เหมือนกับที่เคยเกิดขึ้นก่อนที่ลิฟต์จะตกลงไปถึงพื้น กระสุนตะกั่วที่กำลังจะเข้ามาเจาะกะโหลกเหมือนพยายามจะสื่อสารกับผมว่าให้ผมยืนอยู่นิ่ง ๆ และให้มันฝั่งร่างลึกอยู่ในหัวสมองของแกเดี๋ยวนี้ มันหมุนควงสว่างอย่างบ้าคลั่งโดยไม่ได้คิดหน้าคิดหลังว่าหลังจากนั้นจะเป็นยังไง แต่มันคงคิดได้อย่างเดียวว่ามันต้องทำหน้าที่ของมันให้สำเร็จ เป็นภารกิจสุดยอดที่ต้องปลิดชีวิตคน ๆ นึง
ผมใช้ความเร็วทั้งหมดเบี่ยงตัวหลบกระสุนนั่น แต่โชคร้ายที่มันเจาะเข้าไปที่ใบหน้าของผมอย่างจัง
เผะ!!
“กรี๊ดดดดดดดดดดด!!!!!!!” ฟางกรีดร้องอย่างหวาดกลัว
ทุกคนเบิกตาโพลงเมื่อกระสุนเม็ดนั้นเจาะเข้าไปที่ใบหน้าจนทำให้แก้มระเบิด แต่ศีรษะไม่ได้เสียหาย แต่แรงกระแทกนั้นทำให้ผมหงายหลังลงไปนอนกับพื้นอย่างช่วยไม่ได้ ผมรู้สึกถึงแรงกระแทกนั้น ใช่…เหมือนกับตัวเองโดนหมัดเล็ก ๆ แต่กลับมีพละกำลังที่มากมายซัดเข้าตรงใบหน้าอย่างจัง ๆ เชื่อเหอะว่านั่นเป็นเพียงศูนย์จุดศูนย์ศูนย์หนึ่งวินาทีเท่านั้น
เมื่อลืมตาตื่นขึ้นมา ผมยังหายใจอยู่ ผมรู้สึกถึงหยดเลือดเย็น ๆ
ที่อยู่บนใบหน้าของตัวเอง ความเจ็บปวดที่ยังคงรู้สึกได้นั้นเจ็บปวดราวกับโดนไฟมาคลอกบนใบหน้า แต่พอมองลงไปเห็นเลือดไหลกระฉอกออกมาเป็นสายน้ำ ผมรู้ได้ทันทีเลยว่ากระสุนนั้นทำให้ผมเป็นแผลเหวอหวะบนใบหน้า แต่โชคดีที่ดวงตาไม่เป็นอะไร ไม่งั้นผมอาจจะตาบอดไปตลอดชีวิตเลยก็ได้
ถ้าเป็นแบบนั้นจริงผมขอตายยังซะดีกว่า
ผมใช้พลังซอมบี้ค่อย ๆ เยียวยาสร้างเซลล์ใหม่ทดแทนและสมานแผลให้หายกลับเป็นเหมือนเดิม ซึ่งทุกอย่างมันเกิดขึ้นเพียงสิบวินาที ผมค่อย ๆ ชันตัวเองให้ลุกขึ้นมา ท่ามกลางความงงงวยของทุกคนรวมถึงคาโอรินที่มือเริ่มสั่นเทิ้ม ความหวาดกลัวกำลังจะครอบงำจิตใจของเธอ คาโอรินถูกส่งมาฆ่าพรรคพวกของเอ็นให้หมด แต่วินไม่ได้บอกอะไรกับเธอเกี่ยวกับสิ่งนี้เลย เมื่อครั้งที่เธอเหนี่ยวไกและทำให้เอ็นกระเด็นหงายหลังไปนั้น ทำให้เธอดีใจมากกว่าที่เคยดีใจมากก่อนในชีวิต แต่ในเมื่อเป้าหมายที่น่าจะกำจัดได้แล้วกลับลุกขึ้นมาแบบนี้ ทั้ง ๆ ที่ยังมีชีวิต บาดแผลเหวอหวะขนาดนั้นยังสามารถหายเป็นปลิดทิ้งเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น นั่นทำให้คาโอรินยิ่งหวาดกลัวเข้าไปใส่ ปืนในมือเธอสั่น ซึ่งเธอเองก็รู้ตัวดี ดึงประคองข้อมือของตัวเองเพื่อไม่ให้สั่นไปมากกว่านี้
ตอนนี้ผมยังพูดไม่ได้ เพราะลิ้นขาดไป แต่ก็ไม่เป็นไร เดี๋ยวมันก็งอกกลับมาเป็นเหมือนเดิมแล้ว ลูกน้องของวินที่ร่างกายสั่นเทิ้มไม่ต่างจากคาโอริน ผมเชื่อได้ว่าพวกเขาทั้งหมดเคยเห็นกันแต่ในหนัง แต่ไม่เคยคิดว่าจะได้ออกมาเห็นในชีวิตจริง แต่ถ้ามองรวม ๆ ดูแล้ว แค่ซอมบี้มันก็เหนือความเป็นจริงไปมากโข
“ไอ้เอ็นมันถูกกัดเหรอ…?” นิวถามขึ้นมาลอย ๆ แต่ก็ยังคงมองไป
ที่เอ็น
“ไม่รู้สิ…ดูเหมือนยังมีสติอยู่นะ…” ฟางพูดพลางสะอื้นอย่างหวาดกลัว
ผมยืนขึ้น นั่นทำให้ลูกน้องของวินคนหนึ่งสะดุ้งและเผลอลั่นไกปืนไรเฟิลเข้าที่ท้องผม
ใช่…จุกมาก แต่ผมก็ยังคงยืนอยู่ ผมกัดฟังเพื่อระงับความเจ็บปวด จากนั้นก็หยิบปืนไรเฟิลของยามคนหนึ่งที่ผมเพิ่งฆ่าไปเมื่อกี้ขึ้นมาประทับ
“ทิ้งปืนลง!!” ลูกน้องคนนั้นตะคอกใส่ผมและทำท่าเหมือนจะไม่กลัว แต่ในความเป็นจริงอาจจะฉี่รดกางเกงแล้วก็ได้ ใครจะไปรู้ ธรรมชาติของมนุษย์บางคนจะทำเป็นไม่กลัวทั้ง ๆ ที่ตัวเองกำลังกลัวแบบขี้หดตดหาย จิตวิทยาข้อนี้อาจจะใช้ได้กับมนุษย์ขี้ขลาดทั่วไป แต่ไม่ใช่กับผมหรือนิว
ผมควักกระสุนออกจากแผลและปล่อยให้แผลสมาน เลือดเลอะมือไปหมด
แต่นาน ๆ เข้ามันก็จะเริ่มเหนียวและแห้งไปในที่สุด
“มันเจ็บนะ” ผมโยนหัวกระสุนทิ้งและเล็งปลายกระบอกปืนไปหาลูกน้องของคาโอรินและเหนี่ยวไก นิวเห็นดังนั้นเขาจึงพุ่งเข้าไปจัดการกับลูกน้องอีกคนและแย่งปืนมาได้ เข้ายิงหัวลูกน้องอีกคนที่กำลังล็อกคอนัทอยู่ ซึ่งทำให้เขาเป็นอิสระ ส่วนนัทได้ที เขาพุ่งเข้าไปจัดการกับอักคนที่กำลังล็อกคอแฟนสาวของตัวเอง แต่ทักษะการต่อสู้ของเขาไม่ได้ถูกขัดเกลาเลยแม้แต่น้อย ทำให้หมัดที่ปล่อยออกไปนั้นไร้ค่า แต่โชคดีที่กระสุนปืนของนิวช่วยไว้ทัน จึงทำให้กิ๊บหลุดจากพันธนาการ ผมพุ่งเข้าไปจัดการที่เหลือร่วมกับนิวจนลูกน้องทั้งหมดของคาโอรินตายราบคาบ
ทั้งสี่คนชี้ปลายกระบอกปืนไปที่คาโอรินที่ตอนนี้จับฟางขึ้นมาเป็นโล่และมีปืนชี้ไปที่คอของฟาง ทุกคนยกเว้นนิวต่างพากันกลัวว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับเธอ ซึ่งผมตกใจกับการกระทำของเขาที่แสดงออกทางสีหน้าเป็นอย่างมาก
“ทิ้งปืนและมาคุยกันดี ๆ เถอะน่า คาโอริน” ผมพูด
“พวกมึงทุกตัวแม่งทิ้งกูไว้กลางดงซอมบี้!!” คาโอรินตะคอกอย่างโกรธแค้น “ถ้าไม่มีแก๊งของวินมาช่วยไว้ก็คงจะไม่มีวันได้แก้แค้นพวกมึงหรอก”
“ใจเย็น ๆ ก่อนคาโอริน ตอนนั้นพวกเราไม่ได้ตั้งใจนะ” นิวพยายาม
เอาน้ำเข้าลูบ “ปล่อยฟางไปก่อน ถ้าไม่อยากมีเรื่องเจ็บตัว ถือว่าเตือนแล้วนะ”
“โอ้โห!” คาโอรินทำหน้าแปลกใจ “ขนาดตอนนี้พวกมึงกำลังเสียเปรียบอยู่แบบนี้มันมีหน้ามาพูดแบบนี้อยู่อีกเหรอ? ใช่! มันก็จริงที่ว่าพวกมึงมีปืนชี้มาที่กูตั้งสี่กระบอก แต่กูมีแค่ปืนพกแค่กระบอกเดียว เลยอาจจะทำให้เจ็บตัว แต่พวกมึงเสียเปรียบที่ว่ากูจะทำให้มึงเจ็บใจ ไอ้นิว! ด้วยการเป่าสมองอีนี่ให้แหลกไปซะ หน้าตาก็ไม่สวยแล้วจะยังมาทำนิสัยเป็นอีนางเอกละครเจ้าน้ำตา อ่อนแอ ไร้ค่า
คิ้วฟางกระตุก
นิวกลืนน้ำลาย
“พอโดนนางร้ายร้ายใส่ ก็ทำเป็นร้องไห้เรียกร้องพระเอกให้มาช่วย แต่ขอโทษนะ นี่มันชีวิตจริง มันยิ่งกว่าในละครอีก หรือไม่จริงล่ะ?”
นิวถอนหายใจละลดปืนลง นั่นทำให้ทุกคนงงงวยกับสิ่งที่เกิดขึ้น
“เป็นอะไรไปวะนิว?” ผมถาม
“คาโอริน” ชายหนุ่มพ่นลมหายใจออกทางจมูก “มึงไปจี้จุดเขาเองนะ เรื่องนี้เค้าไม่เกี่ยวนะฟาง”
“ว่าไงนะ?” คาโอรินงง จู่ ๆ เธอก็รู้สึกว่าผู้หญิงที่เธอจับตัวมาเป็นตัวประกันนั้น เริ่มจะล็อกไม่อยู่ จากนั้นเธอก็ถูกฟางหมุนตัวก้มเพื่อให้ตัวเองหลุดจากพันธนาการด้วยพละกำลังที่ต่างจากเมื่อก่อนนี้ นั่นสร้างความตกใจให้กับคาโอรินได้ระดับนึงเลยทีเดียว ฟางหมุนตัวเข้ามาเผชิญหน้ากับศัตรูก่อนที่ฟันเข่าไปที่หน้าท้องเต็มแรงจนร่างของคาโอรินลอยเหนือพื้นไปเล็กน้อยก่อนที่จะตกลงสู่พื้นอย่างแรง ฟางไม่รอช้าพุ่งเข้าไปแย่งปืนจากคาโอรินทันที เหตุการณ์นี้สร้างว่ามึนงงให้กับผมและทุกคนยกเว้นนิวได้มาก
“เห็นมั้ย บอกแล้ว” นิวยักไหล่
“กูไม่ได้เป็นนางเอกเจ้าน้ำตา!” ฟางเตะอัดหน้าท้องของคาโอรินแบบไม่ยั้ง “กูไม่ได้อ่อนแอ! มึงไม่รู้หรอกว่าก่อนกลียุคกูไปทำอะไรมา! กูไม่ใช่เป็นคนไร้ค่า! ใครมาร้ายใส่กู กูก็ร้ายกลับได้เหมือนกันโว้ย! กูไม่ได้ต้องการพระเอก! กูต้องการแค่ผัวกูอย่างเดียวจบนะ!!”
คาโอรินนอนจุกอยู่ที่พื้น ฟางชี้ปืนไปที่คาโอรินด้วยอารมณ์ที่หงุดหงิด แต่โชคดีที่นิวเข้าไปแย่งจากหญิงสาวได้ทันก่อนที่เธอจะฆ่าคนไป ถึงแม้ว่าการฆ่าคนในตอนนี้อาจจะดูเป็นเรื่องธรรมชาติสำหรับบางคน แต่ในบางทีเราก็ลืมวิถีชีวิตเก่า ๆ ของเราไปด้วย ซึ่งมันก็ไม่แปลกที่การดำรงชีวิตของพวกเราในตอนนี้นั้นไม่เหมือนเมื่อก่อน เมื่อโลกของเราไม่มีกฎหมายอีกต่อไป ศาลเตี้ยและความไร้ซึ่งกฎเกณฑ์ได้เข้าครอบงำผู้คนที่รอดชีวิตให้จับอาวุธและฆ่าคนที่ไม่ใช่พวกเดียวกัน แม้ว่ามันจะไม่เกิดขึ้นตอนนี้ แต่ในอีกไม่ช้ามันคงจะเกิดขึ้นอย่างแน่นอน
“โอเค เอ็น” นิวพูดขึ้น “เดี๋ยวเราจะต้องคุยเรื่องนี้กันยาวหน่อยนะ
ทั้งเรื่องที่นายถูกจับไป ยิ่งไปกว่านั้น นายต้องเล่าเรื่องที่นายกลายร่างเป็นซอมบี้แบบนี้ด้วย พวกกูไม่เข้าใจสถานการณ์เลย แล้วฮีซุยไปอยู่ที่ไหน?”
“เราไว้ใจฮีซุยไม่ได้” ผมพูดด้วยเสียงทุ้มต่ำ ฟังดูน่าหดหู่ “แท้จริงแล้วฮีซุยนั้นเป็นพวกแก๊งนักเลงสยามมาตั้งแต่แรกแล้ว เธอเป็นสปาย”
คำพูดของผมที่ได้เอ่ยออกไปนั้นเปี่ยมไปด้วยความเจ็บปวดลึก ๆ ที่อยู่ภายใน เธอไม่ควรที่จะเข้ามาทำให้ผมหวั่นไหวเลย นั่นมันทำให้เธอดูมีความผิดในทันที แต่ผมก็ยังคงรู้สึกผิดที่หวั่นไหวใจง่ายไปเอง ทุกสิ่งทุกอย่างล้วนแล้วผมเป็นคนผิดที่ต้องมารู้สึกแบบนี้ เป็นเพราะว่าผมเป็นฝ่ายไปจีบเธอมากกว่า โดยที่ไม่ได้ระวังเลยว่าเธอซ่อนมีดเพื่อเอาไว้แทงข้างหลังแทนที่จะเป็นดอกไม้กลิ่นหอม
จู่ ๆ คาโอรินค่อย ๆ ลุกขึ้นมา ทุกคนหันไปหาเธอพร้อมกัน
“ลุกขึ้นมา กูออมแรงตัวเองอัดมึงไม่ได้เพื่อให้มึงหลับไปหรอกนะ” ฟางพูดด้วยเสียงทุ้มต่ำอย่างน่ากลัว
“….”
เธอไม่พูด ทำได้เพียงกุมหน้าท้องของตัวเองอยู่ด้วยความเจ็บปวด
เมื่อเธอกำลังจะยืนขึ้น พยายามร้องขอความช่วยเหลือ แต่ไม่มีใครยอมช่วยฉุดให้เธอลุกขึ้น ผมเห็นเช่นนั้นจึงยื่นมือไปให้คาโอริน เธอมองฝ่ามือที่ซีดเซียวก่อนที่จะมองขึ้นไปที่ใบหน้าที่บิดเบี้ยวของผม นัยน์ตาสีดำมองเข้าไปในนัยน์ตาของเธอ ก่อนที่จะฉุดเธอขึ้นมา
ปัง!!!
เสียงปืนก็ดังลั่นสนั่นขึ้นอย่างไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ย กระสุนจากที่ไหนสักแห่งพุ่งเข้ามาทะลุผ่านร่างของผมและทะลุไปเจาะที่หน้าท้องของคาโอรินจนเธอหงายท้องลงไปนอนกับพื้น เลือดไหลออกจากบาดแผลอย่างบ้าคลั่ง
ส่วนผมทำได้แค่ปล่อยมือให้เธอล้มไปพร้อมกัดฟันอย่างเจ็บปวด ทุกคนรวมถึงผมหันไปหาเจ้าของเสียงปืนทันทีที่นัดแรกถูกปล่อยออกมา เห็นชายคนหนึ่งยืนชี้ปืนมาที่ผม เขาเป็นชายร่างกายกำยำ แต่งตัวด้วยชุดทหาร
ตัดผมสกินเฮด นัยน์ตาของเขามีแต่ความโหดเหี้ยม ไร้ความปรานีต่อเป้าหมาย ริมฝีปากของเขากำลังแสยะยิ้มอย่างชั่วร้ายที่พร้อมจะฆ่าทุกคนที่อยู่ที่นี่ด้วยปืนมัจจุราชเพียงหนึ่งกระบอก แผลของผมกำลังจะสมาน แต่ก็ถูกมันกระหน่ำยิงจนเป็นแผลหลายจุดที่กลางหน้าอกของผม แม้ว่าผมจะโดนเจาะเข้าไปที่หัวใจ แต่ยังไงก็สามารถสมานกันได้อยู่ดี เมื่อมองเข้าไปที่แววตาของเขาแล้ว ทำให้รู้ได้ว่าเขาเป็นมืออาชีพในด้านการฆ่า ซึ่งทำให้ผมแปลกใจว่าทำไมเขาถึงไม่ยิงเข้าที่หัว
ทุกคนประทับปืนหันไปหาศัตรูคนใหม่
เราไม่ไว้ใจมัน
ยิ่งเป็นผู้ชายร่างใหญ่กล้ามเป็นมัด ๆ แบบนั้นยิ่งต้องระวังตัวให้มากขึ้นอีก
“ไม่ตายจริง ๆ ด้วย ตามที่ท่านวินพูดจริง ๆ ด้วยสินะ” เขาพูดขึ้นพร้อมกับเก็บปืนพกเข้าซองปืน “ซอมบี้บอย”
“แกเป็นใครวะ?” นิวถามพร้อมกับตั้งการ์ดพร้อมสู้ “ถ้าจะสู้ กูก็พร้อมเป็นคู่มือให้”
“ฉันไม่ได้มาที่นี่เพื่อจะกำจัดพวกแกหรอกนะ แม้ว่าจะทำได้เพียงแค่ใช้มือเดียวก็ตาม” เขาถอนหายใจ “ฉันมาที่นี่เพื่อนำข้อความจากวินมาบอกพวกแกทุกคน”
ทุกคนนิ่ง
“ลดปืนลงก่อน มันไม่ได้อยากจะฆ่าเราจริง ๆ” ผมพูดขึ้นแต่ก็ไม่ได้ละสายตาไปจากชายร่างใหญ่
“นึกว่าจะคุยกันไม่รู้เรื่อง เกือบจะได้ตะลุมบอนกันซะแล้ว” เขาหัวเราะเบา ๆ อย่างผ่อนคลาย ก่อนที่จะเปลี่ยนอารมณ์มาจริงจังอีกครั้ง “ท่านวินฝากมาบอกว่า ท่านวินพร้อมที่จะทำสงครามกับพวกแกทุกคนซึ่งท่านมีคนเป็นพันคนและพวกมึงจะถูกล้อมด้วยจำนวนคนที่มากกว่า ซึ่งพวกมึงจะไม่มีทางชนะสงครามได้”
ข้อความนั้นทำให้ผมอึ้ง…
“พะ…พันคนเลยเหรอ…” ปากของผมสั่น แน่ล่ะ จำนวนขนาดนั้นผมต้านไม่อยู่แน่นอน “มันไปเอาคนมากขนาดนั้นมาจากไหนกัน…?”
“ส่วนใหญ่ก็เป็นทหารที่รอดชีวิตจากพวกซอมบี้แหละ ฉันก็เป็นหนึ่งในนั้น” ชายร่างใหญ่พูด “ถ้าเป็นฉัน ฉันจะหนีไปให้ไกลที่สุดและไม่กลับมาเหยียบที่นี่อีกเป็นครั้งที่สอง ซึ่งพวกนายก็น่าจะรู้แล้วว่าท่านวินมันมีอิทธิพลขนาดไหน ทหารทุกนายพร้อมที่จะเสียสละเพื่อปกป้องท่านอยู่แล้ว”
ผมยืนนิ่ง
ไม่ไหวหรอก…ผมคิด คนจำนวนขนาดนั้นแถมยังเป็นทหารอีก
ต่อให้มีผมกับนิวไป มันก็ยังมีความต่างอยู่ที่จำนวนคนอยู่ดี…
จู่ ๆ มีมือหนึ่งยื่นเข้ามาจับเข้าที่ไหล่ของผมและบีบเบา ๆ เป็นมือของนิวนั่นเอง เขาไม่ได้รู้สึกถึงความกลัวที่แผ่ออกมาจากชายร่างใหญ่คนนี้เลยแม้แต่นิดเดียว แต่กลับยิ้มออกมาอย่างมีความหวัง แววตาของเขาไร้ซึ่งความกลัวใด ๆ
ใช่…แสงสุดท้ายจะยังคงไม่ลับสูญไป
“ไม่ต้องกลัวหรอกน่า” เขาพูด
ชายร่างสูงกระตุกคิ้วขวาเล็กน้อย เมื่อนิวยิ้มไปที่ศัตรูด้วยความท้าทาย
“ต่อให้มาเป็นหมื่น ก็ทำอะไรพวกเราไม่ได้” คำพูดนี้ทำให้ชายร่างสูงเบิกตาโพลงอย่างแปลกใจ เขาไม่เคยเจอคนแบบนี้มาก่อน แม้ว่าเข้าจะขู่ ๆ ขนาดนี้ แต่ชายคนนั้นไม่คิดจะยอมแพ้และหนีไปเลย แต่กลับยืนผงาดท้าทายแบบนี้มันไม่ธรรมดา
คำพูดของนิวทำให้ผมกลับมามีความหวังอีกครั้ง ใบหน้าที่ของผมบิดเบี้ยวและซีดเซียว กลับมามีเลือดฝาดอีกครั้ง นัยน์ตากับมาเป็นมนุษย์ปกติดังเดิม ซึ่งเปี่ยมไปด้วยความหวังใหม่ นั่นทำให้ผมยิ้มได้อีกครั้ง
“ฝากกลับไปบอกท่านวินของมึงด้วยว่า เป็นมึงต่างหากที่จะต้องถูกล้อม” จบด้วยการแสยะยิ้มที่แสนชั่วร้ายของตัวเอง
ชายร่างสูงยิ้มพร้อมกับล้วงไปในกระเป๋ากางเกง เราทุกคนยกปืนขึ้นมาเล็งที่ชายคนนั้นทันที และดุท่าทีว่าจะทำอะไรต่อไป แต่ที่น่าแปลกใจก็คือเขาไม่ได้สะทกสะท้านกับสิ่งที่พวกเราได้ยกปืนขู่เมื่อกี้เลยแม้แต่น้อย สิ่งที่เข้าหยิบออกมานั้นคือซองจดหมายสีชมพู เขายื่นมาให้ผม
“ท่านวินได้ส่งการ์ดเชิญแต่งงานมาด้วย หวังว่าจะได้เจอกันในงานนะ” เขาพูด
เมื่อผมค่อย ๆ ก้าวออกไปรับซองการ์ดเชิญนั้นอย่างกล้า ๆ กลัว ๆ ผมเห็นจ่าหน้าซองถึงพวกเราว่า
เรียนเชิญ
เอ็นและพรรคพวก
สู่งานวิวาห์ระหว่าง วินและฮีซุย
(จาก แก๊งสยาม)
“ถ้าเจอกันไงงานก็อย่าลืมทักกันด้วยละกัน” ผมแสยะยิ้มอย่างท้าทาย “ขอรู้ชื่อได้มั้ย?”
“ฉันชื่อดอม ยินดีที่ได้รู้จัก ไม่แน่นายอาจจะโดนฉันฆ่าในสนามรบก็ได้ อย่าโกรธกันเลยนะ” เขาพูด แต่ผมกลับไม่พูดอะไร จากนั้นเขาก็เดินหายออกไปจากห้อง
ผมยืนนิ่ง
เราได้ประกาศสงครามกับแก๊งสยามแล้ว…
_______________________________________________________
To Be Continue EP.26