"พลังที่ผมได้มานั้น...มันคือพรหรือคำสาปกันแน่นะ...? แล้วผมจะใช้พลังนี้แก้ไขประเทศที่ล่มสลายนี้จะกลับเหมือนเดิมได้อย่างไร...?"
แอคชั่น,ชาย-หญิง,สะท้อนปัญหาสังคม,ไทย,เลือดสาด,พล็อตสร้างกระแส,ดราม่า,สยองขวัญ,ผี,ผจญภัย,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
Undead War สงครามคนเป็น"พลังที่ผมได้มานั้น...มันคือพรหรือคำสาปกันแน่นะ...? แล้วผมจะใช้พลังนี้แก้ไขประเทศที่ล่มสลายนี้จะกลับเหมือนเดิมได้อย่างไร...?"
โรคระบาดยังคงอยู่รอบๆ ตัวเรา ไม่ได้หายไปไหน หมอทุกคนตายกันไปหมดแล้ว ความหวังดับวูบจนไม่เหลือแม้แต่แสงสุดท้าย ราวกับว่าตัวเองกำลังเดินอยู่ในอุโมงค์ไร้แสงสว่างและไร้สิ้นสุด พวกซอมบี้ต่างคอยจะได้กัดกินเนื้อมนุษย์อย่างกับเครื่องจักรที่ไม่มีวันเหนื่อย ไม่ว่าจะมองไปทางไหน ก็มีแต่พวกมันอยู่เต็มไปหมด
แต่ความหวังก็ยังไม่หมดไป เมื่อผมสามารถเอาชนะเชื้อไวรัสตัวนี้ได้ ทำให้ร่างกายของผมเกิดกลายพันธุ์และสามารถแปลงกายเป็นซอมบี้ได้ตลอดเวลา นั่นทำให้ผมวิวัฒนาการไปอีกขั้นเพื่อที่จะช่วยเหลือมวลมนุษยชาติได้
ซอมบี้ตัวนั้นพุ่งเข้ามาหมายจะลิ้มรสเนื้อสด ๆ ของมนุษย์ผู้ซึ่งจับกระบองและสั่นเทิ้มไปด้วยความกลัว สายตาของเขาจับจ้องไปที่เนื้อเน่าเดินได้ที่กำลังเดินมาหาเขาด้วยความเร็วเท่ารถจักรยาน แม้ว่าความเร็วแค่นี้เป็นความเร็วที่ต่ำที่สุดของซอมบี้แต่มันก็ยังทำให้ชายคนนั้นกลัวอยู่ดี ขาของเขาสั่นและแทบจะไม่มีแรงแม้แต่พยุงขาของตัวเองให้ยืนอยู่ได้ในเวลานาน ๆ กระบองที่ทำจากกิ่งไม้หยาบ ๆ นั้นเป็นเพียงเครื่องป้องกันตัวเพียงหนึ่งเดียวของ “นัท” เท่านั้น เขายืนประจันหน้ากับซอมบี้แค่ตัวเดียว แต่เขาไม่สามารถจัดการมันได้เนื่องจากความกลัวที่เกิดขึ้นภายในจิตใจของเขาที่บันดาลขึ้นมาอย่างไร้สาระ นั่นทำให้เขาไม่กล้าแม้จะยืนย่างเท้าเข้าไปแม้แต่ก้าวเดียว
เขาไม่ได้แม้จะดูเชิงของซอมบี้ตัวนี้ เพราะในความเป็นจริงมันไม่มีเชิงให้สังเกตเลย แค่พุ่งเข้าไปหวดมันที่กลางหัวแรง ๆ เพียงหนึ่งทีมันก็ล้มลงไปนอนกับพื้นแล้ว
แต่เขากลับกลัวจนร่างกายไม่ขยับไปตามคำสั่งของร่างกายเลย
“มัวทำบ้าอะไรอยู่วะ ?” เสียงคาโอรินดังขึ้นจากข้างหลังของชายหนุ่มที่สั่นเทิ้มไปด้วยความกลัว
เธอเดินย่างสามขุมเข้ามาโดยไม่ได้เกรงกลัวปีศาจคนตายที่ค่อยเดินเข้ามาเลยแม้แต่น้อยโดยที่ในมือขวาของเธอนั้นมีมีดโค้ง คารัมบิตสีเงินส่องประกายแวววับชุ่มไปด้วยเลือดสีดำ เธอเดินผ่านนัทไปจากนั้นก็ใช้มีดแทงเข้าที่ขมับของซอมบี้ตัวนั้นอย่างรวดเร็วและแม่นยำ โดยที่แววตาของเธอมีแต่ความว่างเปล่าและเย็นชาดุจปีศาจเจ้าหญิงหิมะ
“ถ้าจะมาเป็นตัวถ่วงแบบนี้เชิญออกไปเลยจะดีกว่า” หญิงสาวถอนหายใจอย่างเบื่อหน่าย
“ก็…ก็กูยังไม่พร้อมนี่หว่า” นัทเถียงกลับ
“ก็แล้วแต่มึงเลย จะบอกให้ว่าการแต่งตัวของมึงแม่งโคตรไม่เหมาะกับสถานการณ์เลยว่ะ” เธอพูดพร้อมกับมองนัทตั้งแต่ปลายเท้าจรดปลายเส้นผมที่ยุ่งเหยิงแต่เจ้าตัวก็พยายามทำให้ภาพลักษณ์ตัวเองดูดีอยู่ตลอดเวลาโดยการเอาเจลใส่ผมที่หาได้จากร้านสะดวกซื้อมาปาดลงที่เส้นผมให้เรียบอยู่ตลอดเวลา โดยที่ไม่ได้สนใจเลยว่าตัวเองไม่ได้อาบน้ำสระผมมากี่วันแล้ว ตอนกลางคืนแทบไม่อันกินอันนอนเพราะคันหนังศีรษะจนต้องแยกนอนกับกิ๊บ ซึ่งเธอก็เริ่มหมดความอดทนกับความเป็นลูกคุณหนูของเขาแล้วจริง ๆ เขามักจะสวมเสื้อเชิ้ตสีขาวติดกระดุมคอเรียบร้อยและกางเกงสแลกสีดำที่ต้องเอาชายเสื้อยัดใส่เข้าไปในกางเกงให้เรียบร้อย นั้นมันทำให้การเคลื่อนไหวของเขาจะขัด ๆ กว่าพวกเราที่สวมเสื้อผ้าที่ทำให้เขาเคลื่อนที่ได้คล่องแคล่วว่องไวขึ้น
นัทไม่ได้พูดอะไรต่อจากนั้น เขาแค่ยืนนิ่งกำกระบองคู่ใจไว้ในมืออย่างแน่นในขณะที่คาโอรินเดินจากไปเพื่อไปสมทบกับพวกผม แม้ว่าร่างกายของนัทจะเลิกสั่นไปแล้วก็ตาม มันทำให้ความคิดในหัวของเขาแบ่งเป็นฝ่าย ๆ อย่างสับสน ความเป็นอีโก้ของเขาสูงเกินกว่าจะใช้หลักเหตุและผลมาเป็นที่ตั้ง แต่ไม่ว่าจะยังไงก็ตาม เขาก็ไม่คิดจะใช้หลักเหตุและผลของธรรมชาติอยู่แล้ว
เวลาผ่านไปสองวันนับจากที่นัทขอแต่งงานกับกิ๊บ ใช่…ตอนนี้ทั้งสองยังไม่ได้จัดงานแต่งงานขึ้น แต่ภารกิจในครั้งนี้เกิดขึ้นเพราะว่าเราต้องหาของจัดงาน รวมถึงชุดแต่งงานของทั้งสองฝ่ายด้วย ซึ่งนิวไม่ได้ให้นัทและกิ๊บจับคู่กันทำภารกิจเพราะว่าอยากจะแบ่งเป็นฝ่ายเจ้าบ่าวเจ้าสาวมากกว่า เราแบ่งออกกันเป็นสองทีม ทีมแรกเป็นทีมเจ้าบ่าวก็มีผม นัทและนิว ส่วนทีมที่สองก็จะเป็นทีมฝ่ายเจ้าสาวมีฟาง กิ๊บและคาโอริน แต่สาเหตุที่คาโอรินมาช่วยนัทได้เพราะว่าเธอแค่มาถามฝั่งผู้ชายเรื่องธีมงานแต่งเฉย ๆ แถมร้านนั้นอยู่ในห้างที่อยู่ไม่ห่างจากบ้านของกิ๊บ
ใช่ครับ พวกเราตัดสินใจว่าจะไปเริ่มต้นทุกอย่างใหม่ที่บ้านของกิ๊บ ซึ่งอยู่ในหมู่บ้านแถวบางนา ส่วนห้างที่พวกเราได้แวะกันระหว่างทางนั้นเป็นเพียงศูนย์การค้าที่เราสามารถหาของทั้งหมดที่ต้องใช้ในทุกสถานการณ์ได้ ซึ่งเราได้ของที่จำเป็นสำหรับจัดงานแต่งงานเป็นที่เรียบร้อย รวมถึงเสบียงอาหารและของใช้ฟุ่มเฟือยต่าง ๆ นานา ที่เราไม่สามารถซื้อของพวกนี้ได้ ในชีวิตก่อนวันกลียุค ซึ่งในตอนนี้ของที่ขาดก็เหลือเพียงชุดแต่งงานของทั้งสองคนเท่านั้น เราไม่สามารถหาร้านขายชุดแต่งงานได้ที่ไหนเลย แม้ว่าเราจะแยกย้ายกันไปแต่ก็ยังติดต่อกันผ่านวิทยุสื่อสารที่เอามาจากร้านขายอุปกรณ์สื่อสาร (ที่ไม่ใช่โทรศัพท์)
“เจอร้านมั้ย?” ผมถามผ่านวิทยุ
“ไม่เจอร้านเลย เราว่าที่นี่ไม่น่าจะมี” ฟางตอบจากนั้นก็ได้ยินเสียงปืน ซึ่งมันดังมาจากฝั่งนู้นอยู่หลายสิบนัด “ว่าแต่ซอมบี้ที่นี่ก็เยอะไม่ใช่เล่นเลยนะ”
ไม่ทันขาดคำ ผมเห็นซอมบี้เดินมาจากด้านหลังผ่านกระจกเงาที่วางอยู่เฉียงไปด้านซ้าย นั้นทำให้ผมปามีดออกไปปักเข้าที่กลางกบาลของมันทันที
“พวกมึงแม่งปีศาจชัด ๆ ” นัทประชด “ไอ้นิว มึงก็แรงควาย ส่วนไอ้เอ็น มึงก็มีพลังซอมบี้ ส่วนกูล่ะ ไม่มีเหี้ยอะไรเลย”
“แล้วมันแก้ไขอะไรได้บ้างกับปัญหาที่มึงมีอยู่ตอนนี้วะ ?” ผมถาม “เอาจริง ๆ ถ้ากูไม่โดนซอมบี้กัด กูก็ไม่ต่างอะไรกับมึงหรอกเว้ย!”
“กูรอดมาได้ยังไงวะ? มึงตอบกูดิ!” นัทตะคอก “ไม่มีพลัง ไม่มีกำลัง…”
มือของนิวพุ่งเข้ามาอุดปากนัทพร้อมกับจุปากให้เงียบ จากนั้นเขาก็ชี้ไปด้านหน้า สิ่งที่นัทและพวกเราเห็นนั้นแทบทำให้เข่าทรุดไปกับพื้น
นั่นคือซอมบี้ร่างยักษ์!
ร่างกายของมันไม่เหมือนซอมบี้ทั่วไป แต่เป็นร่างกายที่กำยำเหมือนกับว่ามันกลายพันธุ์จนกลายเป็นอาวุธชีวภาพไม่ต่างจากผม ในความเป็นจริงแล้วตัวผมเองก็เป็นหนึ่งในอาวุธชีวภาพเหมือนกัน แต่ดูทรงแล้วผมน่าจะเป็นผลลัพธ์ที่ประสบความสำเร็จที่สุดมากกว่า ผิวหนังของมันสีซีดใบหน้าบิดเบี้ยวดวงตาหายไปทั้งสองข้าง ทั้งร่างกายปกคลุมไปด้วยมัดกล้ามที่แน่นหนา แต่กลับไม่มีเสื้อผ้าปิดบังร่างกายเลยแม้แต่ส่วนเดียว
พวกเราจ้องมองมันจนแทบลืมหายใจ ราวกับถูกมันสะกดให้นิ่งอยู่กับที่ ความสูงของมันราวสองเมตร ไม่ต่างจากฝรั่งร่างยักษ์หนึ่งคนเลย ถ้าจะบอกว่ามันเป็นเพียงซอมบี้ธรรมดาก็คงจะเป็นไปไม่ได้ในความเป็นจริง เพราะรังสีอำมหิตที่แผ่ออกมานั้นมันน่ากลัวกว่าที่คิดไว้เป็นหลายสิบเท่า
“เหมือนไทแรนเลย” ผมกระซิบ
“ไทแรน?” คาโอรินกระซิบถาม “มันคืออะไร?”
“อาวุธชีวภาพที่ร้ายกาจที่สุดของบริษัทร่มแดงในเกมไบโอฮาซาร์ด” นิวตอบแทนผม ผมเห็นเหงื่อหนึ่งเม็ดไหลย้อยลงมายังแก้มจนถึงคาง “เราสู้มันแทบไม่ได้ในเกม”
“แต่อาจจะสามารถสู้ได้ในชีวิตจริงนี่” ผมพูดอย่างกล้า ๆ กลัว ๆ
จู่ ๆ เสียงปืนก็ดังขึ้นอีกสองสามนัด พนันได้เลยว่ามันต้องมาจากกลุ่มผู้หญิงแน่นอน แต่สิ่งที่ไทแรนนั่นมันทำก็คือ มันคำรามเสียงก้องกังวานไปทั่วบริเวณ จากนั้นมันก็เริ่มออกวิ่งด้วยความเร็วประมาณห้ากิโลเมตรต่อนาที เมื่อผมกับนิวรู้ว่ามันจะทำอะไร นิวบอกให้ผมรีบแปลงร่างทันที ผมไม่รอช้าหยิบขวดเล็ก ๆ บรรจุของเหลวสีดำอยู่ภายในขึ้นมาดื่ม
ใช่ครับ…มันคือเลือดของซอมบี้ ซึ่งผมได้ทำการวิจัยอยู่เมื่อวานว่าถ้าผมจำเป็นต้องแปลงร่างโดยที่ไม่ต้องให้ซอมบี้กัด จะสามารถแปลงร่างได้โดยวิธีอื่นมั้ย และคำตอบที่ได้นั้นก็คือ การดื่มเลือดที่มันสารพิษของพวกมัน หลังจากนั้นผมก็หาขวดเล็ก ๆ มาบรรจุเลือดของพวกมันไว้เป็นการแปลงร่างภาวะฉุกเฉิน ซึ่งผมมีมากสุดที่สามขวด เพราะหัวใจของซอมบี้นั้นหยุดเต้น การที่จะได้เลือดมานั้นช่างยากลำบาก ถ้าไม่ผ่าท้องพวกมันเพื่อคั้นเลือดจากหัวใจก็ต้องตัดหัวเพื่อเอาเลือดจากเส้นเลือดใหญ่ แต่สุดท้ายแล้วผมก็ต้องคว้านท้องพวกมันเพื่อบีบหัวใจให้เลือดมันไหลอยู่ดี เพราะค่าความดันเลือดเท่ากับศูนย์
เมื่อร่างกายของผมกลายเป็นซอมบี้เป็นที่เรียบร้อย ผมพุ่งออกไปพร้อมนิว ความเร็วของเขาสามารถทัดเทียมความเร็วพลังซอมบี้อย่างง่ายดาย ให้ตายสิ…นายเป็นตัวอะไรกันแน่…ถ้าเป็นมนุษย์ก็คงต้องเป็นนักกีฬาวิ่งแข่งทีมจักรวาลแล้วมั้ง แต่เขาเป็นแค่นักศึกษาคณะนิเทศเหมือนกับผมเท่านั้นเอง
“ไทแรนตัวนี้ไม่มีดวงตา งั้นแสดงว่าประสาทการได้ยินของมันคงจะดีไม่น้อย เราต้องเลื่อนที่ให้เบาและว่องไวกว่าเดิม เพราะเราไม่รู้ว่ามันทำอะไรได้บ้าง” นิวพูด
“รับทราบ” ผมตอบ
เมื่อเราวิ่งเกือบจะถึงตัวมัน ผมวิ่งขึ้นบันไดเลื่อนไป แต่สิ่งที่ไม่คาดฝันก็ได้เกิดขึ้น จู่ ๆ บันไดเลื่อนก็ถึงกับถล่ม เสียงเหล็กกระสบกับพื้นทำให้ไทแรนเบรกกะทันหัน นั่นส่งผลให้ร่างกายของมันชนกับซอมบี้สองสามตัวที่ยืนอยู่ตรงนั้นจนร่างกายแหลกสลาย
“พลังทำลายอะไรของมันวะ…?” นิวปาดเหงื่อบนหน้าผากหลังจากเบรกตัวเองได้เรียบร้อยแล้ว
“ฉิบหายละทีนี้ เราจะทำยังไงกันดี” ผมถาม “ปักหลักสู้กับมันเลยดีมั้ย?”
“มึงคิดว่าตัวเองจะสู้ไหวมั้ยล่ะ ?” เขาถามพร้อมกับมองเขาไปในดวงตาของผมเหมือนกำลังจะหาคำตอบที่จะประกันชีวิตตัวเองและคนอื่นได้
เขากำลังรอคำตอบของผมอยู่…
เวลามันก็กระชั้นชิดเข้ามาเรื่อย ๆ เชื่อเถอะ ผมแทบไม่มีเวลาที่จะคิดถึงคำตอบและสิ่งที่จะเกิดขึ้นหลังจากได้พูดคำตอบออกไปแล้ว อีกทั้งยังไม่มีเวลาคิดถึงผลที่จะเกิดหลังจากนั้นอีกด้วย ซอมบี้ที่ไม่รู้ที่มาที่ไป ไม่รู้ข้อมูลความสามารถของมัน รู้แต่เพียงว่ามันแข็งแกร่งมาก ๆ อย่างแน่นอน
ไม่มีเวลาจะมาคิดเล็กคิดน้อยแล้ว!!
“เดี๋ยวกูไปเอง…”
จากนั้นผมก็พุ่งตัวออกไปเพื่อเผชิญหน้ากับมัน…
____________________________________________
To Be Continue Ep.28