"พลังที่ผมได้มานั้น...มันคือพรหรือคำสาปกันแน่นะ...? แล้วผมจะใช้พลังนี้แก้ไขประเทศที่ล่มสลายนี้จะกลับเหมือนเดิมได้อย่างไร...?"
แอคชั่น,ชาย-หญิง,สะท้อนปัญหาสังคม,ไทย,เลือดสาด,พล็อตสร้างกระแส,ดราม่า,สยองขวัญ,ผี,ผจญภัย,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
Undead War สงครามคนเป็น"พลังที่ผมได้มานั้น...มันคือพรหรือคำสาปกันแน่นะ...? แล้วผมจะใช้พลังนี้แก้ไขประเทศที่ล่มสลายนี้จะกลับเหมือนเดิมได้อย่างไร...?"
โรคระบาดยังคงอยู่รอบๆ ตัวเรา ไม่ได้หายไปไหน หมอทุกคนตายกันไปหมดแล้ว ความหวังดับวูบจนไม่เหลือแม้แต่แสงสุดท้าย ราวกับว่าตัวเองกำลังเดินอยู่ในอุโมงค์ไร้แสงสว่างและไร้สิ้นสุด พวกซอมบี้ต่างคอยจะได้กัดกินเนื้อมนุษย์อย่างกับเครื่องจักรที่ไม่มีวันเหนื่อย ไม่ว่าจะมองไปทางไหน ก็มีแต่พวกมันอยู่เต็มไปหมด
แต่ความหวังก็ยังไม่หมดไป เมื่อผมสามารถเอาชนะเชื้อไวรัสตัวนี้ได้ ทำให้ร่างกายของผมเกิดกลายพันธุ์และสามารถแปลงกายเป็นซอมบี้ได้ตลอดเวลา นั่นทำให้ผมวิวัฒนาการไปอีกขั้นเพื่อที่จะช่วยเหลือมวลมนุษยชาติได้
เหมือนโลกทั้งใบกลายเป็นขุมนรก อารมณ์โทสะบันดาลขึ้นเรื่อย ๆ เมื่อผมมองหน้ามันนานขึ้น ภาพในวันที่มันทำกับผม เหยียบย่ำชีวิตผมให้จมลงดิน อีกทั้งมันยังเอาผู้หญิงมาย่ำยีหัวใจของผมอีก แววตาที่ชั่วร้ายของมันส่องออร่าภายใต้แว่นตาตลก ๆ ที่มันสวมเพื่อปิดบังแววตาของตัวเองไว้ สิ่งที่มันทำได้ทำไว้นั้นไม่สมควรได้รับความให้อภัยจากผมหรือว่าใครได้อีกเลย
นี่แหละ…สิ่งที่น่ากลัวกว่าซอมบี้ก็คือมนุษย์ด้วยกันเองนี่แหละ
“ใครมีอาวุธติดตัวก็ให้วางไว้ตรงนั้น” นิวพูดในเชิงข่มขู่ “อย่าให้เห็นว่าใครซ่อนอาวุธไว้ใต้แขนเสื้อหรือใต้เสื้อพวกมึงนะ”
“เข้ามาทีละคน” ผมพูดก่อนที่จะเก็บดาบเข้าฝัก
ผู้ชายผมทองเดินเข้ามาคนแรก นิวส่งปืนมาให้ผมจ่อขมับเพื่อป้องกันไม่ให้มันทำอะไรตุกติก
“บอกชื่อมา?” นิวถาม
“ชื่อมังกร กลุ่มผมมาจากนอกเมือง คนที่มีผมสีเทานั่นชื่อกระรอก” ผู้หญิงผมสีเทาหน้าสวยคนนั้นยิ้มโชว์ฟันกระต่ายอย่างเป็นมิตร “คนข้าง ๆ กระรอกผมสีดำชื่อไอยา”
‘ไอหยา’ ผมคิดในใจพร้อมกับมองไปที่ผู้หญิงร่างเล็กผมสีดำสวมแว่นกรอบดำหนาเตอะ
“ส่วนผู้หญิงอีกคนชื่อมาย” มังกรมองไปที่ผู้หญิงร่างสูงผมบลอนด์ เท่าที่ผมได้สังเกตผู้หญิงทั้งสามคนนี้ดูไม่ใช่คนมีพิษมีภัยอะไร แต่ผู้ชายที่ยืนอยู่ข้างหลังนั้นดูไม่น่าไว้วางใจอย่างยิ่ง ผมหวังว่านิวก็น่าจะรู้ตัวเองดี
“ส่วนผู้ชายที่ยืนอยู่ข้างหลังสามคนนั่นชื่อ คิว…”
“มึงโดนหลอกแล้วล่ะ” ผมขัดด้วยน้ำเสียงที่ฟังดูเครียดสุด ๆ ทำให้มังกรและนิวต้องชะงักไปในทันที ไม่มีใครพูดอะไรขึ้นมา ผมจึงพูดต่ออย่างไม่เกรงใจ “ทุกคนเข้ามาในรั้วนี้ได้ยกเว้นมึง” ผมชี้ไปที่วินที่ตีหน้าซื่อว่าตัวเองไม่รู้อะไร ผมรู้ว่าในหัวของมันมีแผนการที่จะแก้แค้นผมโดยการส่งพวกนี้มา
“หมายความว่าไงวะ?” นิวถาม
“ไอ้นี้ไงที่ชื่อ…”
“ผมเอาอาหารมาเยอะมากเลยนะ” วินพูดขึ้นอย่างไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ย “ถ้าให้พวกเราเข้าไป เราจะแบ่งอาหารให้ อีกอย่าง พวกนายเองก็ไม่อยากจะเสี่ยงชีวิตออกไปหาอาหารตลอดหรอกใช่มั้ย? เรามีน้ำกับอาหารเยอะมากท้ายรถ พอกินกันเป็นเดือนแน่นอน”
“เรามีอาหารเพียงพออยู่แล้ว” ผมปัดน้ำใจจอมปลอมของมันลงพื้นอย่างเย็นชาพร้อมกับมองเข้าไปในดวงตาของมันอย่างโกรธแค้น “เราไม่ได้ต้องการให้มึงมาช่วย อีกอย่าง…พวกมึงเป็นพวกของวินหรือเปล่าก็ไม่รู้”
“ใครวินเหรอครับ?” วินทำหน้าซื่อเหมือนกับว่าเขาไม่รู้จักคนชื่อนี้มาก่อนในชีวิต แต่…”ถ้าเป็นเพื่อนของผมที่ชื่อวินล่ะก็ตอนนี้น่าจะเสียชีวิตไปนานแล้วแหละ”
“มึงไม่ต้องมาทำไขสือ!” ผมเริ่มเดือด ภาพความทรงจำเป็นสิบ ๆ ภาพเริ่มหลั่งไหลเข้ามาในหัว ทุกอย่างที่มันทำกับผม รอยยิ้มอันชั่วร้ายที่ปรากฏขึ้นอยู่บนใบหน้าสามเหลี่ยมนั่น หนวดเคราที่เริ่มขึ้นจนทำให้มันดูเหมือนโจรมากขึ้น ให้ตายสิ เป็นคนไม่ดีทั้งนอกทั้งในเลยจริง ๆ ผมจ้องเข้าไปในดวงตาผ่านแว่นเลนส์หนาของมันอย่างกินเลือดกินเนื้อ หากผมดื่มเลือดซอมบี้ในชวดให้หมด ผมสามารถฆ่ามันลงได้เพียงไม่กี่วินาที แต่สิ่งที่มันตอบกลับมาด้วยภาษากายที่กวนประสาท นั่นทำให้ผมกำดาบแน่นขึ้นไปอีก ดูเหมือนนิวจะรู้ว่าผมกำลังคิดอะไรจึงห้ามปรามผม
“ใจเย็น ๆ เอ็น” เขาห้ามผมด้วยเสียงที่ราบเรียบ “นายแน่ใจหรือเปล่าว่าเขาคือวินคนนั้นจริง ๆ เท่าที่เห็นเขาก็เหมือนผู้เอาชีวิตรอดทั่วไปนี่ แถมวินคนนี้กูรู้จัก จำไม่ได้เหรอว่าเขาก็เรียนอยู่ห้องเดียวกับเราในวิชาอาจารย์โต๋งไง”
“ไม่ นิว” ผมแย้ง “มึงไม่เข้าใจ ใบหน้าแบบนี้มีอยู่คนเดียว”
“เอาเป็นว่า” นิวตัดบท “ถ้าเขาทำอะไรตุกติกแม้แต่นิดเดียว นายจัดการได้เลย อีกอย่างฉันเชื่อว่าวินที่ฉันรู้จักไม่ได้เป็นคนที่จะทำร้ายนายหรอก ไม่ว่าจะทั้งกายหรือใจ”
ผมอึ้งกับท่าทางของเขาที่ไม่ได้ฟังคำพูดของผมเลยแม้แต่น้อย ถ้าจำไม่ผิด ผมเคยเล่าทุกอย่างเกี่ยวกับวินให้นิวฟังไปหมดซึ่งเขาก็รู้จักวินมาก่อนผม แต่เขากลับไม่พูดอะไรถึงวินเลย แต่การที่เขาตัดสินใจให้วินเขามาอาศัยในนี้ ไม่ต่างจากหมาป่าที่ปลอมตัวด้วยขนแกะชัด ๆ เชื่อเถอะว่าคาโอรินกับผมไม่มีความสุขและต้องอยู่ด้วยความระแวงแน่นอน ใบหน้าของมันที่มองมาหาผมด้วยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์นั่นทำให้ใจสั่นอย่างกลัว ๆ
แต่ขอร้องให้นิวรู้ตัวเสียทีเถอะ…
“วันนี้เพิ่งจัดงานแต่งงานให้กับคู่รักคู่หนึ่งอยู่” นิวพูดขึ้นพลางปิดประตูรั้วเมื่อกลุ่มผู้เอาชีวิตรอดเข้ามาข้างในกันหมดแล้ว แน่นอน… รวมถึงวินด้วย “เย็นนี้กะว่าจะจัดงานเลี้ยงสักหน่อย เลยจะชวนพวกนายมาร่วมด้วย”
“จะดีเหรอ?” มังกรถาม “ในเวลานี้เสบียงอาหารนั้นสำคัญมากเลยนะ จะมาผลาญกับเรื่องนี้ไม่ได้”
“มันก็จริงของนาย เพื่อน” นิวเอื้อมมือไปวางบนบ่าของมังกรที่ตัวสูงกว่า แต่กลับทำให้ผู้ที่ต้องก้มหน้ามองถึงกับรู้สึกว่าตัวเองต่ำกว่าอย่างเห็นได้ชัด ซึ่งความรู้สึกนั้นมันแผ่มาถึงผมอีกด้วย “แต่ในทางกลับกัน ถ้าพวกนายทุกคนทำงานกันขยันขันแข็งอย่างไปหาอาหารหรือปลูกผัก ก็จะช่วยให้เรามีอาหารกินตลอดไป”
“กูไม่ชอบกินผักเลยว่ะ” กระรอกบ่น
“เราเกิดมาอยู่เพื่อกินเหรอ?” ผมสวนกลับ “เธอมีชีวิตรอดอยู่บนโลกแบบนี้มาเกือบเดือนก็น่าจะเข้าใจแล้วว่าอยู่ที่นี่เราไม่สามารถเลือกกินเหมือนกับโลกยุคก่อนหน้านี้”
“แล้วจะให้กูทำยังไงล่ะ?” หญิงสาวไม่ยอมแพ้ “ตลอดเวลาที่ผ่านมากูไม่ได้กินผักเลย และกูเกลียดผักที่สุด!”
“พี่กระรอก…ใจเย็น ๆ เรามาขอเข้าอยู่อาศัยนะ” ไอยาเข้ามาห้าม “ต้องขอโทษแทนพี่หนูด้วยนะคะ”
“ไม่เป็นไรหรอก ถ้าเป็นยุคก่อนซอมบี้จะไม่คิดอะไรหรอก นึกไว้เสมอว่าอาหารหาใหม่ได้ ผลิตใหม่ได้ แต่การที่จะถูกใจอาหารน่ะ…” ผมส่ายหัว “พยายามอยู่ในเป็นในโลกนี้เถอะ”
“กูอยู่เป็น!” กระรอกพูดด้วยเสียงโกรธ เหมือนกับว่าผมไปสะกิดอะไรของเธอ
“เอาน่า ๆ อย่าทะเลาะกันเลยนะน้องกระรอก” วินเข้ามาเอาน้ำเย็นลูบเพื่อดับอุณหภูมิในร่างกายของกระรอกที่กำลังเพิ่มสูงขึ้นจากความโทสะ “เรื่องอาหารเรามีอยู่ในรถของเราแล้วไง เป็นอาหารที่กระรอกชอบ ก็กินเฉพาะส่วนของเราสิ ส่วนของเจ้าพวกนั้นก็ปล่อยมัน ทีนี้ก็อยู่ใครอยู่มันแล้ว ส่วนบ้านของกระรอกก็เลือกเอาตามใจชอบได้เลย”
“…” เธอไม่ตอบอะไร เพียงแค่พยักหน้าอย่างว่าง่าย
ให้ตายสิ โดนวินเชิดอีกคนแล้วไง ผมมองว่าฮีซุยก็น่าจะเป็นเหมือนกับกระรอก ตอนนี้เธออยู่ที่ไหนกันนะ…วินอาจจะเจอกลุ่มซอมบี้ทำร้ายและปล่อยให้ฮีซุยเป็นนกต่อเพื่อให้ตัวเองมีชีวิตรอดงั้นเหรอ…?
เมื่อตัวเองรอดและฮีซุยไม่ได้ตามมาสมทบก็คิดว่าเธอตายแล้ว จึงหนีอย่างหัวซุกหัวซุนจนมาเจอกลุ่มของกระรอก จากนั้นก็หว่านเสน่ห์จอมปลอมของตัวเองใส่เธอเพื่อจะกลายเป็นหุ่นเชิดของเล่นของวินอีกตัว พอมันเบื่อก็ทิ้งอย่างไร้ค่า
แต่ความคิดนั่นก็เป็นแค่เพียงการคาดเดา ดีไม่ดีฮีซุยอาจจะยังไม่ตาย แต่เป็นแผนของวินที่จะมาแก้แค้นผมก็เป็นได้ แต่นั่นก็เป็นเพียงการคาดเดาอีกตามเคย แต่ทั้งสองความคาดเดานั้น ก็มีความเป็นไปได้เท่า ๆ กัน ซึ่งนัยน์ตาของวินนั้นยากที่จะอ่านได้ออก แม้ว่าผมจะอ่านใจใครไม่ได้เลยก็ตาม ระหว่างที่พวกวินเดินเข้าไปยังบ้านของพวกเรา จู่ ๆ วินหันมามองผมพร้อมกับแสยะยิ้มอย่างชั่วร้าย…
มันวางแผนอะไรบางอย่างอยู่แน่นอน…
“จะให้ฉันอ่านใจวินเหรอ?” ฟางถามขณะที่เธอกำลังนั่งเช็ดปืนไรเฟิลคู่ใจของตัวเองอยู่ในห้องนั่งเล่น ซึ่งนิวออกไปทำอาหารสำหรับเย็นนี้และปล่อยให้ผู้มาเยือนใหม่ไปของบ้านของตัวเอง ผมขอให้ฟางใช้พลังอ่านใจของตัวเองช่วยอ่านใจวินเพื่อที่จะได้รู้ว่ามันคิดอะไรอยู่ ผมจะได้เตรียมการรับมือได้ถูก
“ใช่…” ผมตอบ
“ฉันรู้นะว่ามึงเคยมีปัญหากับวินมาก่อน แต่วินนี้ฉันกับนิวรู้จักมันมาตั้งนานแล้วนะ” เธอบอก
“นั่นหมายความว่าฟางก็ไว้ใจวินงั้นเหรอ?” ผมเริ่มหงุดหงิด
“ไม่ได้หมายความว่าแบบนั้น” ฟางเงยหน้ามามองผมด้วยสีหน้าที่หงุดหงิดเช่นกัน “กูไม่ได้อ่านใจคนอื่นได้ที่ไหนกันล่ะ?”
“ก็ตอนนั้น…”
“ตอนไหน?”
“ตอนที่กูขอไลน์ฟางล่ะ?”
“โถ…แค่ภาษากายของมึงอะ มันอ่านง่ายมาก ต่อให้ไม่มีพลังอ่านใจก็รู้แล้วว่าอีกฝ่ายต้องการอะไร” ฟางเริ่มเสียงดัง
ผมอึ้ง…
“ฟางหลอกเรามาตลอดเลยเหรอ?” ผมเริ่มงอแง
“กูยังไม่ได้หลอกอะไรมึงสักอย่างเลย! แต่มึงนั่นแหละที่เลือกจะเชื่อแบบนั้น!” หญิงสาวชี้หน้าด่า “มึงต้องโตมากกว่านี้นะเอ็น ที่กูพูดขนาดนี้ถือว่ากูเตือนมึงนะ อย่างเรื่องที่มึงเจอมาคนเดียวตอนนั้นมันเกิดจากความโง่ของตัวเองต่างหาก มึงจะไปโทษคนที่ทำมึงไม่ได้ มึงจะโทษพระเจ้าไม่ได้ มึงควรโทษตัวเอง”
ผมไม่พูดอะไร ทำได้เพียงนั่งนิ่ง ๆ อยู่ตรงนั้น มันก็จริงอย่างที่เธอว่า เธอบอกว่าเธอสามารถอ่านใจได้ แต่เธอก็ไม่ได้ยืนยันว่าเธอมีพลังแบบนั้นอยู่จริง
“แต่ก็ช่างเถอะ” ผมพูดอย่างยอมแพ้ “ยังไงก็ระวังตัวให้ดี เพราะกูมั่นใจว่าไอ้วินคนนี้นี่แหละที่ทำให้กูเป็นแบบนี้”
“ความจริงมึงก็ไม่ต้องไปโทษวินเขาหรอก” ฟางหันกลับไปทำความสะอาดปืนต่อ “โทษชะตาของมึงเองเถอะ ที่เป็นแบบนี้ยังไงก็ต้องเจอ นิวก็เหมือนกันที่มาจากโลกอื่…”
จู่ ๆ ฟางก็ชะงักเหมือนกับว่าตัวเองเกือบจะหลุดปากพูดอะไรบางอย่างออกไป ดวงตาของเธอเบิกกว้าง ซึ่งทุกอย่างมันบ่งบอกออกมาจากทางสายตาของเธอที่กำลังลุกลี้ลุกลนอย่างน่าสงสัย ปริศนาและคำถามมากมายเกิดขึ้นในหัวของผม เหงื่อหนึ่งเม็ดของหญิงสาวไหลลงมาตามใบหน้าทั้ง ๆ ที่แอร์เปิดอยู่ อ๋อ! ลืมบอกไปว่าสาเหตุที่ไฟฟ้าสามารถใช้ได้เพราะนัทประดิษฐ์เครื่องปั่นไฟได้ เขาต่อเครื่องปั่นไฟส่วนกลางที่บ้านของเขาและต่อสายไฟเคเบิลเข้ากับบ้านของแต่ละคน ซึ่งตอนนี้นิวก็จะให้นัทต่อสายไฟเข้าไปที่บ้านของพวกมังกรด้วย ดูทรงแล้วน่าจะต้องออกไปหาสายไฟเพิ่ม ซึ่งมีห้างขายอุปกรณ์สำหรับแต่งบ้านไม่ไกลจากที่นี่
กลับมาที่เรื่องที่ฟางกำลังตกใจกับสิ่งที่ตัวเองพูดอะไรบางอย่างออกมาโดยไม่ได้ตั้งใจดีกว่า
เธอซับเหงื่อเม็ดนั้นที่ใบหน้าด้วยมือเปล่า ๆ จากนั้นก็ทำเป็นไม่ได้พูดอะไร
“เมื่อกี้ได้พูดอะไรเกี่ยวกับนิวหรือเปล่า?” ผมถาม
“ไม่มีอะไร…” ฟางตอบอย่างมีพิรุธ “ไม่ไปหาคาโอรินเหรอ? เห็นบอกว่าจะให้ช่วยดูบ้านให้พวกที่มาอยู่ใหม่นี่”
“ก็จริงแหะ งั้นไปก่อนก็ได้” ผมตัดใจก่อนที่จะเดินออกจากบ้าน ซึ่งผมเหล่ไปเห็นใบหน้าของฟางที่กำลังกังวลเกี่ยวกับอะไรบางอย่างอยู่
บางอย่างที่เธอไม่กล้าที่จะบอกพวกเรา…
วินเดินดูรอบบ้านอยู่คนเดียวในขณะที่สามสาวไปดูบ้านที่จะอยู่ไว้ด้วยกัน ซึ่งดูเหมือนว่าสามคนนั้นจะสนิทกันอยู่พอตัว ส่วนมังกรก็ไปนั่งคุยกับนัทเรื่องงานแต่งงานที่เพิ่งจบไป ดูเหมือนมังกรจะชอบพูดคุยกับทุกคนโดยที่คนอื่นจะฟังหรือไม่ฟังก็ตาม ดูเหมือนว่าเขาจะมีความสุขที่จะได้พูดกับคนอื่นมากเลยทีเดียว แต่ก็ดีเหมือนกันที่เขาสามารถทำให้แต่ละคนเครียดน้อยลง วินยืนมองดูบ้านมาได้เกือบครึ่งชั่วโมงโดยที่ไม่ได้ขยับไปไหนหลังจากที่เขาเดินดูรอบ ๆ บ้านแล้ว อย่างกับว่าเขากำลังคิดแผนอะไรบางอย่างอยู่ในหัว
“กำลังหาบ้านใหม่อยู่งั้นเหรอ?” ผมเดินไปหาเขาจากด้านหลัง ดูเหมือนว่าเขาไม่ได้รู้สึกแปลกใจเรื่องที่ผมเดินมาด้านหลังและพร้อมจะเปิดเรื่องราวของเขาว่าเขาร้ายกาจขนาดไหน ซึ่งเขาคิดว่าจะไม่มีใครเชื่อผม เพราะได้นิวมาปกป้องนั่นเอง
“ฮีซุยคิดถึงนายมากเลยนะ” เขาหันกลับมาหาผมพร้อมแสยะยิ้มเหมือนกับว่าเขารู้ว่าคำพูดไหนที่จะแทงใจดำที่สุด ซึ่งเขาเล็งได้ถูกเป้าเสียจริง ๆ “แต่ก็นะ ตอนนี้กูไม่มีลูกน้องเหลือแม้แต่คนเดียว ฮีซุยก็ไม่รู้ว่าชะตาชีวิตของเธอจะเป็นยังไง”
“เข้าประเด็นกันเลยดีกว่า” ผมไม่สนในสิ่งที่เขากำลังจะพูด “มึงมาที่นี่ทำไม? อยากจะมาฆ่ากูงั้นเหรอ?”
“กูแค่ติดรถมากับพวกนั้นเฉย ๆ อันนี้ไม่ได้ตอแหลนะ” รอยยิ้มบนใบหน้านั้นมันไม่ได้ให้คำพูดของมันมีน้ำหนักเลยแม้แต่นิดเดียว “ที่มาเจอพวกมึงได้ถือว่าเป็นเรื่องบังเอิญ”
“คิดว่ากูโง่งั้นเหรอ?”
“ก็โง่น่ะสิ พูดอะไรก็ไม่มีใครเชื่อมึงเลย” วินเยาะเย้ย
ผมพูดอะไรไม่ออก ผมรู้สึกเหมือนตัวเองกำลังโดนอ่านใจอยู่ ให้ตายสิ…นี่ตัวเองเป็นคนดูออกง่ายขนาดนั้นเลยเหรอ ขนาดฟางยังสามารถมองผมออก แบบนี้ผมก็เก็บอะไรไว้ในใจไม่ได้น่ะสิ
“ก็นะ…จะบอกให้ว่ามึงเป็นคนที่อ่านง่ายมาก ไอ้เอ็น” เขาพูดพร้อมถอนหายใจ “มึงเป็นแค่เด็กอายุยี่สิบ ซึ่งมึงต้องเจออะไรอีกเยอะบนโลกใบนี้ ต่อให้มีพลังซอมบี้…แล้วไง? มึงบอกกูดิว่ามึงจะเอาตัวรอดในชีวิตจริงที่ไม่มีซอมบี้ได้ยังไง? จะใช้พลังยังไงให้มึงรอด จะฆ่าคนและปล้นเหรอ? ไม่เอ็น มึงไม่ใช่คนแบบนั้น”
ผมอึ้งในสิ่งที่เขาพูด
“มึงแค่ไม่ใช้สมองมากกว่านี้ ทุกอย่างที่มึงทำเพราะมึงทำเพราะความรู้สึกของมึงล้วน ๆ กูสงสารมึงนะตอนที่ฮีซุยลากมึงมา กูมองมึงแวบเดียวก็รู้แล้วว่ามึงเป็นคนยังไง มึงแข็งแกร่งแต่อ่อนแอ ไม่มีทางที่จะมีชีวิตรอดได้หรอก แต่โลกแบบนี้มันไม่ต่างจากสนามเด็กเล่นของมึงเลย เออ! อันนี้กูยินดีด้วยที่มึงมีโอกาสรอดกว่าทุกคนในนี้ตั้งเยอะ ยกเว้นนิวที่มีพลังวิเศษ!”
ผมพุ่งเข้าไปหาวินพร้อมกับดันร่างกายของเขาอัดกำแพงบ้านด้วยมือซ้าย จากนั้นก็ใช้มือขวาบีบคอไว้ ผมไม่รู้ว่าตัวเองเอาพละกำลังมาจากไหน ผมมองไปในดวงตาของวินที่กำลังกลัว
“มึงรู้อะไรเกี่ยวกับนิวก็พูดออกมา”
______________________________________________
To Be Continue Ep.33