"พลังที่ผมได้มานั้น...มันคือพรหรือคำสาปกันแน่นะ...? แล้วผมจะใช้พลังนี้แก้ไขประเทศที่ล่มสลายนี้จะกลับเหมือนเดิมได้อย่างไร...?"
แอคชั่น,ชาย-หญิง,สะท้อนปัญหาสังคม,ไทย,เลือดสาด,พล็อตสร้างกระแส,ดราม่า,สยองขวัญ,ผี,ผจญภัย,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
Undead War สงครามคนเป็น"พลังที่ผมได้มานั้น...มันคือพรหรือคำสาปกันแน่นะ...? แล้วผมจะใช้พลังนี้แก้ไขประเทศที่ล่มสลายนี้จะกลับเหมือนเดิมได้อย่างไร...?"
โรคระบาดยังคงอยู่รอบๆ ตัวเรา ไม่ได้หายไปไหน หมอทุกคนตายกันไปหมดแล้ว ความหวังดับวูบจนไม่เหลือแม้แต่แสงสุดท้าย ราวกับว่าตัวเองกำลังเดินอยู่ในอุโมงค์ไร้แสงสว่างและไร้สิ้นสุด พวกซอมบี้ต่างคอยจะได้กัดกินเนื้อมนุษย์อย่างกับเครื่องจักรที่ไม่มีวันเหนื่อย ไม่ว่าจะมองไปทางไหน ก็มีแต่พวกมันอยู่เต็มไปหมด
แต่ความหวังก็ยังไม่หมดไป เมื่อผมสามารถเอาชนะเชื้อไวรัสตัวนี้ได้ ทำให้ร่างกายของผมเกิดกลายพันธุ์และสามารถแปลงกายเป็นซอมบี้ได้ตลอดเวลา นั่นทำให้ผมวิวัฒนาการไปอีกขั้นเพื่อที่จะช่วยเหลือมวลมนุษยชาติได้
เสียงกระทะกับตะหลิวกระทบกันอย่างเสียงดังเพื่อปลุกให้สมาชิกใหม่ทั้งห้าคนตื่นขึ้นอย่างงง ๆ ในเวลาตีห้าครึ่ง ซึ่งคนที่ปลุกนั้นคือผมเอง เชื่อเถอะว่ากว่าผม นิว คาโอริน และฟาง จะสามารถแหกขี้ตาตื่นมาก่อนนั้นมันทรมานขนาดไหน ทุกคนรวมถึงตัวผมเองพูดกันเป็นเสียงเดียวว่าไม่อยากตื่น แต่ก็ต้องยอมรับให้กับเหตุผลที่คุยกันไว้เมื่อคืนก่อนว่าเราจะต้องฝึกสมาชิกทุกคนให้สู้เป็นเมื่อข้าศึกเข้ามารุกล้ำอาณาเขต สุดท้ายแล้วพวกเราก็ให้ความร่วมมืออย่างฝืน ๆ แต่กลับกลายเป็นว่าคาโอรินหนีกลับไปนอนต่อ ในขณะที่ผมกำลังอาบน้ำ ผมจึงปลุกเธอด้วยการจับเธอจูบปากอย่างดูดดื่มก่อนที่จะไล่ให้ไปอาบน้ำ ในขณะที่เธอนั้นเริ่มมีความต้องการทางอารมณ์สูงพอสมควร ผมรู้ว่าผลจากการทำแบบนี้เธออาจจะงอนเป็นค่อนวันเลยก็เป็นได้
มังกรเป็นคนแรกที่มาถึงสวนของหมู่บ้านก่อนใครเพื่อน ที่ตามมาทีหลังคือกระรอกและไอยา ส่วนมายจะมีปัญหาเรื่องการตื่นนอนอยู่เล็กน้อยจนนิวต้องให้แฟนสาวช่วยกันหามลงมาโดยการห่อทั้งตัวนางไว้กับผ้าห่มที่นางใช้ ซึ่งเธอไม่ได้รู้สึกตัวเมื่อนิวและฟางวางร่างของมายบนพื้นหญ้า เพียงไม่กี่วินาทีเธอก็สะดุ้งตื่นเพราะน้ำค้างเย็น ๆ จากต้นกล้าซึมเข้าไปในเนื้อผ้าห่ม เสียงกรีดร้องของเธอทำให้พวกซอมบี้ห้าตัวค่อย ๆ เดินเข้ามาหาพวกเรา ทุกคนที่เห็นดังนั้นจึงตกใจกับสิ่งที่เห็น
“พวกมันเข้ามาในนี้ได้ยังไงวะ!?” ไอยากรีดร้องอย่างขวัญเสีย
“พวกกูจับมันมาเมื่อคืนเองแหละ” ผมพูดอย่างภาคภูมิใจ “กว่าจะจับมาได้แต่ละตัวนี่ลำบากเหมือนกันนะ แต่วางใจได้ พวกนี้มันระดับอ่อนสุดเลย”
สมาชิกใหม่รวมถึงวินมองหน้ากันอย่างงง ๆ จากนั้นคาโอรินก็โยนมีดห้าเล่มมาให้กับพวกเขา ซึ่งนั่นทำให้พวกเขางงขึ้นอีกเป็นทวีคูณ
“ก็อย่างที่เห็น พวกนายจะได้มีดคนละเล่ม” คาโอรินพูด “ไปฆ่าพวกมันคนละตัว เพื่อความคุ้นเคย”
“พวกมึงจะเล่นอะไรก็เล่นนะ แต่แบบนี้กูไม่โอเคด้วยหรอกนะ!” กระรอกเริ่มโวยวาย
จู่ ๆ วินที่ดูเหมือนจะเย็นชาที่สุดเก็บมีดขึ้นมาก่อนที่จะเดินเข้าไปหาพวกซอมบี้ตัวแรกที่ใกล้ที่สุดแล้วทิ่มเข้าที่ขมับของมันอย่างแม่นยำ เขาเห็นตัวที่สองกำลังเข้ามาใกล้จึงเคลื่อนตัวหลบมันอย่างรวดเร็ว จากนั้นเขาเตะข้อพับที่เข่าซอมบี้ตัวนั้นจนมันล้มไปกับพื้นก่อนที่จะจ้วงใบมีดอันแหลมคมเจาะเข้าทางท้ายทอยทะลุเข้าสมองจนมันแน่นิ่งไป เขาไม่ปล่อยให้มีช่องว่าง จึงปามีดปักกลางหน้าผากซอมบี้ตัวที่สามอย่างแม่นยำ เขาพุ่งไปกระชากมีดออกจากหน้าผากของซอมบี้ที่เพิ่งฆ่าไปแล้วพุ่งไปแทงคางซอมบี้อีกตัวจนใบมีดทะลุไปจนถึงสมอง เขาไม่รีรอให้เวลาผ่านไปอย่างเปล่าประโยชน์ แม้จะเป็นในความมืด เขาก็ยังสามารถเคลื่อนไหวได้ดีเหมือนตอนกลางวัน เขากระชากมีดออกจากคางของมันก่อนที่จะกระโดดสุดแรงไปหาซอมบี้ตัวสุดท้ายโดยที่ง้างมือข้างที่ถือมีดอย่างมั่นคงก่อนที่จะแทงไปกลางหัวของซอมบี้ เขาปล่อยมือจากมีดให้มันคาหัวศพผิวสีซีด ๆ
ทุกคนรวมถึงผมตะลึงกับความสามารถของเขาที่จัดการซอมบี้ห้าตัวได้ด้วยมีดสั้นเพียงเล่มเดียว เขาดึงมีดออกจากหัวของซอมบี้ตัวสุดท้าย เขาเช็ดเลือดสีดำที่เปื้อนใบมีดกับพื้นหญ้าโดยที่ไม่ได้สนใจคนรอบข้าง
“ฝึกเยอะ ๆ ก็จะเป็นประมาณนี้แหละ” เขาพูด “กูก็เคยสู้ไม่เป็นมาก่อน แต่เมื่อยุคมันเปลี่ยน ความคิดก็ต้องเปลี่ยน คิดว่าพวกมึงต้องการทักษะการต่อสู้เพื่ออะไร”
เขายื่นมีดคืนให้กับนิว
“เพื่อปกป้องตัวเองกับผู้อื่น”
“ก็อย่างที่วินบอก” ผมพูด “กูก็เคยอ่อนแอมาก่อน แต่ตอนนี้…”
“ขอโทษนะ มึงแค่มีพลังซอมบี้” นัทบอก
ผมชะงักไปชั่วครู่
“ใช่…มึงพูดถูกนัท” ผมยอมรับ “แต่สิ่งที่กูได้กลับมาจากโลกที่แสนโหดร้ายนี้ก็คือความแข็งแกร่ง”
จู่ ๆ ก็ได้ยินเสียงแตรรถดังมาจากรั้วหมู่บ้าน ทุกคนชะงักกันหมดก่อนที่จะรีบวิ่งไปดู ให้ตายสิ…ผมลืมขวดเลือดซอมบี้ไว้ที่บ้าน เพราะลางสังหรณ์มันบอกว่าเหตุการณ์ที่ไม่ดีจะเกิดขึ้น ระหว่างที่มุ่งหน้าไปไปรั้วหมู่บ้าน ผมรู้สึกว่าตัวเองไม่อยากวิ่งไปทางนั้นเลย เมื่อถึงประตูรั้ว ผมเห็นรถหุ้มเกราะสามคันมาจอดขวางอยู่และมีคนจำนวนมากยืนประจันหน้ากับพวกเราอยู่ก่อนแล้ว
ผู้บุกรุก!!
“นกกระจอกยังไม่ทันจะได้กินน้ำเลย มีผู้บุกรุก” นัทพูดอย่างหัวเสีย
“มันจะบุกมาเมื่อไหร่ก็ช่าง ไม่ช้าก็เร็วมันก็บุก ตอนนี้มันบุกมาแล้ว” ฟางบ่นอย่างหงุดหงิดเช่นกัน เนื่องจากเธอคิดว่าจะได้พักหลังจากฝึก สุดท้ายก็มีบางอย่างมารบกวนการพักผ่อนของเธอ
ผมยืนอยู่เบื้องหน้าพวกมันโดยมีประตูรั้วเหล็กของหมู่บ้านกั้นระหว่างกลาง แม้ว่าพวกมันจะมีเยอะกว่าผม ดูจากทรงแล้วพวกมันไม่น่าจะแข็งแกร่งเท่าไหร่ แต่ด้วยจำนวนที่เยอะกว่านั้นไม่ใช่ปัญหาสำหรับเราเลย ดูจากสีหน้าของพวกมันยังดูง่วงเหงาห้าวนอน ไม่พร้อมที่จะสู้เลยแม้แต่คนเดียว แม้ว่าแต่ละคนจะถือปืนไรเฟิลคนละกระบอกก็ตาม แต่เรี่ยวแรงของพวกเขาเหมือนจะไม่มี แถมแรงใจที่จะสู้ก็ไม่มีอีกด้วย
“คนเดียวไหวไหมเอ็น?” นิวถาม “หรืออยากจะให้ช่วย”
“ไม่ต้อง” ผมพูดพร้อมกับชักดาบออกมา
“เดี๋ยวสิ! จะฆ่าพวกมันหมดเลยเหรอ?” กระรอกขึ้นเสียงอย่างประหลาดใจ “พวกมึงยังเป็นคนอยู่มั้ยเนี่ย!?”
“ขอโทษนะกระรอก” ผมหันมาหาเธอด้วยสีหน้าที่หงุดหงิดเนื่องจากผมง่วงนอนสุด ๆ “พวกมันรบกวนการนอนของพวกเราน่ะ”
“แน่ใจว่าจะบุกเดี่ยว?” คาโอรินถาม “ให้ว่าที่ภรรยาช่วยสักหน่อยมั้ย? พวกนั้นมันมีปืนนะ อีกอย่าง…ฉันก็ง่วงนอนใจจะขาดอยู่แล้ว”
ผมมองไปหาแฟนสาว ใช่…อันที่จริงผมเพิ่งขอเธอแต่งงานไปเมื่อคืน ในขณะที่เรากำลังนอนกอดกันเหมือนกับว่าจะไม่ได้กอดกันอย่างใกล้ชิดแบบนี้อีก ท่ามกลางแสงจันทร์ที่ส่องผ่านเข้ามาทางหน้าต่างที่ไม่ได้รูดม่านปิดไว้ มันเป็นพระจันทร์เต็มดวงที่สวยงามที่สุดในโลกซอมบี้ และยังเป็นบรรยากาศที่โรแมนติกที่สุดอีกด้วย
“คุ้มกันด้วยนะ…ที่รัก” ผมแสยะยิ้มก่อนที่จะเดินเข้าไปใกล้พวกมัน มีผู้ชายร่างสูงยืนอย่างเข้มแข็ง สายตาของเขามีแต่ความมุ่งมั่นอะไรบางอย่าง แต่ที่ไหน ๆ ก็คือ เขาต้องการที่จะมาบุกรุกเรา
“มีตัวเลือกให้เลือกสองข้อ” ผมชูสองนิ้ว “ระหว่างให้กูจัดการพวกมึงให้ตายหมดตรงนี้กับมาสู้ตัวต่อตัวให้รู้แพ้รู้ชนะ แล้วจะได้ไม่ต้องมีใครต้องตาย”
ชายร่างสูงยืนนิ่ง ท่าทางของเขาไม่ได้เปลี่ยนไปเลยแม้แต่นิดเดียว ดูจากเสื้อผ้าที่เขาใส่ ดูเหมือนเขาจะเคยเป็นคนใหญ่คนโตมาก่อน สูทสีน้ำเงินเข้มสุดเนี้ยบที่สวมเข้าคู่กับกางเกงสีเดียวกับสูทและเสื้อเชิ้ตสีขาวลายทางสีเทากับเนคไทสีแดงสดใส อีกทั้งยังทรงผมของเขาที่ถูกแต่งมาอย่างดี เหมือนกับว่าเขากำลังจะเข้าการประชุมที่ถูกจัดขึ้นอย่างอลังการ ซึ่งทำให้เขาต้องแต่งตัวให้ดูดีตั้งแต่ปลายเท้าจรดปลายเส้นผม
ให้ตายสิ…เขาดูดีเกินไปที่จะมาบุกเรา
“ผมไม่คิดจะมาสู้กับคุณหรอกนะ” เขาพูดด้วยน้ำเสียงที่ฟังดูมั่นใจ ไม่มีความลังเลในคำพูดของเขาเลยแม้แต่น้อย แต่นั่นทำให้อะดรีนาลีนที่กำลังสูบฉีดนั้นค่อย ๆ ลดลงอย่างน่าประหลาดใจ
“มาทำไมตั้งแต่เช้ามืดแบบนี้ล่ะ?” ผมแปลกใจที่ตัวเองรู้สึกผ่อนคลาย
“โอเคเอ็น กูว่ากูต้องช่วยแล้วล่ะ” นิวเดินเข้ามาพร้อมชักปืนจ่อหน้าผากชายร่างสูงคนนั้น นั่นทำให้ลูกน้องที่ยืนอยู่เริ่มหายจากภวังค์กระชับกระบอกปืนหลายกระบอกจ่อมาที่นิว ซึ่งเขาไม่ได้มีความเกรงกลัวเลยแม้แต่น้อย มีแต่ความท้าทายที่เปล่งประกายลุกโชนออกมาจากนัยน์ตาของเขา
“คิดผิดคิดใหม่ได้นะ” ชายคนนั้นพูดอย่างไม่เกรงกลัว “เสียงปืนดังเพียงครั้งเดียวอาจจะเกิดการนองเลือดได้”
“แน่จริงก็ลองดูสิ” นิวท้าทาย
“ความจริงผมมาที่นี่ไม่ได้เพราะอยากสู้” เขาพูดอย่างใจเย็นแม้ว่าจะมีปืนกระบอกโตจ่อปลายหน้าผากอยู่
“พิสูจน์สิ” เขาท้าทาย “แต่จะพิสูจน์ให้พวกเราเชื่อได้ยังไงในเมื่อลูกน้องของมึงจ่อปืนเป็นสิบกระบอกมาที่กู คิดว่าจะทำให้กูยืนเฉย ๆ ได้งั้นเหรอ?”
ชายร่างสูงให้สัญญาณมือเพื่อให้ลูกน้องของเขาลดปืนลง ซึ่งพวกมันก็ทำตามที่หัวหน้าสั่งแต่โดยดี แสงอาทิตย์เริ่มโผล่ขึ้นจากพื้นดิน เชื่อเถอะ…ความมืดมันทำให้พวกเราไม่เห็นไกลกว่านี้ สิ่งที่ผมเห็นมากขึ้นก็คือ ลูกน้องของชายร่างสูงคนนี้ไม่ได้มีแค่ไม่กี่สิบคน แต่กลับมีมากกว่านั้น มีรถหุ้มเกราะเกือบสิบคันจอดรอพวกเราอยู่ด้านนอก และยังมีลูกน้องของเขาพร้อมชุดเกราะทหารและอาวุธครบมือ
ผมเบิกตาโพลง รวมถึงทุกคนที่อยู่ที่นี่ด้วย
“ฉิบหาย…”
_____________________________________________
To Be Continue Ep.35