"พลังที่ผมได้มานั้น...มันคือพรหรือคำสาปกันแน่นะ...? แล้วผมจะใช้พลังนี้แก้ไขประเทศที่ล่มสลายนี้จะกลับเหมือนเดิมได้อย่างไร...?"

Undead War สงครามคนเป็น - ตอนที่ 36 โลกที่เปลี่ยนไปเมื่อลืมตาตื่น โดย นิวไม่จิ๋ว @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

แอคชั่น,ชาย-หญิง,สะท้อนปัญหาสังคม,ไทย,เลือดสาด,พล็อตสร้างกระแส,ดราม่า,สยองขวัญ,ผี,ผจญภัย,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย

Undead War สงครามคนเป็น

หมวดหมู่ที่เกี่ยวข้อง

แอคชั่น,ชาย-หญิง,สะท้อนปัญหาสังคม,ไทย,เลือดสาด

แท็คที่เกี่ยวข้อง

พล็อตสร้างกระแส,ดราม่า,สยองขวัญ,ผี,ผจญภัย

รายละเอียด

Undead War สงครามคนเป็น โดย นิวไม่จิ๋ว @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

"พลังที่ผมได้มานั้น...มันคือพรหรือคำสาปกันแน่นะ...? แล้วผมจะใช้พลังนี้แก้ไขประเทศที่ล่มสลายนี้จะกลับเหมือนเดิมได้อย่างไร...?"

ผู้แต่ง

นิวไม่จิ๋ว

เรื่องย่อ

โรคระบาดยังคงอยู่รอบๆ ตัวเรา ไม่ได้หายไปไหน หมอทุกคนตายกันไปหมดแล้ว ความหวังดับวูบจนไม่เหลือแม้แต่แสงสุดท้าย ราวกับว่าตัวเองกำลังเดินอยู่ในอุโมงค์ไร้แสงสว่างและไร้สิ้นสุด พวกซอมบี้ต่างคอยจะได้กัดกินเนื้อมนุษย์อย่างกับเครื่องจักรที่ไม่มีวันเหนื่อย ไม่ว่าจะมองไปทางไหน ก็มีแต่พวกมันอยู่เต็มไปหมด 

 

แต่ความหวังก็ยังไม่หมดไป เมื่อผมสามารถเอาชนะเชื้อไวรัสตัวนี้ได้ ทำให้ร่างกายของผมเกิดกลายพันธุ์และสามารถแปลงกายเป็นซอมบี้ได้ตลอดเวลา นั่นทำให้ผมวิวัฒนาการไปอีกขั้นเพื่อที่จะช่วยเหลือมวลมนุษยชาติได้

สารบัญ

Undead War สงครามคนเป็น-ตอนที่ 1 ณ จุดเกิดเหตุ,Undead War สงครามคนเป็น-ตอนที่ 2 มื้อเช้าสองพ่อลูก,Undead War สงครามคนเป็น-ตอนที่ 3 มีอะไรให้คิดอีกเยอะ,Undead War สงครามคนเป็น-ตอนที่ 4 จุดกำเนิดฝันร้าย,Undead War สงครามคนเป็น-ตอนที่ 5 หัวใจที่เน่าสลาย,Undead War สงครามคนเป็น-ตอนที่ 6 เข้าสู่กลียุค,Undead War สงครามคนเป็น-ตอนที่ 7 นาทีหลบหนี,Undead War สงครามคนเป็น-ตอนที่ 8 กลิ่นคาวเลือดที่หอมหวาน,Undead War สงครามคนเป็น-ตอนที่ 9 ไปให้ถึงเซฟเฮาส์,Undead War สงครามคนเป็น-ตอนที่ 10 สำรวจพื้นที่,Undead War สงครามคนเป็น-ตอนที่ 11 ฟาร์มของ,Undead War สงครามคนเป็น-ตอนที่ 12 ยื่นหมูยื่นแมว,Undead War สงครามคนเป็น-ตอนที่ 13 RED RIGHT HAND,Undead War สงครามคนเป็น-ตอนที่ 14 หญิงสาวปริศนา,Undead War สงครามคนเป็น-ตอนที่ 15 สีขาวที่แปดเปื้อน,Undead War สงครามคนเป็น-ตอนที่ 16 หัวใจกลับมาเต้นอีกครั้ง,Undead War สงครามคนเป็น-ตอนที่ 17 เสียงกระซิบ,Undead War สงครามคนเป็น-ตอนที่ 18 หน้ากากหนังมนุษย์,Undead War สงครามคนเป็น-ตอนที่ 19 กลายร่าง,Undead War สงครามคนเป็น-ตอนที่ 20 หนึ่งต่อร้อย,Undead War สงครามคนเป็น-ตอนที่ 21 เสียงประสานลมหายใจ,Undead War สงครามคนเป็น-ตอนที่ 22 เสียงเพรียกแห่งความทรงจำ,Undead War สงครามคนเป็น-ตอนที่ 23 น้ำตาที่ไร้ความชุ่มชื้น,Undead War สงครามคนเป็น-ตอนที่ 24 จากที่ต่ำ…ขึ้นสู่ที่สูง,Undead War สงครามคนเป็น-ตอนที่ 25 ชายส่งสาส์นปริศนา,Undead War สงครามคนเป็น-ตอนที่ 26 ถอยหลังเพื่อเริ่มต้นใหม่,Undead War สงครามคนเป็น-ตอนที่ 27 ลางร้ายเริ่มปรากฏ,Undead War สงครามคนเป็น-ตอนที่ 28 อสูรไร้เทียมทาน,Undead War สงครามคนเป็น-ตอนที่ 29 ความรู้สึกที่ซับซ้อน,Undead War สงครามคนเป็น-ตอนที่ 30 ฮาวทูมูฟออน,Undead War สงครามคนเป็น-ตอนที่ 31 ไวท์เว็ดดิ้งและผู้มาเยือน,Undead War สงครามคนเป็น-ตอนที่ 32 หมาป่าที่แต่งตัวด้วยขนแกะ,Undead War สงครามคนเป็น-ตอนที่ 33 สิ่งที่น่าหวาดกลัวยิ่งกว่า,Undead War สงครามคนเป็น-ตอนที่ 34 ศัตรูที่ไม่อยากจะสู้,Undead War สงครามคนเป็น-ตอนที่ 35 ละทิ้ง,Undead War สงครามคนเป็น-ตอนที่ 36 โลกที่เปลี่ยนไปเมื่อลืมตาตื่น,Undead War สงครามคนเป็น-ตอนที่ 37 ผู้ครอบครองพลังซอมบี้คนที่สอง,Undead War สงครามคนเป็น-ตอนที่ 38 ทุ่มสุดตัวเพื่อรอยข่วน,Undead War สงครามคนเป็น-ตอนที่ 39 พัฒนาโหมดซอมบี้,Undead War สงครามคนเป็น-ตอนที่ 40 เมล็ดพันธุ์,Undead War สงครามคนเป็น-ตอนที่ 41 พื้นที่จำกัด,Undead War สงครามคนเป็น-ตอนที่ 42 เบื้องหลังของนิว,Undead War สงครามคนเป็น-ตอนที่ 43 เตรียมบุก,Undead War สงครามคนเป็น-ตอนที่ 44 ก่อนการบุกโจมตี,Undead War สงครามคนเป็น-ตอนที่ 45 ชีวิตที่ไร้ค่า,Undead War สงครามคนเป็น-ตอนที่ 46 อดีตปะทะปัจจุบัน,Undead War สงครามคนเป็น-ตอนที่ 47 แบล็กเว็ดดิ้ง,Undead War สงครามคนเป็น-ตอนที่ 48 มนุษย์คือสัตว์ประเสริฐจริงหรือ?,Undead War สงครามคนเป็น-ตอนที่ 49 ออรัลบนรถ,Undead War สงครามคนเป็น-ตอนที่ 50 วัดป่า,Undead War สงครามคนเป็น-ตอนที่ 51 พระสงฆ์รูปสุดท้าย,Undead War สงครามคนเป็น-ตอนที่ 52 อมตะไม่มีจริง,Undead War สงครามคนเป็น-ตอนที่ 53 เป้าหมายเพื่อเอาชีวิตรอด,Undead War สงครามคนเป็น-ตอนที่ 54 ตะลุมบอน,Undead War สงครามคนเป็น-ตอนที่ 55 ยอมแพ้เสีย,Undead War สงครามคนเป็น-ตอนที่ 56 ผู้นำที่อ่อนแอไม่มีวันเป็นทรราช,Undead War สงครามคนเป็น-ตอนที่ 57 ขอเรียกร้องจากผู้ใหญ่,Undead War สงครามคนเป็น-ตอนที่ 58 โครงการทั้งห้า,Undead War สงครามคนเป็น-ตอนที่ 59 สงครามคนเป็น,Undead War สงครามคนเป็น-ตอนที่ 60 ผู้ป่วยโรคระบาดที่ก้าวราวเกเรมาก ๆ และรอการรักษา,Undead War สงครามคนเป็น-ตอนที่ 61 ความรักที่เกินกว่าค่าอนันต์,Undead War สงครามคนเป็น-ตอนที่ 62 คำตอบค่าเอ็กซ์ในสมการ,Undead War สงครามคนเป็น-ตอนที่ 63 ยุทธการทุบหม้อข้าว,Undead War สงครามคนเป็น-ตอนที่ 64 นักฆ่าลูกตำรวจ,Undead War สงครามคนเป็น-ตอนที่ 65 กัปตันไทยแลนด์,Undead War สงครามคนเป็น-ตอนที่ 66 ความแข็งแกร่งที่แท้จริง,Undead War สงครามคนเป็น-ตอนที่ 67 ประกาศชัยชนะ,Undead War สงครามคนเป็น-ตอนที่ 68 การมาถึงของเบื้องบน,Undead War สงครามคนเป็น-ตอนที่ 69 ข้อเสนอที่ดูเป็นธรรม?,Undead War สงครามคนเป็น-ตอนที่ 70 นักวิทยาศาสตร์สันหลังยาว,Undead War สงครามคนเป็น-ตอนที่ 71 กุญแจสู่การสร้างวัคซีน,Undead War สงครามคนเป็น-ตอนที่ 72 สงครามครั้งสุดท้าย,Undead War สงครามคนเป็น-ตอนที่ 73 พร้อมสละทุกอย่างเพื่อคนรัก,Undead War สงครามคนเป็น-ตอนที่ 74 การเสียสละกำเนิดวีรบุรุษ,Undead War สงครามคนเป็น-ตอนที่ 75 วันครบรอบวันตาย,Undead War สงครามคนเป็น-ตอนที่ 76 ชีวิตหลังความตาย,Undead War สงครามคนเป็น-ตอนที่ 77 จากไปแล้วหวนคืน (ตอนอวสาน)

เนื้อหา

ตอนที่ 36 โลกที่เปลี่ยนไปเมื่อลืมตาตื่น

‘เรมัส’ ลืมตาตื่นขึ้นมาอยู่บนเตียงนอนของตัวเอง สิ่งแรกที่เขาเห็นก็คือเพดานมืด ๆ อากาศเย็นเฉียบลอยเขามาสัมผัสร่างกายของเขาที่เหลือแต่กางเกงขาสั้นทำให้เขารู้สึกหนาวเหน็บอยู่ไม่น้อย ทันทีที่เขาขยับร่างกายซึ่งมันไม่ได้ขยับอย่างที่สมองได้สั่งการและมันเจ็บแปลบไปทั้งร่างเพราะเข้าหลับมาในสภาพนี้มากว่าครึ่งปีแล้วตั้งแต่รัฐบาลประกาศเคอร์ฟิวเพื่อหลีกหนีเชื้อไวรัสที่กำลังระบาด เขาเข้าไปอยู่ในโลกเสมือนจริงที่ไม่สามารถออกมาได้ถ้าไม่สามารถเคลียร์เกมได้สำเร็จ ซึ่งเขาสามารถเคลียร์มันได้สำเร็จ จึงสามารถดึงตัวเองกลับมาอยู่ในโลกจริงได้ โลกเสมือนที่ว่านั้นก็คืออุปกรณ์ที่ดึง
จิตวิญญาณไปแปลงเป็นข้อมูลจากนั้นก็ถูกย้ายเข้าไปในเซิร์ฟเวอร์ ซึ่งมันหลายเป็นของผิดกฎหมายไปตั้งนานแล้วแต่เขาสามารถมุดเข้าไปในเว็บไซต์ตลาดมืดเพื่อซื้อเครื่องนี้มาในราคาแสนแพงจนเงินที่เก็บได้จากการทำงานมาสองปีหมดอย่างรวดเร็ว

เขาถอดสายที่เชื่อมตัวกับสมองของเขาออกด้วยแรงที่มีอย่างเศร้า ๆ เพราะเขาเป็นเพียงคนเดียวจากหนึ่งพันคนที่สามารถออกมาจากโลกเสมือนได้ ซึ่งเกมที่เขาเล่นก็เป็นเกมแนวแบตเทิลรอยัลที่เอาคนมารวมกันและให้ฆ่ากันเอง แน่ล่ะ ของจากเว็บไซต์ตลาดมืดมักจะมีของที่สามารถส่งผลกระทบที่เลวร้ายที่สุดอยู่แล้ว นั่นก็คือถ้าตายในเกม สมองก็จะหยุดทำงานทันที หมายความว่า ‘ตาย’ นั่นแหละ แต่เรมัสก็ต้องเรียกด้วยการที่ต้องฆ่าคนรักที่เจอกันในเกมเพื่อเอาตัวเองรอดออกมาจากเกมให้ได้

“ไฟไม่ติด แอร์ก็ดับ ไฟดับหรือไงนะ?” เขาพูดกับตัวเอง “เจ้าเอวามันลืมจ่ายค่าไฟอีกแล้วใช่มั้ยล่ะเนี่ย ให้มันได้อย่างนี้สิน้องสาวตัวแสบ”

เขาหยิบโทรศัพท์มือถือที่แบตหมดซึ่งตั้งอยู่ข้างหมอนใส่ในกระเป๋ากางเกงพร้อมกับเดินไปที่ตู้เย็น สิ่งที่เขาพบก็คือ อาหารในตู้เย็นเน่าหมดแล้ว อีกทั้งยังส่งกลิ่นเหม็นอบอวลจนเรมัสต้องรีบปิดตู้เย็นแล้วเอามือมาป้องจมูกอย่างรวดเร็ว

“ไอ้เจ้าน้องสาวขี้เกียจ นี่คิดจะเที่ยวอย่างเดียวแล้วไม่ทำงานบ้านอีกแล้ว!” เรมัสเริ่มฉุนขาดจึงใช้โทรศัพท์บ้านกดเบอร์โทรของเอวาอย่างคล่องแคล่ว แต่ดันลืมไปว่าไฟฟ้าดับ สุดท้ายเข้าก็ต้องตัดสินใจลงไปที่ตู้ไปรษณีย์ของคอนโดซึ่งอยู่ชั้นล่างหยุด

‘เอวา’ เป็นน้องสาวของเรมัสที่กำลังเรียนอยู่ในระดับปริญญาตรีปีสอง เธอและพี่ชายเป็นคนต่างจังหวัดที่นาน ๆ จะเข้ากรุง พอได้เข้ากรุงเธอก็เริ่มออกลายโดยการออกไปเที่ยวกลางคืนแทบไม่เว้นวัน แถมยังชอบพาผู้ชายมานอนที่ห้องในคืนที่เรมัสต้องทำงานล่วงเวลาที่บริษัท ซึ่งเธอจะโทรถามพี่ชายทุกวันด้วยข้ออ้างที่ว่าถ้าวันไหนกลับตรงเวลาก็จะทำอาหารไว้ให้ ซึ่งทุกวันนี้เรมัสก็ยังไม่รู้ว่าน้องสาวตัวเองพาผู้ชายมานอนไม่ซ้ำหน้า แต่มีอย่างเดียวที่เธอโดดเด่นก็คือผลการเรียนที่ดีมาก ๆ แถมยังไอคิวสูงอีกด้วย เงินที่ไปเที่ยวส่วนใหญ่นั้นเธอได้มาจากการรีวิวสินค้าตามโซเชียลมีเดียให้กับแบรนด์ดัง ๆ มากมาย เพราะว่าเธอมีหน้าตาที่สวยถูกใจชายไทยหลายคน ในจุดนี้ทำให้เรมัสห่วงน้องสาวเท่าไหร่ เพราะในเมื่อเธออายุยี่สิบแล้วก็ต้องหัดวางแผนชีวิตตัวเองว่าจะให้ตัวเองก้าวไปทางไหน ซึ่งเขาก็ไม่สามารถบังคับน้องสาวให้ทำในสิ่งที่เธอไม่ต้องการ แต่ก่อนที่เรมัสจะเข้าไปในโลกเสมือน เขาทะเลาะกับเอวานิดหน่อยเรื่องของจานที่หมักหมมอยู่ในอ่างล้างจาน แต่วันนี้เรมัสมองไปที่อ่างก็เห็นว่าไม่มีจานเศษอาหารวางอยู่เลย ซึ่งก็ทำให้ชายหนุ่มใจเย็นลงบ้าง เขาไม่รู้ว่าวันนี้เป็นวันที่เท่าไหร่ เป็นวันอะไร น้องสาวของตัวเองตอนนี้อยู่ที่ไหน แต่ก็ช่างเถอะ เดี๋ยวก็คงจะกลับมาเอง

เมื่อเขาเดินออกนอกห้องไป สิ่งที่เขาเห็นนั้นถึงกับทำให้เขาผงะสุดขีด เมื่อพบว่าบริเวณทางเดินนั้นเต็มไปด้วยคราบเลือดและสิ่งสกปรกมากมาย รวมถึงศพที่ของซอมบี้ที่นอนเน่าตายอยู่ตรงนั้น จู่ ๆ ซอมบี้ตัวหนึ่งค่อย ๆ เดินเข้ามาก่อนที่จะวิ่งเข้าใส่อย่างไม่ทันตั้งตัว เรมัสพยายามที่จะขยับตัวหลบ แต่ด้วยตัวเองที่เพิ่งกลับมาขยับตัวได้หลังจากที่ต้องนอนนิ่ง ๆ เป็นเวลาหกเดือนนั้นทำให้เขาไม่คุ้นชินกับการเคลื่อนไหวของร่างกายเท่าไหร่ แต่ความรู้สึกที่เขาเคยขยับในโลกเสมือนนั้น

ใช่…เขายังรู้สึกถึงมันได้ การต่อสู้ตลอดครึ่งปีที่อยู่ในโลกเสมือนนั้นก็ไม่ต่างจากสงครามในชีวิตจริงหรอก

เมื่อซอมบี้ถึงตัวเรมัส เขาจะเอี้ยวตัวหลบ มันจะสำเร็จอย่างสวยงาม ถ้าไม่มีซอมบี้อีกตัวพุ่งเข้ามาจากด้านหลัง เขาควบคุมสติอย่างเต็มที่และใช้แรงที่มีถีบซอมบี้เพื่อให้ตัวเองหลุดจากเงื้อมมือของมัน เชื่อเถอะ เรี่ยวแรงที่เขามีทั้งหมดนั้นมันไม่ถึงห้าสิบเปอร์เซ็นต์จากพละกำลังทั้งหมดของเขาเลย แต่กลับทำให้ร่างเน่า ๆ นั้นสามารถหลุดออกไปได้ เขารู้ได้ทันทีว่ามันคือซอมบี้ แน่ล่ะ เขาไม่ใช่พวกหน้าโง่ในหนังฝรั่งที่ทำเหมือนกับว่าตัวเองไม่เคยดูหนังซอมบี้แม้แต่ครั้งเดียว ที่ดีไปกว่านั้นก็คือ เขาเป็นแฟนหนังซอมบี้ตัวยงเลยทีเดียว แต่การที่ได้เห็นซอมบี้ตัวจริงเสียงจริงพยายามจะไล่กินสมองกินเนื้อที่เหม็นชืดของเขากลับทำให้รู้สึกช็อกในวินาทีแรก ๆ แต่หลังจากนั้นมันก็กลายเป็นความตื่นเต้นที่ทำให้อะดรีนาลีนในร่างกายสูบฉีดอย่างบอกไม่ถูก จู่ ๆ ร่างกายก็ไม่ได้รู้สึกถึงอาการปวด เขาวิ่งเข้าไปกระทืบเท้าคู่ที่หัวของซอมบี้จนแหลก แววตาของเขาดูสะใจจนเกินบรรยายเมื่อเลือดดำ ๆ ข้น ๆ ของมันกระเด็นเลอะกางเกง ซอมบี้อีกตัวกำลังเดินเข้ามา เขาหันหลังกลับมาพร้อมกับวิ่งเข้าไปกระโดดถีบอย่างไม่เกรงกลัว บอกตามตรงว่าเขาไม่กลัวซอมบี้แม้แต่นิดเดียว เนื่องด้วยหนังผีที่ดูมาตั้งแต่เด็ก ๆ นั้นทำให้เขาเป็นคนที่มีจิตใจเข้มแข็งมากที่สุดคนหนึ่งเลยทีเดียว เขาพุ่งกลับเข้าห้องก่อนที่จะเอามีดทำครัวออกมาแทงเข้าที่กลางศีรษะของซอมบี้ตัวนั้นจนแน่นิ่งไป เรมัสดึงมีดออกมาพร้อมหอบด้วยความสะใจ จากนั้นเขาก็แสยะยิ้มออกมาก่อนที่จะกลับเข้าห้องอีกครั้งเพื่อเก็บของเพื่อให้พร้อมสำหรับการผจญภัยครั้งใหม่ของเขา

เรมัสเป็นพวกที่คลั่งไคล้ซอมบี้มากทีเดียว ใต้เตียงของเขามีมีดสั้นอยู่สองเล่มและมีดสำหรับปาอยู่ประมาณยี่สิบเล่ม ซึ่งเขาใช้เวลาสะสมอยู่นานเป็นปี เพราะบางทีเขาเคยคิดว่าโลกนี้จะต้องมีซอมบี้บุกเขาสักวันและการเข้ายุคกลียุคนั้นจึงเป็นข้อพิสูจน์ว่าเขาคิดถูก

อาหารกระป๋อง บะหมี่กึ่งสำเร็จรูปแบบซอง น้ำสองสามขวด นั่นคือทั้งหมดที่เขายัดใส่ในกระเป๋า และแน่นอนเขาไม่ได้ดูแต่หนัง เขาเป็นคนที่ติดเกมซอมบี้เป็นอย่างมาก เขารู้วิธีที่จะรับมือกับมัน เขาง่าย ๆ เลยว่าเขาได้เรียนรู้จากสื่อพวกนี้ดีกว่าเรียนหนังสือเสียอีก

ซึ่งในยุคนี้มันทำให้รู้ว่า เรียนหนังสือไปให้ตายยังไงก็ไม่สามารถเอาตัวรอดจากซอมบี้ถ้าไม่มีกึ๋นพอ

เขายิ้มอย่างมีความสุขราวกับว่าเขากำลังรอวันนี้มาทั้งชีวิตที่จะได้ไปสวนสนุกที่ไม่มีวันปิด เมื่อเตรียมของเสร็จแล้วจัดแต่งตัวของตัวเองให้ดีที่สุด ซึ่งเขาจะสวมเสื้อยืดบางและทับด้วยเสื้อกันหนาวบาง ๆ แน่ล่ะ ประเทศไทยมันหนาวซะที่ไหน และใส่หนังสือปกไม่หนามากไว้ข้างไหนแขนเสื้อเพื่อใช้เป็นเกราะมีดทั้งสองเล่มถูกเก็บไว้อย่างดีในซองหนังที่คล้องไว้กับเข็มขัดอย่างดี รวมถึงมีดปาใส่ไว้ในซองยาวที่พาดบ่าเป็นรูปตัวเอ็กซ์ ซึ่งแน่นอนว่าเขาจัดเต็ม นี่ยังไม่รวมมีดมาเชเต้ที่เขาแอบซื้อมาเพื่อการนี้โดยเฉพาะ ถูกต้อง…เขาไม่มีปืน ไม่ใช่เพราะเข้าไม่มีเงิน เขาทำงานเป็นฝ่ายบัญชีที่โคตรจะเก็บกดแต่ก็ต้องแลกมาด้วยรายได้ที่่ดีและสามารถส่งน้องสาวเรียนและสามารถให้เงินค่าขนมทุกเดือนได้โดยที่ไม่มีผลต่อเงินตัวเองแม้แต่บาทเดียว แต่ก็มีบางอย่างที่เขาไม่ให้เพราะรูว่าเอาไปเที่ยว แต่ก็โดนขู่ว่าไม่งั้นจะไปขายตัวแลกเงินถ้าผู้เป็นพี่ชายไม่ให้เงินแล้ว สุดท้ายก็ต้องยอมสยบกับน้องสาวที่โคตรจะเล่ห์กลสูง ตั้งแต่พ่อแม่ได้ตายไปหลังจากที่เรมัสเข้ามหาวิทยาลัยได้ เขาก็ต้องเรียนไปด้วยและทำงานไปด้วยจนแทบจะโดนไล่ออกเนื่องด้วยเกรดเฉลี่ยที่ต่ำต้อย แต่โชคดีที่เขาเรียนจบ และในวันรับปริญญานั้น…ใช่…มีแต่เพียงช่างกล้องและน้องสาวตัวเองที่มาแสดงความยินดี ญาติโยมก็หายไปหมดไม่ได้ติดต่อกันเลยแม้แต่คนเดียว

แต่ก็ไม่เป็นไร…ไอ้พวกญาติปรสิตที่คอยเห็นแต่จะสูบเงินไปแบบนี้ไม่จำเป็นจะต้องติดต่อ ไม่ต้องมามองหน้ากันจะดีกว่า เพราะตัวเองมีงานทำที่สามารถกลายเป็นพ่อของเอวาได้ 

เมื่อเขาเตรียมตัวเสร็จก็ออกไปจากห้องอย่างไม่กลัว เขาเลือกที่จะลงบันไดแทนที่จะใช้ลิฟต์ เนื่องจากประสบการณ์ที่ได้ดูหนังซอมบี้บอกว่า แม้ไฟจะยังคงใช้ได้ แต่สายดึงลิฟต์ไม่รู้ว่ามันจะสึกหรอเปราะบางขนาดไหน เมื่อเห็นซอมบี้เขาไม่ได้ฉลาดพอที่จะเดินเลี่ยง แต่กลับใช้มีดมาเชเต้ฟันอย่างบ้าคลั่งและแม่นยำ พละกำลังของเขาค่อย ๆ ฟื้นตัวเมื่ออะดรีนาลีนสูบฉีดมากขึ้น ในที่สุดเขาก็ออกมาจากตึก แต่ก็ต้องพุ่งเข้าไปหลบแถวพุ่มไม้เพราะว่ามีซอมบี้เป็นกองทัพอยู่ตรงหน้า จากนั้นเขาก็ค่อย ๆ โผล่หัวออกไปมองหาทางที่สามารถจะออกไปได้ซึ่งก็มีอยู่ทางเดียวก็คือทางรถออกแต่มีปัญหาอยู่ที่ว่ามีกองทัพซอมบี้ขวางทางอยู่ เขาเห็นว่าใกล้ ๆ มีขวดเบียร์ที่ยังไม่ได้ถูกเปิดวางอยู่ เขาเปิดมันออกด้วยมีดแต่ก็ต้องทำให้เงียบที่สุดจากนั้นเขาก็ดื่มไปสามอึกก่อนที่จะลุกขึ้นปาขวดเบียร์ไปอีกทางเพื่อเบี่ยงเบนความสนใจของพวกซอมบี้ ขวดนั่นลอยไปทางที่ต้องการก่อนที่จะกระทบลงพื้นแตกเป็นเสี่ยง ๆ ส่งเสียง เพล้ง!!

พวกมันให้ความสนใจไปกับที่มาของเสียงจึงทำให้ทุกตัวเดินทางทางนั้น เมื่อเรมัสเห็นโอกาสมาถึงเขาจึงค่อย ๆ ย่องออกไปโดยไม่ให้มีเสียงโดยสายตาที่ยังคงมองพวกซอมบี้อย่างไม่ละสายตา เขายังคงขาดความระมัดระวังอยู่ จึงทำให้ไปชนกับซอมบี้ตัวหนึ่งเข้า มือของมันพุ่งเข้ามาคว้าคอเสื้อของเขาจนทำให้ล้มไปด้วยกัน เรมัสปลุกปล้ำอยู่กับซอมบี้ตัวนี้จนเกือบจะส่งเสียงดัง เขาจับหัวซอมบี้แล้วทุบกับพื้นกระเบื้องจนเลือดข้น ๆ สีดำแตกกระจายออกมาจากกะโหลก จากนั้นเข้าชักมีดสั้นออกมาก่อนที่จะแทงเข้าที่หลังหัวมัน จากที่มันเคยดิ้นรนเพื่อที่จะฝังเขี้ยวฟันอันสกปรกลงในเนื้อของเรมัสก็ต้องสงบไป เขารีบเดินไปที่ลานจอดรถซึ่งซอมบี้ยังงวนอยู่กับที่มาของเสียงขวดแตกที่เพิ่งใช้เป็นนกต่อเมื่อกี้ รถกระบะคันสีดำซึ่งเป็นรถของเรมัสที่ได้มาจากพ่อจากต่างจังหวัดให้มาเป็นของขวัญการเรียนจบมหาวิทยาลัย ด้วยความที่เขาไม่ได้เอากุญแจรถออกมาจากในห้องเขาจึงจำเป็นต้องใช้กุญแจรถสำรองที่ซ่อนอยู่ใต้รถ ซึ่งเขาติดสก๊อตเทปเอาไว้เพื่อที่จะไม่ให้มันหลุด เขาใช้มีดกรีดเทปนั้นให้ขาดแต่นิ้วมือของเขาไปถูกสัญญาณกันขโมย นั่นส่งผลให้รถส่งเสียงดังลั่นไปทั่วบริเวณ พวกซอมบี้ที่ได้ยินนั้นก็ค่อย ๆ กรูกันเข้ามา เขารีบขึ้นรถพร้อมกับเสียบกุญแจจากนั้นก็สตาร์ตเครื่องยนต์ ชีวิตจริงมันไม่ได้เหมือนในนิยาย เครื่องยนต์ติดทันที เขาเปลี่ยนเป็นเกียร์ถอยหลังและเหยียบคันเร่งอย่างรีบร้อน รถพุ่งถอยหลังไปชนเข้ากับซอมบี้ประมาณสี่ห้าตัวที่อยู่ในรัศมีก่อนที่ซอมบี้ตัวหนึ่งจะคว้ากระบะได้

เรมัสเปลี่ยนมาเป็นเกียร์เดินหน้าโดยเริ่มจากเกียร์หนึ่งโดยที่ไม่ลืมที่จะเลี้ยงคลัตช์ไปด้วย รถก็พุ่งทะยานออกไป แต่ซอมบี้ตัวนั้นก็ยังเกาะด้วยมือที่เหนียวแน่น เรมัสขับทะยานออกไปจากรั้วคอนโดทันที เมื่อเข้าถนนใหญ่ที่มีรถหลายคันจอดขวาง เขาไม่สนใจจึงเปลี่ยนเหยียบคลัตช์อีกรอบก่อนที่จะเปลี่ยนเกียร์มาเป็นเกียร์สอง นั่นทำให้รถวิ่งเร็วขึ้น เขารถกับรถเก๋งคันหนึ่งเพื่อให้มันเปิดทางให้ แต่ซอมบี้ที่เกาะอยู่นั้นไม่มีท่าทีว่าจะปล่อยมือ แต่มันกลับค่อย ๆ ปีนขึ้นมาบนท้ายรถกระบะ เรมัสไม่รู้จะทำยังไงกับมันดีจึงขับไปเรื่อย ๆ ก่อนที่จะเปลี่ยนเป็นเกียร์สาม โดยคราวนี้เขาตั้งใจที่จะทำให้รถมันกระชากเล็กน้อยเพื่อให้ซอมบี้มันหลุดออกไปจากกระบะซึ่งมันก็เป็นไปตามนั้นจริง ๆ ร่างกายของมันกระเด็นไปกับพื้นจนเนื้อหนังถลอกอีกทั้งยังทิ้งรอยเลือดและเศษเนื้อหนังไว้บนพื้นถนนอีกต่างหาก

เมื่อทุกอย่างสงบลง เขามองไปรอบ ๆ เมืองก็เห็นว่าทั้งเมืองนั้นไม่มีมนุษย์เหลืออยู่เลยแม้แต่คนเดียว สิ่งมีชีวิตที่เดินอยู่ก็มีแต่ซอมบี้ ในความเป็นจริงเราสามารถนับซอมบี้ว่าเป็นสิ่งมีชีวิตได้หรือเปล่านะ? ไม่ว่าจะเป็นซากปรักหักพังของตึก รถที่ถูกจอดระเกะระกะและขยะมากมายไม่ว่าจะเป็นขยะเปียก ขยะแห้ง แม้กระทั่งขยะชีวภาพที่มีเครื่องหมาย ‘ไบโอฮาซาร์ด’ พิมพ์แปะไว้อยู่

“แม่ง วันสิ้นโลกของจริงเลยนี่หว่า” เขาพูดกับตัวเองจากนั้นก็เอากระเป๋าสะพายวางไว้บนเบาะข้างคนขับ สิ่งที่เขาเห็นก่อนนั่นก็คือเครื่องเล่นเทปวอล์กแมนที่เขาเคยซื้อมาจากร้านในตลาดนัดรถไฟซึ่งเอวาเคยขโมยไปฟังเพลงบ่อย ๆ แม้ว่าในยุคก่อนหน้าจะมีสมาร์ตโฟนที่สามารถโหลดเพลงเข้าไปอยู่ในนั้นได้เป็นล้าน ๆ เพลง (หากพื้นที่หน่วยความจำมากพอ) ซึ่งมันแปลกที่เรมัสซื้อมาแค่เอามาตั้งโชว์แต่น้องสาวเข้าไม่คิดแบบนั้น เธอไม่ได้ถูกสอนมาให้ใช้เงินฟุ่มเฟือยที่จะซื้ออะไรมาก็แค่ตั้งโชว์เฉย ๆ เธอมักจะซื้ออะไรที่มันใช้งานได้เท่านั้น แตกต่างจากเรมัสที่ชอบสะสมของที่มีคุณค่าทางจิตใจมากกว่า ด้วยความที่วอล์กแมนยังสามารถเล่นเทปได้อยู่ เธอจึงเอาไปฟังเพลงบ่อยเนื่องจากเทปที่เธอซื้อนั้นก็แทบไม่มีขายถ้าไม่ได้ไปเจอในออนไลน์เสียก่อน

เรมัสต้องหยุดรถกลางถนนและมองดูรอบ ๆ เพื่อเช็คว่าไม่มีซอมบี้อยู่ใกล้ ๆ เนื่องจากมีโพสต์อิตสีซีด ๆ แปะอยู่ซึ่งมันเขียนว่า ‘ถึงพี่เรมัส’ เขาจำลายมือของน้องสาวตัวเองได้อย่างแม่นยำ เพราะทุกครั้งที่เธอจะออกไปเที่ยวก็มักจะเขียนโน้ตทิ้งไว้ให้เสมอ ถ้าจะให้เดาก็คือ เอวาอาจจะอัดเสียงทับเทปไว้ก็ได้ แต่จะทำได้ยังไงเพราะว่าเจ้าเครื่องนี้ไม่มีฟังก์ชันในการบันทึกเสียงนี่ เขาจึงเอาหูฟังที่พันอยู่รอบ ๆ วอล์กแมนมาเสียบหูทั้งสองข้างก่อนที่จะกดเริ่มเล่น สิ่งที่ได้ยินนั้นไม่ใช่เสียงเพลงจากยุคเก้าศูนย์ 

แต่เป็นเสียงของเอวา!

“ฮัลโหล เทส…เทส… พี่น่าจะได้ยินเสียงหนูแล้วมั้ง คืองี้นะพี่ ช่วงที่พี่หลับไป โรคระบาดนั้นมันรุนแรงขึ้นทุกวันเลยล่ะ มีข่าวต่างประเทศว่ามีซอมบี้แล้วด้วย มันขยายพันธุ์เร็วมาก หนูได้ยินข่าวว่าตอนนี้มีซอมบี้เกิดขึ้นที่ประเทศไทยแล้วล่ะ มันน่ากลัวมาก หนูกำลังอพยพไปในที่ที่ห่างไกลจากพวกซอมบี้ แต่พี่ไม่จำเป็นต้องมาตามหาหนูก็ได้ถ้าพี่ตื่นมา สาเหตุที่หนูอัดเสียงได้เพราะหนูมีเพื่อนที่ชอบอะไรพวกนี้มาก มันก็ไม่ได้ใช้งานยากเท่าไหร่หรอก แต่ถ้านานเกินก็จะเปลืองเทปได้ ถ้าเป็นไปได้หนูไม่อยากให้พี่ตื่นมาเจอสภาพวันสิ้นโลกแบบนี้เลย เพราะสภาพก่อนที่พี่จะจากมานั้นมันก็แย่พออยู่แล้ว แต่มีอยู่ช่วงหนึ่งที่จู่ ๆ ไวรัสก็หายไป แต่ก็กลับมาระบาดอีกทีหนึ่งวันก่อนซอมบี้หลายพันบุก หนูไม่รู้ว่ามันคืออะไร แต่หนูจะภาวนาอย่าให้พี่ฟื้นขึ้นมา เพราะพี่จะอยู่ตัวคนเดียวและไม่มีความสามารถพอที่จะฆ่าพวกมันได้ เชื่อเถอะหนังซอมบี้มีตัวอย่างตั้งเยอะแยะ ถ้าเป็นไปได้…หนูอยากเจอพี่นะ…หนูคิดถึงพี่มาก… ฮึก…ฮึก…หนูคิดถึงพี่มากนะคะ หนูขอโทษสำหรับทุกอย่าง หวังว่าพี่จะยกโทษให้น้องสาวที่ไม่ได้เรื่องอย่างหนูนะคะ แต่อย่าตามหาหนูเลย ดีไม่ดีหนูอาจจะตายไปแล้วก็ได้ เท่าที่รู้มาว่าไวรัสตัวนี้มีต้นกำเนิด
มาจาก…………….” 

เวร…เทปหมด…

เรมัสนั่งนิ่งอยู่ จู่ ๆ น้ำตาของเขาก็ไหลอย่างไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ย

“เอวา…พี่ไม่รู้ว่าน้องอยู่ไหน” เขาพูด “แต่พี่จะหาน้องให้เจอนะ พี่มีเรื่องที่อยากจะเล่าให้ฟังเยอะเลย ไม่ว่าจะเป็นเรื่องที่อยู่ในโลกเสมือนกับสิ่งที่เพิ่งเจอมา” 

จากนั้นเข้าก็เข้าเกียร์และขับออกไปจากตรงนั้นทันที เขาไม่รู้ว่าเป้าหมายของการเดินทางครั้งนี้คือที่ไหน? เอวาไปที่ไหนกันแน่นะ? ไม่ว่าจะเป็นทิศไหนเขาไม่สามารถเดาใจน้องสาวคนนี้ได้เลย แต่ที่แน่ ๆ คือเขาต้องขับออกจากเมือง เนื่องจากสถานที่ในเมืองนั้นเป็นที่แออัดของพวกซอมบี้เลยทีเดียว จู่ ๆ เขาเจอผู้ชายคนหนึ่งยกมือขวาขึ้นมาและชูนิ้วโป้ง เรมัสชะลอความเร็วพร้อมกับหยิบมีดสั้นขึ้นพร้อมที่จะฆ่าคน ๆ นี้ถ้าเขาเข้ามาทำร้าย

“สวัสดีครับ” เรมัสทักทายเขาด้วยน้ำเสียงเรียบ ๆ 

“อา…ขอโทษครับ ผมขอติดรถไปด้วยได้ไหมครับ พอดีกำลังออกนอกเมือง” ชายคนนั้นพูด

เรมัสยังไม่ตอบแต่มองร่างกายของเขาตั้งแต่บนลงล่าง เห็นว่าเขาใส่เสื้อผ้าที่ดูก็รู้ว่าขโมยมาจากห้างที่ไหนสักที่แน่นอน เขาสะพายเป้ทหารที่ไม่รู้ว่ามีอะไรอยู่ในกระเป๋านั้นบ้าง เท่าที่สังเกตก็คือเขาไม่มีอาวุธติดตัวเลย สังเกตง่าย ๆ ที่เขาสวมเสื้อยืดและกางเกงยืนสีดำขายาว ถ้าไม่งั้นเขาคงแนบปืนพกไว้ด้านหลังแน่นอน ใบหน้าของเขาดูเกลี้ยงเกลา ไม่มีแผลเลยสักที มีแต่เพียงคราบสกปรกที่ได้มาจากพวกควันและเศษดินป่น ๆ ที่ลอยมาติดบนใบหน้า

โดยรวมแล้ว เขาดูไว้ใจได้ จากสัญชาตญาณของเรมัสที่ตัวเองเชื่อมั่นมาตลอดน่ะนะ

“ขึ้นมาสิ” เรมัสพะยักพเยิดหน้าให้ขึ้นรถ “กระเป๋านั่นเอาไว้ท้ายรถดีกว่านะ”

“โอเคครับ” เขาพูด น้ำเสียงของเขายังดูไม่โตเป็นผู้ใหญ่ แสดงว่าอายุประมาณสิบหกไม่ก็สิบเจ็ด เรมัสยกกระเป๋าและวอล์กแมนไว้เบาะหลัง

“ก่อนขึ้นรถ เอาอาวุธออกมาให้ดูด้วย” เรมัสพูดอย่างระมัดระวัง

เด็กหนุ่มคนนั้นก็เอามีดสั้นของตัวเองออกมาจากเข็มขัดด้านหลังของตัวเอง ใช่ครับ มีดเพียงเล่มเดียว

“มีแค่นี้เหรอ?” เรมัสถามอย่างแปลกใจ

“เท่านี้แหละครับ ผมไม่ได้โกหก” เขาพูดน้ำด้วยน้ำเสียงที่ฟังดูไม่มีมูลโกหกอยู่ในนั้นเลย

“แล้วถ้าซอมบี้กรูกันเข้ามานายจะทำยังไงล่ะ?” 

“ผมก็หนีสิครับ ว่าแต่ให้ผมขึ้นรถเถอะ ผมไม่ปล้นพี่หรอก” จากนั้นเรมัสก็ให้เด็กหนุ่มคนนี้ขึ้นรถก่อนที่จะขับต่อไป ระหว่างทางพวกเขาก็สนทนากัน

“นายชื่ออะไร?” เรมัสถาม

“ผมชื่อ ’คาเรน’ครับ”

“งั้นเหรอ ฉันชื่อ เรมัส ยินดีที่ได้รู้จักนะ”

“ยินดีเช่นกันครับ” คาเรนยิ้ม

จากที่ได้สนทนากันเรมัสจึงรู้ว่าเขาเป็นเด็กนักเรียนแลกเปลี่ยนชั้นมัธยมปลายจากประเทศนิวซีแลนด์ ซึ่งเขาก็เอาตัวรอดมากจากซอมบี้ที่นั้นก่อนที่จะนั่งเรือกลับมายังประเทศไทย ซึ่งมันน่าแปลกใจที่ยังมีเรือโดยสารแล่นไปมาอีกทั้ง ๆ ที่รัฐบาลน่าจะสั่งปิดประเทศกันหมดแล้ว 

สุดท้ายก็ไม่ยอมปิดประเทศเสียที

แต่เท่าที่สังเกตคาเรน เขาดูเป็นคนที่ไม่ได้ติดเชื้ออะไรเลย อีกทั้งสภาพร่างกายดูพร้อมสำหรับการต่อสู้อย่างมาก ร่างกายเข้าไม่ได้สูงมาก แต่สังเกตดี ๆ เขามีกล้ามเนื้อปกคลุมร่างกายอยู่มากพอควร

“เรียนที่นั่นเป็นยังไงบ้างล่ะ?” เรมัสเปลี่ยนเรื่องถาม

“ก็ไม่ได้แย่นะครับ คนที่นั่นก็เฟรนลี่กันดี” เด็กหนุ่มตอบ “แล้วพี่ล่ะ? ยังเรียนอยู่เหรอ?”

“พี่เรียนจบแล้วน้อง ตอนนี้ก็อย่างที่เห็น พี่ไม่ได้ทำงาน แต่ต้องมาวิ่งหนีซอมบี้อยู่เนี่ย” เรมัสพ่นลมหายใจออกทางจมูกอย่างเซ็ง

ตอนนี้เราออกจากเมืองแล้ว กำลังอยู่ทางหลวงที่จะพาเราออกจากเมืองได้ จู่ ๆ ก็เจอฝูงซอมบี้ฝูงใหญ่กำลังกรูเข้ามา เมื่อกำลังจะกลับรถเพื่อหนี คาเรนก็บอกให้หยุดก่อน

“ผมเห็นกลุ่มมนุษย์กำลังวิ่งมาทางนี้ครับ” เขาพูด ซึ่งเรมัสเองไม่เห็นว่าจะมีใครมา เขาหยุดรถก่อนที่จะใช้สายตามองให้ดี ๆ เขาก็เห็นกลุ่มคนกำลังวิ่งเข้ามา 

ไอ้เด็กคนนี้ทำไมมันตาดีจังวะ?

จู่ ๆ ฝูงซอมบี้ก็มาจากไหนก็ไม่รู้ แม้ว่าตัวเองที่แปลงร่างเป็นซอมบี้ต่อสู้กับพวกมันยังเกือบเอาไม่อยู่ แผลที่พวกมันกัดก็ฟื้นสภาพด้วยพลังเยียวยา กระสุนปืนของกิ๊บกำลังจะหมด นัทก็เริ่มวิ่งไม่ไหว วินเริ่มหมดแรง นิวก็เหมือนกัน เขาพึมพำตลอดทางว่า ‘ถ้าปลดผนึกพลังได้คงชนะพวกมันไปนานแล้ว’ ผมไม่รู้จะทำยังไงเลยทำได้แค่วิ่งหนีไปเรื่อย ๆ ส่วนทอมก็วิ่งราวกับไม่คิดชีวิต เขาเพิ่งทิ้งมีดสั้นของตัวเองไปเนื่องจากมือไม้อ่อน แต่ขากลับวิ่งได้อย่างแข็งแรงเลยทีเดียว ตอนนี้ทุกคนเริ่มเหนื่อยกันหมดแล้ว ลมหายใจของคาโอรินก็หอบลงทุกทีจนผมต้องเข้าไปพยุงร่างของเธอ ส่วนฟางที่วิ่งแบกปืนอยู่ด้วยนั้นก็แทบสิ่งไม่ไหวจนต้องให้นิวช่วยแม้ว่าเขาเองก็แทบขยับขาไม่ไหวแล้วเหมือนกัน

“กูวิ่งไม่ไหวแล้วว่ะ!” นัทโอดโอย

“กูก็เหมือนกัน” วินพูด “ไอ้พวกนี้มันมาจากไหนกันวะ เยอะฉิบหาย!!”

“มีรถกระบะกำลังมาทางนี้ด้วย” นิวพูด

ผมมองไปข้างหน้า เห็นรถกระบะคันสีดำกำลังแล่นเข้ามา ผมไม่รู้ว่ามันเป็นมิตรหรือศัตรู แต่ตอนนี้ผมทำได้เพียงแค่โบกมือขอความช่วยเหลือเท่านั้น

“เฮ้!!! ช่วยด้วย​!!” ผมตะโกนสุดเสียง

“พี่เรมัส คน ๆ นั้นเหมือนจะโบกมือขอความช่วยเหลือนะครับ” คาเรนพูด

“รู้ได้ไง?” เรมัสถามอย่างไม่ไว้ใจ

“ผมเป็นคนที่ตาดีมากครับ เป็นตั้งแต่เกิดแล้ว สายตาของผมไม่เคยโกหกหรอกครับ” เขาพูด

เรมัสตัดสินใจขับเข้าไปหากลุ่ม ๆ นั้น

“รถคันนั้นกำลังมาหาพวกเราแล้ว!” นิวพูด “มีคนมาช่วยแล้ว!” 

ให้ตายสิ…ถ้ายังมีเลือดของซอมบี้อยู่ก็คงจะสามารถพาพวกพ้องขึ้นรถได้แล้ว สภาพของแต่ละคนดูจะไม่ไหวแล้วสิ รถคันนั้นรู้สึกว่ากำลังพุ่งเข้ามาหาพวกเราด้วยความเร็วคงที่ แต่ก็เร็วพอที่จะถึงพวกเราในเวลาไม่นาน

ใกล้ขึ้นเรื่อย ๆ 

ใกล้ขึ้นเรื่อย ๆ 

“พวกเรา!! กระโดดขึ้นรถกระบะคันนั้นเลย” ผมตะโกนสุดเสียง

เมื่อรถกระบะเข้ามาถึงเรมัสและคาเรนวาดมือให้เราขึ้นไปบนกระบะท้ายรถทันที ซอมบี้สายวิ่งกำลังจะถึงเราอยู่แล้ว เรมัสปามีดไปถูกหัวของมันตายไปหนึ่งตัว กิ๊บที่ขึ้นไปบนกระบะก่อนหน้านี้เล็งปากกระบอกปืนไปยังซอมบี้สายวิ่งอีกตัวที่กำลังเข้ามาก่อนที่จะลั่นไกยิงโดนหัวอย่างแม่นยำ ฟางถือไรเฟิลมาประทับบ่าตอนที่จะช่วยกิ๊บยิง ตอนนี้มือปืนสาวทั้งสองได้ป้อมปราการอย่างดีเลยทีเดียว นิว วิน ทอม กระโดดขึ้นรถกระบะอย่างรวดเร็วจากนั้นก็ตามมานัท คาโอรินและผมที่จับมือของวินที่ยื่นให้ผมเพื่อตัวเองสามารถขึ้นรถได้ง่ายขึ้น ฟางยิงซอมบี้สายวิ่งตัวหนึ่งพลาดมันพุ่งเข้ามาปะทะกับรถจากนั้นก็ปีนขึ้นมาหมายจะทำลายกระจกรถ กิ๊บเห็นดังนั้นจึงใช้ปืนพกยิงมันทะลุหัวอย่างแม่นยำ

“ไป!! ไป!! ไป!! ไป!!” วินตะโกนเสียงดังลั่นพร้อมกับตบรถกระบะเป็นสัญญาณให้กับคนขับรถ

เรมัสได้ยินดังนั้นก็เหยียบคันเร่งหนีไปยังถนนอีกเส้นหนึ่งที่ไม่มีซอมบี้ ระหว่างนั้นนัทควักปืนพกของตัวเองออกมาก่อนที่จะยิงซอมบี้ที่ตอนนี้มันไม่สามารถตามเราทันอย่างขวัญหนี แต่ก็ถูกวินถามไว้ก่อน

“มึงจะยิงทำซากอะไรวะ! เรารอดจากมันแล้วนะเว้ย! เปลืองกระสุนเปล่า ๆ ” วินตะคอกใส่นัทที่กำลังตัวสั่นเทิ้มไปด้วยความกลัว

นัทไม่ตอบ ปืนหลุดจากมือจากนั้นก็ลงไปนั่งอยู่กับพื้นรถกระบะอย่างหมดแรง ใช่แล้วทุกคนเหนื่อยกันหมด จึงค่อย ๆ นั่งลง ผมกับคาโอรินนั่งเอาไหล่ชนกันไม่ต่างจากแต่ละคู่ มีแต่วินคนเดียวที่เอาไหล่ชนกับผู้ชาย นั่นก็คือทอม แต่สถานการณ์อย่างนี้คงไม่ได้เกี่ยงอะไรกันแล้วล่ะ 

รถกระบะสีดำแล่นทะยานออกไปยังนอกเมืองเพื่อหาที่พักใหม่ โดยที่ไม่รู้ว่าพวกเราจะไปพักกันที่ไหน แต่โชคยังดีที่พระเจ้าเข้าข้างพวกเราแม้ว่าผมเป็นคนหันหลังให้กับเขาแล้วแท้ ๆ นั่นสินะ…เขาไม่สนหรอก นี่มันก็แค่เกมกระดานสนุก ๆ ของเขานี่นา ให้ตายสิ…ความคิดแบบนี้มาอยู่ในหัวได้ยังไงกัน…แต่ก็นะ…ง่วงนอนจังเลย…

และแล้วหนังตาของผมก็หนักขึ้นเรื่อย ๆ จนปิดดวงตาของตัวเอง โลกทั้งใบมืดสนิทและสติก็เลือนราง

_______________________________________________

To Be Continue Ep.37