"พลังที่ผมได้มานั้น...มันคือพรหรือคำสาปกันแน่นะ...? แล้วผมจะใช้พลังนี้แก้ไขประเทศที่ล่มสลายนี้จะกลับเหมือนเดิมได้อย่างไร...?"
แอคชั่น,ชาย-หญิง,สะท้อนปัญหาสังคม,ไทย,เลือดสาด,พล็อตสร้างกระแส,ดราม่า,สยองขวัญ,ผี,ผจญภัย,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
Undead War สงครามคนเป็น"พลังที่ผมได้มานั้น...มันคือพรหรือคำสาปกันแน่นะ...? แล้วผมจะใช้พลังนี้แก้ไขประเทศที่ล่มสลายนี้จะกลับเหมือนเดิมได้อย่างไร...?"
โรคระบาดยังคงอยู่รอบๆ ตัวเรา ไม่ได้หายไปไหน หมอทุกคนตายกันไปหมดแล้ว ความหวังดับวูบจนไม่เหลือแม้แต่แสงสุดท้าย ราวกับว่าตัวเองกำลังเดินอยู่ในอุโมงค์ไร้แสงสว่างและไร้สิ้นสุด พวกซอมบี้ต่างคอยจะได้กัดกินเนื้อมนุษย์อย่างกับเครื่องจักรที่ไม่มีวันเหนื่อย ไม่ว่าจะมองไปทางไหน ก็มีแต่พวกมันอยู่เต็มไปหมด
แต่ความหวังก็ยังไม่หมดไป เมื่อผมสามารถเอาชนะเชื้อไวรัสตัวนี้ได้ ทำให้ร่างกายของผมเกิดกลายพันธุ์และสามารถแปลงกายเป็นซอมบี้ได้ตลอดเวลา นั่นทำให้ผมวิวัฒนาการไปอีกขั้นเพื่อที่จะช่วยเหลือมวลมนุษยชาติได้
“ขอบคุณครับ” คาเรนรับอาหารกระป๋องที่เรมัสยื่นมาให้อย่างนอบน้อม
“พยายามกินแบบประหยัด ๆ หน่อยละกันนะ” เรมัสพูด
พวกเราหนีพวกซอมบี้ทั้งกองทัพมาได้และได้หยุดพักรถข้างทางโดยมีนิวและวินเป็นคนเฝ้ายามให้เป็นเวรแรก ซึ่งเวรต่อไปก็จะเป็น ผม และทอม แม้ว่าพวกผมกับเรมัสเพิ่งจะเจอหน้ากันเป็นครั้งแรกก็จะระแวงเป็นธรรมดา ยิ่งเขามีมีดปาอยู่ทั่วร่างกายยิ่งทำให้ดูไม่น่าเข้าใกล้เข้าไปใหญ่ แต่ด้วยความที่เจ้าตัวช่วยชีวิตพวกผมไว้จึงไม่ค่อยระแวงเป็นพิเศษ ดูจากหน้าตาก็ไม่น่าจะเป็นโจรเท่าไหร่ แต่ก็ไม่แน่ อย่าตัดสินคนจากภายนอก เขากับคาเรนก็เพิ่งเจอกันได้ไม่นาน ซึ่งเจ้าตัวก็แค่เล่าว่าตัวเองนั้นเพิ่งออกมาจากเกมโลกเสมือนที่ออกวางขายเมื่อครึ่งปีก่อน จริง ๆ ตอนนั้นมีโรคระบาดเกิดขึ้นจนรัฐบาลต้องประกาศเคอร์ฟิวและก็มาประกาศสิ้นสุดเมื่อหนึ่งเดือนก่อนกลียุค ตอนนี้เขาต้องการที่จะค้นหาน้องสาวตัวเองที่ไม่รู้ว่าเจ้าตัวอยู่ที่ไหน แบบนี้ก็ไม่ต่างจากหาผีหรอก
ส่วนคาเรน เขาเป็นเด็กหนุ่มที่ใกล้เรียนจบมัธยมปลายที่นิวซีแลนด์แต่ก็ต้องวิ่งหนีซอมบี้จากโรงเรียนของตัวเองกลับไปที่บ้านครอบครัวอุปถัมภ์ โชคร้ายที่ทุกคนนั้นกลายเป็นซอมบี้กันหมด แถมยังโดนพี่สาวในครอบครัวอุปถัมภ์หลอกเพื่อจะเอาร่างกายของคาเรนไปขายให้กับแก๊งกินเนื้อมนุษย์ เขาเดินทางมาจากนิวซีแลนด์โดยเครื่องบินที่จะกลับมาประเทศไทยพอดีเพื่อมาหาครอบครัวที่อยู่ต่างจังหวัด ทุกวันนี้เขาต้องดิ้นรนเอาตัวเองให้รอด
“แต่ก็เก่งนะที่ยังรอดมาจนถึงทุกวันนี้ได้” นิวพูด “จริง ๆ พี่ก็จบจากนิวซีแลนด์เหมือนกัน พูดแล้วก็คิดถึงอากาศที่นั่นทันทีเลย”
“ใช่มั้ยล่ะครับ ที่นั่นอากาศดีมาก ดีจนอยากจะนอนทั้งวันเลย” เด็กหนุ่มยิ้ม
“แต่ก็แปลกนะที่นายสามารถกลับมาจากที่นั่นได้ด้วยตัวคนเดียว” ผมพูดขึ้น “ถ้านายเป็นเด็กธรรมดาคงไม่สามารถมาถึงตรงนี้ได้หรอก”
“คงเป็นเพราะโชคช่วยล่ะมั้งครับ” คาเรนฝืนยิ้ม
“งั้นเหรอ?”
“พอได้แล้วน่ะเอ็น แค่เด็กมันดวงดี จะไปเอาอะไรมากล่ะ” คาโอรินเข้ามาห้าม ผมก็หยุดตัวเองที่จะถามต่อไปได้ ให้ตายสิ ผมเครียดขนาดนี้เลยเหรอ…สัญชาตญาณของผมมักจะถูกเสมอ เพราะเด็กคนนี้ไม่น่าจะเป็นแค่เด็กธรรมดา มันเป็นไปไม่ได้ที่เด็กมัธยมปลายตัวไม่สูง กล้ามเนื้อก็ไม่มีแถมหุ่นก็ยังเหมือนผมเมื่อก่อนอีกด้วย ไขมันที่ปกคลุมร่างกายบาง ๆ แก้มกลม ๆ ที่อยู่บนแก้มทั้งสองข้างนั่น
ผมตักอาหารในกระป๋องเข้าปากแล้วเคี้ยวอย่างใช้ความคิด
จริง ๆ มันก็ไม่มีประโยชน์อะไรที่ต้องไปสงสัยเด็กเลยนี่ คนเราดวงดีดวงซวยไม่เท่ากันนี่ ตอนนี้ผมขอแค่ให้ตัวเองเก่งขึ้นจนสามารถกลับไปทวงหมู่บ้านคืนก็พอ พวกเราเล่าเรื่องของพวกเราให้กับทั้งสองฟัง ส่วนมากจะแนะนำตัวเองและได้ผ่านอะไรมาบ้าง ผมไม่ได้บอกว่าตัวเองมีพลังซอมบี้ เพราะว่ามั่นใจได้เต็มร้อยว่าเรมัสและคาเรนจะต้องไม่เข้าใจกับเรื่องเหนือธรรมชาติแบบนี้อย่างแน่นอน
“หมู่บ้านของพวกนายเป็นยังไงเหรอ?” เรมัสถาม
“ก็สงบดี มีรั้วเหล็กกล้าคอยกันซอมบี้้ไว้ให้” นัทตอบก่อนที่จะซดน้ำซุปในอาหารกระป๋องจนหมด ในใจลึก ๆ แล้วเขาต้องการที่จะกินให้มากกว่านี้ แต่ก็ด้วยความที่เขาเกรงใจคนอื่นจึงยับยั้งชั่งใจไว้ กิ๊บยื่นอาหารกระป๋องที่เธอกินไปแค่ครึ่งเดียวกับแฟนหนุ่มซึ่งเขาก็รับไปกินอย่างหน้าตาเฉย ผมกับนิวมองหน้ากันเหมือนรู้ใจ ใช่แล้ว นัทมักจะเป็นแบบนี้เสมอ เมื่อตัวเองกำลังมีปัญหาก็มักจะไม่สนใจใครนอกจากตัวเอง ในความเป็นจริงเขากลัวที่จะฆ่าซอมบี้มาโดยตลอด ถ้าเขาไม่ได้ทุกคนป่านนี้ก็คงได้ไปนอนคุยกับลากมะม่วงแล้ว ขนาดปืนพกยังยิงให้ถูกเป้าก็ยังทำไม่ได้ ต้องให้กิ๊บคอยปกป้องอยู่ตลอด นิวที่เป็นเพื่อนกับนัทมาสองสามปีคอยปกป้องเขาไม่ต่างจากกิ๊บ ราวกับว่าเป็นอัศวินคู่พระวรกายของพระมหากษัตริย์ยังไงยังงั้น
“แล้วนี่จะไปไหนกันต่อล่ะ?” เรมัสถาม “หมู่บ้านก็โดนแย่งไปแล้ว แบบนี้จะพักกันที่ไหน”
“ความจริงถ้าเรามีพรรคพวกมากกว่านี้ก็คงโค่นพวกมันได้” ฟางพูดอย่างเศร้า ๆ
“ไม่ต้องหรอก แค่พวกเราทั้งหมดนี่ก็ทำได้อยู่แล้ว มีเอ็นสะเปล่า” ทอมพูด
“โอ้โห! นายเก่งขนาดนั้นเลยเหรอ?” เรมัสถาม “ถ้าพูดแบบนั้นพวกนายก็แย่งคืนกลับมาก็สิ้นเรื่องนี่”
ผมไม่พูดอะไร
ทุกคนก็เงียบไปตาม ๆ กัน
“พี่มีพลังซอมบี้งั้นเหรอ?” จู่ ๆ คาเรนก็พูดขึ้น
นั่นเป็นคำพูดที่ทำให้ผมอึ้งที่สุดของวันเลยทีเดียว ไม่น่าเชื่อว่าจะเป็นคาเรนจะรู้ ดวงตาของผมเบิกกว้าง แต่เรมัสคนเดียวที่ยังไม่รู้เรื่องอะไรกับเขาด้วยเลย
“รู้ได้ไง?” ผมถามเสียงสั่น
“เอ๊ะ? ถูกด้วยเหรอ ผมแค่เดามั่วนะเนี่ย”
“รู้ได้ยังไง?” ผมถามด้วยน้ำเสียงที่จริงจังขึ้นไปอีก
“รีแลกซ์น่าพี่” คาเรนลุกขึ้นยืน “เดี๋ยวผมจะแสดงให้ดู”
คาเรนลุกขึ้นยืนแล้วกำมือขวาแน่น ลมหายใจของเขาถี่ขึ้นเรื่อย ๆ ใบหน้าเริ่มแดงขึ้นก่อนที่จะเปลี่ยนเป็นสีซีด ดวงตาสีดำหายไป เส้นเลือดผุดขึ้นมาให้เห็นเด่นชัดทั่วร่างกาย กล้ามเนื้อของเขาก็ผุดขึ้นมาอย่างชัดเห็น จากนั้นก็มีควันลอยออกมาจากผิวหนังของเขา เชื่อเถอะพวกผมตกใจไม่แพ้กัน เรมัสน่าจะตกใจคูณสองเพราะเขาเป็นคนรับเด็กหนุ่มคนนี้มาด้วยนั่นเอง นิว นัท และวิน ที่เห็นก็เดินเข้ามาดูใกล้ ๆ ต่างคนต่างอึ้งในสิ่งที่เด็กหนุ่มคนนี้เพิ่งจะทำไป
“คาเรน นี่มึงเป็นซอมบี้เหรอ?” ชายหนุ่มตกใจ “แล้วแบบนี้ต้องฆ่าทิ้งหรือเปล่า?”
“เดี๋ยว ๆ พี่เรมัส แม้ผมจะเป็นซอมบี้แต่ก็ยังมีสติสัมปชัญญะของมนุษย์นะ” คาเรนแย้ง
“ไม่น่าเชื่อแต่ก็ต้องเชื่อว่ะ” นิวพูดพร้อมกับวางมือบนไหล่ผม “แล้วนายไม่คิดที่จะแสดงพลังให้ดูหน่อยเหรอ?”
“มันไม่มีเลือดซอมบี้ก็แปลงร่างไม่ได้หรอก” ผมพูดอย่างเศร้า ๆ เมื่อรู้ว่าตัวเองมีเงื่อนไขในการแปลงร่างที่ยุ่งยาก ซึ่งมันทำให้ตัวเองดูอ่อนแอไปเลย ให้ตายสิ…นี่ตัวเองยังไม่แกร่งพออีกเหรอ? ก็ผมมันอ่อนแอยังไงล่ะ ไม่ว่าจะเป็นทั้งกายและใจ โดนผู้หญิงที่เคยรักสุดหัวใจหลอกไม่พอก็ต้องมาถูกผู้ใหญ่ที่ไม่รู้จักหัวนอนปลายเท้าไล่ออกไปจากหมู่บ้านทั้ง ๆ ที่พวกผมเป็นคนได้มันมาด้วยกำลังของพวกผมเอง
“งั้นพี่ก็คงต้องฝึกน่ะสิ” เขาพูดก่อนที่จะคืนร่างกลับเป็นมนุษย์ดังเดิม “ผมถูกซอมบี้รุมกัดและตายก่อนที่จะฟื้นขึ้นมาเป็นซอมบี้ ตอนแรกก็เหมือนซอมบี้ทั่วไปนี่แหละ แต่จู่ ๆ ก็มีคนมาทุบหัวผมจนสามารถคืนร่างเป็นมนุษย์ได้ เชื่อเถอะว่าผมฆ่ามนุษย์คนนั้นไปเพื่อป้องกันตัวเอง จากนั้นก็พยายามศึกษาเรียนรู้ในการควบคุมพลังจนสามารถแปลงร่างได้ด้วยตัวเอง เดี๋ยวผมจะเล่าให้ฟัง”
เกาะเหนือ นิวซีแลนด์
ซอมบี้บุกไปทั่วบริเวณโรงเรียน เด็กหนุ่มคาเรนหนีเข้าไปหลบในห้องน้ำเพื่อไม่ให้พวกมันเห็น เขารู้จักซอมบี้ดี แต่พวกเพื่อน ๆ ฝรั่งทักจะเชื่อมั่นในตัวเองสูงจัดว่าพวกซอมบี้นั้นไม่มีจริง แต่สุดท้าย แขนของพวกเราก็หลุดออกจากไหล่ อีกทั้งเนื้อหนังมังสาหลุดออกมาอย่างสยดสยอง มันน่ากลัวยิ่งกว่าหนังซอมบี้เสียอีก ซึ่งมันเกินกว่าเด็กมัธยมปลายของเขาจะรับได้ เสียงกรีดร้องของทุกคนดังก้องอยู่ทั่วบริเวณจนเขาต้องยกมือขึ้นมาปิดหู แต่ไม่ว่าจะทำยังไง เสียงกรีดร้องนั้นยังทะลุเข้ามาได้ ด้วยความที่เขาทนเสียงกรีดร้องของผู้คนที่กำลังล้มตายไม่ไหว เขาจึงหมดสติไป
เขาตื่นขึ้นมาอีกทีก็ได้กลิ่นคาวเลือดที่ลอยคลุ้งไปทั่วห้องน้ำ ทุกอย่างมืดสนิทและเงียบสงัดราวกับว่าทั้งโลกนั้นมีแต่เพียงเขาคนเดียว ร่างกายสั่นเทิ้มไปด้วยความหนาวเย็นของอากาศที่อุณหภูมิต่ำลงตามเส้นศูนย์สูตร เมื่อฟังเสียงข้างนอกว่าไม่มีอะไร เขาจึงค่อย ๆ เปิดประตูห้องน้ำออกไป ในความมืดนั้นไม่ต่างจากตอนที่ตัวเองหลับตา ต้องใช้เวลาในการปรับสายตาให้มองเห็นในความมืดได้บ้าง มีเลือดเจิ่งนองในห้องน้ำซึ่งคาเรนยังไม่ได้รู้สึกถึงมัน จู่ ๆ เข้าก็เข้าไปสัมผัสกับอะไรบางอย่างนิ่ม ๆ นั่นทำให้เขาร้องเสียงหลง เมื่อตั้งสติได้เข้ารีบยกมือขึ้นมาปิดปากและยืนเงียบ ๆ อยู่กลางความมืดเพราะกลัวว่าพวกซอมบี้จะได้ยินเสียงและเข้ามาทำร้าย
บรรยากาศรอบตัวก็ยังคงเงียบสงัด เงียบจนได้ยินเสียงหัวใจตัวเองเต้นรัวเร็วราวกับว่ามันจะระเบิดออกมาจากอก เข้าค่อย ๆ ย่อตัวลงไป สายตาของเขาเริ่มปรับให้ชินกับความมืดแล้ว เขาใช้มือซ้ายสัมผัสกับมันปรากฏว่าเป็น ‘ศพ’ คาเรนล้มก้นจ้ำเป้าไปกับพื้นเมื่อรู้ว่ามันคือศพคนตาย กว่าเขาจะตั้งสติได้อีกครั้งก็อีกอึดใจหนึ่ง แม้ว่าเขาจะอยู่หนังผีที่ภาพศพและภาพสยองมากมายเขาไม่ได้กลัวเท่านี้ แถมตัวเองยังไม่เห็นสภาพศพเต็ม ๆ เลยแท้ ๆ ในหัวของเขานึกจินตนาการเห็นภาพศพที่ถูกแหวกท้องออกมาและถูกกินเครื่องในจนหมด ไม่ต่างจากหอยที่ถูกกินจนเหลือแต่เปลือก ไม่กี่อึดใจท้องไส้ของเขาปั่นป่วนจนต้องสำรอกออกมา เข้าไม่รู้ว่าอะไรออกมาบ้าง แต่ที่รู้ ๆ ก็คือมันเปื้อนชุดนักเรียนของเขาหมด เขาชันตัวลุกขึ้นอีกครั้งแล้วค่อย ๆ เดินออกไปจากห้องน้ำ ตามทางเดินมืดสนิทเขาจึงเกาะกำแพงเดินต่อไป แม้ว่าจะมีศพนอนกองอยู่ไม่น้อย ฉากแบบนี้มันไม่ต่างจากหนังสยองขวัญที่เขาเคยดูแม้แต่นิดเดียว โดยปกติหนังมันไม่ได้ทำให้คาเรนหัวใจเต้นเร็วเท่าได้เห็นของจริง เขาเอามือปิดปากป้องจมูกไว้เพื่อไม่ให้เสียงลมหายใจดังจนเกินไป เขาเจอประตูหนึ่ง เท่าที่จำได้นั่นคือห้องวิทยาศาสตร์ เขาจำได้ว่าเคยเรียนผ่ากบในนั้น ซึ่งหมายความว่าเขาสามารถใช้มีดผ่าตัดในป้องกันตัวเองกับซอมบี้ได้ พอเขาเปิดเข้าไป เขาได้ยินเสียงลมหายใจแห้ง ๆ ที่ไม่ใช่ของเขา ใช่แล้ว…นั่นมันเป็นเสียงลมหายใจของซอมบี้นั่นเอง! เขาจึงปิดประตูลงเบา ๆ ด้วยความที่มือผมลื่น กลอนประตูหลุดจากมือผม บางประตูกระแทกกับธรณีประตู
ปัง!!
ซอมบี้ตัวนั้นคงได้ยินเสียง เนื่องจากเสียงฝีเท้าของมันกำลังเข้ามาเรื่อย ๆ คาเรนตัดสินใจออกตัววิ่งหนีทันที โชคร้ายไปหน่อยที่เขาสะดุดอะไรบางอย่างจนเขาล้มคะมำลงไป อะดรีนาลีนบวกกับความกลัวทำให้คาเรนตะเกียกตะกายลุกขึ้นยืน จู่ ๆ ก็มีซอมบี้ตัวหนึ่งอยู่หน้าเขา
ฉิบหายแล้ว…
แม้ว่ามันจะไม่เห็นผม แต่ด้วยประสาทสัมผัสในการรับกลิ่นและได้ยินนั้นดีมากจึงสามารถรู้ได้ว่ามนุษย์อยู่ที่ไหน ซอมบี้ตัวนั้นโผเข้ามาจะกัดคาเรน แต่เขากลิ้งหลบมาได้ก่อนที่จะชันตัวเองให้ลุกขึ้นยืนอีกครั้งแต่โชคร้ายที่ขาไม่สามารถทำตามคำสั่งได้ มือของคาเรนไปสัมผัสกับอะไรบางอย่างเหมือนไม้ ในเมื่อตัวเองไม่มีอาวุธให้โจมตีและป้องกัน เขาจึงคว้ามันขึ้นมาแล้วเหวี่ยงเข้ามาซอมบี้ตัวนั้นทันที เสียงกะโหลกของมันแตกเป็นเสี่ยง ๆ ตามมาด้วยเสียงร่างกายของมันล้มไปกับพื้น อึดใจต่อมามันก็แน่นิ่งไป คาเรนชันตัวขึ้นมาและลากตัวเองให้ออกมาจากตึกเรียนให้ได้
เมื่อออกมาจากตึกเรียนได้ แสงจากดวงจันทร์เต็มดวงนั้นทำให้เห็นรอบบริเวณแต่ก็ไม่ได้ไกลมาก เขาไม่เห็นซอมบี้ที่อยู่ใกล้เขา แต่ก็ไม่กล้าที่จะออกวิ่ง เขาจึงเลือกที่จะเดินต่อไปเรื่อย ๆ เมื่อมองไปยังสิ่งที่ช่วยชีวิตเขาเมื่อกี้ ปรากฏว่าเป็นขวาน แม้ว่ามันจะหนักไปหน่อยสำหรับเขาแต่มันก็เป็นอาวุธเพียงหนึ่งเดียวที่เขามี สายตาของเขาเริ่มปรับจนสามารถเห็นในความมืดได้ นั่นทำให้เห็นซอมบี้อยู่หลายตัวยืนอยู่กลางสนามฟุตบอล เขาค่อย ๆ เดินให้เงียบที่สุดเพื่อออกไปจากรั้วโรงเรียนเพื่อกลับไปยังบ้านของครอบครัวอุปถัมภ์
ระหว่างนั้นเขาต้องผ่านเมืองและข้ามภูเขาเพื่อไปถึงบ้าน ภูมิศาสตร์ของประเทศนิวซีแลนด์นั้นคนละอย่างกับประเทศไทยที่เป็นพื้นที่ราบ แต่นี่มันเป็นพื้นที่ภูเขาเสียส่วนใหญ่ เขาเจอซอมบี้หนึ่งตัวยืนขวางทางอยู่ มันเห็นคาเรนที่กำลังเดินเข้ามา มันจึงเดินเข้าไปมาอาหารเช้าของมัน แต่คาเรนไม่ให้มันเข้ามากัดเขาอย่างแน่นอน สุดท้ายเขาจึงรีบวิ่งหนีมันทันที ถนนเส้นนี้นั้นจะไปบรรจบกับถนนเส้นหลักในเมืองซึ่งจะเป็นเส้นที่สามารถเดินทางไปยังจังหวัดอื่นโดยง่ายเหมือนพิษณุโลกไปกรุงเทพมหานคร คาเรนยังคงวิ่งต่อไปโดยที่ลืมว่าตัวเองถืออาวุธที่สามารถจัดการมันได้เพียงแค่จามขวานใส่กลางศีรษะเพียงครั้งเดียว
ซึ่งเขาก็ทำมันจริง ๆ
เขาหยุดวิ่งพร้อมกับหันหน้าไปเผชิญกับซอมบี้ตัวนั้นก่อนที่จะเห็นว่ามีซอมบี้ตามมามากกว่าห้าตัว!!
“วอต เดอะ ฟัก…”
หลังจากนั้นเขาก็เปลี่ยนใจวิ่งหนีอีกครั้ง เขารู้อยู่แก่ใจว่าถ้าไม่มีปืนก็สู้พวกมันไม่ไหวกับจำนวนที่มากกว่าสามตัว แต่นี่มันมามากกว่าห้าตัว จะให้สู้ยังไงไหว?
เขาวิ่งมาเรื่อย ๆ สุดชีวิตจนเกือบถึงบ้าน แม้ว่าอากาศรอบ ๆ ตัวนั้นจะหนาวเหน็บ แต่อัตราการเต้นของหัวใจนั้นทำให้เขาไม่สามารถรับรู้ถึงความหนาวเย็นได้ชั่วขณะ ผิวหนังของเขาได้รับความเย็นก็จริง แต่สารอะดรีนาลีนทำให้ร่างกายร้อนผ่าว ซอมบี้นั้นมีอยู่ทุกที่ ไม่รู้ว่าจะต้องไปทางไหนกันแน่ อีกนิดเดียวก็จะถึงบ้านแล้ว เพียงเลี้ยวขวาตรงสี่แยกตรงนั้นก็จะถึงบ้านแล้ว จู่ ๆ ก็เจอกับซอมบี้ยืนอยู่เกือบสิบตัว
“ฉิบหาย…”
คาเรนเริ่มไม่กลัวพวกนั้นแล้ว เขาวิ่งเข้าไปหาพวกมันด้วยความเร็วที่เพิ่มขึ้นพร้อมกับความมั่นใจที่คิดว่าตัวเองนั้นสามารถผ่านพวกมันไปได้
แต่แล้วเขาก็ทำไม่ได้
ซอมบี้ตัวหนึ่งคว้าแขนของคาเรนไว้ได้ทัน เล็บของมันข่วนลึกลงไปบนแขนส่งผลทำให้เกิดเป็นแผลเลือดออก คาเรนกรีดร้องด้วยความเจ็บปวด โชคดีที่อะดรีนาลีนยังคงสูบฉีดไปทั่วร่างกาย เขาจึงสามารถเร้นพละกำลังกายทั้งหมดที่มีออกมาจนสามารถสกัดพวกมันหลุดมาได้ ในวินาทีนั้นเขายังจำได้เมื่อครั้งที่เขาเพิ่งเข้ามาเรียนที่นี่วันแรก วิชาแรกที่ต้องเจอก็คือวิชาพละ นั่นหมายความว่าเขาจะต้องแสดงพละกำลังที่มีทั้งหมดให้กับชาวกีวีได้เห็นว่าคนไทยนั้นมีดีอะไรบ้าง แต่โชคร้ายที่วิชาต้องเล่นรักบี้ซึ่งตาเรนจะต้องชนกับเพื่อนร่วมชั้นที่มีร่างกายสูงใหญ่ราวกับยักษ์ พวกเขามีกล้ามเป็นมัด ๆ
ราวกับว่ามันเป็นชุดเกราะ ผลที่ตามมาก็คือ เขาถูกชนจนปลิวราวกับเศษกระดาษ หลังจากเหตุการณ์นั้นทำให้เขาไม่มีเพื่อน แต่ความหวังก็ยังไม่ริบหรี่ เนื่องจากยังมีแสงสว่างที่ปลายอุโมงค์ ‘โลแกน’ น้องชายชาวกีวีของเขานั้นช่วยเป็นโค้ชให้ทุกวันหลังเลิกเรียน ช่วงนั้นเขาฝึกหนักราวกับว่าจะไปโอลิมปิกให้ได้ ไม่ว่าจะเป็นวิ่งห้าถึงสิบกิโลเมตร ซิตอัป วิดพื้น แย่งบอล แย่งบาส ขี่จักรยาน พายเรือ ว่ายน้ำในทะเลสาบที่โคตรหนาว
วันเวลาผ่านไปสองเดือน คาเรนก็สามารถดันพลังสู้กับยักษ์นั่นได้แล้ว อีกไม่กี่วันต่อมาเขาก็สามารถเอาชนะยักษ์ตนนั้นได้อย่างง่ายดาย
พละกำลังนั่นสามารถเป็นประโยชน์ให้กับตัวเองได้มากมายเลยทีเดียว เขาเกือบจะถึงประตูบ้านแล้ว แต่พระเจ้ากลับชูนิ้วกลางให้ มีซอมบี้ตัวหนึ่งวิ่งเข้ามากัดคอคาเรนจนจมเขี้ยว ซอมบี้ตัวนั้นจะเป็นใครไม่ได้นอกจากโลแกนเอง เขากลายเป็นซอมบี้ไปแล้วและพละกำลังก็มากขึ้นกว่าเดิมอีก คาเรนกรีดร้องโหยหวนไปด้วยความกลัวและกำลังตะเกียกตะกายหนี
ซอมบี้ของโลแกนไม่ปล่อยให้เป็นแบบนั้น เขาพุ่งเข้ามากัดกินเนื้อของคาเรนอย่างกระหายเลือด ซอมบี้ที่ตามหลังมาก็จัดการรุมกินโต๊ะคาเรนจนไม่เหลือชิ้นดี
เมื่อทุกอย่างสงบลง คาเรนที่สมควรจะตาย เขาก็สามารถสมานแผลทุกอย่างกลับมาเป็นปกติ ผิวหนังของเขากลายเป็นสีเทาซีด ดวงตาเป็นสีเทา เส้นเลือดสีดำปูดไปทั้งร่างกาย กล้ามเนื้อทุกส่วนของร่างกายถูกพัฒนาให้แข็งแกร่งขึ้น
“เนื้อ…เนื้อ” คาเรนในร่างของซอมบี้คำราม
ตัดกลับมาที่ปัจจุบัน
“หลังจากนั้นก็กลายร่างกลับมาเป็นมนุษย์ แล้วก็งงกับตัวเองว่าทำไมถึงยังไม่ตายสักที”
“แล้วรู้ว่าตัวเองมีพลังตั้งแต่เมื่อไหร่?” ผมถาม
“ก็ไม่นานหลังจากนั้น เพราะสังเกตว่าตัวเองมีพละกำลังที่มากขึ้น สามารถประมือกับฝรั่งตัวใหญ่ ๆ ได้ด้วยมือเพียงข้างเดียว แต่ก็นานอยู่นะครับกว่าจะรู้ตัวว่ามีพลัง จากนั้นผมก็เรียนรู้ที่จะใช้พลังนี้และศึกษาว่าเราสามารถทำอะไรกับพลังนี้ได้บ้าง” เขาบอก “ผมว่าพี่เอ็นก็น่าจะเรียนรู้ได้นะ”
“อ่านการ์ตูนเยอะล่ะสิ” เรมัสแซว
“ก็เยอะอยู่นา” คาเรนยิ้มยิงฟันอย่างกวนโอ๊ย
“ชอบอ่านพวกโดจินหรือป่าวล่ะ” ฟางตบไหล่นิวเมื่อรู้ว่าแฟนตัวเองพูดอะไรทะลึ่งออกไป นั่นก็เรียกเสียงหัวเราะให้กับคนรอบข้างได้ดี ส่วนคาเรนก็ยืนนิ่งและอมยิ้มเล็กน้อย สักพักผมได้ยินเสียงฝีเท้าหนัก ๆ กระทบกับพื้นถนน นั่นทำให้ทุกคนหยุดนิ่งอยู่กับที่ พวกเราตั้งใจฟังเสียงนั่น ซึ่งมันคุ้นหูมาก ๆ และไม่นึกว่าจะได้ยินในเวลาแบบนี้ ผมแอบภาวนาอยู่ในใจขอไม่ให้เป็นอย่างที่ผมคิดเลย
“มีบางอย่างกำลังเข้ามา” ทอมมองผ่านกล้องส่องทางไกล “ดูเหมือนเป็นคนร่างใหญ่แฮะ ไม่เคยเห็นมาก่อนเลย”
“มึงคิดเหมือนกูหรือเปล่าเอ็น?” นิวถาม เหงื่อเม็ดใหญ่ไหลย้อยลงมาตามใบหน้า
ผมพยักหน้า มีชื่อ ๆ หนึ่งอยู่ในหัวแต่ไม่อยากให้มันหลุดมาจากปาก
“ไทแรน”
_____________________________________________
Ti Be Continue Ep.38