"พลังที่ผมได้มานั้น...มันคือพรหรือคำสาปกันแน่นะ...? แล้วผมจะใช้พลังนี้แก้ไขประเทศที่ล่มสลายนี้จะกลับเหมือนเดิมได้อย่างไร...?"
แอคชั่น,ชาย-หญิง,สะท้อนปัญหาสังคม,ไทย,เลือดสาด,พล็อตสร้างกระแส,ดราม่า,สยองขวัญ,ผี,ผจญภัย,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
Undead War สงครามคนเป็น"พลังที่ผมได้มานั้น...มันคือพรหรือคำสาปกันแน่นะ...? แล้วผมจะใช้พลังนี้แก้ไขประเทศที่ล่มสลายนี้จะกลับเหมือนเดิมได้อย่างไร...?"
โรคระบาดยังคงอยู่รอบๆ ตัวเรา ไม่ได้หายไปไหน หมอทุกคนตายกันไปหมดแล้ว ความหวังดับวูบจนไม่เหลือแม้แต่แสงสุดท้าย ราวกับว่าตัวเองกำลังเดินอยู่ในอุโมงค์ไร้แสงสว่างและไร้สิ้นสุด พวกซอมบี้ต่างคอยจะได้กัดกินเนื้อมนุษย์อย่างกับเครื่องจักรที่ไม่มีวันเหนื่อย ไม่ว่าจะมองไปทางไหน ก็มีแต่พวกมันอยู่เต็มไปหมด
แต่ความหวังก็ยังไม่หมดไป เมื่อผมสามารถเอาชนะเชื้อไวรัสตัวนี้ได้ ทำให้ร่างกายของผมเกิดกลายพันธุ์และสามารถแปลงกายเป็นซอมบี้ได้ตลอดเวลา นั่นทำให้ผมวิวัฒนาการไปอีกขั้นเพื่อที่จะช่วยเหลือมวลมนุษยชาติได้
บ้านหลังนี้ถือว่าเป็นป้องปราการใหม่ของเราได้เลย แต่มันคงจะต้องเป็นป้อมชั่วคราวไปก่อน เพราะด้วยความที่มีพื้นที่อยู่ไม่มาก รั้วกำแพงก่อด้วยอิฐสูงสองเมตรก็ไม่ได้จะแข็งแรงพอหากมีไทแรนอีกตัวบุกหรือไม่ก็จากมนุษย์ที่มีกำลังหรือศาสตราวุธที่รุนแรงพอซึ่งเรื่องแบบนั้นไม่มีสมาชิกคนไหนอยากให้มันเกิดขึ้นแน่ ๆ ตอนนี้ให้คาเรนปีนขึ้นไปดูลาดเลาเพื่อดูว่ามีซอมบี้เหลืออีกกี่ตัวเพราะเราต้องทำอะไรสักอย่างที่จะสามารถเคลียร์พวกซอมบี้บริเวณใกล้ ๆ นี้ให้หมด ส่วนตัวบ้านเป็นบ้านสไตล์โมเดิร์นสองชั้นเมื่อกับบ้านหลังอื่น ๆ ในสมัยนี้ที่นิยมสร้างกัน นิวและนัทเข้าไปสำรวจก็พบซอมบี้ที่เป็นครอบครัวพ่อแม่และลูกสาว ซึ่งพวกเขาก็ถูกเก็บไปด้วยฝีมือของทั้งสอง ผมฟื้นได้ไม่นานจากการดูแลอย่างใกล้ชิดของริน เธอบอกว่าผมหมดสติไปหนึ่งชั่วโมงหลังจากที่สู้กับไทแรน ซึ่งก็ทำให้ผมกลับมานั่งทบทวนเกี่ยวกับสิ่งที่ตัวเองได้ทำลงไปและจะทำให้สมาชิกนั้นไม่สามารถไปต่อได้เพราะความ ‘อ่อนแอ’ ของผมเอง การที่ตัวเองสลบอยู่แบบนั้นได้กลายเป็นตัวถ่วงของกลุ่มไปเลยคิดว่าผมต้องฝึกใช้พลังให้ได้มากกว่านี้
นิวและนัทออกมาจากบ้านหลังนั้นพร้อมบอกว่าบ้านหลังนี้ปลอดภัยแล้ว
“ตอนนี้เราต้องจัดเวรเผ้ายาม เพราะไม่รู้ว่าจะมีศัตรูบุกมาจากทางไหนบ้างและเราต้องพร้อมในการตั้งรับเสมอ” นิวบอกด้วยน้ำเสียงที่จริงจัง “เดี๋ยวเราจะเป็นคนอยู่ให้ก่อนพร้อมกับวิน เพราะกูยังไม่ไว้ใจมึงเท่าไหร่ ต่อไปเป็น เอ็นและคาโอริน นัทและกิ๊บ กระรอกและมังกร เรมัสและไอยา คาเรนและมาย ซึ่งจะเรียงกันเป็นแบบนี้ เฝ้าคนละสองชั่วโมงและห้ามโกง ส่วนทอมไปจัดการเรื่องเสบียงอาหาร ใครว่างก็ไปช่วยเขาได้”
ทุกคนพยักหน้าเพื่อเป็นการให้สัญญาณว่าพวกเราเข้าใจในสิ่งที่นิวพูด จากนั้นนิวและวินก็ปีนขึ้นไปบนกำแพงพร้อมกระทับปืนไรเฟิลไว้ในมือเพื่อพร้อมยิงทันทีเมื่อมีอะไรเกิดขึ้นอย่างไม่คาดคิด
“แล้วพวกเค้าจะขึ้นกันไปยังไงอะ?” ไอยาตะโกนขึ้นถามนิว “”พวกเราไม่ได้เก่งเรื่องการปีนป่ายเหมือนพวกคุณสักหน่อย”
“เออ…มันก็จริงเนาะ” นิวถอนหายใจ “งั้นให้เอ็นขึ้นมาแทนที่กันก่อนละกัน นายไหวใช่ไหม? เดี๋ยวฉันจะไปจัดการเรื่องบันได ส่วนเวรของนายเดี๋ยวสลับกับฉันไปวันนึงก่อนก็ได้แล้วรอบหน้าก็กลับมาตำแหน่งเดิม”
“อืม…ก็พอได้” ผมบอกก่อนจะกระโดดปีนขึ้นไปบนกำแพงนั่น รู้สึกดีจริง ๆ ที่มีพลังซอมบี้ในตัว แม้ว่าจะไม่ได้แปลงร่างอยู่ในโหมดซอมบี้ก็ยังมีพละกำลังที่เหนือกว่ามนุษย์ปกตินิดหน่อย
แต่คนที่คู่กับผมในการเฝ้ายามในวันนี้ก็คือ วิน ชายที่หลอกผมมาตลอดในเรื่องของหัวใจ มันใช้ผู้หญิงบดขยี้จิตใจของผมจนไม่เหลือชิ้นจนแอบคิดไม่ได้ว่าผมอาจจะต้องฆ่ามันให้ได้สักวัน ผมไม่กลัวที่จะมือเปื้อนเลือดมันแม้แต่นิดเดียว!
“เลิกจ้องแบบนั้นสักทีน่า ต่อให้มึงจะแค้นอะไรกูแล้วฆ่าให้ตายมันก็ไม่มีความหมายหรอก” เขาพูดเหมือนกับว่าผมรู้อะไรบางอย่างอยู่ก่อนแล้ว “แล้วเรื่องฮีซุยน่ะ กูรู้อยู่แล้วว่าตอนนี้นางอยู่ที่ไหน”
“!!” ผมเกือบจะพุ่งเข้าใส่ชายหนุ่มสายตาเจ้าเล่ห์นั่นแต่เขากลับพูดบางอย่างออกมาก่อน
“แต่มึงจะไม่ได้เห็นและครอบครองนางได้อีก” เขาพูด “เธอกำลังคิดจะเข้ามาบุกพวกเราด้วยกำลังชายฉกรรจ์ที่นางหามาได้”
“ตัวแค่นั้นจะมีปัญญาที่ไหนไปหาคนพวกนั้นมาจากไหนกันล่ะ?” ผมกำหมัดด้วยโทสะ
“มึงนี่ไม่รู้เรื่องอะไรเลยนะเอ็น ผู้หญิงน่ะเขามีอาวุธที่เรียกว่า ‘มารยาร้อยเล่มเกวียน’ อยู่ ซึ่งฮีซุยนั้นเป็นอัจฉริยะในการใช้ทักษะนี้เสียด้วยสิ” วินพูดอย่างเป็นปริศนาพร้อมกับยังมองผมด้วยสายตาที่ไม่ต่างจากสุนัขจิ้งจอกเจ้าเล่ห์ที่กำลังคุยเล่นสนุกกับเหยื่อเพื่อรอวันขย้ำให้ตายคาเขี้ยว แต่กลับไม่รู้ว่าเหยื่อตัวนั้นคือหมาป่าที่ยังไม่ได้แยกเขี้ยวเท่านั้น “ผู้หญิงน่ะจะสามารถเรียกผู้ชายตัวใหญ่ ๆ มาเป็นบริวารก็แค่ใช้…ไอ้นี่”
มันชี้ไปที่หว่างขาของตัวเอง ผมรู้ได้ทันทีว่ามันหมายถึงอะไร
“ปกติมันมีเอาไว้สำหรับสืบพันธุ์ก็จริง นั่นมันเอาไว้สำหรับแม่พันธุ์เท่านั้นแหละ แต่ถ้าเอาไปใช้ให้ถูกวิธี ต่อให้เป็นยักษ์ไททันก็ต้องสยบอยู่แทบเท้า สามารถทำให้สิ่งที่แข็งแกร่งอ่อนลงได้ถือว่าไม่ธรรมดา” คำพูดของวินแม้ว่าจะขยายความมากกว่าเดิม แต่มันก็ยังคงเป็นปริศนาซึ่งไม่ได้ยากที่จะตีความหาคำตอบจากประโยคอย่างว่า ผมกำหมัดแน่นในคำพูดที่ดูหมิ่นของมันแทบไม่ต้องใช้สมองให้มากก็สามารถตีความได้
วินเปรียบฮีซุยเป็นแค่ตุ๊กตายางเพื่อเอาสิ่งที่อยู่ตรงหว่างขามาใช้ประโยชน์เท่านั้น!!
มึงนี่มันเหี้ยของแท้จริง ๆ!!
“เอ็น! ลงมานี่หน่อยสิ” คาเรนเรียก ทำให้โทสะของผมค่อย ๆ ทุเลาลง
“มีอะไรเหรอ?” ผมถาม
“จะพาไปฝึกการใช้พลังน่ะสิ มันสำคัญมาก ๆ เลยนะ” เมื่อได้ยินดังนั้นผมก็มองไปหาชายหนุ่มแววตาเจ้าเล่ห์พร้อมคิดในใจ ‘มึงไม่ตายดีแน่…ไอ้วิน!’
“แล้วจะให้ใครมาเฝ้าแทนล่ะ?” วินชิงถามก่อนที่ผมจะได้เอ่ยราวกับว่ามันอ่านใจผมออก
……อืม…เข้าใจแล้วว่าทำไมฟางถึงอ่านใจเราออก…เพราะตัวผมมันแสดงออกได้เด่นชัดเกินไปนั่นเอง...เด่นจนสามารถทำให้อีกฝ่ายรู้ไส้รู้พุงหมดเลยน่ะสิ…
“เดี๋ยวให้เรมัสมาแทนละกัน” คาเรนตอบ “เอ็นช่วยดึงเรมัสขึ้นไปหน่อยสิ”
ผมดึงร่างของชายหนุ่มขึ้นมานั่งอยู่บนกำแพงจากนั้นผมก็กระโดดลงไปหาคาเรนแล้วเดินจากไปโดยไม่สนใจวินที่ยังคงแสยะยิ้มและมีแผนอะไรบางอย่างในหัว ผมมั่นใจเลยว่าสิ่งที่มันคิดนั้นคือสิ่งที่ผมคิดอยู่
“ฉันจะไม่ถามนายว่าได้พลังมาได้ยังไง แต่นายจะต้องถามฉันว่า ตัวเองจะใช้พลังซอมบี้ยังไง?” คาเรนพูดเกริ่นในขณะที่เราสองคนยืนอยู่ด้านหลังบ้านเพื่อฝึกโดยมีรินมองออกมานอกหน้าต่างห้องครัวพร้อม ๆ กับทอม นัท นิว กระรอก มาย ฟาง และไอยา ส่วนที่เหลือไปนอนกันหมดแล้ว บอกได้เลยว่าทุกคนในกลุ่ม (น่าจะยกเว้นวิน) ที่สนใจพลังซอมบี้ของผมและคาเรนเป็นอย่างมากว่าความสามารถนี้จะมีอะไรมากกว่าการแปลงร่างเข้าสู่โหมดซอมบี้ ต่อยตีซอมบี้ปลิวได้ เยียวยาบาดแผลได้อย่างรวดเร็วและกระหายเลือดบ้างหรือไม่
“แล้วมันใช้ยังไงล่ะ…” ผมถาม
คาเรนยิ้มเหมือนเขากำลังรอให้ผมถามตั้งแต่แรกอยู่แล้ว
“เริ่มจากการแปลงร่างแบบที่ไม่ต้องพึ่งการกัดของซอมบี้ก่อน” คาเรนกางแขนขวาก่อนจะเกร็งสุดชีวิตจนแขนได้กลายเป็นสีขาวซีด เส้นเลือดมากมายผุดขึ้นมา กล้ามเนื้อค่อย ๆ เด่นชัดขึ้น “นี่เป็นการเข้าสู่โหมดซอมบี้แบบสมใจนึก นายคงไม่อยากที่จะสู้กับซอมบี้หรือมนุษย์ด้วยกันด้วยการที่แบบ…อ๊ะ!! ปืนจ่อหัวกูแล้ว!! เดี๋ยวไปเข้าสู่โหมดซอมบี้โดยการเอาแขนยื่นให้ซอมบี้กัดก่อนนะ…” คาเรนทำเสียงล้อเลียนพร้อมท่าประกอบที่น่าขัน ทำให้เพื่อน ๆ ที่มองอยู่ตรงนั้นต่างหัวเราะกันไปด้วย
ไม่ได้หัวเราะแบบนี้กันมานานแค่ไหนแล้วนะ
“เทคนิคของการเข้าสู่โหมดซอมบี้ได้ตามใจนึกคือ มึงแค่ต้องโกรธให้สุดก็พอ” เมื่อชายหนุ่มพูดจบ เขาก็ขมวดคิ้วทันทีและแล้วใบหน้าของเขาก็เคร่งเครียด เพียงหลังจากนั้นไม่นานเขาก็อยู่ในโหมดของซอมบี้เป็นที่เรียบร้อย “การโกรธ ‘ทิพย์’ เป็นการหลอกให้ร่างกายหลั่งสารอะดรีนาลีนเพื่อกระตุ้นเซลล์ซอมบี้ในร่างกายของเราให้ตื่นขึ้นจนทำให้ร่างกายกลายสภาพเป็นซอมบี้ที่มีพลังแข็งแกร่งมาก ๆ ตนหนึ่ง”
เขาคืนร่างเป็นมนุษย์
“เวลาจะคืนร่างมีสองแบบคือ รอเวลาให้พลังมันหมดไปหรืออะดรีนาลีนสูบฉีดจนหมด หรือไม่ก็ตั้งสมาธิให้จิตนิ่งแล้วร่างกายก็จะกลับคืนสู่โหมดมนุษย์ดังเดิม แต่เป็นเพราะไวรัสที่ยังไม่สามารถหาที่มาของความแข็งแกร่งของร่างกายนี้ เลยคิดว่าถ้ายังไม่จำเป็นก็อย่าเพิ่งกลายร่าง เพราะพลังกล้ามเนื้อของนายยังไม่แข็งแรงพอที่จะรับมือกับพลังแบบนี้ได้ เหมือนตอนที่นายฝืนร่างกายตัวเองเพื่อจัดการกับไทแรนเป็นต้น” คาเรนบอกก่อนจะตั้งท่าสู้ “มาฝึกวิชากันหน่อยดีกว่า”
“คาเรนนี่กะจะปั้นเอ็นให้ได้เลยแฮะ” ทอมพูด
“คนที่มีอะไรเหมือนกันย่อมเข้าใจกันและกัน” นิวกอดอก “แต่ตอนนี้ก็อยากรู้จังว่าแก๊งจังไรเดอร์ของพวกเรายังอยู่ดีกันไหม”
“ฉันก็ไม่รู้” ฟางตอบ “ก็ขอภาวนาให้พวกนั้นยังคงมีชีวิตรอดก็แล้วกัน”
คาเรนใช้มีดเฉือนข้อมือของตัวเองให้เลือดไหลราวก๊อกแตก แทบทำให้ผู้ชมถึงกับขนลุก
“กูไปนอนดีกว่า ไม่ดูแล้ว” มายวิ่งหายเข้าไปในบ้านพร้อมกับไอยา ซึ่งคาเรนก็ไม่ได้สนใจ เขาหยิบขวดแก้วเล็ก ๆ มาจากกระเป๋ากางเกงและกรอกเลือดของเขาใส่จนเต็มก่อนจะควบคุมบาดแผลให้สมานแล้วยื่นให้ผม
“ตอนนี้ดื่มเลือดฉันให้สามารถกลายร่างก่อน ตอนนายเป็นซอมบี้นายสามารถเสียเลือดมากเท่าไหร่ก็ได้ แค่กรีดข้อมือตรงเส้นเลือดใหญ่ให้มันไหลใส่ขวดเพื่อที่ใช้ในตอนที่ยังกลายร่างเองไม่ได้”
“จริง ๆ ก็เคยใช้วิธีดื่มเลือดมาก่อนนะ…แต่การใช้เลือดตัวเองในโหมดซอมบี้นี่เพิ่งได้ยิน” ผมรับขวดเลือดมา “คิดว่าจะต้องเสี่ยงตายออกไปเก็บเลือดซะแล้ว”
“พวกซอมบี้เลือดน้อย ต้องใช้เวลานานเกินไปในการเก็บ เผลอ ๆ ถูกซอมบี้รุมฆ่าจนตายไปจริง ๆ ก็ได้” คาเรนขู่ “การดื่มเลือดตัวเองในโหมดซอมบี้ยังช่วยเพิ่มระยะเวลาการคูลดาวน์ของการกลายร่างได้ ซึ่งปกติโหมดนี้จะอยู่ได้แค่ห้านาทีเท่านั้น แต่ถ้าเราดื่มเลือดตัวเองไปก็จะทำให้เพิ่มการคงสภาพไว้ได้นานขึ้น”
“นี่ไปเรียนรู้จากคู่มือไหนมาบ้างเนี่ย?” กระรอกเอ่ยปากถาม
“สิ่งที่ฉันรู้มาทั้งหมดนี้เกิดจากการฝึกซ้อมและทดลองมาตลอด ฉันมีสมมติฐานในหัวตลอดเวลานั่นแหละ แต่ตอนนี้ก็เริ่มมีสมมุติฐานใหม่เกิดขึ้นอีกอย่างนึงว่า…”
ทุกคนเงียบในขณะที่คาเรนปล่อยประโยคค้างแล้วนิ่งเงียบไปเสียอย่างนั้น
“สมมุติฐานอย่างว่าก็คือ…?” ผมทวนคำ
“ว่าเราสองคนจะสามารถพัฒนาตัวเองให้กลายร่างเข้าสู่ ‘โหมดไทแรน’ ได้หรือเปล่านี่สิ”
________________________________________
To Be Continue Ep.40