"พลังที่ผมได้มานั้น...มันคือพรหรือคำสาปกันแน่นะ...? แล้วผมจะใช้พลังนี้แก้ไขประเทศที่ล่มสลายนี้จะกลับเหมือนเดิมได้อย่างไร...?"

Undead War สงครามคนเป็น - ตอนที่ 43 เตรียมบุก โดย นิวไม่จิ๋ว @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

แอคชั่น,ชาย-หญิง,สะท้อนปัญหาสังคม,ไทย,เลือดสาด,พล็อตสร้างกระแส,ดราม่า,สยองขวัญ,ผี,ผจญภัย,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย

Undead War สงครามคนเป็น

หมวดหมู่ที่เกี่ยวข้อง

แอคชั่น,ชาย-หญิง,สะท้อนปัญหาสังคม,ไทย,เลือดสาด

แท็คที่เกี่ยวข้อง

พล็อตสร้างกระแส,ดราม่า,สยองขวัญ,ผี,ผจญภัย

รายละเอียด

Undead War สงครามคนเป็น โดย นิวไม่จิ๋ว @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

"พลังที่ผมได้มานั้น...มันคือพรหรือคำสาปกันแน่นะ...? แล้วผมจะใช้พลังนี้แก้ไขประเทศที่ล่มสลายนี้จะกลับเหมือนเดิมได้อย่างไร...?"

ผู้แต่ง

นิวไม่จิ๋ว

เรื่องย่อ

โรคระบาดยังคงอยู่รอบๆ ตัวเรา ไม่ได้หายไปไหน หมอทุกคนตายกันไปหมดแล้ว ความหวังดับวูบจนไม่เหลือแม้แต่แสงสุดท้าย ราวกับว่าตัวเองกำลังเดินอยู่ในอุโมงค์ไร้แสงสว่างและไร้สิ้นสุด พวกซอมบี้ต่างคอยจะได้กัดกินเนื้อมนุษย์อย่างกับเครื่องจักรที่ไม่มีวันเหนื่อย ไม่ว่าจะมองไปทางไหน ก็มีแต่พวกมันอยู่เต็มไปหมด 

 

แต่ความหวังก็ยังไม่หมดไป เมื่อผมสามารถเอาชนะเชื้อไวรัสตัวนี้ได้ ทำให้ร่างกายของผมเกิดกลายพันธุ์และสามารถแปลงกายเป็นซอมบี้ได้ตลอดเวลา นั่นทำให้ผมวิวัฒนาการไปอีกขั้นเพื่อที่จะช่วยเหลือมวลมนุษยชาติได้

สารบัญ

Undead War สงครามคนเป็น-ตอนที่ 1 ณ จุดเกิดเหตุ,Undead War สงครามคนเป็น-ตอนที่ 2 มื้อเช้าสองพ่อลูก,Undead War สงครามคนเป็น-ตอนที่ 3 มีอะไรให้คิดอีกเยอะ,Undead War สงครามคนเป็น-ตอนที่ 4 จุดกำเนิดฝันร้าย,Undead War สงครามคนเป็น-ตอนที่ 5 หัวใจที่เน่าสลาย,Undead War สงครามคนเป็น-ตอนที่ 6 เข้าสู่กลียุค,Undead War สงครามคนเป็น-ตอนที่ 7 นาทีหลบหนี,Undead War สงครามคนเป็น-ตอนที่ 8 กลิ่นคาวเลือดที่หอมหวาน,Undead War สงครามคนเป็น-ตอนที่ 9 ไปให้ถึงเซฟเฮาส์,Undead War สงครามคนเป็น-ตอนที่ 10 สำรวจพื้นที่,Undead War สงครามคนเป็น-ตอนที่ 11 ฟาร์มของ,Undead War สงครามคนเป็น-ตอนที่ 12 ยื่นหมูยื่นแมว,Undead War สงครามคนเป็น-ตอนที่ 13 RED RIGHT HAND,Undead War สงครามคนเป็น-ตอนที่ 14 หญิงสาวปริศนา,Undead War สงครามคนเป็น-ตอนที่ 15 สีขาวที่แปดเปื้อน,Undead War สงครามคนเป็น-ตอนที่ 16 หัวใจกลับมาเต้นอีกครั้ง,Undead War สงครามคนเป็น-ตอนที่ 17 เสียงกระซิบ,Undead War สงครามคนเป็น-ตอนที่ 18 หน้ากากหนังมนุษย์,Undead War สงครามคนเป็น-ตอนที่ 19 กลายร่าง,Undead War สงครามคนเป็น-ตอนที่ 20 หนึ่งต่อร้อย,Undead War สงครามคนเป็น-ตอนที่ 21 เสียงประสานลมหายใจ,Undead War สงครามคนเป็น-ตอนที่ 22 เสียงเพรียกแห่งความทรงจำ,Undead War สงครามคนเป็น-ตอนที่ 23 น้ำตาที่ไร้ความชุ่มชื้น,Undead War สงครามคนเป็น-ตอนที่ 24 จากที่ต่ำ…ขึ้นสู่ที่สูง,Undead War สงครามคนเป็น-ตอนที่ 25 ชายส่งสาส์นปริศนา,Undead War สงครามคนเป็น-ตอนที่ 26 ถอยหลังเพื่อเริ่มต้นใหม่,Undead War สงครามคนเป็น-ตอนที่ 27 ลางร้ายเริ่มปรากฏ,Undead War สงครามคนเป็น-ตอนที่ 28 อสูรไร้เทียมทาน,Undead War สงครามคนเป็น-ตอนที่ 29 ความรู้สึกที่ซับซ้อน,Undead War สงครามคนเป็น-ตอนที่ 30 ฮาวทูมูฟออน,Undead War สงครามคนเป็น-ตอนที่ 31 ไวท์เว็ดดิ้งและผู้มาเยือน,Undead War สงครามคนเป็น-ตอนที่ 32 หมาป่าที่แต่งตัวด้วยขนแกะ,Undead War สงครามคนเป็น-ตอนที่ 33 สิ่งที่น่าหวาดกลัวยิ่งกว่า,Undead War สงครามคนเป็น-ตอนที่ 34 ศัตรูที่ไม่อยากจะสู้,Undead War สงครามคนเป็น-ตอนที่ 35 ละทิ้ง,Undead War สงครามคนเป็น-ตอนที่ 36 โลกที่เปลี่ยนไปเมื่อลืมตาตื่น,Undead War สงครามคนเป็น-ตอนที่ 37 ผู้ครอบครองพลังซอมบี้คนที่สอง,Undead War สงครามคนเป็น-ตอนที่ 38 ทุ่มสุดตัวเพื่อรอยข่วน,Undead War สงครามคนเป็น-ตอนที่ 39 พัฒนาโหมดซอมบี้,Undead War สงครามคนเป็น-ตอนที่ 40 เมล็ดพันธุ์,Undead War สงครามคนเป็น-ตอนที่ 41 พื้นที่จำกัด,Undead War สงครามคนเป็น-ตอนที่ 42 เบื้องหลังของนิว,Undead War สงครามคนเป็น-ตอนที่ 43 เตรียมบุก,Undead War สงครามคนเป็น-ตอนที่ 44 ก่อนการบุกโจมตี,Undead War สงครามคนเป็น-ตอนที่ 45 ชีวิตที่ไร้ค่า,Undead War สงครามคนเป็น-ตอนที่ 46 อดีตปะทะปัจจุบัน,Undead War สงครามคนเป็น-ตอนที่ 47 แบล็กเว็ดดิ้ง,Undead War สงครามคนเป็น-ตอนที่ 48 มนุษย์คือสัตว์ประเสริฐจริงหรือ?,Undead War สงครามคนเป็น-ตอนที่ 49 ออรัลบนรถ,Undead War สงครามคนเป็น-ตอนที่ 50 วัดป่า,Undead War สงครามคนเป็น-ตอนที่ 51 พระสงฆ์รูปสุดท้าย,Undead War สงครามคนเป็น-ตอนที่ 52 อมตะไม่มีจริง,Undead War สงครามคนเป็น-ตอนที่ 53 เป้าหมายเพื่อเอาชีวิตรอด,Undead War สงครามคนเป็น-ตอนที่ 54 ตะลุมบอน,Undead War สงครามคนเป็น-ตอนที่ 55 ยอมแพ้เสีย,Undead War สงครามคนเป็น-ตอนที่ 56 ผู้นำที่อ่อนแอไม่มีวันเป็นทรราช,Undead War สงครามคนเป็น-ตอนที่ 57 ขอเรียกร้องจากผู้ใหญ่,Undead War สงครามคนเป็น-ตอนที่ 58 โครงการทั้งห้า,Undead War สงครามคนเป็น-ตอนที่ 59 สงครามคนเป็น,Undead War สงครามคนเป็น-ตอนที่ 60 ผู้ป่วยโรคระบาดที่ก้าวราวเกเรมาก ๆ และรอการรักษา,Undead War สงครามคนเป็น-ตอนที่ 61 ความรักที่เกินกว่าค่าอนันต์,Undead War สงครามคนเป็น-ตอนที่ 62 คำตอบค่าเอ็กซ์ในสมการ,Undead War สงครามคนเป็น-ตอนที่ 63 ยุทธการทุบหม้อข้าว,Undead War สงครามคนเป็น-ตอนที่ 64 นักฆ่าลูกตำรวจ,Undead War สงครามคนเป็น-ตอนที่ 65 กัปตันไทยแลนด์,Undead War สงครามคนเป็น-ตอนที่ 66 ความแข็งแกร่งที่แท้จริง,Undead War สงครามคนเป็น-ตอนที่ 67 ประกาศชัยชนะ,Undead War สงครามคนเป็น-ตอนที่ 68 การมาถึงของเบื้องบน,Undead War สงครามคนเป็น-ตอนที่ 69 ข้อเสนอที่ดูเป็นธรรม?,Undead War สงครามคนเป็น-ตอนที่ 70 นักวิทยาศาสตร์สันหลังยาว,Undead War สงครามคนเป็น-ตอนที่ 71 กุญแจสู่การสร้างวัคซีน,Undead War สงครามคนเป็น-ตอนที่ 72 สงครามครั้งสุดท้าย,Undead War สงครามคนเป็น-ตอนที่ 73 พร้อมสละทุกอย่างเพื่อคนรัก,Undead War สงครามคนเป็น-ตอนที่ 74 การเสียสละกำเนิดวีรบุรุษ,Undead War สงครามคนเป็น-ตอนที่ 75 วันครบรอบวันตาย,Undead War สงครามคนเป็น-ตอนที่ 76 ชีวิตหลังความตาย,Undead War สงครามคนเป็น-ตอนที่ 77 จากไปแล้วหวนคืน (ตอนอวสาน)

เนื้อหา

ตอนที่ 43 เตรียมบุก

เรมัสและมังกรนั่งเฝ้ายามอยู่บนกำแพง มังกรถือปืนพกที่มีกระสุนเต็มแม็กทั้งสองกระบอกในมือแต่ละข้าง ด้วยเรมัสมีปืนไรเฟิลที่ตกอยู่กลางทาง แม้ว่ากระสุนจะไม่ได้เต็มแม็กเหมือนของเพื่อนร่วมเฝ้ายามแต่ก็ทำให้อุ่นใจไปได้ไม่น้อย ทั้งสองคนนั่งห้อยขาออกไปข้างนอกอย่างไม่เกรงกลัวเพราะพวกซอมบี้นั้นไม่สามารถเห็นเราได้หากเราไม่ได้ส่งเสียงดังจนเกินไป พวกเขานั่งจ้องพวกมันมาได้เกือบห้านาทีแล้ว ซึ่งเป็นเวลาที่นานสุด ๆ สำหรับพวกเขาเลยก็เป็นได้ โดยเฉพาะเรมัสที่สังเกตการเคลื่อนไหวของซอมบี้แต่ละตัวเพื่อศึกษาพฤติกรรมของมัน

“แต่ละตัวการเคลื่อนไหวจะคล้าย ๆ กัน” เรมัสพูดขึ้นเหมือนให้ตัวเองฟัง “บางตัวจะเคลื่อนที่เร็วกว่าบางตัว นั่นน่าจะเป็นซอมบี้สายวิ่ง ส่วนบางตัวที่เคลื่อนไหวน้อยหรือไม่เคลื่อนไหวเลยจะเป็นซอมบี้สายอืดอาด ถ้าจะฆ่าก็ต้องฆ่าตัวที่วิ่งเร็วเสียก่อน”

“ซอมบี้พวกนี้มันคล้าย ๆ ในหนังเลยว่ามั้ย?” มังกรถามขึ้น ทำให้เรมัสหลุดจากภวังค์การวิเคราะห์ทันที

“เราไม่ค่อยดูหนังซอมบี้เท่าไหร่น่ะ แต่ก็ไม่น่าเชื่อเลยว่าพวกบ้านี้มันจะมีจริง” เรมัสพยายามเพ่งสมาธิเพื่อการสังเกตมากขึ้น

“อย่างกับว่าเราหลุดเข้ามาในโลกของซอมบี้เลยนะว่าไหม?” มังกรว่า

“ไม่อยากจะเห็นด้วยสักเท่าไหร่” เรมัสตอบ “จะหาว่าเราบ้าก็ได้นะแต่ว่า…ทุกวินาทีนี้เราก็ยังไม่รู้เลยว่าตัวเองได้ออกมาจากโลกเสมือนนั่นหรือยัง?” 

“อ๋อ! เกม ‘Survival Alone Game’ ที่เปิดขายพร้อมกับเครื่องมือวีอาร์สมัยใหม่นั่นอะนะ ได้ข่าวว่าระบบของมันจะไม่อนุญาตให้ผู้เล่นออกจากเกมได้ถ้าเกมยังไม่จบนี่…เดี๋ยวนะ…มันเปิดขายก็จริงแต่มันก็ยังเป็นเวอร์ชั่นเบต้าไม่ใช่เหรอ? แถมคนที่จะได้เกมนี้จะต้องเป็นเบต้าเทสเตอร์จำนวนหนึ่งร้อยคนในนั้นด้วย”

“หนึ่งหมื่นคนต่างหาก” เรมัสแก้พร้อมกับสายตาที่เคร่งเครียด มังกรสัมผัสถึงอารมณ์พวกนั้นได้จึงไม่กล้าจะถามอะไรอีก

“…” ความเงียบค่อย ๆ คลานเข้ามาหาพวกเรายกเว้นเสียงครางในลำคอของเจ้าพวกผีดิบนี่

“ระบบการฆ่าผู้เล่นในชีวิตจริงเหมือยในเอนิเมะเลย…” เรมัสยอมพูดออกมา “เราเพิ่งมารู้ข่าวในเกมที่มีจีเอ็มเป็นคนแอบปล่อยเข้ามานี่แหละว่าเกมนี้เป็นหนึ่งในห้าโปรเจ็กต์ของรัฐบาล โปรเจ็กต์ 003 ลดจำนวนประชากรด้วยเกมวีอาร์ด้วยเกม Survival Alone Game และโปรเจ็กต์ 005 ลดจำนวนประชากรด้วยไวรัสที่ไม่มีทางรักษาได้”

มังกรได้ยินดังนั้นถึงกับเบิกตาโต

“แล้วรู้รายละเอียดหรือเปล่า?” ชายหนุ่มถาม “แล้วทำไมเพิ่งจะมาบอกกันตอนนี้?”

“ก็ตัวเองไม่แน่ใจว่าตัวเองอยู่ในโลกจริงหรือเปล่า” เรมัสแย้งกลับ “โลกเสมือนกับโลกจริงที่นายยังไม่เคยได้สัมผัสน่ะมันมีข้อเสียที่ร้ายแรงก็คือ นายจะแยกแยะโลกเสมือนและโลกจริงได้ลำบากมาก ๆ ไม่รู้เหมือนกันว่าไอ้รัฐบาลชั่วนั่นมันสร้างระบบแต่ละอย่างขึ้นมาอย่างไร้ที่ติได้อย่างไร เพราะว่าระบบความเจ็บปวด ระบบเลือดไหล ระบบแผลทุกอย่างล้วนสมจริงไปหมด รวมถึงระบบประสาทสัมผัสที่ทำให้คิดว่าอยู่ในโลกจริง และการชนะเกมได้แล้วตื่นขึ้นมาบนโลกที่เต็มไปด้วยซอมบี้แบบนี้ก็ทำให้ไม่รู้ว่าจริง ๆ แล้วตัวเองอยู่ที่ไหนกันแน่”

“ทฤษฎี ‘อินเซปชั่น’ สินะ” มังกรพูดด้วยความเข้าใจ “ที่เราเข้าไปในโลกเสมือนหรือโลกแห่งความฝันเป็นเวลานานจนไม่สามารถแยกออกได้ว่าจริงหรือปลอม แต่ทางแก้ก็มีเพียงต้องมีสิ่งของบางอย่างที่จะสามารถบ่งบอกได้ว่า…”

ตู้มมมมม!!!!

“ไอ้เหี้ย! เสียงอะไรวะ!!?” มังกรหันขวับไปมองแหล่งที่มาของเสียงและเห็นว่ามันมาจากภายในตัวบ้าน พวกซอมบี้ที่อยู่รัศมีของเสียงก็พุ่งเป้ามาที่พวกเขาทันที

“มาจากในบ้านว่ะ! เกิดอะไรขึ้นวะ!?” เรมัสพูดก่อนจะเริ่มยิงพวกซอมบี้ที่ค่อย ๆ เข้ามา

“อย่าเพิ่ง ๆ” มังกรถามเอาไว้ “ขึ้นไปดูก่อน”

“แล้วตรงนี้ล่ะ?”

“มันทำลายไม่ได้อยู่แล้ว เราต้องไปช่วยพวกนั้น!” ว่าแล้วชายหนุ่มเก็บปืนคู่ใส่ในซองปืนก่อนจะกระโดดลงจากกำแพงและวิ่งหายเข้าไปในบ้าน เรมัสถอนหายใจบวกกับทำหน้าบิดเบี้ยวก่อนจะกระโดดลงจากกำแพงแล้ววิ่งตามมังกรไป

 

“ไม่จริงน่า!” กระรอกร้องด้วยความตกใจ รวมถึงคนอื่น ๆ ที่ได้รับรู้ถึงความลับที่ชายหนุ่มเก็บงำมานาน

“จริง” นิวถอนหายใจก่อนจะวาร์ปไปด้านหลังของทุกคน จนพวกเขาไม่สามารถมองตามได้ทัน “พลังของฉันก็คือการเทเลพอร์ต หรือการที่จะวาร์ปไปไหนมาไหนก็ได้ตามที่เราต้องการ เพียงต้องมีภาพในหัวว่าอยากจะไปที่ไหน ถ้าไม่มีภาพก็ไม่สามารถไปได้ และยังสามารถวาร์ปเฉพาะส่วนเป็นการโจมตีที่แรงขึ้นได้”

ว่าแล้วนิวก็วาร์ปไปยืนอยู่หน้ากำแพงที่เปื้อนเลือดก่อนจะยิงหมัดหนึ่งออกไป ตั้งแต่ศอกถึงหมัดหลุดไปจากต้นแขนของเขา ปรากฏตัวแบบเสี้ยววินาทีที่กำแพงคอนกรีตหนา ๆ ในเวลานั้นกำแพงคอนกรีตเปื้อนเลือดนั้นก็ได้ถูกทำลายอย่างง่ายดาย ชิ้นส่วนที่แตกหักเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยกระเด็นออกไปจนเห็นพื้นที่ด้านนอก เสียงกระแทกดังสนั่นพอที่จะทำให้ซอมบี้ที่อยู่รอบ ๆ รัศมีกว่าห้าร้อยเมตรได้ยิน สักพักแขนของชายหนุ่มก็กลับคืนสู่ปกติ พรรคพวกที่ยืนเห็นเหตุการณ์ต่างทึ้งในความสามารถของเขาอย่างมาก

“เอาละ ร่างกายยังรับท่านี้ได้เหมือนเดิม” นิวหมุนข้อมือตัวเองไปมาก่อนที่จะหันหน้าไปหาพรรคพวกที่กำลังอ้าปากค้างในสิ่งที่ได้เห็นอยู่ตรงหน้าในขณะที่ฟางเอามือกรายหน้าผาก

“อย่าเพิ่งโชว์ตอนนี้จะได้ไหมเนี่ย…” หญิงสาวส่ายหน้าอย่างเหนื่อยใจ

“เกิดอะไรขึ้นวะ!? มีคนบุกหรือไง!?” มังกรที่วิ่งมาพร้อมมีเรมัสถือปืนไรเฟิลอยู่รั้งท้าย

“เปล่าหรอก…” คาเรนตอบเหงื่อสองเม็ดอาบแก้ม “นิวมันโชว์พลังให้ดูเฉย ๆ”

ทั้งสองชะงักเมื่อได้ยินชายหนุ่มพูดเช่นนั้น ทีแรกนึกว่าจะอำกันเล่น แต่พอชะเง้อหน้าเข้าไปดูในห้องก็เห็นภาพที่ไม่เคยเห็นที่ไหนมาก่อน นิวยืนหันหลังให้กับ ‘ความว่างเปล่า’ ที่ตรงนั้นควรจะเคยเป็นกำแพงมาก่อน แต่นี้กำแพงทั้งส่วนได้หายออกไปแล้ว แสงสว่างจากดวงตะวันสาดเข้ามาอย่างบ้าคลั่งทำให้เกิดคำถามในหัวมากมาย ทั้งเรมัสและมังกรต่างอ้าปากค้างด้วยความตกใจก็จริง แต่มีสิ่งหนึ่งที่ทุกคนคิดเหมือนกัน นั่นก็คือ…พวกเขาได้มีความหวังมากขึ้นแล้ว

“มัวทำอะไรอยู่?” นิวถามก่อนจะค่อย ๆ เดินก้าวมาหาพวกเรา “เตรียมตัวขยี้พวกซอมบี้ให้ราบเป็นหน้ากลองได้แล้ว”

 

ตัดกลับมาที่เอ็น

ผมไม่เข้าใจว่าทำไม่ฮีซุยถึงบังคับให้ผมแต่งงานกับตัวเองทั้ง ๆ ที่ไม่ได้รักถึงขนาดนั้น แถมจุดประสงค์ของเจ้าตัวก็ยังคงเป็นปริศนา ทุกครั้งที่ถาม เธอก็จะทำเป็นไม่ได้ยินหรือไม่ก็เปลี่ยนเรื่อง แม้ว่าผมจะได้เป็นเจ้าบ่าวให้กับเธออย่างไม่เต็มใจก็ตาม มือทั้งสองข้างของผมยังคงถูกพันธนาการไขว้เป็นรูปกากบาทด้วยเชือกหยาบ ๆ สำหรับมัดถุงข้าวสารทำให้รู้สึกคันยุบยิบบริเวณนั้นเป็นอย่างมาก ทางแก้ของผมก็คือพยายามเอาจุดที่คันไปถูกับเชือก ดูเหมือนว่าจะถูกนานและแรงไปหน่อยจึงทำให้หนังถลอก ในจังหวะนั้นความเจ็บปวดได้พุ่งเข้ามาซ่อนทับทันที 

ระหว่างที่พวกมันจับผมขึ้นรถเพื่อเดินทางไปไหนสักแห่งพร้อมกับปิดตาด้วยการเอาถุงสีดำมาครอบหัวเพื่อไม่ให้จำเส้นทางได้ พอเวลาผ่านไปมนุษย์เราก็เริ่มเรียนรู้อะไรหลาย ๆ อย่างสินะ…ไม่รู้สึกแปลกใจเลยทีพวกมันได้หุ้มเกราะรถทั้งคันด้วยเหล็กกล้าแบบนั้น แถมลูกน้องของวินและฮีซุยแต่ละคนมีแต่กล้ามปูทั้งนั้น มีอยู่สองคนที่นั่งอยู่เบาะหลังระนาบซ้ายขวาส่วนผมอยู่ตรงกลาง ด้วยความที่ถูกมัดมือได้ด้านหลังเผื่อว่าผมจะกลายร่าง (พวกมันไม่รู้ข้อมูลที่แน่ชัดเกี่ยวกับผู้ที่มีครองพลังซอมบี้) ในความเป็นจริงแม้ว่าถ้าผมสามารถกลายร่างแบบเดียวกับคาเรนได้ก็ตาม ผมก็อาจจะถูกใครสักคนในนี้ยิงแสกหน้าก็ตาม ดวงตาผมไม่เห็นแต่ได้เพ่งสมาธิให้ดีจะได้รับรู้ ‘เสียง’ การขยับนิ้วอยู่ที่ไกปืน เพียงนิ้วของพวกมันสัมผัสกับไกปืนเบา ๆ ซึ่งหูของแต่ละคนไม่สามารถได้ยินอยู่แล้ว แต่สำหรับผมนั้นถือว่าได้ยินชัดแจ๋ว แถมปลายกระบอกปืนยังจ่ออยู่ที่ขมับของผมก็ยิ่งชัดเจนมากขึ้นไปอีก 

ความเงียบครอบงำนับตั้งแต่พวกเขาขึ้นรถมา เท่าที่ผมนับรถของพวกมันได้ก็มีอยู่ประมาณสี่คน ซึ่งในหนึ่งคัน ‘รถเก๋ง’ จะสามารถนั่งได้ประมาณห้าคน มีสี่คันก็ยี่สิบคนลบผมออกไปหนึ่งคนก็จะเหลือสิบเก้าคน…พรรคพวกของผมมีกันกี่คนกันล่ะ…คาโอริน…นิว…ฟาง…คาเรน…เรมัส…มังกร…กระรอก…มาย…ไอยา…กิ๊บ…นัทและทอม…รวมผมไปด้วยก็มีกันอยู่สิบเอ็ดคน…จำนวนน้อยกว่าอย่างเห็นได้ชัด แถมคนที่สามารถสู้ได้ก็มีเพียง คาโอริน นิว ฟาง คาเรน มังกร เรมัสและนัทเท่านั้น ที่เหลือจะกลายเป็นลูกหลงเปล่า ๆ 

ทำยังไงกันดี มันมีตัวเลือกอยู่มากมายเต็มไปหมด แต่ต้องเลือกให้ดี เพราะหนึ่งในจำนวนนั้นคือจะส่งผลลัพธ์ของเหตุการณ์ที่ผมชนะกระสุนปืนของพวกมัน จุดอ่อนของพวกมันคือจำนวนกระสุนที่มีอยู่ในแม็ก ถ้ากระสุนหมดก็ต้องเปลี่ยนแม็ก โดยจะใช้เวลาประมาณไม่ถึงห้าวินาที ซึ่งเวลา ณ ตรงนั้นคือวินาทีทองของเราที่จะสามารถพุ่งเข้าไปโจมตีพร้อมกันได้ แม้ว่าพวกเราจะเคยสู้กับพวกซอมบี้มาเป็นร้อย ๆ ตัวแล้วก็ตาม ก็อาจจะยากถ้าจะให้เผชิญหน้ากับมนุษย์ที่มีมันสมอง ซึ่งแตกต่างจากพวกผีดิบอย่างเห็นได้ชัด

ใช่…เราต้องโจมตีพร้อมกัน…

แต่พวกเขาจะรู้หรือเปล่าว่าพวกเราอยู่ที่ไหน…

“นี่พวกมึงจะพาไปที่ไหนวะ?” จู่ ๆ ผมก็พูดขึ้นทั้ง ๆ ที่ตัวเองก็นึกไม่ออกเหมือนกันว่าจะพูดอะไรออกไป

“ไปร้านเช่าชุดแต่งงาน” วินตอบ “จะแต่งงานทั้งทีก็ต้องเอาให้สมพิธีวิวาห์หน่อยสิวะ แล้วก็ต้องดูแลลูกของแกอีก”

“แต่ฮีซุยเป็นคนรักของมึงไม่ใช่เหรอ?” ผมค่อย ๆ แย็บคำพูดบางอย่างใส่หัวชายหนุ่มเพื่อให้เขว แม้ว่าจะไม่เห็นกิริยาท่าทางก็จริง แต่ ‘เสียงจังหวะการเต้นของหัวใจ’ มันไม่สามารถกลบเกลื่อนได้เหมือนกับวิธีที่ใช้ในการจับผิดผู้ต้องหาด้วยเครื่องจับเท็จ เท่าที่สัญชาตญาณของผมจะเดาออกได้ว่าจังหวะหัวใจของวินนั้นเต้นปกติ แต่เมื่อผมยิงคำถามออกไปนั้น จังหวะการเต้นก็ค่อย ๆ ถี่ขึ้น เสียงลมหายใจของวินที่พยายามหายใจเข้าปอดให้มากที่สุดเพื่อระงับอารมณ์บางอย่าง แต่นั่นก็ไม่สามารถทำให้เกิดผลลัพธ์ที่ต้องการได้หรอก

“ใช่ แล้วจะทำไม?” มันตอบ

“ถ้าเป็นกูกูคงไม่กระเหี้ยนกระหือรืออยากจะโลภมากเพื่อเอาอะไรบางอย่างในร่างกายของกูแล้วจะให้กูแต่งงานกับมึงหรอกใช่ไหม?” ผมพยายามพูดให้ดูวกไปวนมาที่สุดเพื่อสร้างความสับสน “ถ้ากูเป็นมึง กูจะฆ่าแล้วเอาออกมายังละง่ายกว่าอีก”

“กูอยากให้มึงได้มีงานแต่งงานก่อนตายยังไงล่ะ” มันพูดออกมาหลังจากที่นั่งเงียบเพื่อใช้ความคิดอยู่ครู่หนึ่ง “ส่วนเด็ก เดี๋ยวกูจะเป็นคนเลี้ยงให้เอง พอเด็กมันโตมาก็จะให้มันเรียกกูว่าพ่อเอง”

“เป็นจุดประสงค์ที่เห็นใจกันจังเลยนะ” ผมหัวเราะ หึหึ อยู่ในลำคอ ผมไม่ได้สนใจเด็กคนนั้นแม้แต่นิดเดียว แม้ว่าเด็กจะเกิดจากความไม่ได้ตั้งใจก็ตาม…แต่ก็ช่างมันเถอะ ผมไม่อยากจะคิดเรื่องนี้อีกต่อไปแล้ว

หืม…? หัวใจของมันเริ่มเต้นถี่ขึ้นแล้ว แสดงว่าตอนนี้ผมพูดบางอย่างเข้าจุดมันแล้ว

เข้าใจละ

“จะบอกอะไรให้อย่างนึงว่า…นี่ฮีซุยที่รัก ตอนที่เรามีอะไรกันคืนนึงไม่ต่ำกว่าสิบรอบนั่น เธอน่าจะชอบมันมากไม่ใช่เหรอ?” ผมเริ่มทำการปั่นหัวสองคนนั่น จังหวะการเต้นหัวใจของหญิงสาวก็เริ่มถี่ ผมแสยะยิ้มกว้างในถุง “เหมือนเธอจะเคยบอกว่าเธอรักฉันมากกว่าคนอื่นที่เคยรักเสียอีก ยังจำแมวที่พวกเราเลี้ยงได้ไหมล่ะ…เจ้าเนโกะน่ะ ฉันไม่รู้หรอกนะว่ามันหายไปไหน มันยังมีชีวิตรอดอยู่หรือเปล่า แต่ก็เอาเถอะ…มันคงจะตายไปตั้งนานแล้วล่ะ มันเป็นแมวตัวโปรดของเธอเลยนะ เธอไม่รู้สึกเสียใจบ้างเลยเหรอ?”

“หุบปาก!” ชายคนที่อยู่ขวามือกดปลายกระบอกปืนที่ขมับผมอย่างแรงเพื่อเป็นการขู่ให้ผมเงียบ

แต่ผมไม่สน

“หรือว่าเนโกะน่ะ…จะยังไม่ตายกันนะ” ผมโกหก ผมไม่รู้ด้วยซ้ำว่าแมวตัวนั้นชะตากรรมเป็นยังไงจะตายหรือไม่ในตอนนี้มันไม่สำคัญเท่าตัวเองกำลังถูกเอาปืนทั้งสองกระบอกจ่อหัวอยู่ จังหวะหัวใจของฮีซุยเต้นอย่างรัวเร็วในขณะที่วินเริ่มเต้นช้าลง “จริงสิวิน ฮีซุยน่ะเคยบอกว่าจะรักกับกูตลอดไปด้วยล่ะ” หัวใจของวินกลับมาเต้นเร็วอีกครั้ง

“เพ้อเจ้อว่ะ” เขาพูดเพียงแค่นั้น

“เพ้อเจ้อนี่หมายถึงกูหรือฮีซุยกันนะ” ผมแสยะยิ้มกว้าง

“ทั้งสองคนนี้แหละ!” วินเริ่มหัวร้อน

“พูดใหม่สิวิน?” เอาแล้ว ๆ ๆ ๆ ๆ น้ำเสียงของหญิงสาวเริ่มขุ่นมัวแล้ว “เพ้อเจ้อเพราะที่กูบอกว่าจะรักมึงตลอดไปงั้นเหรอ?”

“อ้าว! ไหงพูดคำเดียวกันเป๊ะเลยล่ะ แบบนี้ก็ไม่รู้น่ะสิว่าประโยคเดียวกันแต่พูดให้ผู้ชายถึงสองคนฟัง” ผมราดน้ำมันเข้ากองเพลิงทันทีที่เห็นโอกาสทอง “แล้วคนไหนล่ะที่พูดความจริง คนไหนคนไหนที่พูดความเท็จกันนะ”

เพียงคำพูดไม่กี่คำของผมทำให้สถานการณ์บนรถอึดอัดขึ้นทันที ระหว่างหนึ่งนาทีนั้นแทบจะยาวนานเป็นชั่วโมง

“เฮียครับ…ชะ…ช่วยจอดรถข้างทางหน่อยได้ไหมครับ…พะ…พอดีอยากจะยิงกระต่ายน่ะครับ” ลูกน้องคนหนึ่งของวินที่อยู่ซ้ายมือของผมพูดขึ้น นั่นทำให้วินยิ่งหัวร้อนหนักขึ้นไปอีก

“พวกมึงนี่แม่งเป็นเหี้ยอะไรเนี่ย!?” เสียงกำปั้นของชายหนุ่มทุบลงไปที่พวงมาลัยดังขึ้นก่อนที่จะบีบแตรรถสามครั้งแล้วหยุดรถ เสียงรถยนต์ที่ตามมาต่างก็หยุดด้วย “ไอ้เหี้ยไตรภพมันจะเยี่ยว มีหมาตัวไหนอยากจะเยี่ยวตอนนี้เยี่ยวเลย ตอนนี้เราเริ่มเข้าเขตตัวเมืองแล้ว ระวังพวกซอมบี้ให้ดี”

“ไอ้เหี้ยไตรภพเอ๊ย!” เสียงผู้หญิงฟังดูห้าว ๆ ดังขึ้นมาก่อนจะตามด้วยคำพูดที่ดูถูกดูแคลง “จู๋ของมึงนี่ก็เล็กแค่นั้นคงเก็บน้ำเยี่ยวมึงได้ไม่เยอะหรอก”

“อีกะหรี่เอ้ย! สักวันกูจะลอบเข้าไปแล้วเอามึงจนกว่าน้ำจะหมดตัวเลยคอยดู” ไตรภพพูดอย่างหงุดหงิด “ขอบคุณครับเฮีย”

“เออ ๆ รีบมานะโว้ย!” เสียงวินพ่นลมหายใจออกทางจมูกก่อนจะหันไปเคลียร์เรื่องที่ผมปั่นเมื่อกี้ “ที่รัก…เค้าต้องเคลียร์กับที่รักเรื่องนี้นะ”

“วินจะเคลียร์อะไรอีก?” เสียงของหญิงสาวเริ่มยัวะ

อื้อหือ…ได้ผลกว่าที่คิดอีกนะเนี่ย

“ไอ้เอ็นมันพยายามพูดให้เราผิดใจกันเองต่างหาก” วินเถียงกลับด้วยน้ำโห “เธอตอบมาดีกว่าว่าประโยคที่เธอพูดน่ะ ของเอ็นคือความเท็จและของฉันเป็นความจริงใช่ไหม?”

“แล้วใจของวินคิดว่ายังไงล่ะ?” ฮีซุยถามกลับ

ระหว่างที่พวกมันกำลังทะเลาะกันกับเรื่องที่ไม่เป็นเรื่องประสาคนรัก ผมก็ได้ยินเสียงลูกน้องของวินที่นั่งอยู่ข้างด้านขวาถอนหายใจและห้าวพร้อมกัน จังหวะนั้นผมพยายามจะกลายร่างด้วยความโกรธที่มี แต่ผมไม่สามารถสร้างมันขึ้นมาได้ อะดรีนาลีนมันสูบฉีดไม่พอ…ผมควรจะทำยังไงดี…?

จู่ ๆ ก็ได้ยินเสียงปืนยิงกระหน่ำอยู่หลายรอบ

“ไอ้เชี่ย! เราถูกโจมตี!” วินโวยวายก่อนจะไล่คนที่อยู่ข้าง ๆ ผมลงไปจัดการ ไม่กี่อึดใจเสียงปืนหนึ่งนัดลั่นอยู่ไม่ไกลจนมันเจาะกบาลของมันล้มหงายหลังไปนอนอยู่ที่พื้น สักพักถุงครอบหัวก็ถูกกระชากออกไปพร้อมกับใบหน้าของ ‘คาโอริน’ เธอมองมาที่ผมพร้อมกับน้ำตาที่ไหลอาบแก้ม

“เจอตัวแล้ว!”

_____________________________________________________

To Be Continue Ep.44