"พลังที่ผมได้มานั้น...มันคือพรหรือคำสาปกันแน่นะ...? แล้วผมจะใช้พลังนี้แก้ไขประเทศที่ล่มสลายนี้จะกลับเหมือนเดิมได้อย่างไร...?"

Undead War สงครามคนเป็น - ตอนที่ 47 แบล็กเว็ดดิ้ง โดย นิวไม่จิ๋ว @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

แอคชั่น,ชาย-หญิง,สะท้อนปัญหาสังคม,ไทย,เลือดสาด,พล็อตสร้างกระแส,ดราม่า,สยองขวัญ,ผี,ผจญภัย,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย

Undead War สงครามคนเป็น

หมวดหมู่ที่เกี่ยวข้อง

แอคชั่น,ชาย-หญิง,สะท้อนปัญหาสังคม,ไทย,เลือดสาด

แท็คที่เกี่ยวข้อง

พล็อตสร้างกระแส,ดราม่า,สยองขวัญ,ผี,ผจญภัย

รายละเอียด

Undead War สงครามคนเป็น โดย นิวไม่จิ๋ว @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

"พลังที่ผมได้มานั้น...มันคือพรหรือคำสาปกันแน่นะ...? แล้วผมจะใช้พลังนี้แก้ไขประเทศที่ล่มสลายนี้จะกลับเหมือนเดิมได้อย่างไร...?"

ผู้แต่ง

นิวไม่จิ๋ว

เรื่องย่อ

โรคระบาดยังคงอยู่รอบๆ ตัวเรา ไม่ได้หายไปไหน หมอทุกคนตายกันไปหมดแล้ว ความหวังดับวูบจนไม่เหลือแม้แต่แสงสุดท้าย ราวกับว่าตัวเองกำลังเดินอยู่ในอุโมงค์ไร้แสงสว่างและไร้สิ้นสุด พวกซอมบี้ต่างคอยจะได้กัดกินเนื้อมนุษย์อย่างกับเครื่องจักรที่ไม่มีวันเหนื่อย ไม่ว่าจะมองไปทางไหน ก็มีแต่พวกมันอยู่เต็มไปหมด 

 

แต่ความหวังก็ยังไม่หมดไป เมื่อผมสามารถเอาชนะเชื้อไวรัสตัวนี้ได้ ทำให้ร่างกายของผมเกิดกลายพันธุ์และสามารถแปลงกายเป็นซอมบี้ได้ตลอดเวลา นั่นทำให้ผมวิวัฒนาการไปอีกขั้นเพื่อที่จะช่วยเหลือมวลมนุษยชาติได้

สารบัญ

Undead War สงครามคนเป็น-ตอนที่ 1 ณ จุดเกิดเหตุ,Undead War สงครามคนเป็น-ตอนที่ 2 มื้อเช้าสองพ่อลูก,Undead War สงครามคนเป็น-ตอนที่ 3 มีอะไรให้คิดอีกเยอะ,Undead War สงครามคนเป็น-ตอนที่ 4 จุดกำเนิดฝันร้าย,Undead War สงครามคนเป็น-ตอนที่ 5 หัวใจที่เน่าสลาย,Undead War สงครามคนเป็น-ตอนที่ 6 เข้าสู่กลียุค,Undead War สงครามคนเป็น-ตอนที่ 7 นาทีหลบหนี,Undead War สงครามคนเป็น-ตอนที่ 8 กลิ่นคาวเลือดที่หอมหวาน,Undead War สงครามคนเป็น-ตอนที่ 9 ไปให้ถึงเซฟเฮาส์,Undead War สงครามคนเป็น-ตอนที่ 10 สำรวจพื้นที่,Undead War สงครามคนเป็น-ตอนที่ 11 ฟาร์มของ,Undead War สงครามคนเป็น-ตอนที่ 12 ยื่นหมูยื่นแมว,Undead War สงครามคนเป็น-ตอนที่ 13 RED RIGHT HAND,Undead War สงครามคนเป็น-ตอนที่ 14 หญิงสาวปริศนา,Undead War สงครามคนเป็น-ตอนที่ 15 สีขาวที่แปดเปื้อน,Undead War สงครามคนเป็น-ตอนที่ 16 หัวใจกลับมาเต้นอีกครั้ง,Undead War สงครามคนเป็น-ตอนที่ 17 เสียงกระซิบ,Undead War สงครามคนเป็น-ตอนที่ 18 หน้ากากหนังมนุษย์,Undead War สงครามคนเป็น-ตอนที่ 19 กลายร่าง,Undead War สงครามคนเป็น-ตอนที่ 20 หนึ่งต่อร้อย,Undead War สงครามคนเป็น-ตอนที่ 21 เสียงประสานลมหายใจ,Undead War สงครามคนเป็น-ตอนที่ 22 เสียงเพรียกแห่งความทรงจำ,Undead War สงครามคนเป็น-ตอนที่ 23 น้ำตาที่ไร้ความชุ่มชื้น,Undead War สงครามคนเป็น-ตอนที่ 24 จากที่ต่ำ…ขึ้นสู่ที่สูง,Undead War สงครามคนเป็น-ตอนที่ 25 ชายส่งสาส์นปริศนา,Undead War สงครามคนเป็น-ตอนที่ 26 ถอยหลังเพื่อเริ่มต้นใหม่,Undead War สงครามคนเป็น-ตอนที่ 27 ลางร้ายเริ่มปรากฏ,Undead War สงครามคนเป็น-ตอนที่ 28 อสูรไร้เทียมทาน,Undead War สงครามคนเป็น-ตอนที่ 29 ความรู้สึกที่ซับซ้อน,Undead War สงครามคนเป็น-ตอนที่ 30 ฮาวทูมูฟออน,Undead War สงครามคนเป็น-ตอนที่ 31 ไวท์เว็ดดิ้งและผู้มาเยือน,Undead War สงครามคนเป็น-ตอนที่ 32 หมาป่าที่แต่งตัวด้วยขนแกะ,Undead War สงครามคนเป็น-ตอนที่ 33 สิ่งที่น่าหวาดกลัวยิ่งกว่า,Undead War สงครามคนเป็น-ตอนที่ 34 ศัตรูที่ไม่อยากจะสู้,Undead War สงครามคนเป็น-ตอนที่ 35 ละทิ้ง,Undead War สงครามคนเป็น-ตอนที่ 36 โลกที่เปลี่ยนไปเมื่อลืมตาตื่น,Undead War สงครามคนเป็น-ตอนที่ 37 ผู้ครอบครองพลังซอมบี้คนที่สอง,Undead War สงครามคนเป็น-ตอนที่ 38 ทุ่มสุดตัวเพื่อรอยข่วน,Undead War สงครามคนเป็น-ตอนที่ 39 พัฒนาโหมดซอมบี้,Undead War สงครามคนเป็น-ตอนที่ 40 เมล็ดพันธุ์,Undead War สงครามคนเป็น-ตอนที่ 41 พื้นที่จำกัด,Undead War สงครามคนเป็น-ตอนที่ 42 เบื้องหลังของนิว,Undead War สงครามคนเป็น-ตอนที่ 43 เตรียมบุก,Undead War สงครามคนเป็น-ตอนที่ 44 ก่อนการบุกโจมตี,Undead War สงครามคนเป็น-ตอนที่ 45 ชีวิตที่ไร้ค่า,Undead War สงครามคนเป็น-ตอนที่ 46 อดีตปะทะปัจจุบัน,Undead War สงครามคนเป็น-ตอนที่ 47 แบล็กเว็ดดิ้ง,Undead War สงครามคนเป็น-ตอนที่ 48 มนุษย์คือสัตว์ประเสริฐจริงหรือ?,Undead War สงครามคนเป็น-ตอนที่ 49 ออรัลบนรถ,Undead War สงครามคนเป็น-ตอนที่ 50 วัดป่า,Undead War สงครามคนเป็น-ตอนที่ 51 พระสงฆ์รูปสุดท้าย,Undead War สงครามคนเป็น-ตอนที่ 52 อมตะไม่มีจริง,Undead War สงครามคนเป็น-ตอนที่ 53 เป้าหมายเพื่อเอาชีวิตรอด,Undead War สงครามคนเป็น-ตอนที่ 54 ตะลุมบอน,Undead War สงครามคนเป็น-ตอนที่ 55 ยอมแพ้เสีย,Undead War สงครามคนเป็น-ตอนที่ 56 ผู้นำที่อ่อนแอไม่มีวันเป็นทรราช,Undead War สงครามคนเป็น-ตอนที่ 57 ขอเรียกร้องจากผู้ใหญ่,Undead War สงครามคนเป็น-ตอนที่ 58 โครงการทั้งห้า,Undead War สงครามคนเป็น-ตอนที่ 59 สงครามคนเป็น,Undead War สงครามคนเป็น-ตอนที่ 60 ผู้ป่วยโรคระบาดที่ก้าวราวเกเรมาก ๆ และรอการรักษา,Undead War สงครามคนเป็น-ตอนที่ 61 ความรักที่เกินกว่าค่าอนันต์,Undead War สงครามคนเป็น-ตอนที่ 62 คำตอบค่าเอ็กซ์ในสมการ,Undead War สงครามคนเป็น-ตอนที่ 63 ยุทธการทุบหม้อข้าว,Undead War สงครามคนเป็น-ตอนที่ 64 นักฆ่าลูกตำรวจ,Undead War สงครามคนเป็น-ตอนที่ 65 กัปตันไทยแลนด์,Undead War สงครามคนเป็น-ตอนที่ 66 ความแข็งแกร่งที่แท้จริง,Undead War สงครามคนเป็น-ตอนที่ 67 ประกาศชัยชนะ,Undead War สงครามคนเป็น-ตอนที่ 68 การมาถึงของเบื้องบน,Undead War สงครามคนเป็น-ตอนที่ 69 ข้อเสนอที่ดูเป็นธรรม?,Undead War สงครามคนเป็น-ตอนที่ 70 นักวิทยาศาสตร์สันหลังยาว,Undead War สงครามคนเป็น-ตอนที่ 71 กุญแจสู่การสร้างวัคซีน,Undead War สงครามคนเป็น-ตอนที่ 72 สงครามครั้งสุดท้าย,Undead War สงครามคนเป็น-ตอนที่ 73 พร้อมสละทุกอย่างเพื่อคนรัก,Undead War สงครามคนเป็น-ตอนที่ 74 การเสียสละกำเนิดวีรบุรุษ,Undead War สงครามคนเป็น-ตอนที่ 75 วันครบรอบวันตาย,Undead War สงครามคนเป็น-ตอนที่ 76 ชีวิตหลังความตาย,Undead War สงครามคนเป็น-ตอนที่ 77 จากไปแล้วหวนคืน (ตอนอวสาน)

เนื้อหา

ตอนที่ 47 แบล็กเว็ดดิ้ง

ฉันมีคำถามอยู่หลายข้อเกี่ยวกับชีวิตหลังความตายไว้เยอะพอ ๆ กับคนอื่นที่คิดในเรื่องเดียวกัน ตลอดที่ใช้ชีวิตและเกิดมาอยู่บนโลกนี้ ฉันพยายามค้นหามาตลอดเลยว่าชีวิตหลังความตายมันเป็นยังไง คำตอบที่ฉันเจอส่วนใหญ่มักจะเป็นเรื่องที่แต่งขึ้นมาทั้งนั้น…ก็แน่ล่ะ ใครจะบ้าไปรู้ว่าโลกหลังความตายจะเป็นยังไงนอกจากต้องตายแล้วฟื้นขึ้นมาเล่า บางคนได้เขียนเอาไว้ในเว็บบอร์ดว่า ‘หลังจากที่เราตายประมาณหนึ่งหรือสองวันก็มักจะไม่รู้ว่าตัวเองได้เสียชีวิต พอเจ็ดวันให้หลังก็จะรู้เอง วิญญาณจะถูกกักบริเวณไว้สี่สิบเก้าวันเพื่อรอพิจารณาคดี ในระหว่างนั้นดวงวิญญาณก็ต้องรอคอยบุญกุศลจากลูกหลานทางโลกที่กำลังง่วนอยู่กับงานศพ’ เหมือนหนังเกาหลีที่เคยดูเลยแฮะ

‘ขณะที่วิญญาณของผู้ตายออกจากร่าง ชีวิตหลังความตายก็จะเริ่มต้นขึ้นในโลกที่ผู้ตายต้องเข้าไปเพียงลำพัง ไม่มีสิ่งใดเลยที่สามารถเอาติดตัวจากโลกมนุษย์ได้ เว้นเสียแต่บาปกับบุญ’

ฉันทำบาปมามากมาย…คงจะไม่มีวันได้ผุดได้เกิดแล้วล่ะมั้ง…

หลังจากนั้นฉันก็อ่านไปเรื่อย ๆ ซึ่งมันทำให้รู้สึกเหมือนกับว่ากำลังอ่านนิยายแนวแฟนตาซีอยู่เลย ทุกอย่างมันดูน่าเหลือเชื่อไปหมด แต่ก็ไม่ได้เชื่อไปหมดและก็ยังค้นหาคำตอบภายในหน้าจอนั่นแหละ ถ้าจะให้ไปค้นหาในห้องสมุดก็คงจะใช้เวลานานเกินไป เผลอ ๆ ฉันต้องอ่านให้หมดเล่มถึงจะรู้และเข้าใจทุกอย่าง ซึ่งฉันเชื่อว่ามันจะไม่ได้เข้าใจร้อยเปอร์เซ็นต์หากยังไม่ได้ไปสัมผัสจริง ๆ

คนเรามักจะกลัวความตายเสมอ นั่นหมายความว่ารวมถึงฉันด้วย ฉันไม่ใช่ผู้วิเศษ ไม่ใช่สายพันธุ์ไหนนอกจากมนุษย์โลกธรรมดาที่เวียนว่ายตายเกิดเป็นวัฏจักร ฉันเกิดมา โตขึ้น แก่ลง จากนั้นก็ตาย เกิด แก่ เจ็บ ตายนั้นเป็นเรื่องที่ธรรมดาอย่างที่มนุษย์ทุกคนจะต้องเผชิญ เป็นความกลัวที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของมนุษย์เลยก็ว่าได้ สำหรับบางคนที่ไม่กลัวเพราะเขายอมรับความจริงในข้อนี้แล้ว เหมือนประเทศนี้เข้าสู่กลียุคแบบนี้ เส้นด้ายแห่งชีวิตก็จะยิ่งบางลงเรื่อย ๆ ความเสี่ยงที่จะเผชิญหน้ากับความตายนั้นมีมากมายยิ่งกว่าเมื่อก่อนเลยทีเดียว ไม่มีที่ไหนปลอดภัยสำหรับมนุษย์อีกต่อไป จะทำยังไงให้มีชีวิตรอดล่ะ? 

ฉันก็ไม่รู้เหมือนกัน…มันไม่ได้มีบอกไว้ในตำรานี่…แล้วใครจะฟื้นคืนชีพมาเขียนให้ฟังล่ะว่า ตายแล้วจะเป็นแบบนี้ แบบนี้ แบบนี้…ไม่รู้สิ…แต่ฉันเชื่อว่าความตายมันคือความว่างเปล่า ล่องลอยอยู่ที่ไหนสักแห่งที่มืดมิด ไม่มีแม้แต่แบคทีเรีย ไม่มีอะไรเลย รวมถึงตัวเราเองด้วย…เอาล่ะ…ฉันพร้อมที่จะตายแล้ว

 

สติของฉันถูกปลุกขึ้นมาจากแรงสั่นสะเทือนของอะไรบางอย่าง ฉันไม่สามารถเห็นได้เพราะว่ามีผ้าคลุมสีดำผิดบังใบหน้าอยู่ มือทั้งสองข้างถูกมัดไขว้ไว้ด้านหลัง ฉันตัดสินใจขยับตัว แต่ก็ถูกมือของใครบางคนมาอุดปากไว้ นั่นยิ่งทำให้ฉันเริ่มดิ้นอีกครั้ง

“อย่าดิ้น” เสียงของเอ็นกระซิบ “ถ้าดิ้นเธอจะผิดหวังไปตลอดชีวิต”

นี่มันเรื่องอะไรกัน…? นี่ฉันถูกจับไม่ใช่เหรอ…? แล้วอีคาโอรินอะไรนั่นทำไมไม่ฆ่าฉันไปให้รู้แล้วรู้รอดเลยล่ะ? จะปล่อยให้ฉันทรมานตัวเองทำไม?

ฉันค่อย ๆ ผ่อนคลายตัวเอง เมื่ออีกฝ่ายรู้ว่าฉันนิ่งก็เอามือออก กลิ่นคาวเลือดลอยมาเตะจมูก เสียงครางของพวกซอมบี้ลอยมาเตะหู ฉันตัวสั่นเทิ้มไปหมดเพราะจากที่ฟังดูแล้วพวกมันไม่ได้มีตัวเดียว แต่เป็นร้อย ๆ!

“เธอน่าจะให้คาโอรินฆ่าฉันซะ” ฉันพูดกระซิบใส่อีกฝ่ายอย่างประชดประชัน

“ไม่ได้หรอก” เอ็นกระซิบ “ในฐานะแฟนเก่าก็อยากจะทำอะไรให้เธอเป็นอย่างสุดท้ายก่อนที่เธอจะตาย”

“ก็อีแค่ความตายมันจะน่ากลัวสักแค่ไหนเชียว” ฉันพูดอย่างดูถูก

“เธออย่าดูถูกความตายเลย” เขาแย้ง “มันไม่ใช่สถานที่ที่น่าพิสมัยเท่าไหร่ มันว่างเปล่าไปหมด ไม่มีสวรรค์ ไม่มีนรก มีแต่ตัวเรา ตัวเราเท่านั้น”

เขาพูดอะไรของเขาน่ะ…

“เธอคงจะลืมไปแล้วสิว่าผมคนเรานั้นตายไปแล้ว จากนั้นก็เกิดใหม่โดยการรับพลังซอมบี้มาใช้เพื่อเอาชีวิตรอด” เขาพูด

“ฉันไม่รู้…มันไม่ได้มีอยู่ในตำราที่ฉันอ่าน” ฉันพูดเสียงเบา ความรู้สึกมันดาวน์ลงไปอีกแล้ว…ให้ตายสิ…เกลียดความรู้สึกนี้จริง ๆ 

“ใครมันจะไปเขียนตำรากันล่ะ คนที่ตายแล้วก็คือตาย ไม่มีทางกลับมาเดินไปไหนมาไหนเหมือนฉันได้หรอก” เขาพูดอย่างอวดดี

“ขนาดไม่ได้เป็นแฟนกันแล้วก็ยังจะพูดแหย่กันได้แบบนี้อยู่อีกเหรอ?”

“แล้วอยากจะกลับมาเป็นแฟนกันไหมล่ะ?”

“ไม่ดีกว่าค่ะ…ไหน ๆ ฉันก็กำลังจะตายอยู่แล้ว ขอตายทั้ง ๆ ที่ยังโสดนั่นแหละ” ฉันถอนหายใจ

“ก็ยังประชดประชันเก่งเหมือนเดิม เพราะผมจะไม่ให้เธอตายทั้ง ๆ ที่ยังโสดหรอกครับ” ชายหนุ่มยื่นปากมาใกล้หู ไออุ่นของเขาทำให้หัวใจของฉันเต้นแรง…หยุดสิวะ…จะตายอยู่แล้วยังจะมีเต้นแบบไม่มีจังหวะแบบนี้อีกเหรอ!?

“ตั้งคำถามเยอะจัง” เขาพูดขึ้น

“แล้วมันผิดด้วยเหรอ?”

“ไม่ครับ ไม่ผิดเลย แต่ผมแค่รำคาญเวลาใครบางคนที่ตั้งคำถามขึ้นมาเพื่อทำร้ายคนอื่นหรือบีบคั้นให้พูดบางอย่างที่ตัวเองต้องการออกมาเพื่อหักหน้าคนนั้นให้เป็นสองท่อนทั้ง ๆ ที่รู้คำตอบอยู่แก่ใจแล้ว” เอ็นบอก “สุดท้ายแล้วก็แค่ต้องการให้คนนั้นพูดออกมาจากปากของเขาเอง อย่างฉันบอกรักเธอก็ไม่อิมแพ็กเท่าวินบอกรักเธอ ถูกไหมล่ะ?”

ร่างกายของฉันชะงักเมื่อเขาพูดประโยคนั้นขึ้นมา แม้ว่ามันเป็นสิ่งที่ฉันไม่ได้คิดร้อยเปอร์เซ็นต์ แต่การที่เอ็นได้มาพูดอย่างนี้ใส่ที่หูของฉัน มันก็กลายเป็นการซ้ำมากกว่าเดิมว่าแท้จริงแล้ว ‘ฉันรักเอ็น’ ให้ตายสิ…คำพูดมันติดอยู่ที่ริมฝีปากซึ่งไม่ยอมออกไปเสียที…ฉันควรจะทำอย่างไรดีล่ะ…?

ช่างมันเถอะ…ไหน ๆ ก็จะตายทั้งทีก็ให้ตายแบบนี้นั่นแหละ….

พรึ่บ!!

แสงสว่างจ้าได้สาดส่องเข้ามาในดวงตาของฉันจนต้องหลับตาปี๋ เมื่อค่อย ๆ ลืมตาที่เริ่มปรับสภาพได้ก็เห็นว่าฉันนั่งอยู่บนเก้าอี้ล้อเลื่อนของคนไข้ มือที่ถูกมัดด้วยเชือกได้ถูกตัดออกโดยเอ็น เมื่อมาสังเกตตัวเองก็เห็นว่ากำลังสวมชุดแต่งงานสีขาวบริสุทธ์ จากนั้นเอ็นก็ยื่นกระจกมาให้ ดวงตาของฉันเบิกโพลงเหมือนเห็นว่าใบหน้าของฉันถูกแต่งด้วยเครื่องสำอางจนสวยผิดหูผิดตา รวมถึงทรงผมที่ปล่อยยาวสลวยลงก่อนและถูกดัดให้เป็นลอน บนศีรษะมีมงกุฎดอกไม้สีขาวสวมไว้อยู่

“นี่มันเรื่องอะไรกัน…” ฉันเทียบจะตกใจไปเป็นรอบที่สองเมื่อเห็นว่าชายหนุ่มในชุดทักซิโด้นั้นคือเอ็น ผิวของเขาที่ซีดค่อย ๆ กลับมาเป็นสีเนื้อมนุษย์ปกติ ผมเผ้าถูกตัดเป็นระเบียบรวมถึงหนวดเคราที่โกนจนเกลี้ยง เหลือเพียงใบหน้าที่หล่อเหลาของเขาแทน…ก่อนที่เข้าจะได้รับพลังนี้ เขาไม่ได้มีรูปร่างที่หล่อขนาดนี้มาก่อน แต่ในปัจจุบัน…เขาทำให้ฉันลืมความตายไปชั่วขณะ กาลเวลามันหยุดลงก่อนจะเข้าสู่จังหวะของการตกหลุมรักอีกครั้ง

ในความเป็นจริงฉันไม่เคยตกหลุมรักใครเกินหนึ่งครั้ง

แต่มีเพียงเขาคนเดียวที่สามารถปลดล็อกมันได้

“ลุกขึ้นมาสิครับ เจ้าหญิง” 

เขาเรียกฉันว่าเจ้าหญิง!?

นี่มันหมายความว่ายังไงกันแน่วะ!?

เมื่อฉันลุกขึ้นยืน สิ่งที่ฉันเห็นเมื่อมองไปรอบ ๆ ก็เห็นพวกซอมบี้ยืนล้อมรอบพวกเราอยู่โดยมีไม้กระดานกั้นเพื่อไม่ให้มันเข้ามาใกล้ หัวใจของฉันตกไปอยู่ที่ตาตุ่ม ความกลัวค่อย ๆ ครอบงำจิตใจของฉัน ร่างกายสั่นเทิ้มไปด้วยความกลัว ขาของฉันไม่มีแรงแล้วแถมตอนนี้ก็ยังไร้อาวุธ ถ้าพวกมันหลุดเข้ามาก็คงไม่เหลือแต่กระดูก!

“ไม่ต้องกลัวนะ”

สิ้นเสียงของเอ็น ฉันก็เข้าไปอยู่ในอ้อมกอดของเขาเป็นที่เรียบร้อย ความอบอุ่นจากกายของเขาได้แผ่มาถึงฉันจนทำให้รู้สึกอบอุ่นไปด้วย อีกทั้งยังทำให้ผ่อนคลายจากสิ่งที่เจอมสเมื่อกี้ “ผมอยู่ตรงนี้แล้ว” น้ำเสียงอันนุ่มนวลของเขาช่างไพเราะกว่าวันไหน ๆ เหลือเกิน

เขาผละออกจากร่างของฉันก่อนจะคุกเข่าลงกับพื้นโดยชันเข่าขึ้นมาหนึ่งข้าง ดวงตาอันเฉียบคมจับจ้องมาที่ฉันอย่างไม่ละสายตา ทำให้ฉันตกอยู่ในห้วงภวังค์แห่งความรัก หัวใจของฉันเต้นไม่เป็นจังหวะ ไม่เคยมีใครมาทำแบบนี้กับฉันเลย หัวใจของฉันยิ่งฟูมากขึ้นเป็นขนมสายไหมเมื่อเห็นแหวนเพชรอยู่ตรงหน้า วันนี้ตาของฉันเบิกเยอะไปหน่อยหรือเปล่าเนี่ย…แต่ฉันรู้ว่าเขากำลังหมายถึงอะไร

“ฮีซุยครับ”

“คะ…?” 

“แต่งงานกับผมนะครับ” 

หัวใจของฉันแทบจะแตกเป็นเสี่ยง ๆ ขาของฉันอ่อนแรงจนร่างกายทรุดไปกับพื้น แต่เอ็นเร็วกว่า เขาพุ่งเข้ามาประคองฉันเอาไว้ เขากอดฉันและจูบที่หน้าผาก น้ำตาของเขาไหลออกมา ฉันมองตาเขาและปาดน้ำตาให้อย่างนุ่มนวล เขาเลิกกับคาโอรินแล้วตัดสินใจแต่งงานกับฉันสินะ…ให้ตายสิ…คนอย่างเขายิ่งตัดออกไปจากหัวใจมากเท่าไหร่ก็ยิ่งเหนียวแน่นกว่าเดิมเท่านั้น เขาคือคู่แท้ของฉันจริง ๆ อย่างที่ฉันเคยคิดมาตลอดสินะ ฉันผ่านผู้ชายมาหลายมือก็จริง แต่เขาก็ได้แต่เพียงร่างกาย เอ็นต่างหากที่คู่ควรจะได้ทั้งร่างกายและหัวใจของฉันอย่างไร้เงื่อนไข หลังจากนี้เราจะเอาชีวิตรอดด้วยกัน เผลอ ๆ ฉันอาจจะให้เขาสอนการสู้เพื่อที่จะกลายเป็นกำลังสำคัญให้กับเขาได้ โลกทั้งใบนี้จะมีแค่เราสองคน…เราสองคนเพียงแค่นั้น! หลังจากนั้นฉันก็จะตั้งท้องและให้กำเนิดลูกของเขา…ว่าแต่พลังซอมบี้ของเอ็นจะถ่ายทอดไปถึงลูกหรือเปล่านะ…ก็ไม่รู้เหมือนกัน หลังจากนี้ทุกอย่างจะเป็นยังไงก็ปล่อยให้มันเกิดขึ้นก็แล้วกัน

เพราะโลกทั้งใบมีแค่เอ็นคนเดียวก็พอแล้ว

จู่ ๆ ชายหนุ่มสวมชุดบาทหลวงเดินเข้ามาหาพวกเราพร้อมกับหนังสือเล่มหนาในมือ เมื่อเห็นปกก็รู้ได้ทันทีว่ามันคือคัมภีร์ไบเบิล

“อะ…เออ… ที่รักคะ…” เราสองคนค่อย ๆ ลุกขึ้นโดยมีว่าที่สามีคอยดึงขึ้นมา “เรานับถือศาสนาพุทธไม่ใช่เหรอคะ?”

“ในโลกที่เป็นแบบนี้ จะจัดงานแต่งงานสำหรับเราสองคนสักงานก็น่าจะใช้ศาสนาไหนก็ได้ และผมคิดว่าการแต่งงานแบบคริสต์เตียนนี่แหละโรแมนติกที่สุดแล้ว” คำพูดอันหวานซึ้งของเขาทำให้ความปลื้มปิติยินดีพุ่งขึ้นมา ฉันเอาศีรษะไปซบลงบนไหล่ของชายหนุ่มที่กว้างกว่าตอนที่เจอกันครั้งแรก 

ให้ตายสิ…กล้ามของเขามีเป็นมัด ๆ เลย

“เริ่มเลยก็ได้นะมังกร อีกแป๊บเดียวก็จะมืดแล้ว” เอ็นบอก

“งั้นก็จะข้ามส่วนที่ต้องอ่านพระคัมภีร์ก็แล้วกันนะ” อีกฝ่ายพูดก่อนจะเริ่มเปิดคัมภีร์ออกมา เขากระแอมสองครั้งก่อนจะบอกให้เอ็นและฉันจับมือแล้วหันตัวเข้าหากัน 

ในวินาทีนั้นทุก ๆ อย่างรอบตัวล้วนเป็นสีชมพู เสียงซอมบี้ที่ล้อมรอบนั้นได้กลายเป็นเสียงเพลง Perfect ของ Ed Sheeran บรรเลงคลอ ทำให้บรรยากาศนั้นไม่ต่างจากอยู่ในความฝัน

ถ้านี่เป็นความฝันจริง ๆ ขอหลับแบบนี้ไปตลอดชีวิดได้ไหม…
โลกแห่งความเป็นจริงนั้นช่างโหดร้ายเสียเหลือเกิน

“คุณเอ็นครับ คุณจะรับคุณฮีซุยเป็นภรรยา และสัญญาว่าจะถือซื่อสัตย์ต่อคุณฮีซุยทั้งในยามสุขและยามทุกข์ ทั้งในเวลาป่วยและเวลาสบาย เพื่อรักและยกย่องให้เกียรติคุณ จนกว่าชีวิตจะหาไม่ไหมครับ” 

เจ้าบ่าวมองเข้ามาในดวงตาของฉันที่ได้ประสานกันเป็นหนึ่งเดียวพร้อมรอยยิ้ม “รับครับ”

บาทหลวงทำสีหน้าพอใจก่อนจะหันมาถามฉันด้วยคำถามเดียวกัน

“คุณฮีซุยครับ คุณจะรับคุณเอ็นเป็นสามีและสัญญาว่าจะถือซื่อสัตย์ต่อคุณฮีซุย ทั้งในยามสุขและยามทุกข์ ทั้งในเวลาป่วยและเวลาสบาย เพื่อรักและยกย่องให้เกียรติคุณ จนกว่าชีวิตจะหาไม่ไหมครับ”

ฉันมองหน้าเอ็น แล้วยิ้มออกมาอย่างมีความสุขอย่างที่ไม่เคยยิ้มได้สุดปากแบบนี้มาก่อนในชีวิต “รับค่ะ”

บาทหลวงยิ้มออกมาเมื่อได้ยินคำตอบ 

เอ็นสวมแหวนใส่ที่นิ้วนางข้างซ้ายของฉันอย่างนุ่มนวลและกล่าว “คุณฮีซุย…ขอให้รับแหวนนี้เป็นเครื่องหมายแสดงความรักและความซื่อสัตย์ของผม เดชะพระนาม พระบิดา และพระบุตร และพระจิต”

“ซ้อมนานไหมเนี่ย” ฉันยังคงยิ้มออกมาด้วยความสุขที่ล้นเปี่ยม จากนั้นบาทหลวงก็ส่งแหวนเงินมาให้ ฉันรู้งานทันทีก่อนจะสวมใส่ที่นิ้วนางข้างซ้ายของเขาและกล่าวตามบาทหลวงว่า “คุณเอ็น ขอให้รับแหวนวงนี้เป็นเครื่องหมายแสดงความรักและความซื่อสัตย์ต่อกัน เดชะพระนาม พระบิดา และพระบุตร และพระจิต”

“ในตอนนี้คุณทั้งสองคนได้กลายเป็นสามีภรรยาอย่างถูกต้องครับผม” ทันทีที่บาทหลวงได้ปิดหนังสือคัมภีร์ เขาได้กล่าวอีกว่า “เชิญจูบ”

ริมฝีปากของเราสองคนได้ประกบกัน นี่สินะ รสชาติของจุมพิตที่เปี่ยมไปด้วยความรักและความเสน่ห์หาที่ไม่สามารถตีราคาไว้ได้ 

อา…ในที่สุด พันธนาการของฉันก็ได้คลายออกอย่างสมบูรณ์เสียที 

ฉันเป็นของเขา เขาเป็นของฉัน ลูกของเราที่อยู่ในท้องได้มีพ่อที่แท้จริงแล้ว

ไม่มีอะไรมาขวางเราได้อีกต่อไปแล้ว

“ตอนนี้เป้าหมายของที่รักก็ลุล่วงแล้วนะ” เอ็นพูดก่อนจะผละออกจากร่างของฉันก่อนที่จะรู้สึกถึงของมีคมฟันเข้าที่เอ็นร้อยหวายของฉันจนทำให้ร่างของฉันทรุดล้มลงไปกับพื้น ความเจ็บปวดพุ่งทะยานอย่างรวดเร็วทำให้ฉันกรีดร้องออกมาอย่างบ้าคลั่ง เลือดเป็นจำนวนมากพุ่งออกมาว่าจากปากแผลจนท่วมพื้นดินส่วนหนึ่ง ส่งกลิ่นเหม็นคาวไปทั่วบริเวณ น้ำตาของฉันไหลออกมาเป็นสายน้ำ ทำให้เครื่องสำอางที่ถูกตกแต่งมาอย่างดีต้องเปรอะเปื้อนไปหมด

“เธอทำอะไรน่ะที่รัก!!” เธอเสียงดังด้วยความหวาดกลัว แต่เมื่อเห็นมีดที่เปื้อนเลือดในมือของบาทหลวง…ไม่สิ…นั่นไม่ใช่บาทหลวง แต่เป็นพรรคพวกของเอ็นที่ปลอมตัวเป็นบาทหลวงต่างหาก

ก็ว่าอยู่…ไปหาบาทหลวงมาจากไหน…

“ขอโทษนะฮีซุย” เสียงของเอ็นเปลี่ยนไปเป็นทุ้มต่ำ จากนั้นเขาก็ดีดนิ้ว ไม้กระดานที่กั้นซอมบี้นับร้อยนั้นได้พังทลายลง พวกซอมบี้นั้นค่อย ๆ เดินเข้ามา ทำให้ฉันผวาอย่างถึงที่สุด “ฉันปล่อยให้คนอย่างเธอมีชีวิตต่อไปไม่ได้จริง ๆ”

“ไม่นะเอ็น! ฉันรักเธอนะ!” ฉันแผดเสียงจนสุด

“ผมก็รักคุณนะ ฮีซุย” เอ็นพูด “แต่ผมมีคาโอรินอยู่แล้ว จะให้มาคบซ้อนกับนางอสรพิษอย่างคุณ ผมขอตายดีกว่า”

จากนั้นเขาก็เดินออกไป ออร่าสีดำค่อย ๆ แผ่ขยายคลุมร่างของเขาและพรรคพวกของเขา

มุมมองของเอ็น

ผมเดินจากไปพร้อมกับน้ำตาที่นองใบหน้า พวกซอมบี้วิ่งผ่านผมโดยที่ไม่ได้สนใจผมเลยแม้แต่น้อย เพราะการกลายร่างเป็นซอมบี้โดยที่ไม่กินเลือดนั้นผมได้รับความสามารถในการล่องหนจากพวกซอมบี้ได้ จึงทำให้ผมเป็นอากาศสำหรับมัน การแต่งงานเมื่อกี้นั้นเป็นเพียงสานฝันของผู้หญิงคนหนึ่งที่ถูกย่ำยีมาตลอดให้ได้รับความสุขก่อนที่จะได้ มันเปรียบได้เหมือนการประหารที่ทรมานที่สุดเท่าที่ประวัติศาสตร์มนุษย์ได้เคยบันทึกไว้

ซอมบี้กว่าร้อยตัวได้สัมผัสถึงเลือดเนื้อของฮีซุยจึงวิ่งเข้าไปหาเธอ ไม่กี่อึดใจต่อมาเสียงกรีดร้องอันสยดสยองก็ดังออกมาทำให้จิตใจของผมหดหู่อย่างถึงที่สุด แต่ก็ต้องบังคับขาของผมให้เดินออกไปจากที่นี่ให้ได้ การเดินออกไปจากตรงนี้คือการเซย์กู๊ดบายต่อความรักที่มีแต่การหลอกลวงไปตลอดชีวิตเพื่อที่จะเริ่มต้นอะไรใหม่ ๆ โดยที่ไม่มีพันธนาการอะไรมาขวางกั้น เสียงกรีดร้อง เสียงซอมบี้ เสียงขย้ำเนื้อและกระดูก เสียงคำรามดังไปทั่วบริเวณ จากนั้นเสียงกรีดร้องของฮีซุยก็ได้เงียบหายไป ในจังหวะนั้นผมได้ถอดแหวนแต่งงานออกแล้วโยนออกไป จากนั้นก็ถอดเนกไทและทักซิโด้แล้วโยนทิ้งไป เหลือแต่เพียงเสื้อเชิ้ตสีขาวและกางเกงสีดำเท่านั้น 

ผมไม่เหลือเยื่อใยอะไรให้คุณอีกแล้วนะฮีซุย เหลือเพียงน้ำตาของผมที่ไหลออกมาให้กับคุณเป็นครั้งสุดท้ายนี้เท่านั้น นี่เป็นครั้งสุดท้ายที่ผมจะคิดถึงคุณ และคุณจะอยู่ในความทรงจำของผมตลอดไป เราเพียงเจอกันช้าไป ถ้าเราเจอกันเร็วกว่านี้ก็คงจะดีไม่ใช่น้อยเลยนะ

ผมจะรักคุณ จนกว่าชีวิตจะหาไม่ แต่ในตอนนี้ผมคงรักคุณไม่ได้อีกแล้วล่ะฮีซุย…

เพราะคุณรวมถึงลูกในท้องได้ตายไปจากผมแล้ว…

______________________________________________

To Be Continue Ep.48