"พลังที่ผมได้มานั้น...มันคือพรหรือคำสาปกันแน่นะ...? แล้วผมจะใช้พลังนี้แก้ไขประเทศที่ล่มสลายนี้จะกลับเหมือนเดิมได้อย่างไร...?"
แอคชั่น,ชาย-หญิง,สะท้อนปัญหาสังคม,ไทย,เลือดสาด,พล็อตสร้างกระแส,ดราม่า,สยองขวัญ,ผี,ผจญภัย,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
Undead War สงครามคนเป็น"พลังที่ผมได้มานั้น...มันคือพรหรือคำสาปกันแน่นะ...? แล้วผมจะใช้พลังนี้แก้ไขประเทศที่ล่มสลายนี้จะกลับเหมือนเดิมได้อย่างไร...?"
โรคระบาดยังคงอยู่รอบๆ ตัวเรา ไม่ได้หายไปไหน หมอทุกคนตายกันไปหมดแล้ว ความหวังดับวูบจนไม่เหลือแม้แต่แสงสุดท้าย ราวกับว่าตัวเองกำลังเดินอยู่ในอุโมงค์ไร้แสงสว่างและไร้สิ้นสุด พวกซอมบี้ต่างคอยจะได้กัดกินเนื้อมนุษย์อย่างกับเครื่องจักรที่ไม่มีวันเหนื่อย ไม่ว่าจะมองไปทางไหน ก็มีแต่พวกมันอยู่เต็มไปหมด
แต่ความหวังก็ยังไม่หมดไป เมื่อผมสามารถเอาชนะเชื้อไวรัสตัวนี้ได้ ทำให้ร่างกายของผมเกิดกลายพันธุ์และสามารถแปลงกายเป็นซอมบี้ได้ตลอดเวลา นั่นทำให้ผมวิวัฒนาการไปอีกขั้นเพื่อที่จะช่วยเหลือมวลมนุษยชาติได้
ยามค่ำคืนที่แสนสงบ แต่มีเสียงคำรามเบา ๆ จากในลำคอของพวกซอมบี้ที่เดินอยู่รอบ ๆ หมู่บ้าน ‘หวีด’ สปอตไลต์สองตัวจากหอคอยคู่ถูกสาดไปทั่วบริเวณรอบนอกเพื่อให้เห็นว่าไม่มีศัตรูบุก รั้วของหมู่บ้านขนาดย่อม ๆ นั้นมีกำแพงสังกะสีสองชั้นกั้นอยู่ และมีท่อนไม้จำนวนมากดามกับพื้นเพื่อไม่ให้ล้ม มีหลอดไฟที่ประดิษฐ์ขึ้นจากการประกอบวงจรไฟฟ้าอย่างลวก ๆ เพื่อให้สามารถใช้งานในยามค่ำคืนได้ ไม่ว่าจะเป็นกลางวันหรือกลางคืนคุณก็จะสามารถมองเห็นคนที่เข้าใกล้รัศมีหนึ่งเมตรได้จากระยะไกล โดยเฉพาะพวกซอมบี้ ส่วนของประตูหลักซึ่งเป็นทางเข้าออกของหมู่บ้านเพียงทางเดียวเป็นตู้คอนเทนเนอร์ขนาดใหญ่สองตู้วางคู่กัน บานประตูสังกะสีขนาดใหญ่มีรอยคราบเลือดสีดำเปื้อนอยู่ เป็นหลักฐานได้ว่าเคยเกิดการต่อสู้มาก่อนโดยปกติแล้วจะมี ‘ยูจิน’ ชายร่างสูงอายุประมาณสามสิบต้น ๆ ถือไรเฟิลซุ่มยิงยืนประจำการอยู่บนนี้ตลอดเพื่อเปิดปิดประตูและช่วงคนที่อยู่บนหอคอยสังเกตการณ์เป็นระยะ ๆ หากเจอซอมบี้ให้ปล่อยมันไป นอกเสียจากจะพุ่งเข้ามาจู่โจม
“ข้างล่างเป็นยังไงบ้างวะยูจิน?” เสียงชายคนหนึ่งพูดออกมาจากวิทยุสื่อสารที่เก็บไว้ที่เอว
เขาได้ยินดังนั้นก็สะดุ้งเล็กน้อยเพราะว่าเงียบสงัดกว่าปกติก่อนจะหยิบขึ้นมาตอบ
“ก็อากาศร้อนเป็นปกติ” เขาตอบ “มีซอมบี้แค่ตัวเดียวกำลังยืนหันหลังให้อยู่ กูเห็นมันยืนอยู่เป็นชั่วโมงแล้วก็ไม่ยอมขยับไปไหนสักที”
“ไม่ต้องไปสนใจหรอก” เสียงผู้ชายจากวิทยุสื่อสารพูดด้วยน้ำเสียงที่จริงจัง “เมื่อคืนก็โต้รุ่งอีกตามเคยสินะ”
“มีเพื่อนรักเป็นน้ำเมาแบบนี้ก็อยู่ได้ทั้งคืนนั่นแหละ” ยูจินหัวเราะก่อนจะกระดกน้ำเมาสีน้ำตาลทองลงคอไปสองอึก
“เห็นกระดกแบบนี้อยากให้โยนขึ้นมาให้จังเลยว่ะ”
“ถ้ารับไม่ทันแล้วตกลงไปแตกกูไม่รับผิดชอบนะโว้ย” ชายหนุ่มพูดติดตลก
“ไม่เอาดีกว่าว่ะ เดี๋ยวเมาแล้วตกลงไปตาย”
“คออ่อนกันจริง ๆ”
“เออ ๆ กลับไปทำงานเถอะ เดี๋ยวจะโดนผู้นำลงทาทางวินัยเอา”
“โอเค ๆ” จากนั้นยูจินก็เก็บวิทยุสื่อสารใส่ซองที่เอวอย่างเดิม ก่อนจะเดินไปนั่งอยู่ที่เก้าอี้พลาสติกราคาถูกที่จะพังแหล่ไม่พังแหล่ แต่พอทิ้งตัวนั่งลงไปก็ทำให้ตัวเองหงายหลังไป เสียงโครมครามทำให้หน่วยสังเกตการณ์ทั้งสองข้างมองลงมายังชายหนุ่มแล้วหัวเราะราวกับเป็นเรื่องตลก ทั้ง ๆ ที่เป็นบนความเจ็บปวดของเพื่อนร่วมรบเลยแท้ ๆ แต่ก็ช่างมันเถอะ ช่วงเวลาที่เคร่งเครียดได้ผ่านไปก็ต้องมีผ่อนคลายกันบ้าง
ตั้งแต่เข้าสู่ยุคของซอมบี้เขาได้ประจำการอยู่ที่รัฐสภา ในหัวตอนนั้นมีเพียงแค่ว่าในวันรุ่งขึ้นเขาจะได้ปลดประจำการหลังจากที่ต้องเข้ามารับใช้ชาติตั้งแต่อายุยี่สิบปี ทุกวันนี้เขายังไม่ได้ทำคุณงามความดีให้อยู่สายตาของผู้ใหญ่เบื้องบนเลยสักคน เพราะด้วยที่เป็นคนขี้เกียจและแอบอู้งานแบบที่ไม่สามารถจับตัวได้ เขาเลยได้ไม่ได้เลื่อนยศแม้แต่ครั้งเดียว ชุดทหารที่เขาใส่อยู่ตอนนี้เลยว่างเปล่า
แต่ก็รู้สึกโล่งดีนะ เขาคิดแบบนั้น
เมื่อซอมบี้บุกก็มีคำสั่งจากนายพลให้ไปคุ้มกันเชื้อพระวงศ์ แต่สุดท้ายแล้วทหารกว่าหมื่นนายที่ไปตอนนั้นไม่เข้าใจถึงความสำคัญของเชื้อพระวงศ์เลยแม้แต่นิดเดียวจึงจัดการล้างบางจนสิ้นสายเลือด (แม้ว่าจะมีหลงเหลืออยู่ที่ไหนสักแห่งบนโลกก็ตาม)
แต่ก็เอาเถอะ หลังจากที่ต้องหนีหัวซุกหัวซุนจับพลัดจับผลูมาอยู่ที่กลุ่มนี้ก็ถือว่าปลอดภัยได้
ฟ้าค่อย ๆ สว่างขึ้นจนย่ำรุ่ง ปกติแล้วจะมีนกออกมาร้องเพลงอยู่ตามต้นไม้ แต่ในเมื่อตอนนี้โลกไม่ได้อยู่ในอารมณ์ที่จะทำแบบนั้น มิหนำซ้ำที่รังนกแต่ละรังไม่มีสัตว์มีปีกแบบนั้นอยู่เลยแม้แต่รังเดียว ยูจินนั่งกระดกเหล้าขวดสุดท้ายที่ขโมยมาจากซูเปอร์มาร์เก็ตช่วงที่กำลังก่อนจะเล็งไปยังซอมบี้ที่ยังคงยืนหันหลังให้แล้วขว้างสุดแรง ขวดเหล้าเปล่า ๆ โดนหัวของมันเต็ม ๆ จากนั้นมันก็ลงไปนอนกับพื้นแน่นิ่งไป
“วันนี้แม่นกว่าปกติอีกนะเนี่ย” ยูจินพูดชมตัวเองด้วยความภาคภูมิใจ “คงจะเป็นวันที่ดีอีกวันสินะ อืม…น่าจะเป็นผลพวงมาจากที่ตัวเองล้มหงายหลังเมื่อกี้หรือเปล่าหว่า”
ใช่…ถูกของเขา วันนี้ก็คงจะเป็นวันที่ดีและสงบสำหรับเขาอีกวัน เหมือนกับวันที่ผ่าน ๆ มาถ้าไม่มีกระสุนจากไรเฟิลซุ่มยิงลอยมาเจาะที่กลางกบาลของเขาเสียก่อน นั่นทำให้ซอมบี้ตัวเมื่อกี้เป็นตัวที่เขาฆ่าเป็นตัวสุดท้าย เสียงปืนไรเฟิลที่ควรจะดังสนั่นไปทั่วพื้นที่ แต่ก็ถูกกลบเสียงไว้ด้วยอุปกรณ์ที่เก็บเสียงอย่างดีที่เพิ่งขโมยมา ทำให้กิ๊บสามารถยิงได้อย่างไม่กลัวว่าจะมีซอมบี้เข้ามา
“โอเค ไอ้หมอนี่มันตายแล้ว เอ็นและคาเรนจัดการพังประตูได้เลย” เสียงของนิวออกคำสั่งทำให้ผมที่ถูกขวดเหล้าปาใส่จนเลือดไหลนั้นรีบลุกขึ้นมาด้วยความโมโห! บอกตามตรงว่าการถูกเอาขวดเหล้าปาใส่หัวเป็นสิ่งที่ไม่ได้คาดคิดมาก่อนในชีวิต แต่โชคดีที่ไม่ได้เจ็บมากนัก
“ไอ้เหี้ยนี่เล็งแม่นจังวะ” ผมกัดฟันลุกขึ้นมาแล้วคาเรนก็พุ่งออกมาจากพุ่มไม้
“อย่าเพิ่งโอดครวญน่ารีบทำลายแนวป้องกันและประตูก่อนดีกว่า” คาเรนในร่างของซอมบี้ดุเบา ๆ
“ลองโดนเอาขวดเหล้าขว้างโดนหัวบ้างปะล่ะ?”
“ขอผ่านดีกว่า แต่ตอนนี้ศัตรูแม่งรู้ตัวแล้ว”
ไม่ทันขาดคำเสียงปืนก็ดังขึ้น กระสุนสองสามนัดพุ่งเข้ามาเจาะตามร่างกายของผมและคาเรน ความเจ็บปวดพุ่งสูงขึ้นและก็บรรเทาในเสี้ยววินาที เหมือนกับถูกยุงกัดยังไงยังงั้น (ผมโคตรเกลียดยุง…มาก ๆ) ฉากตะลุมบอนกำลังจะเริ่มต้น ผมและคาเรนดีดตัวออกไปด้วยความเร็วเต็มสูบ ผมยกขาข้างซ้ายขึ้นมาส่วนเขายกขาขวาขึ้นจากนั้นก็กระแทกประตูคอนเทนเนอร์เต็มแรง แรงสั่นสะเทือนที่มากเกินบรรยายจนต้องกัดฟันและใส่น้ำหนักไปที่เท้าเพื่อเพิ่มพลังทำลายล้างได้สูงขึ้นไปอีก แม้ว่ากระสุนปืนจะเฉี่ยวศีรษะผมและคาเรนไปเยอะพอสมควร แต่ถ้าถูกฝังลูกตะกั่วนั่นเข้าที่หัวก็เป็นอันจบเห่
จนในที่สุดประตูเหล็กกล้าก็พังทลาย นิววาร์ปเข้ามาหาผม เราสองคนรู้งานหลังจากนี้ดีว่าจะทำอะไรต่อ เราสองคนวาร์ปไปยังหอคอยหลังแรก ความรู้สึกของการวาร์ปมันเป็นแบบนี้นี่เอง มันไม่ใช่การเคลื่อนที่เร็วเหนือแรง แต่เป็นการสลายโมเลกุลจนถึงขั้นอะตอมแล้วประกอบขึ้นใหม่ในเวลาเสี้ยววินาทีโดยเป็นการเคลื่อนที่ที่เร็วมาก ๆ จนแสงไม่สามารถตามทันได้ ภาพที่ผมเห็นจากพื้นดินพริบตาเดียวก็ไปอยู่บนยอดหอคอยสูงสิบเมตรนั่นได้แล้ว
“มันขึ้นมาได้ยังไงวะ!?” ชายหนึ่งในห้าคนสวมชุดทหารกำลังเล็งปืนไรเฟิลไปยังด้านล่าง แต่ผมและนิวกลับปรากฏอยู่บนราวกันร่วงไว้แล้ว
“หอคอยนี้นายจัดการนะ” นิวพูดก่อนจะวาร์ปไปอีกหอคอยนึง
ผมพุ่งเข้าไปเหวี่ยงหมัดเข้ากลางลำตัวของคนแรกทำให้แรงสั่นสะเทือนส่งผลให้กระดูกสันหลังหักเป็นสองท่อนก่อนจะหักคอของอีกคน ส่วนอีกสามคนตะเกียกตะกายไปหยิบอาวุธที่พอจะป้องกันตัวเองได้มาอย่างยากเย็น คนที่สามคว้ามีดจะเข้ามาฟัน ผมคว้าข้อมือของมันก่อนจะบิดแขนจนเป็นเกลียว เสียงกรีดร้องอย่างทรมานดังลั่นก่อนจะโยนลงไปบนพื้นเพื่อหวังให้ตาย ในความเป็นจริงผมไม่ได้ต้องการให้มีใครตายหรอก แต่ในเมื่อมันคนไหนใส่ทุกทหารก็ต้องตายให้หมดทุกตัว!
อีกคนคว้าปืนพกและจ่อปลายกระบอกปืนมาทางผม เท้าของผมก้าวไปหามันใกล้ขึ้น ใกล้ขึ้นจนห่างจากปืนไม่กี่เซ็นติเมตร แววตาของทหารร่างสูงนายนี้ดูกลัวผมเหลือเกิน นิ้วของมันลั่นไกปืน ผมสามารถเอียงหัวหลบกระสุนนัดแรกได้ก่อนจะเพิ่มความเร็วเหวี่ยงหมัดเสยคางจนมันกัดลิ้นขาดเลือดไหลทะลักไม่หยุด ผมคว้าปืนพกของมันมาก่อนจะยิงแสกหัวออย่างไร้ความปรานีก่อนจะยิงหัวของอีกคนตายอย่างเลือดเย็นเช่นกัน
หอคอยฝั่งตะวันตกเคลียร์เรียบร้อย
ฝั่งของนิวที่วาร์ปเข้าไปยังหอคอยฝั่งตะวันออก เขาเจอกันทหารสองนาย นิวอัดกับพวกนั้นพร้อมกันอย่างไม่ลำบากใจ คนแรกชักปืนขึ้นมายิง นิวหมุนตัวหลบก่อนที่มันจะลั่นกระสุนออกมาแล้วใช้ศอกหวดเข้าที่ท้ายทอยจนมันสลบไป จากนั้นก็ชกไปที่กลางหลังของอีกคนด้วยหมัดวาร์ปจนได้ยินเสียงกระดูกทั้งร่างแหลกละเอียดราวกับทำจากแก้วบาง ๆ
กิ๊บประคองไรเฟิลซุ่มยิงเข้ามาในสมรภูมิพร้อมกับฟางแล้วยิงอีกฝ่ายตายไปสองสามคนที่อยู่ระยะที่ไกลเกินกว่าคาเรนจะพุ่งเข้าไปจัดการได้ ตามมาด้วยมังกรที่เริ่มระดมยิงพวกมัน อีกฝ่ายก็ไม่ได้น้อยหน้า แม้ว่าพวกมันจะหลบอยู่ในที่พักอาศัยหรือบังเกอร์ก็ตาม นิวสามารถวาร์ปเข้าไปจัดการพวกมันได้หมด ผมกระโดดลงจากที่สูงเกร็งขาทั้งสองข้างเวลาถึงพื้น กระดูกขาของผมจะร้าวไปหน่อยนึงก่อนจะสมานกลับมาเป็นปกติ พื้นซีเมนต์ตรงนั้นแตกกระจายเป็นรูปใยแมงมุมสองร้อยติด ๆ กัน
“ตึกหลักของพวกมันน่าจะอยู่ที่อาคารส่วนกลางที่เป็นอาคารหลักอาคารเดียว” คาโอรินพูด “ทุกหมู่บ้านจะเป็นแบบนี้”
เมื่อทุกคนได้ยินดังนั้นก็รีบตรงเข้าไปหาอาคารส่วนกลางทันที นิววาร์ปเข้ามายืนอยู่ข้างผมก่อนจะจับผมโยนไปที่หลังคาบ้านหลังหนึ่งที่มีพลซุ่มยิงรออยู่ แล้วตัวเองวาร์ปเข้าไปจัดการกับอีกคนที่อยู่ฝั่งตรงข้าม คาโอรินคอยยิงสนับสนุนผมและนิวอย่างแม่นยำและต้องประหยัดกระสุนให้ดี
หมู่บ้านแห่งนี้เล็กกว่าหมู่บานพฤกษาของกิ๊บมากนัก เท่าที่นับดูก็มีบ้านไม่ถึงสิบหลัง แต่ประชากรในนี้ดูเหมือนจะใช้อาวุธกันเป็นเกือบหมดทุกคน นั่นคนพวกนั้นไม่ใช่เป้าหมายถ้าจะฆ่าก็ฆ่าทิ้งเสีย อย่าให้ปลาทูหนึ่งตัวต้องมาทำให้ทั้งเข่งเน่าตามไปด้วย กระรอกยิงไรเฟิลใส่พวกฝ่ายศัตรูจนกระสุนหมด ไอยาที่ยังเหลือกระสุนสำรองจึงโยนมาให้ มีทหารหนึ่งนายจะเข้ามากระทุ้งหญิงสาว มายวิ่งเข้ามาหวดเข่ากระแทกใบหน้าของทหารนายนี้จนหมดสภาพไปกับพื้น
“กูอยากกระทืบคนพวกนี้มานานแล้วว่ะ” เธอพูดด้วยความสะใจก่อนจะหยิบปืนไรเฟิลของทหารที่หมดสติไปลุยต่อ
ตอนนี้การโจมตีสายฟ้าแลบของเรากำลังไปได้ด้วยดี ผมวิ่งไปตามหลังคาบ้านพร้อมทั้งกระโดดสุดตัวเพื่อข้ามไปยังบ้านอีกหลังที่ห่างกันถึงห้าเมตร
นิววาร์ปเข้ามาหาผมแล้วจัดการเหวี่ยงผมไปยังอาคารหลักทันที ร่างกายของผมกระแทกกับกระจกจนแตก เศษแหลม ๆ พวกนั้นปักอยู่ตามร่างกาย ความเจ็บปวดที่ถูกของมีคมทิ่มอยู่นั้นไม่ได้รุนแรง ซึ่งผมสามารถกระชากมันออกไปได้ จากนั้นแผลก็สมานกันอย่างรวดเร็ว สิ่งที่ผมเห็นอยู่ตรงหน้าก็คือผู้ชายร่างเล็กในชุดทหารที่มีชายกล้ามเป็นลูกโบว์ลิ่งกว่ายี่สิบคนยืนหันปลายกระบอกปืนไรเฟิลมาทางผม
ดวงตาของผมเบิกโพลงให้กับการตัดสินใจของนิวที่ให้ผมมาแทงก์แบบนี้
ไอ้สัตว์ปั้บ…
“อะไรวะเนี่ย ซอมบี้เหรอ?” คนหนึ่งพูดขึ้นด้วยอาการที่หวาดกลัว
“ยิงหัวให้มันตาย ๆ ไปเถอะ” อีกคนตะเบ็งเสียงสั่นนั่นขึ้นมา
“เออ ๆ เอาเถอะ พวกมึงจะฆ่าแกงยังไงก็เรื่องของพวกมึงสิวะ!” ชายร่างเล็กตะคอก
ก่อนที่พวกมันจะระดมยิง มังกร นัท กิ๊บ กระรอก คาโอริน ไอยา เรมัส ทอม มายและฟาง ได้เข้ามาถึงอาคารส่วนกลางแล้วจ่อปลายกระบอกปืนของทุกคนไปยังทิศทางเดียวกันอย่างพร้อมเพรียง จากนั้นนิวก็วาร์ปเข้ามายืนอยู่ข้าง ๆ ผมจากนั้นคาเรนก็เดินเข้ามาแสยะรอยยิ้มเปื้อนเลือดขู่
__________________________________________
To Be Continue Ep.55