"พลังที่ผมได้มานั้น...มันคือพรหรือคำสาปกันแน่นะ...? แล้วผมจะใช้พลังนี้แก้ไขประเทศที่ล่มสลายนี้จะกลับเหมือนเดิมได้อย่างไร...?"
แอคชั่น,ชาย-หญิง,สะท้อนปัญหาสังคม,ไทย,เลือดสาด,พล็อตสร้างกระแส,ดราม่า,สยองขวัญ,ผี,ผจญภัย,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
Undead War สงครามคนเป็น"พลังที่ผมได้มานั้น...มันคือพรหรือคำสาปกันแน่นะ...? แล้วผมจะใช้พลังนี้แก้ไขประเทศที่ล่มสลายนี้จะกลับเหมือนเดิมได้อย่างไร...?"
โรคระบาดยังคงอยู่รอบๆ ตัวเรา ไม่ได้หายไปไหน หมอทุกคนตายกันไปหมดแล้ว ความหวังดับวูบจนไม่เหลือแม้แต่แสงสุดท้าย ราวกับว่าตัวเองกำลังเดินอยู่ในอุโมงค์ไร้แสงสว่างและไร้สิ้นสุด พวกซอมบี้ต่างคอยจะได้กัดกินเนื้อมนุษย์อย่างกับเครื่องจักรที่ไม่มีวันเหนื่อย ไม่ว่าจะมองไปทางไหน ก็มีแต่พวกมันอยู่เต็มไปหมด
แต่ความหวังก็ยังไม่หมดไป เมื่อผมสามารถเอาชนะเชื้อไวรัสตัวนี้ได้ ทำให้ร่างกายของผมเกิดกลายพันธุ์และสามารถแปลงกายเป็นซอมบี้ได้ตลอดเวลา นั่นทำให้ผมวิวัฒนาการไปอีกขั้นเพื่อที่จะช่วยเหลือมวลมนุษยชาติได้
“ช้า ๆ” นิวกำกระบอกปืนไว้แน่นเผื่อว่าทหารคนนี้จะมีเล่ห์เหลี่ยมมากกว่าที่คิด “ค่อย ๆ ลุกขึ้นมาอย่างช้า ๆ”
เขาค่อย ๆ ชันตัวเองให้ลุกขึ้นนั่งอย่างช้า ๆ ก่อนจะเริ่มถอดอุปกรณ์และชุดเกราะออกจนหมด เหลือแต่เพียงเสื้อยืดสีดำและกางเกงทหารรวมถึงรองเท้าคอมแบตเท่านั้น เขาเป็นทหารหนุ่มร่างกายกำยำ กล้ามเนื้อปกคลุมไปทั่วร่างกายราวกับถูกฝึกมาอย่างดี
“ผมขอโทษที่หันปากกระบอกปืนใส่พวกคุณ” เขาพูด
“ไม่เป็นไร” นิวบอก “มันเป็นหน้าที่ที่ต้องทำ แต่หลังจากนี้ชีวิตของแก แกต้องเป็นคนกำหนดเอง”
“เป็นแค่ทหารผู้น้อย จะมีสิทธิ์กำหนดอะไรในชีวิตกันวะ” ชายร่างผอมหัวเราะออกมาอย่างเยาะเย้ย
ผมและนิวมองหน้าอย่างรู้กัน
อ๋า…กูรู้แล้ว
“มึงชื่ออะไร?” ผมถาม
“จินอู” เขาตอบ
“มียูจินกับจินอู นี่มันค่ายทหารเกาหลีหรือยังไง!?” ผมถอนหายใจ
“ผมเป็นลูกครึ่งเกาหลีครับ แต่ยูจินเป็นคนตั้งชื่อเกาหลีเองเพราะคิดว่าตัวเองเป็นดาราเกาหลีครับ” จินอูตอบ
“อ๋อ…คนไม่ปกตินี่เอง” นิวพ่นลมหายใจออกทางจมูก “งั้นในฐานะผู้นำของกลุ่ม ฉันมีทางเลือกให้นายสองทาง นั่นก็คือมาเข้ากลุ่มกับพวกเรา เพราะถ้ามีทหารไว้สักคนนึงก็อาจจะได้ครูสอนยิงปืนและศิลปะการต่อสู้ในตัวด้วย ระหว่างให้ฉันยิงแกยิงตรงนี้เลย มีเวลาคิดสิบวินาที”
“ผมขอเข้ากลุ่มครับ” เขาตอบกลับในทันทีซึ่งทำให้ผมและนิวรู้สึกแปลกใจเล็ก ๆ “การที่ผมอยู่ที่นี่แล้วเป็นแค่ขี้มือขี้ตีนผู้นำที่อ่อนแอแบบนี้ ผมยอมตายดีกว่า”
“นายพูดได้ถูกใจดี” นิวเข้ามากอดคอของจินอู “แล้วไอ้ผู้นำที่ชื่อเออ…นายชื่ออะไรนะ?”
“ชื่อวิทยุครับ” จินอูตอบ
“โอ้โห! คนบ้าอะไรชื่อวิทยุ?” นิวหัวเราะจนเกือบเสียสติ “นายช่วยพลิกมันขึ้นมาแล้วถอดเสื้อมันออกได้ไหม?”
ผมทำตามคำสั่งของนิวอย่างรวดเร็วด้วยการกระชากร่างของมันขึ้นมาจากพื้นก่อนจะฉีกเสื้อของมันออก เผยให้เห็นร่างกายที่แห้งและผอมบางจนเห็นกระดูกอย่างน่าอดสู
“ผู้นำคนใหม่ของแกคงจะไม่ได้ให้แกกินอะไรเลยใช่ไหมเนี่ย?” ผมถามพลางขมวดคิ้ว
“ยุ่งไม่เข้าเรื่องว่ะ” ผมชกเข้าไปที่ใบหน้าของวิทยุก่อนที่จะเหวี่ยงมันไปกับพื้น นิววาร์ปเข้ามาหาผู้นำร่างผอมก่อนจะยื่นมือไปบิดหัวนมดำ ๆ ของมันสุดแรง มันร้องออกมาราวกับหมูกำลังถูกเชือดนั่นยิ่งทำให้นิวยิ่งบิดแรงขึ้นอีก สายตาของเขาราวกับปีศาจที่หนีออกมาจากขุมนรก มือของเขามีเส้นเลือดผุดขึ้นมาแสดงให้เห็นถึงความแรงที่เขาใส่ลงไป “เป็นวิทยุก็ต้องมีที่หมุนปรับจูนสัญญาณถูกไหม? ดูเหมือนว่าแกจะไม่มีนะ”
“อะ… อ๊ากก!! กูยอมแล้ว! กูยอม!!” วิทยุร้องพร้อมกับน้ำตาไหล นิวเห็นดังนั้นจึงปล่อย ชายร่างผอมปล่อยตัวเองลงไปนอนกับพื้น
“ตั้งแต่กูเกิดมากูไม่เคยเห็นผู้นำประเทศคนไหนพัฒนาประเทศได้ดีแม้แต่คนเดียว จนทหารอย่างพวกมึงเข้ามายึดอำนาจ…ใช่… ทุกอย่างมันก็ยิ่งแย่ลงเรื่อย ๆ จนตอนนี้ประเทศทั้งประเทศได้อยู่ในยุคของซอมบี้นี่ไงล่ะ นี่มันพัฒนาการที่ติดลบชัด ๆ” นิวพูดออกไปราวกับตัวละครร้ายในหนัง “ผู้นำที่อ่อนแออย่างมึงไม่มีทางเป็นทรราชได้หรอก รวมถึงไอ้ผู้นำที่อยู่ฐานทัพหลักด้วย ให้มันมา ให้มันเข้ามาหาพวกเรา แล้วพวกเราจะเก็บให้เหี้ยนเลย!”
นิวประกาศสงครามแล้ว
“อย่าดูถูกท่านนายกนะ!” วิทยุตะเบ็งเสียง “เขาน่ะ จะตามหาพวกมึงแล้วจะฆ่าพวกมึงให้ตายเป็นล้าน ๆ รอบเลยคอยดู!”
“จ้า ๆ เข้าใจแล้ว” นิวชักปืนพกออกมาจากซองปืนก่อนจะจ่อไปที่กบาลของวิทยุ ก่อนจะลั่นไกฝังลูกตะกั่วเข้าไปทันที จากนั้นร่างของชายคนนั้นก็แน่นิ่งไป ผมมองเขาด้วยสายตาที่ไม่เหมือนเดิม…วันนี้เขาดูโหดเหี้ยมกว่าปกติเหลือเกิน ความเป็นคนของเขาไม่มีแล้วงั้นเหรอ…? “อย่าเพิ่งมองกูผิดไปล่ะเอ็น…อันนี้เป็นความรู้สึกส่วนตัวกับพวกราชการเฉย ๆ”
“อะ…อืม…” ผมพยักหน้าอย่างเข้าใจก่อนจะรีบวิ่งออกไปหาคาโอรินด้วยความเป็นห่วงทันที
ฟางจัดการผ่าเอาหัวกระสุนออกเป็นที่เรียบร้อย แม้ว่าจะเป็นการผ่าตัดกลางแจ้งที่มีความเสี่ยงของสิ่งแวดล้อมรวมถึงสิ่งอำนวยความสะดวกนั้นไม่มีสักอย่าง แต่สิ่งที่ผมเห็นอยู่ตรงหน้าก็คือ แฟนสาวของผมยืนอยู่ตรงหน้าพร้อมกับส่งยิ้มให้ผม ภาพทั้งหมดแทบจะถูกปรับเวลาให้ช้าลงแบบสโลว์โมชั่น ความรู้สึกเหมือนดอกไม้ที่ถูกเงามืดบดบังจากแสงอาทิตย์ค่อย ๆ เติบโตพ้นเงาจนสามารถบานออกมารับแสงอันสดใสได้
ร่างกายของผมที่หนักอึ้งได้เบาลงทันทีที่ผมทิ้งอาวุธทุกอย่างไว้บนพื้น ไม่ว่าจะเป็นดาบ ปืนพก มีด รวมถึงคืนร่างกลับไปเป็นมนุษย์ดังเดิมก่อนจะวิ่งเข้าไปหาแฟนสาว เธอยิ้มออกมาราวกับคนบนฟ้าสร้างปาฏิหาริย์
ครั้งเมื่อร่างกายของเราสองคนได้กอดและประสานกันจนแทบจะเป็นหนึ่งเดียวกันนี้ ผมสามารถหายใจได้อย่างเต็มปอด
ขอบคุณ…ขอบคุณจริง ๆ ขอบคุณที่ให้เธอไม่เป็นอะไร
“ใจหายหมดเลย…”
ผมพูดด้วยความโล่งอกก่อนจะผละออกมาแล้วมองดูที่แผลกระสุนที่บริเวณหน้าท้องของเธอ
ปรากฏว่าไม่มีแผล ไม่มีผ้าพันแผล แต่รอยฉีกขาดบนเสื้อนั้นเป็นหลักฐานชั้นดีเลยว่าเธอถูกยิง แต่บริเวณหน้าท้องที่แบนราบกันนั้น ไม่มีแผลเลย แม้แต่แผลเป็นก็ไม่มี ผิวหนังยังคงเรียบเนียนราวกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น มีเพียงคราบเลือดติดอยู่นิดหน่อยเท่านั้น
มันเป็นไปได้ยังไง…?
“ไม่คิดว่าจะต้องตัดสินใจปลดผนึกพลังตัวเองแบบนี้” ฟางบอกพร้อมให้เช็ดเลือดที่มือของตัวเอง
เท่าที่สังเกตว่าตามร่างกายของเธอมีเลือดของคาโอรินเปื้อนอยู่ เธอมองมาหาผมและยิ้มให้
“ทำได้ยังไง…?” ผมถาม “เวลาไม่ถึงสิบนาที เธอผ่ากระสุนออกมาหมดและสมานแผลได้หมด…เป็นไปได้ยังไง?”
“คือจะบอกว่า…ฟางไม่ได้รักษาแบบที่คนอื่นเขาทำกัน…” กระรอกพูดด้วยท่าทางที่ยังรู้สึกตื่นตระหนกอยู่ไม่น้อย
ย้อนกลับไปเมื่อสิบนาทีก่อน
คาโอรินในตอนนั้นอยู่ในสภาพที่โคม่า มีดคารัมบิตที่ฟางชักออกมานั้นใบมีดมันดูไม่น่าไว้ใจเลยทีเดียว สิ่งที่เธอต้องใช้นั่นก็คือแอลกอฮอล์ ดวงตาอันเป็นประกายและส่อแววตื่นตระหนก แต่ก็ยังพยายามตั้งสติ หันขวับไปหามายที่เพิ่งวิ่งลงมาจากอาคารหลัก ผ่านฟางและกระรอกไปแล้ววิ่งกลับมาพร้อมกับขวดเหล้าในมือสองขวด ในนั้นมีของเหลวสีน้ำตาลทองอยู่เต็มขวด
นั่นแหละที่ต้องการ
มายจัดการราดสุราที่อุดมไปด้วยแอลกอฮอล์บนใบมีดและปากแผลของคาโอรินเพื่อฆ่าเชื้อหลังจากที่ฉีดเสื้อของคนไข้ออกเพื่อให้การผ่าตัดเป็นได้สะดวกขึ้น ทันทีที่สุราหยดลงบนแผลทำให้ผู้เคราะห์ร้ายสะดุ้งขึ้นมาพร้อมเบิกตาด้วยความเจ็บปวด อีกทั้งยังกรีดร้องอย่างทรมาน ฟางสั่งให้กระรอกและมายจับแขนขาของคาโอรินเสีย และเอาผ้ามาให้เธอกัดเผื่อเธอจะเผลดกัดลิ้นตัวเองขาด
“เอาละคาโอริน เธอจะต้องไม่เป็นอะไร แต่อดทนหน่อยนะ” ฟางปาดเหงื่อที่ไหลลงมาตามหน้าผากก่อนจะเริ่มกรีดปากแผลให้กว้างขึ้น ของเหลวสีแดงข้นไหลออกมาจากบาดแผลพร้อมกับร่างกายที่เกร็งและกระตุกอย่างรุนแรงและเสียงร้องอู้อี้จากปากของเธอ ฟางพยายามไม่สนใจและใช้นิ้วเพรียว ๆ ที่ล้างด้วยเหล้าหยิบเศษกระสุนออกมา
“ทำอะไรน่ะฟาง! แบบนี้จะยิ่งทำให้คาโอรินแย่ยิ่งกว่าเดิมอีกนะ” กระรอกตะเบ็งเสียงใส่ฟาง
“เชื่อฉันเถอะน่า” ฟางสวนกลับ “ฉันยังมีไม้ตายก้นหีบของฉันในสถานการณ์แบบนี้อยู่”
“ไม้ตายอะไรของแกวะ รีบรักษาคาโอรินให้เสร็จก่อนที่จะเสียเลือดหมดตัวดีกว่า”
สิ่งที่มายบอกนั้นก็เป็นเรื่องจริง จากนั้นฉันพยายามกรีดท้องให้กว้างอีกห้าเซนติเมตร แม้ว่ามันจะไม่ถูกต้องหลักการแพทย์ แต่ตอนนี้ ‘พลังเยียวยา’ ของฉันนั้นพัฒนาจนถึงขั้นที่เกือบจะชุบชีวิตคนได้ ต่อให้คาโอรินตาย ฉันก็น่าจะทำให้เธอฟื้นขึ้นมาในสภาพที่ยังคงเป็นมนุษย์อยู่ ระหว่างการผ่าตัดที่แสนอึดอัดและทรมานนี้ ฟางพยายามอย่างหนักที่จะไม่ว่อกแว่กและพยายามเอาหัวกระสุนที่แตกด้านในออกมาให้หมด ตอนนี้ก็น่าจะเอาออกหมดแล้ว เธอทิ้งมีดคารัมบิตที่เปื้อนเลือดนั่นไปบนพื้น ก่อนจะเปล่งแสงสีเขียวบริเวณฝ่ามือของเธอแล้วเข้าไปแตะบริเวณแผลผ่าตัด เพียงไม่กี่วินาทีเลือดจากบาดแผลก็หยุดไหล เนื้อหนังที่แยกออกจากกันก็ค่อย ๆ สมานกันเป็นเหมือนเดิม สร้างความตกใจให้กับหญิงสาวทั้งสองเป็นอย่างมาก
ไม่กี่อึดใจคาโอรินก็เด้งตัวลุกขึ้นมา ใบหน้าของเธอดูงงงวยกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้น
“ไม่เจ็บแล้ว…” เธอพูดก่อนจะลุกขึ้นยืนด้วยท่าทางที่ร่ายกายไร้น้ำหนัก “ไม่รู้สึกเจ็บเลย”
อ้อมกอดของหญิงสาวช่างอุ่นนัก…นึกว่าจะต้องจากลากับเธออีกครั้งเสียแล้ว ผมไม่รู้ว่าจะพูดอะไรออกไป ทุกอย่างมันตื้นตันไปหมด ความรู้สึกที่โล่งอกแบบนี้
“เมื่อกี้ฟางโชว์พลังฟอร์ซด้วยล่ะเอ็น” ไอยาบอก “จากแผลฉกรรจ์กว้าง ๆ ดูแล้วไม่น่าจะรอด แต่หลังจากนั้นแผลก็สมานจนหายเป็นปลิดทิ้งเลย”
สิ่งที่หญิงสาวร่างเล็กผิวน้ำผึ้งคนนี้บอก คงจะเป็นพลังที่ผนึกไว้แบบนิวสินะ ผมไม่ค่อยแปลกใจกับสิ่งที่ไอยาพูดเท่าไหร่ ตั้งแต่ผมรู้ว่านิวมีพลังพิเศษที่เป็นบุคคลมาจากโลกคู่ขนานก็ทำให้ผมเหลือเชื่อไปแล้ว ถ้าจะเป็นฟางที่เป็นแฟนสาวด้วยแล้วนั้น…ก็ไม่น่าจะเป็นเรื่องที่น่าแปลกใจเท่าไหร่
“ปลดผนึกพลังของตัวเองแล้วเหรอ?” นิวพุ่งเข้ามาหาแฟนสาวของตัวเองก่อนจะคุกเข่าอย่างสลด “แบบนี้เราก็ได้ใช้ชีวิตด้วยกันน้อยลงแล้วน่ะสิ…”
“เอาน่าที่รัก เราสองคนยังไงอายุขัยก็ลดพอ ๆ กันอยู่แล้ว” เธอพูด “หลังจากที่เราแก้ไขเรื่องราวพวกนี้จบหมดแล้วเรามาใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันนะ”
ใบหน้าของนิวแดงก่ำ
ผมก็ไม่ยอมแพ้หรอกน่า
“ริน” ผมเรียกชื่อแฟนสาว
“คะ?”
“หลังจากที่พวกเรายึดหมู่บ้านเก่าของพวกเราคืนมาได้แล้ว…เรามาแต่งงานกันนะ” ผมบลัฟก่อนจะหันหน้าไปหาทั้งสองแล้วยักคิ้ว
“นี่เลียนแบบกันเหรอ?” ฟางหัวเราะ
“ก็ไม่มีลิขสิทธิ์นี่” ผมย้อนก่อนที่พวกเราจะหัวเราะอย่างมีความสุขหลังจากที่ผ่านเรื่องแย่ ๆ ที่แสนอึดอัดบนศพคนตายที่กองพะเนิน หลังจากนี้เป้าหมายของเราก็จะใหญ่ไปกว่านี้แล้ว ความอึดอัดทุกอย่างได้ผ่านพ้นไปแล้ว ตอนนี้เราได้ฐานทัพใหม่ของเราแล้ว และเราก็ได้เสบียงและอาวุธของพวกทหารมาใช้ นับได้ว่าเราแข็งแกร่งขึ้นกว่าแต่ก่อนและแกร่งพอที่จะไปยึดหมู่บ้านคืนจากเดวิด แม้ว่าในหมู่บ้านนี้จะมีทหารอยู่มากมาย เท่าที่นับศพที่พวกเราฆ่าไปก็ไม่ถึงห้าสิบคน ที่เหลือจะเป็นผู้รอดชีวิตพลเรือนที่ไม่สามารถจับอาวุธขึ้นสู้ได้ พวกเขาต่างโกรธแค้นพวกเราพร้อมทั้งหาว่าเราเป็นพวกเผด็จการ บังอาจทำร้ายทหารของเชื้อพระวงศ์ พวกนั้นมีกันไม่ถึงยี่สิบคน
ไม่ว่าจะเป็นคนแก่ เด็ก และผู้หญิง บอกได้เลยว่าเป็นกลุ่มศูนย์รวมคนอ่อนแอสำหรับโลกใบนี้ชัด ๆ
ทหารกบฏที่ทรยศกองร้อยของตัวเองด้วย เราขังเขาไว้ที่ห้องขังภายในบ้านหลังหนึ่งที่พวกมันสร้างขึ้นโดยให้คาเรนเป็นคนคุม บรรยากาศภายในนั้นไม่ต่างจากห้องขังทั่วไป มันช่างแสนอึดอัดและมีแสงสว่างจากภายนอกส่องผ่านช่องเพียงเล็กน้อย จินอูนั่งกอดเข่าอยู่อย่างนิ่ง ๆ เขาไม่พยายามจะหนีและไม่คุย ไม่ใช่เล่ห์เหลี่ยมอะไรทั้งนั้น สาเหตุที่จับเขามาขังไว้ก็เพื่อดูสถานการณ์ว่าเขาจะไม่ลอบเชือดคอเขากลางดึก เพราะถ้าเป็นอย่างนั้นนิวคงจะไม่ให้อภัยตัวเองแน่นอน
ผมถือถาดอาหารที่มีซุปกระป๋องร้อน ๆ และน้ำเปล่าขนาดกลางหนึ่งขวดเข้ามา
“มื้อแรกเป็นซุปกระป๋องเหรอ?” คาเรนถาม
“พลเรือนไม่ให้ใช้แก๊ส ก็เลยต้องก่อไฟเอา” ผมตอบไม่ตรงคำถามเพื่อให้อีกฝ่ายรู้ถึงสถานการณ์ภายนอก ซึ่งคาเรนก็รู้ตัวในคำตอบของผมในทันทีและเลิกสนใจซุปกระป๋อง
“ก็ไม่แปลกใจที่พวกเขาจะเกลียดพวกเรา” ชายหนุ่มกอดอกก่อนจะพ่นลมหายใจออกทางจมูกอย่างเบื่อหน่าย “ตอนที่ฉันอยู่ที่นิวซีแลนด์ คนที่จิตไม่แข็งแกร่งพอจะเสียสติและสับสนได้ง่าย ๆ สิ่งที่อันตรายที่สุดของมนุษย์เวลาที่เสียสติก็คือเวลานั้นมันจะสบถอะไรออกมาบ้างก็ไม่รู้ รวมถึงการทำอะไรบ้า ๆ ที่แม้แต่พวกเรา” คาเรนชี้นิ้วมาที่ผมและเขา “ผู้ครอบครองพลังซอมบี้รวมถึงนิวและฟางที่เป็นผู้มีพลังพิเศษ เราสี่คนเป็นเสมือนตัวประหลาดสำหรับพวกเขา”
“เพราะพวกเขาไม่เข้าใจในสิ่งที่ตัวเองเป็นตัวและพวกเราแตกต่าง” ผมเสริม “ตรงนี้ฉันเข้าใจดี”
“พวกคุณคือซอมบี้เหรอครับ?” จินอูที่นั่งอยู่ในห้องขังที่ทำจากเหล็กบาร์เรียงกันอย่างลวก ๆ ทั้งสี่ด้าน ซึ่งแต่ละด้านยาวเพียงสองเมตรซึ่งเป็นกรงขังที่แคบมาก ๆ เลยทีเดียวถาม
“ใช่แล้วจะทำไม?” คาเรนถาม
“โครงการของรัฐบาลก็ทำสำเร็จน่ะสิ”
__________________________________________________
To Be Continue Ep.57