"พลังที่ผมได้มานั้น...มันคือพรหรือคำสาปกันแน่นะ...? แล้วผมจะใช้พลังนี้แก้ไขประเทศที่ล่มสลายนี้จะกลับเหมือนเดิมได้อย่างไร...?"
แอคชั่น,ชาย-หญิง,สะท้อนปัญหาสังคม,ไทย,เลือดสาด,พล็อตสร้างกระแส,ดราม่า,สยองขวัญ,ผี,ผจญภัย,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
Undead War สงครามคนเป็น"พลังที่ผมได้มานั้น...มันคือพรหรือคำสาปกันแน่นะ...? แล้วผมจะใช้พลังนี้แก้ไขประเทศที่ล่มสลายนี้จะกลับเหมือนเดิมได้อย่างไร...?"
โรคระบาดยังคงอยู่รอบๆ ตัวเรา ไม่ได้หายไปไหน หมอทุกคนตายกันไปหมดแล้ว ความหวังดับวูบจนไม่เหลือแม้แต่แสงสุดท้าย ราวกับว่าตัวเองกำลังเดินอยู่ในอุโมงค์ไร้แสงสว่างและไร้สิ้นสุด พวกซอมบี้ต่างคอยจะได้กัดกินเนื้อมนุษย์อย่างกับเครื่องจักรที่ไม่มีวันเหนื่อย ไม่ว่าจะมองไปทางไหน ก็มีแต่พวกมันอยู่เต็มไปหมด
แต่ความหวังก็ยังไม่หมดไป เมื่อผมสามารถเอาชนะเชื้อไวรัสตัวนี้ได้ ทำให้ร่างกายของผมเกิดกลายพันธุ์และสามารถแปลงกายเป็นซอมบี้ได้ตลอดเวลา นั่นทำให้ผมวิวัฒนาการไปอีกขั้นเพื่อที่จะช่วยเหลือมวลมนุษยชาติได้
สัญญาณโทรทัศน์ดับไปหลังจากที่ผู้ประกาศข่าวสาวได้ถูกยิงตายอย่างน่าสงสารกลางรายการก็ได้เชื่อมต่อใหม่อีกครั้งกลับกลายเป็นภาพของชายหนุ่มร่างอ้วนภายใต้ชุดสูทสีเทานั่งอยู่หน้ากล้องแทน ใบหน้าทรงคนจีนไว้ผมเปิดหน้าผากที่เส้นผมค่อย ๆ บางลงอย่างเห็นได้ชัด ดวงตาที่ตี่เล็กนั้นมองลงไปยังกระดาษที่มีตัวหนังสือจำนวนมากลอดผ่านแว่นตากรอบสีขาวทรงสี่เหลี่ยมขนาดใหญ่ก่อนจะพ่นลมหายใจออกทางจมูกอย่างเบื่อหน่ายแล้วเริ่มพูดตาม ‘บท’ ที่ถูกเตรียมไว้ให้ด้วยน้ำเสียงที่ดังก้องกังวานราวกับนักร้อง
โอเปรา
“ประกาศจากรัฐบาล สถานการณ์ตอนนี้อยู่ในขั้นวิกฤติในแบบที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนในสังคมชาติบ้านเมืองของเรา มีผู้ป่วยโรคระบาดจากการถูกกัดออกมาอาละวาดมากมาย เราได้ประสานงานไปยังโรงพยาบาลต่าง ๆ ทั้งของรัฐฯ และเอกชนเพื่อขอความร่วมมือในการพาผู้ป่วยเหล่านี้ไปรักษาตัวที่โรงพยาบาล ส่วนผู้ที่ไม่ติดเชื้อก็ขอให้กักตัวอยู่แต่ในบ้านเพื่อรอคำสั่งต่อไปจากทางเบื้องบน” ตามที่ผู้ประกาศได้บอกไว้ให้กักตัวอยู่แต่ในบ้านนั่นเป็นการจำกัดพื้นที่ตัวเองเพื่อให้ซอมบี้เข้าถึงได้ง่ายยิ่งขึ้น นั่นทำให้อัตราการติดเชื้อและอัตราการตายไม่สามารถนับได้แบบเรียลไทม์
ตัดมาในทวิตเตอร์นั้นขึ้นเทรนด์คำว่า ‘ซอมบี้’ อยู่เต็มไปหมด เพียงแค่สี่ชั่วโมงก็ติดเทรนด์อันดับหนึ่ง มหาวิทยาลัยของเอ็นถูกซอมบี้ยึดครอง พวกเราพยายามฝ่าฟันออกมาให้ได้ ทุกคนที่ยังมีสติเริ่มวิ่งหนีหรือไม่ก็จับอาวุธขึ้นสู้ ประชาชนทุกคนกำลังถูกเบื้องต้นทอดทิ้ง บางคนต่างพยายามติดต่อหาใครสักคนเพื่อขอความช่วยเหลือก็ไม่สามารถทำได้ ถ้าหากจะให้เพิ่งตัวเองอย่างเดียวก็ทำไม่ได้เพราะพวกเขาเหล่านั้นเอาแต่เรียกร้องขอโดยที่ไม่ได้จัดการอะไรด้วยตัวเอง สุดท้ายแล้วก็พูดซอมบี้ขย้ำคอจนตายและกลายร่างเป็นพวกมัน
“จากที่ทางห้องส่งได้เอามาให้ผมดูนะครับก็เห็นว่าประชาชนทุกคนเรียกผู้ป่วยพวกนี้ว่า ‘ซอมบี้’ ซึ่งมันผิดหลักในการเรียกชื่อครับและผู้ป่วยเหล่านั้นยังไม่ตาย ขอให้ประชาชนทุกคนตั้งสติและพยายามสวมหน้ากากอนามัยสามชั้นและสวมเฟซชิลด์อยู่ตลอดเวลาครับ ทั้งนั้นทั้งนี้ผมขอให้ประชาชนทุกคนเรียกผู้ป่วยเหล่านี้ว่า ‘ผู้ป่วยโรคระบาดที่มีความก้าวร้าวเกเรมาก ๆ และรอการรักษา’ ครับ เพราะซอมบี้นั้นมันเป็นแค่นิยายหลอกเด็กหรือเป็นสิ่งที่ภาพยนตร์หรือละครโทรทัศน์ได้สร้างขึ้นมาเพื่อความบันเทิงเท่านั้นครับ มันไม่มีทางมีจริงอยู่บนโลกในยุค 5.0 แบบนี้แน่นอนครับผม พวกเราจึงสรุปได้ว่าผู้ป่วยโรคระบาดที่มีความก้าวร้าวเกเรมาก ๆ และรอการรักษานี้ ไม่ใช่ซอมบี้อย่างแน่นอนครับ”
เสียงคำรามและเสียงกรีดร้องดังอยู่ทั่วบริเวณพื้นที่ ซอมบี้ที่เพิ่มทวีคูณในตอนนี้มีมากกว่าพันตัวและอาจจะเพิ่มเป็นหมื่นตัวในเวลาต่อมา
“จากที่เขาได้รายงานมาครับว่า สาเหตุของการเกิดโรคระบาดในครั้งนี้เป็นผลมาจากของพรรคฝ่านค้านของรัฐบาลที่ปล่อยเชื้อโรคไปสู่อากาศ จนทำให้ผู้ป่วยตกลงมาจากฟ้าแล้วแพร่เชื้อกระจายไปทั่วประเทศ จากนั้นค่อยเข้ามาขายวัคซีนที่ได้สร้างเอาไว้ตั้งแต่แรกเพื่อหวังจะแย่งชิงตำแหน่งในรัฐสภา”
เอลที่กำลังยืนพิงเสาดูผู้ประกาศข่าวอ้วนแก้มยุ้ยพูดนั้นก็ขำเบา ๆ ในลำคอและแสยะยิ้มออกมาอย่างชั่วร้าย “พวกไดโนเสาร์งี่เง่าพวกนี้ทำไมถึงชอบยัดอะไรที่มันเน่าเฟะให้กับคนรุ่นใหม่อย่างเราด้วยนะ” เขาอยู่ที่โรงจอดเครื่องบินซื้อในตอนนี้มีซอมบี้นับร้อยที่อยู่ด้านล่างกำลังตะเกียกตะกายเพื่อจะขึ้นมาลิ้มลองรสชาติเนื้อของผู้ให้กำเนิดตัวเอง แต่เขาก็ยังยืนนิ่งอยู่พร้อมเปิดเสียงมือถือให้ดังขึ้นพร้อมกับกางแขนออก ดวงตาอันเฉียบคมของชายหนุ่มในชุดกาวน์สีขาวมองออกไปจนสุดสายตา
“ข้าคือพระเจ้า!!” เขาตะเบ็งเสียงออกไป ซึ่งมันทำให้ความรู้สึกของนั้นราวกับยืนอยู่บนหัวเรือไททานิก “โลกที่เต็มไปด้วยไดโนเสาร์แก่ ๆ ทั้งหลาย! ข้านี่แหละจะเป็นคนฆ่าให้หมดเอง!!”
จากนั้นก็มีซอมบี้บางตัวได้วิวัฒนาการตัวเองจนมีรูปร่างสูงใหญ่แล้วพุ่งขึ้นมาเพื่อหมายจะโจมตีชายหนุ่ม เอลเบิกตาโตเพราะความที่ตัวเองคาดไม่ถึง แต่ก็สามารถตั้งสติได้อย่างดี เขาจึงหลบการโจมตีของ ‘ไทแรน’ ตัวนี้ได้ มันคำรามเสียงก้องก่อนจะพุ่งเข้าไปหาเอลอีกครั้ง ขาของเขาไม่สามารถขยับไปไหนได้…ให้ตายสิ…ขยับสิว้อย!! หมัดของมันกำลังใกล้เข้ามาแล้ว จากความแรงที่มันต่อยพื้นเหล็กจนยุบได้นั้นเขาคงจะไม่เหลือชีวิตรอดอย่างแน่นอน
แต่แล้วก็มีใครบางคนพุ่งเข้ามาขวาง นั่นก็คือเอวานั่นเอง เธอพุ่งเข้ามาขวางทาง หมัดที่แข็งแกร่งและหนักหน่วงไม่ต่างอะไรกับก้อนอิฐก้อนใหญ่ ๆ ถูกเหวี่ยงเข้ามากระแทกร้างของหญิงสาวร่างบางอย่างจังจนทั้งกระดูกทั้งร่างกายและอวัยวะทั้งหมดได้แหลกเละไม่เหลือชิ้นดี
ภายในเสื้อกาวน์ของเขามีเข็มฉีดยาที่บรรจุเซรุ่มรักษาเชื้อซอมบี้เอาไว้ได้
เขาควักมันออกมาก่อนจะพุ่งเข้าไปทิ่มเข็มเหล็กกล้านั่นในกล้ามเนื้อของไทแรนตัวนี้ทันที หลังจากนั้นซอมบี้ร่างยักษ์ก็หมดสติลงแล้วตายลงในที่สุด
ชายหนุ่มพุ่งเข้าไปประคองร่างของเลขาสาวขึ้นมา เธอยังคงมีชีวิตอยู่ แต่เลือดจำนวนมากไหลออกจากหู ตา จมูกและปากมากมาย ตอนนี้เธอไม่อาจจะรอดแล้ว
“…” เธอต้องการที่จะพูดอะไรบางอย่าง แต่ก็ไม่ทันได้ขยับปาก วิญญาณของเธอก็ออกจากร่างไปเสียแล้ว
“มันเป็นความผิดกูเหรอที่กูใช้ความรู้ที่มีอยู่ทั้งหมดในการสร้างอาวุธชีวภาพขึ้นมา” เอลพูดเบา ๆ กับตัวเองก่อนจะเงยหน้ามองขึ้นฟ้า “ก็เป็นเพราะความที่เห็นแก่ผลประโยชน์ทางการเมืองของพวกมึงต่างหากล่ะ!! ไอ้พวกเบื้องบนเหี้ย!!”
“ประกาศจากทางเบื้องบนว่า ตอนนี้ทางรัฐบาลสามารถค้นพบวิธีการรักษาแล้ว นั่นก็คือการให้ผู้ป่วยโรคระบาดที่ก้าวร้าวเกเรมาก ๆ และรอการรักษา ดื่มชามะนาวผสมน้ำผึ้งและปัสสาวะผสมน้ำหวานเพื่อลดความเค็ม หรือดื่มน้ำศักดิ์สิทธิ์ที่อยู่ทั่วประเทศ ผู้ป่วยโรคระบาดที่ก้าวร้าวเกเรมาก ๆ และรอการรักษาจะสามารถรักษาตัวเองให้หายเป็นปลิดทิ้งครับ”
ผู้คนต่างจังหวัดได้ฟังผู้ประกาศข่าวคนนี้พูดก็เริ่มปฏิบัติตามที่พวกเขาได้ยินกันในทันที บางคนวิ่งเข้าไปในห้องน้ำเพื่อปัสสาวะรองใส่ภาชนะต่าง ๆ ก่อนจะบีบมะนาวน้ำผึ้งลงไปแล้วซดกันทั่วบ้านทั่วเมืองโดยที่ไม่ได้ไตร่ตรองหรือหาข้อมูลเพิ่มเติมว่าดื่มไปแล้วจะเป็นยังไงต่อ ในพื้นที่ต่างจังหวัดบางคนถือเสียมพุ่งออกจากบ้านไปขุดดินหน้าบ้านเพื่อหวังว่าจะมีบ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์ผุดขึ้นมาบ้าง แต่หารู้ไม่ว่าเขาขุดไปเจอบ่อน้ำเสียเข้าและทำให้ท่อน้ำรั่วจนกลายเป็นน้ำผุดศักดิ์สิทธิ์ (ปลอม) จึงทำให้ไม่รอช้าคว้าแก้วมาตักกินทันที
ความเชื่อทำให้คนงมงายจริง ๆ
เพียงไม่ถึงวัน ซอมบี้หรือผู้ป่วยโรคระบาดที่ก้าวร้าวเกเรมาก ๆ และรอการรักษาก็ทำให้ประชากรในประเทศล้มตายและกลายเป็นพวกมันอย่างรวดเร็ว ความหวังของประเทศนี้ดับสูญแล้ว ไม่เหลืออะไรสักอย่าง ทุกคนที่รอดชีวิตเริ่มปรับตัว รวมตัวกันเป็นกลุ่มเพื่อเอาชีวิตรอด โดยที่มีกฎเหล็กว่า พวกเดียวกันจะต้องไว้ใจกันและกัน ด้วยโรคระบาดที่ติดต่อด้วยการกัดและข่วนของซอมบี้นี้จะทำให้คนธรรมดาเป็นไข้ ตัวร้อนสูงและตาย จากนั้นก็ฟื้นคืนชีพขึ้นมาใหม่ในสภาพของผีดิบเดินได้
ตัดกลับมายังปัจจุบัน
เมื่อผม คาเรน และเรมัส ได้ฟังดังนั้นจึงตกใจกับความจริงทั้งหมดที่ทหารหนุ่มได้เล่าให้ฟัง สายตาของเขานั้นมีแต่ความเคียดแค้นต่อเบื้องบน บรรยากาศรอบตัวนั้นช่างเคร่งเครียดเกินบรรยาย การที่มารู้ความจริงเบื้องลึกเบื้องหลังของกลียุคแบบนี้มันช่างน่าโมโหจริง ๆ…แต่โมโหไปแล้วมันจะได้อะไรขึ้นมาล่ะ…? ในเมื่อเราไม่สามารถย้อนกลับไปแก้ไขเรื่องราวเหล่านั้นได้ ถ้าทำได้ ผมเองจะเป็นคนไปเด็ดหัวคนที่อยู่เบื้องหลังเรื่องนี้ให้หมด ต่อให้จะต้องปะทะกับทหารเป็นหมื่นเป็นแสนคน ต่อให้อาวุธยุทโธปกรณ์หรืออะไรก็ตามเล็งมาที่ผมเพื่อหมายปลิดชีวิต ผมก็พร้อมจะสู้จนสุดกำลัง
ความแค้นที่มีต่อเบื้องบนนั้นสูงลิ่ว สูงเกินกว่าจะจินตนาการ
“ตอนแรกก็คิดว่าทุกสิ่งทุกอย่างมันเกิดขึ้นเพราะพระผู้เป็นเจ้า”
ผมพูดก่อนจะกลายร่างเป็นซอมบี้อย่างไม่รู้ตัวและกำมือจนเล็บจิกเข้าไปในอุ้งมือ
“พระผู้เป็นเจ้ามีจริงเสียที่ไหน” จินอูยืนขึ้น พวกเราก็เช่นกัน “เซลล์ของมนุษย์ที่เข้าที่ได้กลับพลังซอมบี้นั้นมีน้อยมาก ๆ เพราะซอมบี้ที่เดินไม่ได้สติอยู่ด้านนอกล้วนเป็นผลงานที่ล้มเหลว แต่พวกคุณสองคนคือผลงานที่ประสบความสำเร็จของเอลเลยทีเดียว”
“แล้วคนที่ชื่อเอลนั้นมันอยู่ที่ไหน?” คาเรนถาม
“อยู่ที่ฐานใหญ่ของกลุ่มพวกเราโดยเรียกตัวเองว่า ‘กลุ่มรักษาความสงบของโลก’” จินอูบอก “ในนั้นมีแต่ทหารอาวุธยุทโธปกรณ์มากมาย หากจะบุกเข้าไปก็ไม่ต่างจากสนามรบหรอก ส่วนประชากรที่อยู่ในนั้นต่างยกย่องผู้นำของเราราวกับเทพเจ้าเลยทีเดียว”
“กูต้องการชื่อ”
ผมพูดด้วยน้ำเสียงที่เรียบเย็น ตอนนี้ความเคียดแค้นของผมกำลังจะทะลุปรอท ภาพของศพพ่อแม่ที่เป็นซอมบี้ ภาพที่ตัวเองต้องฝ่าฟันอะไรมาด้วยความยากลำบาก ภาพวันที่ฝนตกหนักแล้วผมจะต้องสู้กับซอมบี้จำนวนมากถึงหนึ่งร้อยตัวด้วยตัวคนเดียวเพื่อจะเอาชีวิตรอดกลับไปหาพรรคพวกของตัวเองให้ได้ ความทรมานที่ต้องถูกพวกมันฉีกเนื้อหนังของผมให้ขาดออกแล้วพลังฮีลลิ่งสามารถสร้างเซลล์และสมานแผลให้ผมใหม่ แต่ความเจ็บปวดนั้นมันไม่ได้บรรเทาแม้แต่น้อย
แต่แผลในใจนั้นกลับเจ็บยิ่งกว่า ไม่มีอะไรสามารถเยียวยามันได้
ไม่มี
“เมเยอร์” จินอูพูด “ผู้นำของฐานใหญ่ชื่อว่าเมเยอร์”
“การกระทำในของพวกมันเลวร้ายยิ่งกว่าการเผด็จการเสียอีก” เรมัสพูด “นี่มันล้างบางประชากรแล้ว”
“ใช่ ทุกสิ่งทุกอย่างล้วนเกิดจากความโลภ ความมักใหญ่ใฝ่สูงของมนุษย์เท่านั้นแหละ เหตุการณ์ครั้งนี้ไม่มีสิ่งที่มองไม่เห็นหรือพระเจ้าเข้ามาเกี่ยวข้องเลย” จินอูบอก “ท่านมีหน้าที่เพียงเฝ้ามองเราจากที่ไหนสักแห่ง”
ผมกลายร่างเป็นซอมบี้แล้วยื่นมือขวาไปจับที่กรง ดวงตาที่แดงก่ำไปด้วยความอาฆาตต่อทางการได้พุ่งสูงขึ้น
“มึงจะร่วมมือกับเราใช่ไหม?” ผมถาม “มึงเกลียดเผด็จการหรือเปล่า”
“เกลียด” ทหารหนุ่มตอบแทบจะทันที
ผมแสยะยิ้มก่อนจะใช่พละกำลังที่มีกระชากลูกกรงจนหลุดทั้งแผ่น ทุกคนตกใจกับการกระทำของผม ซึ่งผมก็ไม่ได้แปลกใจเท่าไหร่
จินอูเดินออกมาสู่อิสรภาพ ร่างกายของผมกลับคืนสู่ร่างมนุษย์ก่อนจะยื่นมือไปหาชายหนุ่มด้วยสีหน้าที่มุ่งมั่นเอามาก ๆ
“งั้นเราอยู่ทีมเดียวกันแล้วล่ะ”
______________________________________________________
To Be Continue Ep.61