"พลังที่ผมได้มานั้น...มันคือพรหรือคำสาปกันแน่นะ...? แล้วผมจะใช้พลังนี้แก้ไขประเทศที่ล่มสลายนี้จะกลับเหมือนเดิมได้อย่างไร...?"
แอคชั่น,ชาย-หญิง,สะท้อนปัญหาสังคม,ไทย,เลือดสาด,พล็อตสร้างกระแส,ดราม่า,สยองขวัญ,ผี,ผจญภัย,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
Undead War สงครามคนเป็น"พลังที่ผมได้มานั้น...มันคือพรหรือคำสาปกันแน่นะ...? แล้วผมจะใช้พลังนี้แก้ไขประเทศที่ล่มสลายนี้จะกลับเหมือนเดิมได้อย่างไร...?"
โรคระบาดยังคงอยู่รอบๆ ตัวเรา ไม่ได้หายไปไหน หมอทุกคนตายกันไปหมดแล้ว ความหวังดับวูบจนไม่เหลือแม้แต่แสงสุดท้าย ราวกับว่าตัวเองกำลังเดินอยู่ในอุโมงค์ไร้แสงสว่างและไร้สิ้นสุด พวกซอมบี้ต่างคอยจะได้กัดกินเนื้อมนุษย์อย่างกับเครื่องจักรที่ไม่มีวันเหนื่อย ไม่ว่าจะมองไปทางไหน ก็มีแต่พวกมันอยู่เต็มไปหมด
แต่ความหวังก็ยังไม่หมดไป เมื่อผมสามารถเอาชนะเชื้อไวรัสตัวนี้ได้ ทำให้ร่างกายของผมเกิดกลายพันธุ์และสามารถแปลงกายเป็นซอมบี้ได้ตลอดเวลา นั่นทำให้ผมวิวัฒนาการไปอีกขั้นเพื่อที่จะช่วยเหลือมวลมนุษยชาติได้
หมู่บ้านพฤกษาในตอนนี้นั้นได้ถูกเปลี่ยนแปลงมาเป็นฐานทัพของเดวิดเป็นที่เรียบร้อย บอกได้ว่าแทบจะไม่เหลือความเป็นหมู่บ้านธรรมดา ๆ เลย พวกทหารไม่ได้ทำลายบ้านแต่เพียงใช้เป็นที่พักอาศัย คลังแสง ซุ้มอาหาร และห้องทดลองวิทยาศาสตร์ ซึ่งโดยเฉพาะโซนนี้จะมีเตนต์สีขาวทำจากผ้าใบหนา ๆ เพื่อป้องกันสิ่งแปลกปลอมจากภายนอกเข้าไปจะทำให้ผลการทดลองและผลลัพธ์อะไรหลาย ๆ อย่างคลาดเคลื่อน หากแย่กว่านั้นก็คือหายนะที่ไม่มีใครสามารถเดาได้ แม้แต่นักวิทยาศาสตร์ที่สวมชุดพีพีอีคลุมทั้งร่างก็ไม่สามารถคาดเดาได้
ส่วนตรงกลางหมู่บ้านนั้นเดวิดได้สั่งให้สร้างลานประลองขึ้นมาด้วยแผ่นไม้ประกอบกัน ยกขึ้นจากพื้นประมาณสองฟุต รูปร่างสี่เหลี่ยมจัตุรัส มีบันไดทั้งสี่ทิศและผู้ที่สั่งให้สร้างมันขึ้นมายืนหลับตาทำสมาธิอยู่กลางลานในสภาพที่เปลือยท่อนบน เผยให้เห็นรูปร่างที่ปกคลุมไปด้วยกล้ามเนื้อมัดใหญ่ ๆ และมัดเล็กที่ถูกขยายให้ใหญ่ขึ้น แผงอกที่มีแต่กล้ามเนื้อราวกับชุดเกราะและกล้ามเนื้อส่วนหน้าท้องที่เป็นลอน ดูแข็งแกร่งดุจเหล็กกล้ามากกว่าจะสวยแต่อ่อนปวกเปียก ตั้งแต่เขารับราชการทหารมาเขาเอาแต่ฝึกศิลปะการต่อสู้เพื่อการรบเพียงอย่างเดียวเพื่อที่จะได้ก้าวมาถึงจุดนี้ นั่นหมายความว่าร่างกายที่ทนทานต่อการปะทะนั้นจึงสำคัญอย่างมาก จุดอ่อนของทหารแต่ละนายของหน่วยเขาก็คือการป้องกัน แต่การซุ่มโจมตีนั้นไม่เคยเป็นที่สองรองใคร แต่ตอนนี้เป็นยุคสมัยที่เลวร้ายที่สุดในประวัติศาสตร์ชาติบ้านเมืองของเราก็เป็นได้ นั่นจึงทำให้เขาต้องบันทึกทุกสิ่งทุกอย่างลงในสมุดโน้ตด้านบนห้องของเขา
รอบ ๆ ตัวเดวิดนั้นมีซอมบี้ที่จับมาจำนวนสิบตัวพยายามตะเกียกตะกายสุดความสามารถเพื่อจะได้เข้ามาขย้ำเนื้อของมนุษย์ที่มีชีวิตด้านหน้า แต่ก็ทำไม่ได้เนื่องจากมีทหารจำนวนสิบคนใช้ไม้จับคนบ้าคล้องคอพวกมันและใช้แรงทั้งหมดควบคุมให้อยู่นิ่งที่สุด จริง ๆ แล้วมันเป็นหนึ่งในการฝึกกล้ามเนื้อของลูกน้องไปในตัว ไม่ว่าจะเป็นขาที่เปรียบเสมือนเสาหลักของร่างกาย ซึ่งต้องมั่นอยู่ตลอดเวลาเวลาต่อสู้ ส่วนกำลังแขนที่ต้องพัฒนาไปให้มากกว่านี้เพื่อการโจมตีที่รุนแรงยิ่งขึ้น การที่ใช้ซอมบี้เป็นเครื่องช่วยแทนการออกกำลังกายของทหารพวกนี้หนักหนายิ่งกว่าการออกกำลังกายในยิมเสียอีก
เดวิดลืมตาขึ้นก่อนจะชักมีดสั้นออกมาจากเข็มขัดแล้วตั้งท่าเตรียมสู้ สมาธิของเขาตั้งมั่นดีพร้อม เขารู้ว่าจะต้องโจมตียังไงให้มีประสิทธิภาพมากที่สุดโดยที่ตัวเองกำลังถูกซอมบี้ล้อมเป็นสิบตัวแบบนี้ ถ้าเป็นตัวละครในหนังซอมบี้ปกติก็จะเป็นสถานการณ์ที่เลวร้ายที่สุดจนอยากจะทิ้งมีดแล้วปล่อยให้มัจจุราชพวกนั้นกัดกินเนื้อหนังจนหมดยังจะดีเสียกว่า แต่เดวิดไม่คิดแบบนั้น เขาเชื่อมาตลอดว่าต่อให้เป็นปัญหาโลกแตกขนาดไหนก็ต้องมีช่องโหว่ที่ไหนสักแห่งเพื่อสามารถแก้ไขปัญหาได้ ครั้งนี้เขาสามารถแก้ปัญหาซอมบี้โดนรุมได้แล้ว!
ไคลที่ยืนตามระเบียบพักมองหัวหน้าของเขาด้วยความลุ้นระทึกว่าเขาจะเอาตัวรอดจากสถานการณ์แบบนี้ด้วยมีดสั้นได้ยังไง ถ้าเป็นไคลคงจะกราดยิงให้กระสุนหมดแม็กซึ่งก็เป็นหนึ่งในวิธีแก้ปัญหาได้ แต่กลับพบจุดอ่อนของวิธีนี้เยอะมาก ๆ ในหนังซอมบี้ เพราะคุณอาจจะพลาดเป้าทำให้กระสุนหมดไปก่อน กว่าจะเปลี่ยนแม็กได้สำเร็จ แขนของคุณก็อาจจะถูกพวกมันขย้ำ นั่นหมายถึงเกมโอเวอร์
หัวหน้าของเขากำลังทำการทดลองเพื่อให้ลูกน้องของตัวเองปลอดภัย เขาชื่นชมจากใจจริง
“ปล่อยพวกมันออกมา” เดวิดสั่ง
“แน่ใจเหรอครับท่าน?” ทหารนายหนึ่งถามอย่างกล้า ๆ กลัว ๆ ซึ่งในความเป็นจริงแล้วเขาไม่ควรที่จะถามแบบนี้ เป็นเพียงทหารชั้นผู้น้อยต้องทำตามคำสั่งของผู้บังคับบัญชาอย่างเคร่งครัด และห้ามสงสัยในคำสั่งของผู้บังคับบัญชาแม้แต่นิดเดียว นี่เป็นคำปฏิญาณของกองร้อยของเดวิด ซึ่งเป็นการปกครองกึ่งเผด็จการเพราะทหารทุกนายจะต้องทำตามคำสั่งของเขาอยู่แล้ว
“กล้าขัดคำสั่งผมเหรอ?” เดวิดหันไปหาทหารนายนั้นด้วยด้วยสายตาราวกับจะกินเลือดกินเนื้อ “ถ้าได้ยินคำสั่งของผมแล้วก็ทำตามซะ”
ซอมบี้ทุกตัวถูกปลดปล่อยจากพันธนาการ พวกมันรับรู้ถึงกลิ่นสาปสางของเนื้อมนุษย์อันแสนโอชะของเดวิด จึงพยายามกรูกันเข้ามาหาชายหนุ่มร่างกำยำ ตอนนี้เขาไม่ต่างจากพยายามฆ่าตัวตาย เพราะหากถูกข่วนหรือกัดแม้แต่นิดเดียวก็จะทำให้เขาติดเชื้อและกลายร่างเป็นซอมบี้ได้ นั่นหมายความว่าเขาจะต้องไม่พลาดแม้แต่วินาทีเดียว สายตาที่เฉียบคมของเขามองไปรอบ ๆ อย่างใจเย็นก่อนจะเริ่มการพุ่งไปด้านหลังเพื่อใช้แผ่นหลังของตัวเอง กระแทกซอมบี้ประมาณสองสามตัวกระเด็นให้ล้มเพื่อลดจำนวนคู่ต่อสู้ชั่วคราว เขาตวัดมีดฟันคอพวกมันอีกสามตัวอย่างรวดเร็วทั้ง ๆ ที่รู้ว่ามันไม่ได้ผล แต่เขาทำได้ผลเพราะเขาเฉือนให้ลึกขึ้นทำให้หัวของพวกมันหลุดจากบ่า ในเมื่อร่างกายไม่มีสมองสั่งการจึงล้มลง จากนี้เขาหลบกรงเล็บของซอมบี้ตัวที่เจ็ดก่อนจะเสยปลายแหลมของมีดแทงจากใต้คางทะลุไปขึ้นสมอง เลือดสีดำไหลเปื้อนใบมีด แต่นั่นคืออาวุธลับที่สำคัญอย่างดี เขาถีบศพออกไปก่อนจะสะบัดใบมีดอย่างรวดเร็วทำให้เลือดสีดำกระเด็นไปแปะอยู่ที่ดวงตาของพวกมัน ซึ่งเขาก็รู้ดีว่ามันไม่ได้ช่วยให้ซอมบี้มันตาบอดเพราะว่ามันตาเกือบบอดอยู่แล้ว ความเจ็บปวดที่ดวงตาของมันไม่ได้เป็นปัญหาเลยสักนิด แต่แล้วเขาพุ่งเข้าไปถีบพวกมันอีกสองตัวล้มลงแล้วจัดการปักคมมีดลงบนกลางกบาลของพวกมันอย่างรวดเร็วส่วนอีกตัว ขาพุ่งเข้าไปก่อนจะหมุนตัวไปด้านหลังก่อนที่มันจะสามารถแตะตัวได้จากนั้นก็เสียบใบมีดเจาะทะลุท้ายทอยเฉียงขึ้น ทำให้มันแน่นิ่งไปราวกับเครื่องจักรถูกถอดปลั๊ก ส่วนอีกสามตัวที่เขาได้กระแทกมันล้มในช่วงแรกนั้นได้ลุกขึ้นมาเป็นที่เรียบร้อย
แต่ก็ถูกเดวิดฟันหัวขาดไปหนึ่งตัว ตัวที่สองถูกใบมีดเสยคางทะลุสมองและปิดท้ายได้การถูกเดวิดจับร่างของมันทุ่มลงพื้นราวกับตุ๊กตาก่อนจะใช้เท้ากระทืบลงไปจนกะโหลกศีรษะแหลกไม่มีชิ้นดี
การต่อสู้จบลง เขาพ่นลมหายใจออกทางจมูกก่อนที่จะเดินออกไปจากสนามประลอง พวกทหารเข้ามาเก็บศพพวกซอมบี้ทันที ไคลหยิบผ้าเช็ดตัวสีขาวให้ผู้เป็นนายซึ่งตอนนี้มีเหงื่อเม็ดโตผุดออกมาตามร่างกาย เดวิดเก็บมีดเข้าฝักและรับผ้าเช็ดตัวมาเช็ดใบหน้าและตามร่างกาย
“สนใจอยากจะฝึกแบบฉันไหมล่ะ?” เดวิดถาม
“ไม่ดีกว่าครับท่าน ขอเป็นผู้ชมดีกว่าครับ” ไคลปฏิเสธ นั่นทำให้อีกฝ่ายหัวเราะหึหึในลำคอ
“อย่างนั้นเหรอ? ก็แล้วแต่ สงครามในทุกสมรภูมิ ผู้ที่แข็งแกร่งมักจะเป็นฝ่ายได้เปรียบ” ชายหนุ่มหยิบเสื้อกล้ามสีดำมาสวม “แต่ในทางกลับกัน จำนวนนั้นก็ทำให้แข็งแกร่งได้เช่นกัน สองปัจจัยหลัก ๆ จึงรวมเป็นหนึ่ง นั่นก็คือความแข็งแกร่งและจำนวน เป็นกลยุทธ์หนึ่งที่จะทำให้กองร้อยของเราไร้พ่าย”
“เข้าใจแล้วครับท่าน” ไคลโค้งศีรษะเล็กน้อย “เหมือนในหนังเรื่องสามร้อยสินะครับ”
“ถูกต้อง” เดวิดหันมาหามือขวาคนสนิทที่ร่วมสู้เคียงบ่าเคียงไหล่กันมาทุกสมรภูมิ “ชาวสปาตันมักจะถูกฝึกการต่อสู้ ไม่จับอาวุธตั้งแต่เด็ก ๆ เพื่อให้เขาเติบโตมาเป็นเครื่องจักรสังหารที่ไม่มีใครสามารถต่อกรได้ กองร้อยของเราก็เช่นกัน ฉันเป็นเหมือนกษัตริย์ลีโอไนดาสนั่นแหละ เป็นผู้นำของกองร้อยนี้และฉันต้องการให้ทุกคนในกองร้อยแข็งแกร่งพอ ๆ กับฉันหมด”
มันคงเป็นไม่ได้อย่างที่เดวิดต้องการร้อยเปอร์เซ็นต์อย่างแน่นอน
“ตอนนี้เรายังไม่มีใครกล้าเข้ามาบุกสักคนเลยนะครับ ผมคิดว่าตอนนี้เราควรที่จะมุ่งความสนใจไปที่การหาเสบียงและอาวุธเพิ่มเติมดีกว่านะครับ…” คำพูดของชายหนุ่มได้ถูกผู้เป็นนายห้ามไว้ด้วยการยื่นมือที่เปื้อนเลือดสีดำมาปิดปาก
“การที่จะออกไปหาเสบียงนั้นเราต้องการคนที่แข็งแกร่งเพียงพอที่จะเสี่ยงชีวิตไปเอามาได้” เดวิดบอกก่อนจะค่อย ๆ ปล่อยมือจากปากของลูกน้อง “ถ้าจะให้คนที่อ่อนแออย่างไอ้ทอมไปเอาเนี่ยนะ? มันคงตายตั้งแต่ซอมบี้ตัวแรกแล้วล่ะ”
“แล้วท่านคิดว่ากลุ่มของพวกมันจะยังรอดอยู่หรือเปล่าครับ?” ไคลถามด้วยความใคร่รู้ คำถามนี้ทำให้ผู้บังคับบัญชาต้องหยุดชะงักไปเพียงชั่วครู่ เพราะเขาก็ไม่สามารถตอบได้ว่าพวกมันจะรอดหรือไม่ หากพวกมันเป็นเพียงมนุษย์ธรรมดาก็คงจะตอบอย่างมั่นใจว่า ‘คงจะตายไปแล้ว’ แต่กลุ่มนี้มันแตกต่างกันเกินไป พวกมันมีมนุษย์ที่กลายร่างเป็นซอมบี้ได้ ซึ่งเขาน่าจะไปจับมันมาศึกษามากกว่าจะปล่อยมันไป
เขาพลาดตรงนี้ตอนรายงานให้กับผู้บังคับบัญชาสูงสุดเมเยอร์ แล้วเขาผู้นั้นก็ดุด่าจนเดวิดต้องมาออกกำลังกายเพื่อระบายความเครียด ว่าเดวิดไม่ฉลาดพอที่จะคิดให้รอบคอบกว่านี้
เหอะ ๆ ทำอย่างกับว่ามึงคิดรอบคอบแล้วยังไงยังงั้น
“พวกมันยังไม่ตายหรอก” คำตอบของเขาทำให้ไคลขนลุกซู่ไปทั้งร่างกายเพราะนั่นเป็นคำตอบที่เจ้าตัวไม่อยากได้ยิน “พวกมันมีสมาชิกที่แข็งแกร่งอยู่ไม่กี่คนก็จริง แต่โลกใบนี้มันอยู่ยาก สภาพแวดล้อมของกลียุคแบบนี้มันจะหล่อหลอมพวกที่อ่อนแอกลายมาเป็นผู้ที่แข็งแกร่งได้ในเวลาสั้น ๆ เราต้องทำการป้องกันฐานของเราให้แน่นหนา เผื่อว่าพวกมันจะกลับมาบุกยึดหมู่บ้านกลับคืน”
“รับทราบครับ” ไคลพูด
“แล้วการทดลองเป็นยังไงบ้าง?” ผู้เป็นนายถาม
“ตอนนี้รองนักวิทยาศาสตร์ ‘เทียน’ ได้ทำการวิจัยวัคซีนรักษาซอมบี้ออกมาหลายสูตรด้วยกัน แต่ตอนนี้ก็ไม่มีสูตรไหนที่สามารถรักษาได้เลย” ชายหนุ่มรายงาน เท่าที่เดวิดฟังมาเขาก็พยักหน้าเบา ๆ
“เป็นอย่างที่คิดเลย ผู้บัญชาการสูงสุดเมเยอร์ต้องการจะครอบครองหัวหน้านักวิทยาศาสตร์เอลไว้กับตัวเพื่อวิจัยวัคซีนรักษาซอมบี้ที่เขาพัฒนาขึ้นสินะ” เดวิดพูดอย่างครุ่นคิด
“แล้วเอลมันไม่มีวัคซีนรักษาเหรอครับ?” ไคลถาม “มันเป็นผู้คิดค้นและพัฒนาเชื้อไวรัสตัวนี้ของโครงการทั้งห้าของรัฐเชียวนะครับ”
“มันก็จริงอย่างที่นายพูดนั่นแหละ แต่ฉันก็ยังตระหงิกใจอยู่ไม่น้อยว่าเอลมันคิดอะไรอยู่ในหัว” ชายหนุ่มเม้มปากสายตากรอกไปมาอย่างใช้ความคิด “ตอนนี้เรามีค่าเอ็กซ์ในโจทย์สมการแล้ว ถ้าคิดให้เหมือนเอล แต่การที่เราจะหาค่าเอ็กซ์ได้นั้นเราจะต้องมีสูตร แต่จะใช้สูตรอะไรในการแก้โจทย์นี้กันล่ะ?”
“ผมก็ไม่รู้ครับ” ไคลถอนหายใจ
“เราเป็นทหารที่ใช้แต่กำลังก็จริง แต่มันสมองของเราก็สำคัญไม่แพ้กล้ามเนื้อถูกไหม?”
“เข้าใจครับท่าน”
“เราไปหาไอ้เทียนกันดีกว่า”
โซนห้องทดลองนั้นถือว่าเป็นโซนที่ใหญ่พอ ๆ กับลานประลอง มีเต็นท์สำหรับป้องกันสิ่งสกปรกหลายอย่างที่จะเข้ามารบกวนการทดลองต่าง ๆ นานา ภายในนั้นมีอุปกรณ์การทดลองทางการแพทย์และวิทยาศาสตร์อยู่เต็มไปหมด ซึ่งอุปกรณ์ส่วนมากจำเป็นจะต้องใช้ไฟฟ้าจึงต้องมีการติดตั้งเครื่องสำรองไฟและเครื่องปั่นไฟไว้ รวมถึงต้องมีน้ำมันเชื้อเพลิงเพื่อที่จะทำให้เครื่องปั่นไฟยังคงทำงานต่อไปเรื่อย ๆ โดยที่หน่วยลาดตระเวนจะต้องหามาให้ได้อย่างน้อยสองแกลลอน ซึ่งจะยิ่งยากขึ้นเมื่อเวลาผ่านไป เนื่องจากทรัพยากรนั้นมีจำกัด
เดวิดและไคลต้องผ่านการฆ่าเชื้อทุกครั้งที่เข้ามาโดยจะฉีดน้ำผสมน้ำยาฆ่าเชื้อเป็นละอองบาง ๆ ก่อนจะเข้าไป ตอนนี้เทียนในชุดพีพีอีสีขาวกำลังฉีดสารบางอย่างเข้าไปในเส้นเลือดของซอมบี้ที่กำลังถูกสายรัดมัดไว้กับเตียงอย่างแน่นหนา โดยที่มีผู้ช่วยสาวในชุดพีพีอียืนถือคลิปบอร์ดเพื่อจดบันทึกผล เมื่อเทียนรับรู้ถึงการมาของผู้บังคับบัญชาเขาก็ไม่ได้สนใจ จึงตั้งสมาธิและฉีดยาอีกสูตรเข้าไปในเส้นเลือดของซอมบี้อีกครั้ง แต่คราวนี้ก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้น ผิวของซอมบี้เริ่มมีเลือดฝาด นั่นทำให้เทียบเบิกตาโพลงอย่างมีความหวัง
“สูตรนี้เราต้องทำสำเร็จแน่ ๆ เลยดาว” นักวิทยาศาสตร์วัยกลางคนพูดกับผู้ช่วยของตัวเองด้วยความดีใจ
แต่แล้ว…ความสำเร็จนั้นดีใจได้เพียงแค่เดี๋ยวเดียว จู่ ๆ เส้นเลือดทั่วร่างกายของซอมบี้ตัวนี้ก็ระเบิดออกทำให้เนื้อหนังของมันแหลกไม่เหลือชิ้นดี เลือดสีดำกระเด็นเซ็นซ่านใส่ชุดสีขาวซึ่งทำให้เทียนและดาวถอนหายใจให้กับความล้มเหลวครั้งที่เท่าไหร่ก็ไม่รู้
“ผมไม่ว่าหรอกนะว่าจะทำชุดพีพีดีเปื้อนเป็นสิบเป็นร้อยชุดเพราะว่ามันคือการลงทุน” เดวิดกอดอกแล้วมองไปยังศพซอมบี้ที่นอนแน่นิ่งอยู่บนเตียง เทียนถอดชุดอีอีพีออกก่อนที่จะเอาผ้าพลาสติกมาคลุมร่างซอมบี้ทันที “ตอนนี้เหลืออีกกี่ชุดแล้วล่ะ?”
“นี่เป็นชุดสุดท้ายครับ” เขาบอก “ซอมบี้ตัวนี้ก็เป็นตัวสุดท้ายเช่นกันครับ”
“อืม ๆ เข้าใจแล้ว เดี๋ยวจะสั่งคนให้ไปหามาเพิ่มก็แล้วกัน” เดวิดพนักหน้าก่อนจะหันไปที่ไวต์บอร์ดที่มีตัว X พร้อมกับเครื่องหมายคำถามเขียนอยู่ โดยรอบ ๆ จะมีสูตรสมการมากกว่าห้า “แล้วตอนนี้ผลการวิจัยเป็นยังไงบ้าง?”
“ค่าเอ็กซ์ยังคงเป็นปริศนาครับ” เทียนตอบอย่างง่าย ๆ “เราพยายามติดต่อไปหาเอลที่ฐานหลักแต่ก็ถูกปฏิเสธอยู่ตลอด”
“ใครเป็นคนรับคำขอจากนาย?”
“จะมีใครได้นอกจากไอ้ทหารพวกนั้นแหละครับ” นักวิทยาศาสตร์ร่างสูง ตัดผมสกินเฮดตอบอย่างหมดกำลังใจ
“พวกนั้นไม่อยากให้เราคิดค้นได้ก่อนเพราะต้องการได้หน้าอย่างนั้นล่ะสิ” เดวิดพยักหน้าอย่างเข้าใจสถานการณ์
“ราชการก็เป็นแบบนี้อยู่ตลอดเลยอะท่าน” เทียนเริ่มตัดพ้อ “พอเป็นเรื่องผลประโยชน์ของตัวเองไม่ว่าจะเป็นเรื่องเงินหรือชื่อเสียงก็ต้องทำทุกอย่างเพื่อเหยียบคนอื่นให้ตัวเองขึ้นไปตลอดเลย”
“มันเป็นเรื่องปกติอยู่แล้ว” ผู้บังคับบัญชาตอบด้วยน้ำเสียงที่เรียบเย็น “จะบอกให้ว่าผมก็ไม่ชอบระบบราชการห่วย ๆ แบบนี้หรอก แต่ถ้าจะให้อยู่เป็นก็อย่าว่ายทวนน้ำ แม้ว่าผมจะอยากทำขนาดไหน แต่เพื่อให้ได้มีอาชีพการงาน มีเงินให้ลูกเมียใช้ก็ต้องยอมขายวิญญาณนั่นแหละ”
“ผมยอมขายวิญญาณให้กับซาตานยังจะคุ้มค่ายิ่งกว่าอีก”
เทียนลากเก้าอี้มานั่ง ผู้ช่วยดาวเข้ามาบีบไหล่ผู้อาวุโส
“จริง ๆ ตอนนี้หนูก็อยากให้พี่เทียนพักผ่อนหน่อยก็ดีนะคะ” เธอเสนอพร้อมกับมองไปที่เดวิดด้วยขอบตาที่คล้ำน่ากลัว “เราไม่ได้หลับไม่ได้นอนมาตั้งสองวันแล้วน่ะค่ะ”
“อนุญาต” ร่างบางของหญิงสาวแทบจะทรุดลงไปกับพื้นเมื่อได้ยินแบบนั้น มันทำให้มีความรู้สึกเหมือนภูเขาทั้งลูกถูกยกออกจากอกเลยทีเดียว
“ขอบคุณค่ะท่านผู้บัญชาการเดวิด” หญิงสาวยกมือขึ้นมา เดวิดไม่ได้สนใจแล้วเดินออกไปจากห้องทดลอง ปล่อยให้สองนักวิทยาศาสตร์ได้พักผ่อนตามอัธยาศัยโดยมีไคลเดินตามออกมา
“ตอนนี้ดูเหมือนยังไม่ก้าวไปไหนเลยนะครับ” ไคลบอก
“การที่จะสร้างวัคซีนรักษาที่ได้ผลจริง ๆ จะต้องมีภูมิคุ้มกันถึงจะได้ผล” เดวิดตอบ
“แล้วในโลกนี้มีใครบ้างที่มีภูมิคุ้มกันบ้างล่ะ?” เดวิดชะงักดวงตาเบิกโพลงเหมือนนึกอะไรขึ้นมาได้ ทหารหนุ่มยศต่ำกว่าเห็นท่าทางของหัวหน้าไม่สู้ดีจนผิดสังเกตจึงถาม “ท่านเป็นอะไรไปครับ?”
“ฉันรู้แล้วล่ะว่าจะหาภูมิคุ้มกันได้จากไหน” เดวิดแสยะยิ้มอย่างชั่วร้าย
“ที่ไหนครับ?”
“ก็หามาจากผู้ที่ครอบครองพลังซอมบี้น่ะสิ”
______________________________________________________
To Be Continue Ep.63