"พลังที่ผมได้มานั้น...มันคือพรหรือคำสาปกันแน่นะ...? แล้วผมจะใช้พลังนี้แก้ไขประเทศที่ล่มสลายนี้จะกลับเหมือนเดิมได้อย่างไร...?"
แอคชั่น,ชาย-หญิง,สะท้อนปัญหาสังคม,ไทย,เลือดสาด,พล็อตสร้างกระแส,ดราม่า,สยองขวัญ,ผี,ผจญภัย,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
Undead War สงครามคนเป็น"พลังที่ผมได้มานั้น...มันคือพรหรือคำสาปกันแน่นะ...? แล้วผมจะใช้พลังนี้แก้ไขประเทศที่ล่มสลายนี้จะกลับเหมือนเดิมได้อย่างไร...?"
โรคระบาดยังคงอยู่รอบๆ ตัวเรา ไม่ได้หายไปไหน หมอทุกคนตายกันไปหมดแล้ว ความหวังดับวูบจนไม่เหลือแม้แต่แสงสุดท้าย ราวกับว่าตัวเองกำลังเดินอยู่ในอุโมงค์ไร้แสงสว่างและไร้สิ้นสุด พวกซอมบี้ต่างคอยจะได้กัดกินเนื้อมนุษย์อย่างกับเครื่องจักรที่ไม่มีวันเหนื่อย ไม่ว่าจะมองไปทางไหน ก็มีแต่พวกมันอยู่เต็มไปหมด
แต่ความหวังก็ยังไม่หมดไป เมื่อผมสามารถเอาชนะเชื้อไวรัสตัวนี้ได้ ทำให้ร่างกายของผมเกิดกลายพันธุ์และสามารถแปลงกายเป็นซอมบี้ได้ตลอดเวลา นั่นทำให้ผมวิวัฒนาการไปอีกขั้นเพื่อที่จะช่วยเหลือมวลมนุษยชาติได้
และแล้ววันประกาศสงครามได้มาถึง พวกเราทั้งสี่สิบคนมารวมกันที่ประตูทางออกพร้อมกับอาวุธทุกอย่างที่มีและชุดเกราะกันกระสุนจากศพพวกทหารที่ตายแล้วถูกเผาในกองไฟ พวกเราได้กระสุนเพิ่มและปืนดี ๆ เพิ่มจากพวกทหาร รวมถึงเสบียงที่จะทำให้พวกเราไม่ต้องอดตาย ข้อเสียของที่นี่ก็คือทรัพยากรมันน้อยเกินกว่าจะเลี้ยงคนที่อยู่ภายในรั้วนี้ได้ สีหน้าของแต่ละคนนั้นเริ่มหวั่น ๆ กับสงครามที่ดูยังไงก็เสียเปรียบเรื่องจำนวน ต่อให้ผมและคาเรนจะร่วมมือกันบุกเข้าไปด้วยพลังซอมบี้ก็ยังต้องคิดหนัก เพราะเราพลาดตรงที่ว่าไม่มีใครสามารถไปตรวจสถานการณ์แถวนั้นเลย เนื่องจากกลัวว่าจะมีใครคนหนึ่งถูกจับไปเป็นเชลยสงคราม อีกทั้งจะทำให้ทุกอย่างมันยืดเยื้อเกินไป
นิวเดินเข้ามาในวงล้อมของ ‘นักรบ’ พร้อมถือหม้อหุงข้าวไฟฟ้าขนาดใหญ่ออกมาก่อนจะกวาดสายตามองทุกคนด้วยความแข็งกร้าว ซึ่งปกติแล้วเขาไม่ได้ตั้งใจจะมองพวกเราอย่างนั้น หรือสาเหตุที่เขายกหม้อหุงข้าวออกมาเพราะต้องการจะหาคนขโมยข้าวสวยเมื่อคืนหรือเปล่า?
จากนั้นเขาก็เปิดฝาหม้อหุงข้าวไฟฟ้า กลิ่นหอม ๆ ของข้าวหอมมะลิโชยออกมาทำให้ท้องร้องกันเป็นทอด ๆ ท่าทางตึงเครียดเมื่อกี้ได้ผ่อนคลายลงกลายเป็นความหิวแทน เขาหมุนไปรอบตัวพร้อมกับยื่นหม้อหุงข้าวไปให้ทุกคนน้ำลายไหลสองรอบก่อนที่จะเทข้าวหอมมะลิอันมีค่านั้นลงพื้น สร้างความตกใจให้กับทุกคนเป็นอย่างมาก
นัทพุ่งเข้าไปคว้าคอเสื้อของนิวอย่างโกรธเกรี้ยว
“มึงทำเหี้ยอะไรวะ!?” ชายหนุ่มตะคอกใส่ด้วยความบ้าคลั่ง ซึ่งทุกคนก็เริ่มมีอารมณ์ขุ่นมัวเช่นกัน “เป็นบ้าอะไรขึ้นมาถึงเทข้าวลงพื้นแบบนั้น!! จำไม่ได้หรือไงว่าอาหารในตอนนี้หายากขนาดไหน! แล้วยังเป็นข้าวสวยเมื่อกี้มันพอสำหรับพวกเราทุกคนเชียวนะ!!”
นัทออกแรงเขย่าร่างของนิวด้วยความที่โกรธจนแทบจะเสียสติ และดูเหมือนว่าโทสะจะเริ่มเข้าครอบงำจึงชักปืนพกออกมาจ่อที่หัวหน้ากลุ่มทันที แต่ฟางเร็วกว่า เธอพรวดเข้ามาจ่อปืนไรเฟิลซุ่มยิงไปที่กบาลเขาอย่างไม่กลัว จินอูจ่อปืนไรเฟิลที่ขมับของนัทตามสัญชาตญาณ นิ้วของเขาเคลื่อนไปปลดล็อกเซฟตี้แล้วเลื่อนไปอยู่ที่ไกปืนพร้อมจะเป่าหัวของชายหนุ่มสติแตกให้สมองไหลทันทีหากเขาทำอะไรโง่ ๆ
“จะไปยึดหมู่บ้านคืนแท้ ๆ แล้วทำไมถึงแตกคอกันเองล่ะวะ!?” จินอูถามเพื่อเตือนสติทุกคน
“มึงจะทำแบบนี้ไม่ได้นะเว่ย” นัทกัดฟัน ดวงตาจ้องเขม็งไปที่เพื่อนของตัวเองที่ตอนนี้ได้มองเป็นหัวหน้ากลุ่มไปแล้วและพร้อมที่จะฝากชีวิตไว้กับเขา แต่สิ่งที่นิวทำอยู่ตอนนี้มันทำให้สติแตกได้ง่าย ๆ เลยทีเดียว แม้แต่ผมเองก็เบิกตาโพลงด้วยความตกใจให้กับการกระทำที่เหนือจินตนาการ “ข้าวหม้อนี้มันพอกินสำหรับสิบคนในหนึ่งมื้อได้เลยนะเว่ย!”
“แล้วมึงคิดว่าแค่นี้มันพอกินหรือไง?” ชายหนุ่มสวนกลับ “กูจะบอกอะไรให้มึงและทุกคนฟังว่า เรามีข้าวกินกันแค่สิบคนก็จริง แต่เรามีกันตั้งเกือบสี่สิบคนรวมชาวบ้านตาดำ ๆ พวกนั้นอีก มันจะพอยาไส้ไปได้ไม่ถึงวันหรอก”
ทุกคนฟังหัวหน้ากลุ่มอย่างตั้งใจ
“ตอนนี้ยุคสมัยของประเทศเราได้ถดถอยลงมาจนต้องมีสงครามยึดพื้นที่กันก็ไม่ต่างจากสมัยกรุงศรีอยุธยาเลยแม้แต่น้อยและกำลังของเราเสียเปรียบอย่างเห็นได้ชัด ซึ่งพวกเราจะตายกันหมด ทหารเลวพวกนั้นจะฆ่ามนุษย์ผู้ชายเล่น ๆ เอ็นกับคาเรนจะถูกทำการทดลองอย่างทรมานเทียบเท่านานาวิธีที่พวกมันคิดได้ ส่วนผู้หญิงก็จะถูกพวกมันรุมข่มขืนทีละคน ๆ หรือไม่ก็มาพร้อมกันหมดทั้งกองร้อยเพื่อเฉลิมฉลองชัยชนะของมันรวมถึงอาหารที่พวกมันมี” นิวมองไปรอบ ๆ เปลวเพลิงลุกโชนในดวงตาของชายหนุ่ม “อาหาร…คือปัจจัยสำหรับการดำรงชีวิตของเรา การที่ทิ้งข้าวหม้อนี้ไปซึ่งจะเป็นการลงทุนให้เห็นว่ากูทุ่มเหรียญทั้งหมดไว้ที่ฝั่งตัวเองว่าจะชนะแล้วไปยึดอาหารของพวกมันที่สามารถเลี้ยงคนได้ถึงหนึ่งร้อยคนมาเป็นของเราเอง!”
“มันคือยุทธวิธีทุบหม้อข้าวของพระเจ้าตากนี่หว่า” ทอมพูด “ในเมื่อมันเป็นแบบนี้กูก็จะสู้!!”
ด้วยคำพูดของนิวและทอม ทำให้พรรคพวกที่เหลือเริ่มรู้สึกฮึกเหิมขึ้นมาบ้าง หลังจากนั้นพวกเราวิ่งขึ้นรถและขับไปยังหมู่บ้านพฤกษาทันที แม้ว่าจะเป็นระยะทางที่นานกว่าครึ่งชั่วโมงแต่กำลังใจและความฮึกเหิมยังคงมี สารอะดรีนาลินในร่างกายของผมสูบฉีดทำให้กลายร่างเป็นซอมบี้อย่างรวดเร็ว เมื่อถึงที่หมายก็พบว่าพวกมันสร้างประตูรั้วเหล็กที่ดูน่าจะหนักไม่ต่ำกว่าหนึ่งร้อยกิโล ฯ และกำแพงอิฐเป็นแนวป้องกันอย่างแน่นหนา ห่างออกมามีลวดหนามและขวากสองสามตำแหน่งที่มีซอมบี้ไม่กี่ตัวเข้าไปติดกลับ ซึ่งสมองของพวกมันยังไม่ได้ถูกทำอันตรายใด ๆ พวกมันจึงยังเอื้อมมือไปตะเกียกตะกายไปในอากาศอย่างไร้สติ จินอู นัท และทอมใช้มีดปักหัวของพวกมันจนหมดสติไป
คาเรนและผมมองหน้ากันอย่างรู้กันดี จึงเดินคู่กันไปหาประตูเหล็กบานใหญ่เจ้ากรรม พอเดินเข้าไปใกล้แล้วมุมมองมันช่างแตกต่างเสียเหลือเกิน มันสูงราว ๆ สองเมตรได้ และมันไม่ได้บาง ๆ เป็น Metal Street อย่างแน่นอน มันคือแผ่นเหล็กหนา ๆ อย่างดีที่ขวางกั้นเป้าหมายของเรา แผนการของนิวก็คือให้ผมและคาเรนใช้พลังซอมบี้ช่วยกันพังประตูเข้าไปโดยที่ไม่สนใจว่าจะมียามเฝ้าประตูอยู่
จู่ ๆ ทหารคนหนึ่งที่อยู่หลังประตูรั้วได้ปีนขึ้นบันไดมาจากด้านล่างเพื่อเปลี่ยนเวร เขาเห็นกลุ่มคนกลุ่มหนึ่งยืนอยู่ด้านหน้าของฐานจึงตกใจลนลานพยายามประคับประคองปืนไรเฟิลของตัวเองเพื่อขู่พวกเรา แต่มันช้าไปเพราะผมและคาเรนในโหมดซอมบี้นั้นง้างหมัดจนสุดแขนแล้ว จากนั้นเราใช้พละกำลังทั้งหมดไปไว้ที่หมัดก่อนจะถูกเหวี่ยงใส่ประตูเหล็กหนา ๆ อย่างแรง เสียงกระแทกประตูทำจากเหล็กดังก้องกังวานไปทั่วสารทิศส่งผลให้เป็นการเรียกซอมบี้ที่อยู่ในละแวกใกล้ ๆ เข้ามาหาได้ในทันที
ประตูเหล็กหนัก ๆ ได้พังและกระเด็นออกไปทับพวกทหารบางคนจนร่างแหลก นั่นทำให้เราได้เปรียบในเรื่องของการทำให้พวกมันขวัญผวา ทันทีที่ประตูได้พังทลายลง กลุ่มของพวกเราทั้งสิบสี่คนต่างประจันหน้าเข้าไปอย่างไม่กลัวเกรง เรมัสขับรถหุ้มเกราะฝีมือของนัทเข้ามาโดยมีจินอูนั่งอยู่ด้านข้างคนขับ เขากระชับปืนไรเฟิลไว้ข้างกายก่อนจะกระหน่ำยิงอดีตพวกพ้องของตัวเองอย่างแม่นยำ เขาไม่รู้สึกผิดที่ตัวเองได้พรากชีวิตของคนเหล่านี้ไป เพราะพวกมันก็คือหนึ่งในผู้รอดชีวิตที่ต้องการผลประโยชน์ รวมถึงความมักใหญ่ใฝ่สูงจนเกินตัวไม่ต่างจากเจ้านายของพวกมัน
นิวใช้หมัดวาร์ปจัดการพวกทหารไปได้หลายคน แต่เท่าที่รู้ว่าทหารพวกนี้แข็งแกร่งกว่าทหารของวิทยุอยู่มากโข ดูจากขนาดร่างกายที่สูงใหญ่กว่าและดูมีนิสัยที่ดุดันและตั้งสติได้รวดเร็วกว่า ขืนเป็นแบบนี้ต่อไปอาจจะมีใครสักคนพลาดท่าอย่างแน่นอน
“พวกมันมีเยอะกว่าที่คิดอีกนะเนี่ย” นิวพูดอย่างไม่พอใจ
“เป้าหมายของเราคือผู้ชายถือมีดคนนั้นใช่หรือเปล่า?” คาเรนกระโดดมาจากไหนก็ไม่ทราบพร้อมกับล็อกคอทหารนายหนึ่งที่กำลังหมดสติแล้วชี้ไปที่เดวิด ซึ่งตอนนี้กำลังยืนอยู่บนที่สูงคู่กับทหารมือขวาคนสนิทราวกับว่ากำลังชมการแสดงอยู่ยังไงยังงั้น
“ไอ้หมอนั่นแหละ” นิวตอบแล้วจับทหารนายหนึ่งมาหักแขนอย่างง่ายดายเหมือนเป็นขนมโดยที่ไม่ได้สนใจเสียงกรีดร้องอันทรมานสักนิด “ถ้าจะเข้าไปสู้ก็ระวังด้วย มันแข็งแกร่งพอที่จะสยบเอ็นได้เลย”
“งั้นก็ต้องขย้ำพวกลูกกระจ๊อกนี่สินะ”
“ปกป้องและสนับสนุนพวกผู้หญิงก็พอ” นิวออกคำสั่ง ซึ่งคาเรนในร่างซอมบี้ก็ตกลงตามนั้นก่อนจะกระโดดเข้าไปตะลุมบอนอย่างสนุกสนานต่อ
ฝ่ายเดวิดที่ยืนกอดอกโดยมีไคลยืนอยู่ข้าง ๆ พลางขมวดคิ้ว เขาไม่เคยเห็นการต่อสู้ที่ทหารอาวุธครบมือเจอกับกลุ่มเด็กนักศึกษาที่เพิ่งหัดใช้ปืนได้ การคำนวณของเขาคลาดเคลื่อนไปเล็กน้อย แต่ก็ไม่ถือว่าผิดพลาด การที่พวกเขาจะหาพรรคพวกมาเสริมกำลังนั้นไม่ได้อยู่เหนือความคาดหมายเลยแม้แต่น้อย สิ่งที่เดวิดกำลังสังเกตนั้นก็คือยุทธการรบของพวกนิว ซึ่งตอนนี้ดูเป็นแผนการมากกว่าที่จะเข้ามาประจันหน้าอย่างสุ่มสี่สุ่มห้าเหมือนกับพวกม็อบประท้วง
“ถึงแม้ว่าเด็กพวกนี้ยังไม่มีประการณ์การรบเท่าพวกเรา แต่ก็ต้องยอมรับเลยว่าพวกมันเอากองทัพของพวกเราอยู่จริง ๆ” เดวิดพูด “การได้ครอบครองผู้ที่มีพลังซอมบี้ถึงสองคนและสามารถควบคุมพลังได้แล้วนั้นก็ไม่มีอะไรที่เราจะสู้ได้”
“เห็นด้วยครับท่าน” ไคลพยักหน้าอย่างใจเย็น สายตาอันเฉียบคมของเขาจับจ้องไปที่สมรภูมิที่มีแต่เสียงปืนดังสนั่นและเสียงกรีดร้อง
“ถ้าสังเกตดี ๆ พวกมันจะใช้ผู้มีพลังซอมบี้สองคนคอยสนับสนุนและป้องกันพวกที่อ่อนแอกว่า ไม่ว่าจะเป็นพวกกลุ่มผู้หญิงถือปืนที่เอาแต่ยิง” เดวิดชี้ไปที่กลุ่มของกระรอก มาย และไอยา “สามคนนั้นดูแล้วเพิ่งหัดใช้ปืน พวกมันสองตัวจึงต้องพุ่งไปเอาร่างกายไปบังกระสุนเพราะมีพลังในการเยียวยาตัวเอง ส่วนพลซุ่มยิงสองคนที่ซ่อนตัวอย่างลับ ๆ ก็ช่วยสนับสนุนเช่นกัน ตอนนี้เราต้องมาคิดกันก่อนว่าจะทำยังไงให้เกมพลิกขึ้นมาชนะได้”
ทั้งสองคนมองหน้ากันก่อนที่จะเริ่มวางแผนการโต้กลับอยู่ในหัวอย่างละเอียด
นัททิ้งปืนไรเฟิลที่กระสุนหมดแล้วก็ชักมีดสั้นออกมาจากเข็มขัด ดวงตาของเขาในตอนนี้ไม่เหมือนกับชายหนุ่มเนิร์ดขี้ขลาดอีกต่อไป ตอนนี้เขาแข็งแกร่งกว่าเมื่อก่อนหลายเท่า ต้องขอบคุณพรรคพวกที่คอยสอนศิลปะการต่อสู้ให้เขาหลายอย่างและตัวเองที่เลือกจะยอมรับสิ่งที่ตัวเองต้องเผชิญเพื่อพัฒนาศักยภาพด้านการต่อสู้เพื่อเอาชีวิตรอดได้มากขึ้น ทหารนายหนึ่งก็กระสุนหมดเช่นกัน เขาชักมีดสั้นออกมาก่อนจะเข้ามาดวลมีดกับนัท ตอนนี้อาวุธที่ชายหนุ่มถนัดที่สุดก็น่าจะเป็นมีดสั้นนี่แหละ เขามองไปที่ทหารร่างสูงคนนั้นอย่างใจเย็นและพยายามคาดเดาการเคลื่อนไหวจากการตั้งท่ายืน ดวงตาทั้งสองสบกันก่อนที่นัดจะเป็นฝ่ายบุกเข้าไปก่อน
เขาเหวี่ยงมีดเพื่อฟันคอของทหารคนนั้นอย่างจริงจัง แต่มันสามารถป้องกันด้วยใช้สนับศอกป้องกันได้แทน แต่นัดไม่ได้โจมตีเพียงแค่นั้น สิ่งที่เขาได้เรียนรู้มาก็คือ หากการโจมตีครั้งแรกไร้ผล ให้โจมตีครั้งที่สองต่อทันที เขาพุ่งเข้าไปหาทหารคนนั้นทันทีที่เห็นช่องโหว่ก่อนจะตวัดมีดเชือดคอหอยของทหารคนนั้นเลือดกระฉูดออกมา แต่ดูเหมือนว่าเขาจะภูมิใจในชัยชนะของเขามากไปหน่อย จึงมีทหารคนหนึ่งที่โยนปืนไรเฟิลที่กระสุนหมดแล้วทิ้งแล้วชักมีดจะเข้ามาแทงนัทที่ตอนนี้ไร้ทางป้องกัน จู่ ๆ ก็มีใบมีดขนาดใหญ่ฟันเข้ากลางหลังของทหารคนนั้น แต่ด้วยบุญของชุดเกราะกันกระสุน ใบมีดมาเชเต้ของเรมัสจึงเฉือนไปได้แค่ผิว
ชายหนุ่มจุ๊ปากอย่างเซ็ง ๆ ก่อนจะเข้าไปประมีดกับนายทหารคนนั้นอย่างไม่ลังเล ด้วยความที่คาเรนในร่างซอมบี้นั้นเป็นคู่ซ้อมให้ทุกวัน ความเร็วในการเหวี่ยงและกำลังแขนของเขาจึงพัฒนามากโข รวมถึงประสาทสัมผัสการมองเห็นวิถีใบมีดของอีกฝ่ายนั้นช้ากว่าของคาเรนเสียอีก เขาหมุนตัวปัดมีดของทหารคนนั้นทิ้งแล้วจัดการลงดาบตัดคอมันอย่างรวดเร็ว ศีรษะของมันกระเด็นขึ้นบนอากาศจากนั้นก็มีกระสุนหนึ่งนัดพุ่งมาจากทิศใดทิศหนึ่งเจาะกบาลทันที
“คิดว่าเป็นอะไรลอยมาเลยเสียกระสุนไปตั้งหนึ่งนัดเลยแน่ะ” มังกรบ่นด้วยความเบื่อหน่ายก่อนจะกระโดดเข้าไปเดี่ยวกับทหารเป็นกองทัพ
สายตาของอันเฉียบคมราวกับเหยี่ยวจับจ้องไปที่พวกมันโดยที่หากมองผ่านดวงตาของเขาแล้วจะมีจุดเป้าหมายประทับอยู่ที่กลางกบาลของทหารแต่ละนาย นั่นหมายถึงการต้องฆ่าให้ตาย แม้ว่าการฆ่ามันอาจจะไม่ใช่สิ่งที่จำเป็นสำหรับตอนนี้ แต่มังกรนั้นถือว่าตีงูต้องตีให้ตาย มิฉะนั้นมันอาจจะกลับมาแว้งกัดเราได้ เขาพุ่งเข้าไปหลบอยู่ที่บังเกอร์โดยตอนนี้มีไอยาที่นั่งเอาผ้าขาวบางซับเลือดที่ไหลออกมาจากบาดแผลบริเวณแขน
“โดนยิงเหรอ?” มังกรรู้ได้ทันทีเมื่อมองเห็นรอยแผลที่คุ้นตาเป็นอย่างดี
อีกฝ่ายพยักหน้าที่สื่ออารมณ์ของความเจ็บปวดอย่างแสนสาหัส ช่างน่าสงสารหญิงสาวผิวน้ำผึ้งคนนี้จริง ๆ ที่ต้องมาเจออะไรแบบนี้ ไม่ว่าจะเป็นผู้ใหญ่ที่จ้องจะอยู่เหนือผู้หญิงที่ดูอ่อนแอกว่าตน ทางเลือกของเธอก็คือเธอต้องแข็งแกร่งขึ้นหรือไม่ก็ต้องมีเจ้าชายมาคอยปกป้องไม่ต่างจากเจ้าหญิง
ซึ่งเจ้าชายคนนั้นได้อยู่ข้าง ๆ เธอและจะขอเลือกให้ว่าไอยาไม่จำเป็นจะต้องแข็งแกร่งขึ้นเลย
“เธอรออยู่ตรงนี้แหละ” มังกรบอก “เดี๋ยวฉันจะจัดการให้เอง”
“ไม่ได้นะ!” ไอยาคว้าแขนเสื้อชายหนุ่มไว้ เนตรที่มีน้ำใส ๆ เอ่อขึ้นมาทำให้หัวใจของเขาตกไปอยู่ตาตุ่ม ตั้งแต่ได้รู้จักเธอมา นี่เป็นครั้งแรกที่ทำให้มังกรนั้นมีความรู้สึกอยากจะปกป้องหญิงสาวร่างเล็กคนนี้ด้วยชีวิต “เดี๋ยวก็ตายกันหรอก…”
“ฉันไม่ตายหรอก” มังกรแสยะยิ้ม “เพราะว่าฉันเก่งมาก ๆ เลยนะ”
“เก่งขนาดนั้นก็ตายแม่งตรงนี้สิวะ!!” เสียงของทหารหนึ่งทหารพุ่งมาจากด้านข้างพร้อมกับจ่อปลายกระบอกปืนมาที่ไอยา มังกรเห็นดังนั้นจึงตั้งสติให้มั่นคงที่สุดก่อนจะเหวี่ยงปืนออกไปจ่อที่คอของทหารคนนั้นแล้วเหนี่ยวไก
แกร๊ก!!
กระสุนปืนหมด!
ดวงตาของชายหนุ่มเบิกโพลงเมื่อสิ่งที่เขาหวังไว้นั้นไม่เป็นความจริง นิ้วของทหารคนนั้นกำลังจะกดลั่นไกปืนแล้ว เขาต้องทำอะไรสักอย่างเพื่อแก้ไขสถานการณ์ที่หน้าสิ่วหน้าขวานขนาดนี้ ในวินาทีนั้นเขาตัดสินใจทิ้งปืนก่อนจะชักปืนพกคู่ของตัวเองออกมาแล้วเหนี่ยวไกยิงศัตรูตัดขั้วหัวใจและสมองจนมันแน่นิ่งไป จริง ๆ เขาควรที่จะแย่งปืนมาจากศัตรู แต่ดูเหมือนว่ามันจะติดไว้กับอุปกรณ์อะไรสักอย่างซึ่งอาจจะทำให้เสียเวลาหากต้องการจะพยายามแกะมันออก เขาจึงเลือกใช้ปืนคู่เข้าประจันกับทหารที่เหลืออย่างกล้าหาญ
“ว้าก!!!” มังกรคำรามลั่น ด้วยความที่สารอะดรีนาลีนในร่างกายสูบฉีดอย่างเต็มที่ เขาวิ่งเข้าไปยิงทหารพวกนั้นเข้ากบาลอย่างแม่นยำ รวมถึงหลบใบมีดที่ถูกเหวี่ยงมาก่อนจะหมุนตัวกลางอากาศ ก่อนจะซัดกระสุนวิถีโค้งปักเข้าสมองของทหารถือมีดคนนั้นทันที วิชากระสุนโค้งนั้นทำให้ความสามารถของมังกรก้าวกระโดดไปอีกขั้น แต่ตอนนี้มันไม่ใช่เวลามาดีใจกับสิ่งนั้นแล้ว
จู่ ๆ ก็มีทหารคนหนึ่งพุ่งเข้ามาจากด้านหลัง ก่อนจะถูกปืนกระแทกที่ท้ายทอยอย่างแรงจนเกือบทำให้มังกรหมดสติ เขากัดลิ้นตัวเองอย่างแรงจนเลือดทะลักออกจากปาก ความเจ็บปวดนั้นแผ่ซ่านไปทั่วปาก น้ำตาแห่งความเจ็บปวดไหลออกมา แต่เขาพยายามบังคับร่างกายให้หมุนไปด้านหลังเพื่อโจมตี ซึ่งมันได้ผล แต่อนิจจาที่กระสุนของปืนพกหมดแล้ว จะให้เปลี่ยนแม็กในทันทีเลยก็คงจะเป็นได้อย่างยากลำบากเลยทีเดียว เขาจึงตัดสินใจจัดการทิ้งปืนพกคู่สุดหวงแหนนั้นแล้วปล่อยหมัดพุ่งเข้าไปเสยคางทหารฝ่ายศัตรูอย่างรุนแรง จากนั้นก็คว้าปืนไรเฟิลของมันมาก่อนจะบิดสายคล้องปืนด้วยพละกำลังทั้งหมดที่มีให้ปลายกระบอกหันไปหามันจากนั้นก็ลั่นไกปืนค้างไว้ ส่งผลให้ห่ากระสุนจำนวนมากระหน่ำเจาะร่างกายของทหารคนนั้นจนสิ้นชีวิต
ชายหนุ่มนักแม่นปืนได้ผ่านความตายมาได้แล้ว!
“ใครบ้าจะมาตายอยู่ตรงนี้กันวะ!” ชายหนุ่มนักแม่นปืนกัดฟันพูดพร้อมกับบ้วนเลือดในปากทิ้ง “กูยังไม่เสียซิงเลยนะเว่ย!!”
“งั้นก็ไปเอากับยมบาลซะสิ!” ทหารคนหนึ่งพุ่งเข้ามาดวลหมัดกับมังกร แต่ถูกไอยาใช้มีดพุ่งเข้ามาแทงที่บริเวณหน้าท้องซึ่งเป็นจุดแข็งที่มีเสื้อกันกระสุนปกป้องอยู่ ทหารคนนั้นถอยไปตั้งหลักก่อนจะดึงมีดออกมาแล้วปาใส่หญิงสาวผิวน้ำผึ้ง ใบมีดพุ่งเข้ามาอย่างรวดเร็ว ร่างกายของไอยาแข็งราวกับถูกสาป ผมที่กำลังต่อสู้อยู่กับทหารสองสามคนพร้อมกันเห็นไอยาอยู่ใกล้กับความตาย ยมทูตในชุดสูทสีดำทมิฬ ใบหน้าแสยะยิ้มอย่างชั่วร้ายกำลังกระซิบบางอย่างข้างหูของไอยา ผมไปไม่ทันแน่นอน! ผมจะปล่อยให้ไอยาถูกมีดเสียบทะลุไม่ได้!
ด้วยสัญชาตญาณบางอย่างของมังกรทำให้เขาพุ่งเข้าเอาร่างกายของตัวเองเป็นโล่กำบังให้กับหญิงสาว
ฉึก!!
________________________________________________
To Be Continue Ep.64