"พลังที่ผมได้มานั้น...มันคือพรหรือคำสาปกันแน่นะ...? แล้วผมจะใช้พลังนี้แก้ไขประเทศที่ล่มสลายนี้จะกลับเหมือนเดิมได้อย่างไร...?"
แอคชั่น,ชาย-หญิง,สะท้อนปัญหาสังคม,ไทย,เลือดสาด,พล็อตสร้างกระแส,ดราม่า,สยองขวัญ,ผี,ผจญภัย,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
Undead War สงครามคนเป็น"พลังที่ผมได้มานั้น...มันคือพรหรือคำสาปกันแน่นะ...? แล้วผมจะใช้พลังนี้แก้ไขประเทศที่ล่มสลายนี้จะกลับเหมือนเดิมได้อย่างไร...?"
โรคระบาดยังคงอยู่รอบๆ ตัวเรา ไม่ได้หายไปไหน หมอทุกคนตายกันไปหมดแล้ว ความหวังดับวูบจนไม่เหลือแม้แต่แสงสุดท้าย ราวกับว่าตัวเองกำลังเดินอยู่ในอุโมงค์ไร้แสงสว่างและไร้สิ้นสุด พวกซอมบี้ต่างคอยจะได้กัดกินเนื้อมนุษย์อย่างกับเครื่องจักรที่ไม่มีวันเหนื่อย ไม่ว่าจะมองไปทางไหน ก็มีแต่พวกมันอยู่เต็มไปหมด
แต่ความหวังก็ยังไม่หมดไป เมื่อผมสามารถเอาชนะเชื้อไวรัสตัวนี้ได้ ทำให้ร่างกายของผมเกิดกลายพันธุ์และสามารถแปลงกายเป็นซอมบี้ได้ตลอดเวลา นั่นทำให้ผมวิวัฒนาการไปอีกขั้นเพื่อที่จะช่วยเหลือมวลมนุษยชาติได้
เสียงปืนที่ดังสนั่นนั้นทำให้พวกซอมบี้ที่อยู่รอบ ๆ หมู่บ้านค่อย ๆ กรูกันเข้ามาทีละสองสามตัวตามสัญชาตญาณของพวกมัน ที่ผู้รอดชีวิตทุกคนต่างเข้าใจและเดาทางพฤติกรรมของพวกมันได้ดีว่า พวกมันต้องการจะเช้ามาฉีกเนื้อหนังของเราอยู่แล้ว เราก็แค่ฆ่ามันโดยการเล็งที่จุดตายเพียงจุดเดียว นั่นก็คือหัว
และหน่วยซัปพอร์ตทั้งสามคนนั้นต่างรู้อยู่แก่ใจไม่ต่างจากคนอื่น ๆ กระรอก ไอยา และมายเป็นผู้ที่ยิงปืนไม่ค่อยเข้าขั้นจะฆ่ามนุษย์ด้วยกันเองได้ นิวจึงมอบหมายหน้าที่ที่มีความสำคัญพอ ๆ กับหน้าที่อื่นให้ทำ นั่นก็คือให้ป้องกันกลุ่มจากพวกซอมบี้โดยจะใช้เพียงปืนพกเท่านั้น ตั้งแต่การต่อสู้ครั้งก่อน ๆ ทำให้กระสุนปืนของพวกเธอหมด แต่ด้วยเมื่อยึดหมู่บ้านเล็ก ๆ ที่มีทหารอยู่แล้ว อาวุธยุทโธปกรณ์นั้นก็ยิ่งมีให้ใช้มากขึ้น เมื่อของมันมีแล้วก็ต้องหมดไป กระสุนแต่ละนัดที่ยิงออกไปนั้นต้องหวังผลหนึ่งร้อยเปอร์เซ็นต์
ไอยาเห็นว่าซอมบี้ที่เข้ามามีไม่ถึงสามตัว เธอจึงเก็บปืนเข้าซองพร้อมกับล็อกเซฟตี้ไว้ ก่อนจะชักมีดออกมาแล้วเดินเข้าไปหาพวกมัน มายและกระรอกงงงวยกับสิ่งที่เพื่อนสาวกำลังทำ จึงพยายามเรียก
“ไอยา! จะไปไหน!?” กระรอกตะโกนถามซึ่งหญิงสาวที่เดินออกไปนั้นไม่ฟัง ดวงตาของเธอมุ่งมั่นไปกับซอมบี้ตัวแรกที่เข้ามา เธอพุ่งเข้ามาง้างมือแล้วจัดการแทงใบมีดแสนคมกริบ ปักกลางกบาลของซอมบี้ตัวนั้นแล้วมันก็แน่นิ่งไปราวกับแบตเตอรี่หมดกะทันหันยังไงยังงั้น จากนั้นเธอกระชากมีดออกมาด้วยแรงที่มีก่อนจะวิ่งอ้อมหลังซอมบี้อีกตัว มันพยายามจะไล่ตามเธอ แต่สุดท้ายก็ถูกกระสุนปืนของมายยิงใส่จนมันล้มลงไปกับพื้น ไอยาเบิกตาโพลงด้วยความตกใจพร้อมกับหันไปหาเจ้าของกระสุนที่ทำสีหน้าไม่ค่อยพอใจเท่าไหร่
“คิดเหี้ยอะไรอยู่วะ?” มายถามด้วยน้ำเสียงที่ขุ่นเคือง
“ก็ประหยัดกระสุนไง” หญิงสาวร่างเล็กผิวสีน้ำผึ้งตอบได้ตรงคำถาม “ซอมบี้มาทีนึงไม่กี่ตัวก็น่าจะใช้มีดมากกว่านะ”
“แล้วถ้าเกิดพลาดขึ้นมาล่ะจะทำยังไง” มายยังไม่พร้อม
“ก็….” ไอยาพูดไม่ออก
“เอาเถอะน่า จะมาทะเลาะกันทำไม จริง ๆ ถ้ามาแค่ตัวสองตัวจะใช้มีดก็ไม่มีปัญหา ซึ่งกูก็เห็นด้วยกับไอยาเรื่องประหยัดกระสุนนะ” กระรอกพูด แต่เมื่อเห็นอีกฝ่ายที่เห็นต่างกำลังจะพูดอะไร เธอจึงชิงพูดก่อน “แต่พวกเราสามคนไม่ได้มีเทคนิคการต่อสู้ราวกับปีศาจเหมือนเจ้าพวกนั้น ซึ่งการโจมตีแบบระยะไกลก็เป็นสิ่งที่ควรทำ หลังจากนี้เดี๋ยวจะให้มายประจำตำแหน่งนักแม่นปืนคู่กับฉัน แล้วไอยาก็คอยจัดการตัวที่เหลือรอดด้วยมีดละกัน”
ทั้งสองได้ยินสิ่งที่หญิงสาวร่างบางผิวขาวมัดผมเป็นหางม้าเสนอแนวทางแก้ไขปัญหา จึงพิจารณาในหัวอยู่ได้สักครู่หนึ่งก่อนจะพยักหน้ายอมรับอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ เพราะทั้งสามคนไม่อยากจะทะเลาะกันด้วยปัญหาที่ดูเล็กแต่ไม่เล็กแบบนี้
“แต่ตอนนี้ซอมบี้น่าจะหมดแล้วใช่ไหม?” มายถามพร้อมทั้งชะเง้อมองออกไปสุดลูกหูลูกตา
“อืม…ก็เหมือนจะอย่างนั้น” กระรอกยกกล้องส่องทางไกลขึ้นมามองผ่านเลนส์ เมื่อเห็นว่าไม่มีซอมบี้แล้วพวกเขาจึงตัดสินใจเข้าไปด้านใน เนื่องจากพวกเธอไม่ได้ยินเสียงปืนมาได้พักหนึ่งแล้ว จากนั้นก็ได้ยินเสียง ปั้ง! ครั้งเดียวซึ่งทำให้ทั้งสาวตกใจเป็นพิเศษ แม้ว่าตัวเองจะได้ยินเสียงปืนมานับครั้งไม่ถ้วนแล้วก็ตาม แต่เสียงนี้มันดังกว่าใครเพื่อนเลย
“ยังไม่จบกันอีกเหรอวะ?” มายถามขึ้นพลางมองไปที่ศพของพวกทหารที่ตายแล้วนอนเกลื่อนบนถนนภายในตัวหมู่บ้านจำนวนมาก ในหัวของเธอนั้นมีแต่คำถาม ซึ่งบางอย่างเธอไม่จำเป็นต้องได้คำตอบจากคนอื่น เพราะว่าคำตอบมันเฉลยอยู่ในคำถามแล้ว “นี่เราอยู่กับสัตว์ประหลาดหรือยังไงวะ…”
ผมถอดเสื้อเชิ้ตสีขาวของผมออกเผยให้เห็นร่างกายที่ปกคลุมไปด้วยมัดกล้ามซึ่งชุ่มไปด้วยน้ำเหงื่อ ทำให้ร่างกายของผมนั้นยิ่งดูไม่ต่างจากนักมวยเพราะร่างกายที่สูงขึ้นทำให้เสื้อเชิ้ตดูเล็กลงไปทั้ง ๆ ที่ยังมีขนาดเท่าเดิม เท่าที่เดาได้ก็น่าจะเกิดจากการที่เลือดซอมบี้ไปกระตุ้นการเจริญเติบโตของผมล่ะมั้ง เพราะตอนนี้ผมสูงพอ ๆ กับมังกรเสียอีก แน่นอนว่าพวกเขาตกใจกับการเปลี่ยนแปลง แต่เรื่องที่ต้องกำลัดเดวิดเป็นสิ่งที่ควรให้ความสำคัญมากกว่า สายตาของผมจับจ้องไปที่ศัตรูตัวฉกาจเบื้องหน้า ตอนนี้เหลือเพียงมันคนเดียวแล้ว ผู้ชายเพียงคนเดียวที่ยังคงยืนประจันหน้ากับคนสิบสามคนอย่างไม่เกรงกลัว
ฟางในตอนนี้ได้ใช้พลังเยียวยาในการรักษาอย่างเต็มที่ แต่ดูเหมือนว่ามันจะสายเกินไป เธอสามารถดึงกระสุนออกมาจากศีรษะของเขาอีกทั้งยังทำให้แผลรอยกระสุนสมานกันจนหายดี กลายเป็นว่าหัวใจของชายหนุ่มตอนนี้ไม่เต้น เธอจึงใช้มีดผ่าบริเวณสีข้างให้มีขนาดกว้างพอที่จะสอดมือเข้าไปเพื่อจับที่หัวใจ ก่อนจะบีบและใช้พลังเยียวยาอีกครั้ง แต่ดูเหมือนว่าเธอจะไม่สามารถทำได้
“ไม่ต้องแล้วฟาง” ผมพูดด้วยน้ำเสียงที่ทุ้มต่ำ “พลังของเธอทำอะไรไม่ได้แล้ว เธอเยียวยาได้ แต่ไม่มีทางฟื้นคืนชีพให้กับคนตายได้หรอก”
ผมกัดฟันด้วยความที่ตัวเองจะต้องยอมรับเรื่องนี้ให้ได้
“ทอมตายแล้ว”
และทุกคนก็ต้องยอมรับเรื่องนี้ให้ได้…
“และฉันกำลังจะฆ่าคนที่ทำเรื่องแบบนี้ในฐานะมนุษย์”
“กิ้งก่าได้ทองชัด ๆ มาถึงขนาดนี้แล้วยังไม่ยอมกลายร่างแบบนี้แม่งโคตรโง่เลยว่ะ” เดวิดหัวเราะด้วยความสะใจเนื่องจากเห็นว่าตัวเองกำลังได้เปรียบ ไม่วายยังดูถูกผมอีก “ร่างมนุษย์ที่แสนอ่อนแอแบบนั้นจะทำอะไรกูได้วะ!?”
สมองได้สั่งการให้รวมกำลังไว้ที่เท้าก่อนจะดีดตัวออกไปหาเดวิดอย่างรวดเร็ว แม้ว่าความเร็วจะตกไปหน่อยแต่ถ้าเทียบกับคนอื่น ๆ ที่ไม่ใช่ผู้มีพลังพิเศษอย่างนิวแล้ว ผมเร็วกว่ามาก เพียงไม่กี่วินาทีผมได้เข้าไปประชิดตัวของเดวิดแล้ว หมัดซ้ายของผมสวนเข้าไปที่ลิ้นปี่ของมันอย่างแรง ส่งผลให้ร่างกายของมันกระเด็นออกไปกระแทกกับพื้นซีเมนต์จนหนังถลอกปอกเปิดไปหมด
“อะ…อะไรกันวะ…?” เดวิดพยายามชันตัวขึ้นมา ความเจ็บปวดบริเวณที่ผมชกไปนั้นแทบทำให้สำรอกออกมาเลยทีเดียว ความกลัวที่เริ่มฉายออกมาจากดวงตาของเขา ทำให้ผมคิดว่าตัวเองได้เปรียบขึ้นมามากแม้ว่าจะอยู่ในร่างของมนุษย์ที่แสนอ่อนแอเหมือนที่มันบอก
ก็มันไม่ได้อ่อนแออย่างที่มันดูถูกไว้นี่
ผมไม่พูดพร่ำทำเพลงให้มากความ จึงดีดตัวเองเข้าไปหาพร้อมกับรัวหมัดใส่อย่างไม่ยั้งมือ มันเหวี่ยงมีดสั้นเฉือนบริเวณหน้าอกจนถึงท้องเลือดไหลออกจากบาดแผล ความเจ็บปวดแผ่ไปทั้งร่างกาย แต่เพียงไม่กี่วินาทีแผลรอยยาวนั้นก็สมาน ผมไม่ปล่อยให้เพื่อช่องว่างจึงลุกเข้าวงในก่อนจะเหวี่ยงหมัดขวาอัดใส่บริเวณขมับอย่างแรง เลือดจำนวนมากไหลออกมาจากดวงตาทั้งสองข้าง รวมถึงจมูกและปาก ตอนนี้เดวิดไม่สามารถทำอะไรได้ต่อแล้ว
เขาหงายหลังลงไปนอนกับพื้นร่างกายไม่สามารถขยับหรือทำอะไรได้เลย ผมมองลงไปหามันด้วยสีหน้าที่นิ่งเฉย
“คนเรามันต้องมีการพัฒนา” ผมชักมีดออกมาก่อนจะแทงเข้ากลางกบาลโดยไม่ลังเล
ฉึก!!
เสียงใบมีดแหลม ๆ เจาะทะลุกะโหลกหน้าผากดัง กร๊อบ!! พร้อมกับเลือดที่พุ่งออกมาจากบาดแผลเมื่อผมกระชากอาวุธสังหารออกจากบาดแผล ถือว่าเป็นการอวสานของเดวิด ผมมองไปยังพวกทหารของฝ่ายศัตรูซึ่งตอนนี้มีสีหน้าที่เหวอรับประทาน ท่าทางที่เคยจองหองนั้นมลายหายสิ้นในการควบคุมของจินอู เท่าที่ผมนับดูนั้นก็เหลือกันประมาณสิบคนที่ยังเดินอยู่ได้
“ตอนนี้ผู้บังคับบัญชาของพวกมึงตายแล้ว” ผมเกริ่น “กูมีทางเลือกให้สองทางระหว่างไปจากที่นี่พร้อมอาวุธและอาหาร หรือจะอยู่ที่นี่ภายใต้การปกครองของพวกกู ส่วนพวกที่บาดเจ็บจะให้หน่วยพยาบาลเป็นคนรักษาให้แล้วไปตัดสินใจกันเองเอง”
“ยอมครับ” ทหารคนหนึ่งพูดขึ้นนั่นจึงทำให้ทหารคนอื่น ๆ ยอมร่วมเป็นพรรคพวกของผม นั่นหมายความว่าตอนนี้เรามีทหารมาร่วมรบอีกหลายคนซึ่งก็ต้องยอมรับอีกว่ามีหลายคนที่ล้มตายเพราะสงคราม
ก็แหงล่ะ…สงครามย่อมมีผู้เสียสละอยู่เสมอ
งานแรกที่ผมสั่งให้ทำก็คือเผาศพทหารที่ตายแล้ว รวมถึงซ่อมประตูรั้วที่พัง ส่วนทหารที่บาดเจ็บสาหัสก็ได้พลังเยียวยาของฟางช่วยเอาไว้ จึงเอาไปทำหน้าที่แรงงานได้ต่อแม้ว่าบางคนไม่ค่อยพอใจเท่าไหร่ เท่าที่สังเกตทหารกว่าเก้าสิบเปอร์เซ็นต์รู้สึกดีกับการที่ได้รับรู้ถึงการตายของเดวิด ส่วนไคลนั้น นัทเป็นคนสู้กับเขาและจับได้จึงถูกมัดไว้กับต้นไม้พร้อมให้เปลือยกายเหลือแต่เพียงกางเกงในเท่านั้น
ส่วนนักวิทยาศาสตร์ที่หลบอยู่ภายในโดมผ้าใบสีขาวนั้นไม่ได้ตกใจการมาถึงของนิวเพราะเขาคิดว่า ผู้ชายคนนี้ไม่น่าจะเลวร้ายตามการคาดการณ์ประสบการณ์ที่สั่งสมมาทั้งชีวิต ‘เทียน’ มองเข้าไปในดวงตาคู่นั้นของนิวที่แฝงไปด้วยนัยยะต่าง ๆ ซึ่งยากจะคาดเดา
ผู้ชายคนนี้ให้ความรู้สึกที่แปลก ๆ ไปอย่างสิ้นเชิง
“ตอนนี้กลุ่มของเรายึดหมู่บ้านและสังหารผู้บังคับบัญชาของที่นี่ไปแล้ว” นิวพูดด้วยน้ำเสียงที่ฟังดูทรงพลัง สายตาอันเฉียบคมมองไปที่ชายร่างผอมในชุดเสื้อกาวน์รวมถึงใส่เสื้อเชิ้ตสีเขียวอ่อนพร้อมผูกไทสีดำ ตัดผมสั้นเกือบจะติดหนังศีรษะหนวดเคราถูกโกนจนใบหน้าสะอาดสะอ้าน “นายยังอยากมีชีวิตรอดอยู่หรือเปล่าล่ะ? ถ้าอยากก็ต้องรบกวนขอให้ช่วยผลิตวัคซีนให้ที”
“คุณนี่พูดเหมือนผู้บัญชาการเดวิดเลยนะครับ” เขายิ้มมุมปาก “ตอนนี้ผมก็กำลังคิดค้นมันอยู่เหมือนกัน จริง ๆ สูตรมันอยู่กับหัวหน้านักวิทยาศาสตร์เอลที่ฐานทัพใหญ่บัญชาการโดยผู้บัญชาการ ‘เมเยอร์’ ”
“นั่นเป็นเป้าหมายถัดไปของเราอยู่แล้ว” ชายหนุ่มแสยะยิ้ม “งั้นหมายความว่าเราสองคนต่างมีเป้าหมายเดียวกัน”
นักวิทยาศาสตร์หนุ่มยิ้มและพยักหน้าก่อนจะแนะนำตัวกัน นิวมอบหน้าที่ให้เทียนลองคิดค้นวัคซีนที่สามารถทำให้ซอมบี้กลับมาเป็นมนุษย์ปกติ ซึ่งการที่จะทำให้ รีเวิร์ส นั้นมันเป็นสิ่งที่เป็นไปได้ยาก หากลองมองเป็นเปอร์เซ็นต์ก็ใช่ว่าจะทำไม่ได้ แต่เทียบนั้นต้องการเอลที่มีสูตรการสร้างอยู่ในหัวอยู่แล้ว เป็นสูตรสมการที่แม้แต่เทียนเองก็ไม่สามารถแก้ได้เพราะมันเป็นสูตรเฉพาะที่ไม่ได้อยู่ในตำราไหนเลย
ถ้าพูดให้ถูกต้องก็คือ มันคือสิ่งที่นักวิทยาศาสตร์สุดอัจฉริยะคนนี้คิดค้นขึ้นมาเหมือนกับโทนี่ สตาร์ค สร้างธาตุใหม่ขึ้นมานั่นเอง
ส่วนทอมนั้นไม่สามารถฟื้นขึ้นมาได้อีกแล้ว เราจัดพิธีศพเล็ก ๆ ให้กับเขาในฐานะนักรบคนหนึ่งเพื่อเป็นการให้เกียรติอย่างสมศักดิ์ศรี แต่ก็จะมีทหารบางคนไม่ค่อยสบอารมณ์เรื่องงานศพสักเท่าไหร่เพราะเพื่อนทหารร่วมทัพนั้นก็เป็นคนเหมือนกัน แต่ทำไมถึงไม่พูดจัดงานศพให้สมศักดิ์ศรี
“คนเหมือนกันแต่ไม่เหมือนกันยังไงล่ะ” จินอูบอกลูกน้องตัวเองแบบนั้น “พวกนายไม่ได้ทำอะไรที่เป็นที่น่าจดจำ ก็จะพูดลืมไปแบบนั้น แต่ถ้านายได้ทำอะไรสักอย่างเพื่อให้เราเป็นฝ่ายมีชัยเหนือสมรภูมิ ยังไงก็มีคนที่สรรเสริญพวกนาย”
พวกเขาพยักหน้ายอมรับความจริง
ระหว่างที่ทุกคนกำลังทำงานที่ได้รับมอบหมายอย่างขยันขันแข็ง ผมและคาโอรินได้รับมอบหมายให้เก็บอาวุธทุกอย่างที่อยู่ในศพของพวกทหารที่ตายแล้ว สิ่งที่เก็บมาได้มักจะเป็นมีดสั้น ปืนไรเฟิลเหมือน ๆ กัน รวมถึงแม็กกระสุนจำนวนมากและระเบิดมือจำนวนมากซึ่งมันอาจจะเป็นหนึ่งในกลยุทธ์ในการบุกยึดฐานใหญ่ของพวกมันได้ ตั้งแต่ฆ่าเดวิดได้ก็รู้สึกเหมือนยกภูเขาลูกยักษ์ออกจากอก เมื่อล้วงมือเข้าไปในกระเป๋ากางเกง นิ้วมือสัมผัสกับสิ่ง ๆ หนึ่ง มันคือ ‘แหวนแต่งงาน’ ซึ่งมันเป็นแหวนแต่งงานของแม่ ผมเจอมันอยู่ในซอกหลืบของกระเป๋าเป้ที่พวกท่านเตรียมไว้โดยสามารถตีความการกระทำนี้ได้ว่า ‘ถ้าลูกเจอคู่ชีวิตที่จะอยู่ด้วยกันไป จงมอบแหวนวงนี้ให้เสีย’ คำพูดนี้เหมือนกับแม่ยื่นหน้ามากระซิบที่ข้างหูยังไงยังงั้น
ผมลังเล…สายตามองไปที่แฟนสาวที่กำลังเก็บมีดที่เข็มขัดพวกทหารอย่างไม่ยากเย็น แต่เท่าที่สังเกต เธอเริ่มเหนื่อยล้าจากการสู้รบ
“เดี๋ยวเค้าช่วยเอง” ผมเก็บแหวนใส่ในกระเป๋ากางเกงก่อนจะเข้าไปช่วย “ไปนั่งพักก่อนไหม?”
“ไม่เป็นไรหรอก” เธอยิ้มก่อนจะเข้ามาจุมพิตที่แก้มผม “ขอบคุณสำหรับทุกอย่างนะคะที่รัก”
“เค้ายังไม่ได้ทำอะไรเลยนะ” ผมหน้าแดง
“ก็ที่จัดการกับเดวิดไง”
“แต่มันทำให้มือเค้าเปื้อนเลือดนะ”
“มีใครในนี้ที่มือสะอาดบ้างล่ะ?” เธอถามกลับ
แค่นี้ผมก็พอมั่นใจได้เต็มร้อยแล้วว่า คาโอรินนี่แหละ คือคนนั้น
จากนั้นผมจึงคุกเข่าต่อหน้าหญิงสาว
“ที่รัก! เป็นอะไร! อาการก่อนหน้านี้มันกำเริบเหรอ!?” เธอทิ้งทุกอย่างที่อยู่ในมือแล้วพุ่งเข้ามาประคองร่างของผมด้วยความตกใจและห่วงใจ สองมือที่อ่อนนุ่มสัมผัสกับใบหน้าของผมนั้นช่างอ่อนโยน ดวงตาคู่สวยเป็นประกายและกำลังชุ่มไปด้วยน้ำตานั้นช่างน่ารักน่าหลงใหลเสียจริง ๆ
แม่ครับ…คนนี้แหละคือคู่ชีวิตของผม
“คาโอริน”
“คะ?” เธอแปลกใจที่ผมเรียกชื่อเต็มของเธอ
“เค้าดีใจนะที่ได้เป็นแฟนกับริน” ผมยิ้ม
“พูดอะไรของเธอเนี่ย เค้าเป็นห่วงนะ” เธอขมวดคิ้วพร้อมกับยื่นหลังมือมาแตะที่หน้าผากผม “แล้วตอนนี้รู้สึกยังไงบ้าง มีอาการคล้ายหน้ามืดหรือเปล่า? ให้แบกไปนอนพักที่ไหนก่อนไหม ส่วนตรงนี้เค้าจะจัดการให้เอง”
ผมส่ายหน้า
“เธอยังยืนไหวนะ?” เธอถาม
ผมพยักหน้า
ตอนนี้แหละ พูดออกไปสิ
“แต่งงานกับผมนะ”
ผมตัดสินพูดประโยคนั้นออกไป ทำให้หญิงสาวชะงักไปในทันที ในหัวของเธอตอนนี้ไม่รู้ว่าคิดอะไรอยู่ แต่ที่รู้ ๆ ก็คือเหมือนเซลล์ทุกอณูในร่างกายของเธอรับรู้อะไรบางอย่างที่กะทันหันไปจนทำให้เกิดค้างขึ้นมา ผมหยิบแหวนที่อยู่ในกระเป๋าออกมาก่อนที่จะยื่นให้กับคาโอริน ดวงตาของเธอเบิกออกด้วยความประหลาดใจ ไม่คิดว่าผมจะมาขออะไรแบบนี้
คนที่อยู่รอบ ๆ เริ่มสังเกตเราสองคนจึงค่อย ๆ หยุดสิ่งที่ตัวเองกำลังทำอยู่แล้วมองมาที่พวกเรา
“คาโอริน…เธอคือคนที่ผมรักคนสุดท้ายของชีวิตผมนะ และผมจะใช้ชีวิตทั้งหมดนี้เพื่อปกป้องดูแลคาโอรินเอง และสัญญาว่าจะรักคาโอริน…ตลอดไป”
เธอยิ้มออกมาทั้งน้ำตาอุ่น ๆ ที่ไหลมาตามใบหน้า
“แต่งค่ะ” ผมดึงเธอเข้ามากอดทันทีเมื่อได้รับคำตอบ เธอซบศีรษะที่บ่าขนรู้สึกถึงน้ำตาอุ่น ๆ ที่เริ่มแฉะเสื้อเชิ้ตของผมแล้ว การกอดครั้งนี้ทำให้ตัวเองอ้อมแขนของผมกว้างจนสามารถกอดร่างบางได้รอบเลยทีเดียว “เค้าก็รักเอ็นนะ หลังจากนี้เราจะอยู่ด้วยกันไปจนวันตายเลยนะคะ เธอคือคนสุดท้ายของเค้านะคะ”
งานแต่งงานของเราจัดขึ้นหลังจากงานศพของทอมประมาณไม่กี่วันโดยมีมังกรเป็นบาทหลวงให้ไม่ต่างจากเหตุการณ์แบล็กเว็ดดิ้ง แต่คราวนี้มันคืองานแต่งงานของจริงที่หลังจากนี้จะมีแต่ความสุขในชีวิตคู่ ถ้าให้พูดแบบตลกร้ายก็คือ วิญญาณที่ยังไม่ได้ไปผุดไปเกิดของฮีซุยน่าจะยังอาฆาตผมอยู่แน่นอน งานแต่งของเรานั้นไม่ได้ตกแต่งอะไรมากมาย ไม่ได้เกี่ยงเรื่องพิธีการมากมาย ขอแค่ประกาศให้รู้ว่าเราสองคนคือสามีภรรยาแล้ว ซึ่งผมจะไม่ให้ความสนใจกับผู้หญิงอย่างฮีซุยหรอก คาโอรินดูสวยงามราวกับเป็นนางฟ้าเมื่ออยู่ในชุดแต่งงานกระโปรงยาวกว่าสี่เมตรโดยมี ฟาง กิ๊บ กระรอก ไอยา และมายเป็นคนหามชายกระโปรงเวลาเดินเข้ามาในพิธี ส่วนผมแต่งตัวด้วยสูททักซิโด้ที่ไปขโมยมาจากร้านเช่าชุดแต่งงานที่เดียวกับที่วินจะพาผมไปซึ่งมันมีอยู่ร้านเดียวทั้งเมือง
ภายในงานยังเปิดเพลง Perfect ของ Ed Sheeran อีกด้วยทำให้บรรยากาศงานดูสว่างไสวและซึ้งจนไม่สามารถอดกลั้นน้ำตาอยู่ได้ เชื่อเถอะว่าทันทีที่ทุกคนรู้เรื่องนี้ก็ต่างยินดีกันทั้งนั้น
I found the love for me
Darling just dive right in
And follow my lead
Well, I found a girl beautiful and sweet
I never knew you were the someone waiting for me
ผมได้พบรักแท้แล้ว
ที่รักของผมได้เข้ามาหาผม
และตามผมมา
ผมพบกับผู้หญิงคนหนึ่งที่สวยและอ่อนหวาน
ผมไม่เคยรู้มาก่อนว่าเธอคือคนที่เฝ้ารอผมมาเสมอ
“คุณเอ็นครับ คุณจะรับคุณคาโอรินเป็นภรรยาและสัญญาว่าจะซื่อสัตย์ต่อคุณคาโอริน ทั้งในยามสุขและยามทุกข์ ทั้งในเวลาป่วยและเวลาสบาย เพื่อรักและยกย่องให้เกียรติเธอ จนกว่าชีวิตจะหาไม่ไหมครับ?” มังกรที่ยืนหันหน้ามาหาเราสองคนพร้อมถือคัมภีร์ไบเบิลยิงคำถามมาที่ผม
ผมมองไปที่เจ้าสาวแสนสวยของผมพร้อมกับเอ่ยคำสาบาน
“รับครับ”
บาทหลวงมังกรทำสีหน้าพอใจในคำตอบก่อนจะหันมาถามคาโอรินในคำถามเดียวกัน
“คุณคาโอรินครับ คุณจะรับคุณเอ็นเป็นสามีและสัญญาว่าจะซื่อสัตย์ต่อคุณเอ็น ทั้งในยามสุขและยามทุกข์ ทั้งในเวลาป่วยและเวลาสบาย เพื่อรักและยกย่องให้เกียรติคุณ จนกว่าชีวิตจะหาไม่ไหมครับ?”
“รับค่ะ”
เธอตอบทันควัน
มังกรยิ้มออกมาเมื่อได้ยินคำตอบ
ผมสวมแหวนของแม่ใส่ที่นิ้วนางข้างซ้ายของเธออย่างนุ่มนาวและกล่าวว่า “คุณคาโอริน ขอให้รับแหวนนี้เป็นเครื่องหมายแสดงความรักและความซื่อสัตย์ของผม เดชะพระนาม พระบิดา และพระบุตร และพระจิต” จากนั้นคาโอรินก็สวมแหวนให้กับผมอย่างนิ่มนวลพร้อมกับกล่าวคำที่ได้ซักซ้อมมา “คุณเอ็น ขอให้รับแหวนนี้เป็นเครื่องหมายแสดงความรักและความซื่อสัตย์ของผมเดชะพระนาม พระบิดา และพระบุตร และพระจิต”
“ในตอนนี้คุณทั้งสองได้กลายเป็นสามีภรรยาอย่างถูกต้องแล้วครับผม” ทันทีที่บาทหลวงได้ปิดพระคัมภีร์และจุมพิตลงบนคัมภีร์และได้กล่าวอีกว่า “เชิญเจ้าบ่าวเจ้าสาวจูบได้ครับ”
ริมฝีปากของเราสองคนประกบกัน มันคือคำสัญญาที่ผูกมัดกันไปตลอดชีวิต หลังจากนี้เราจะมีกันและกันตลอดไป
เพลงยังคงบรรเลงอยู่
ที่รักของผม แค่คุณค่อย ๆ จุมพิตผมช้า ๆ
แค่นี้หัวใจของผมก็เป็นของคุณแล้ว
และตอนนี้สายตาของคุณก็เอาแต่จับจ้องมาที่ผม
ที่รักครับ...ตอนนี้ผมกำลังเต้นรำอยู่ท่ามกลางแสงจันทร์
และคุณก็อยู่ในอ้อมกอดของผม
เราเต้นบนพื้นหญ้าด้วยเท้าเปล่า ๆ
และฟังเพลงโปรดของกันและกัน
ทุกคนที่อยู่ในงานนั้นต่างหลั่งน้ำตาให้กับฉากงานแต่งงานที่เห็นอยู่ตรงหน้า และไม่คิดเลยว่าจะได้จัดขึ้นจริง ๆ ในโลกที่แสนโหดร้ายและล่มสลายถึงเพียงนี้
อันที่จริงแล้วผมพบผู้หญิงคนหนึ่งที่เข้มแข็งกว่าทุกคนที่ผมเคยพบเจอ
เธอแบ่งปันความฝันของเธอมากมายให้กับผม
และหวังว่าวันหนึ่งผมจะได้สร้างครอบครัวกับเธอ
ผมพบความรับในอีกรูปแบบหนึ่งที่ต้องแบกรับภาระอื่น ๆ
นอกเหนือไปจากการรักษาความลับเอาไว้
ผมจะต้องแบกรับเรื่องความรักและเรื่องลูก ๆ ของผม
ที่รัก เพียงแค่จับมือผมไว้เท่านั้น
มาเป็นภรรยาของผมและผมจะปกป้องดูแลคุณเอง
ผมได้วางแผนอนาคตของเราสองคนเอาไว้แล้วนะ
“ผมรักคุณนะ ริน” ผมกอดเธอแน่น “และก็จะรักเธอตลอดไป”
__________________________________________________
To Be Continue Ep.68