"พลังที่ผมได้มานั้น...มันคือพรหรือคำสาปกันแน่นะ...? แล้วผมจะใช้พลังนี้แก้ไขประเทศที่ล่มสลายนี้จะกลับเหมือนเดิมได้อย่างไร...?"
แอคชั่น,ชาย-หญิง,สะท้อนปัญหาสังคม,ไทย,เลือดสาด,พล็อตสร้างกระแส,ดราม่า,สยองขวัญ,ผี,ผจญภัย,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
Undead War สงครามคนเป็น"พลังที่ผมได้มานั้น...มันคือพรหรือคำสาปกันแน่นะ...? แล้วผมจะใช้พลังนี้แก้ไขประเทศที่ล่มสลายนี้จะกลับเหมือนเดิมได้อย่างไร...?"
โรคระบาดยังคงอยู่รอบๆ ตัวเรา ไม่ได้หายไปไหน หมอทุกคนตายกันไปหมดแล้ว ความหวังดับวูบจนไม่เหลือแม้แต่แสงสุดท้าย ราวกับว่าตัวเองกำลังเดินอยู่ในอุโมงค์ไร้แสงสว่างและไร้สิ้นสุด พวกซอมบี้ต่างคอยจะได้กัดกินเนื้อมนุษย์อย่างกับเครื่องจักรที่ไม่มีวันเหนื่อย ไม่ว่าจะมองไปทางไหน ก็มีแต่พวกมันอยู่เต็มไปหมด
แต่ความหวังก็ยังไม่หมดไป เมื่อผมสามารถเอาชนะเชื้อไวรัสตัวนี้ได้ ทำให้ร่างกายของผมเกิดกลายพันธุ์และสามารถแปลงกายเป็นซอมบี้ได้ตลอดเวลา นั่นทำให้ผมวิวัฒนาการไปอีกขั้นเพื่อที่จะช่วยเหลือมวลมนุษยชาติได้
ทุกคนตั้งท่าสู้ในทันทีเมื่อได้ยินชื่อ ดูเหมือนว่าทหารทุกคนต่างรู้จักคนคนนี้เป็นอย่างดีเลยทีเดียว บรรยากาศรอบ ๆ ค่อย ๆ มีความอึดอัดขึ้นอย่างเห็นได้ชัด เมเยอร์เป็นผู้ชายที่ดูเหมือนชายวัยกลางคนหน้าตาใจดีคนหนึ่งเท่านั้น แต่ด้วยรอยยิ้มที่แฝงไปด้วยนัยยะแสนเจ้าเล่ห์บางอย่าง พร้อมกับรังสีอำมหิตบางอย่างแผ่ขยายออกมา สัญชาตญาณของผมนั้นไม่มีทางรู้สึกพลาด รวมถึงคาเรนที่ตอนนี้ยืนนิ่ง สายตาจับต้องไปที่ชายผมสีขาวแต่งตัวราวกับกำลังจะไปงานเลี้ยงสังสรรค์ที่ไหนสักแห่งโดยที่ต้องแวะมาที่นี่ก่อนเป็นที่แรกเพื่อจุดหมายอะไรบางอย่าง
ซึ่งจุดหมายที่ว่านั้นอาจจะเป็นเรื่องที่ไม่ดีก็ได้
คนเรารู้หน้าแต่ไม่รู้ใจ!!
“ผมมาที่นี่เพื่อจะเจรจาธุรกิจครับ” เขาพูดต่อ “ขออนุญาตเข้าไปได้ไหมครับ”
ทันทีที่เขาจะถือวิสาสะก้าวเท้าเข้ามาในหมู่บ้าน จู่ ๆ เรมัสชักมีดมาเชเต้แล้วยกขึ้นมาอยู่ในระดับคอของชายวัยกลางคน เขาชะงักก่อนที่เท้าของเขาจะเหยียบเข้ามาในพื้นที่ส่วนบุคคล ทำให้ทหารของมันประทับปืนขึ้นมาเล็งไปที่ชายหนุ่มทันทีราวกับถูกโปรแกรมเหมือนหุ่นยนต์ ผมเดินเข้าไปอยู่ตรงหน้าก่อนจะใช้พละกำลังปักดาบทะลุพื้นซีเมนต์จนสามารถตั้งตระหง่านอยู่ได้และสายตาที่จับจ้องไปที่อีกฝ่ายอย่างไม่ลดละ
“ถ้าจะมาเจรจาก็เชิญเจรจากันตรงนี้” ผมพูดด้วยน้ำเสียงที่ทุ้มต่ำโดยไม่กลัวปืนถูกกระบอกที่กำลังเล็งมาที่ผม อีกฝ่ายเบิกตาโพลงให้กับโหมดซอมบี้ของผม เรมัสเห็นว่าไม่น่าจะมีอันตรายอะไรในตอนนี้ดึงลดมีดลงอย่างช้า ๆ อย่างไม่ไว้ใจ “พวกคุณไม่จำเป็นจะต้องเข้าไปข้างใน ถ้าข้ามมา เราจะไม่รับประกันชีวิตของพวกคุณและอย่าคิดว่ากำลังคนแค่นี้จะสู้ผม คนเดียว ได้”
“คนนี้น่าจะชื่อเอ็นใช่ไหม?” เขาถามพร้อมชี้นิ้วมาที่ผมอย่างไม่เกรงกลัว “เดวิดมันส่งข่าวมาให้ฉันว่าเจอคนที่กลายร่างเป็นซอมบี้ได้ ไม่คิดว่าจะมาเจอเร็วขนาดนี้”
“ไม่ต้องนอกเรื่อง” นิวลากเก้าอี้ไม้มาวางไว้ตรงหน้าของอีกฝ่ายก่อนจะนั่งด้วยท่าที่สบายที่สุด “อยากจะเจรจาอะไรก็ว่ามาเลย ตามสบาย แต่ผมไม่รับประกันว่าสิ่งที่คุณต้องการอาจจะไม่ได้”
เมเยอร์หันมาหาชายหนุ่มด้วยสายตาที่เจ้าเล่ห์แสนกลก่อนจะดีดนิ้วดังเป๊าะ! ทหารคนหนึ่งวางปืนลงกับพื้นก่อนจะวิ่งเข้ามาแล้วคลานเข่าต่อหน้าเมเยอร์ ชายในชุดสูทได้หย่อนก้นลงบนแผ่นหลังของทหารราวกับกับเก้าอี้ตัวหนึ่ง ทุกคนในหมู่บ้านยกเว้นพวกทหารฝ่ายเราต่างตกใจกับการกระทำของเขาที่ใช้แผ่นหลังของลูกน้องเป็นที่นั่ง
“แข็งไปหน่อย แต่ก็ช่างเถอะ” เขาพ่นลมหายใจออกทางจมูกอย่างไม่พอใจเท่าไหร่ “งั้นเรามาเริ่มเจรจากันเลยดีไหม?”
นิวไม่ตอบอะไร ดวงตาอันคมกริบจับจ้องไปที่อีกฝ่ายอย่างไม่ลดละ
“ผมมีเงินมากมาย” เมเยอร์ดีดนิ้วอีกครั้ง คราวนี้ทหารอีกคนเดินเข้ามาพร้อมกับกระเป๋าทรงสี่เหลี่ยมมีหูหิ้ว เขาเปิดกระเป๋าออกก่อนจะโชว์ธนบัตรใบละหนึ่งพันบาทที่อัดแน่นอยู่เต็มกระเป๋าให้พวกเรารู้ สำหรับผมแล้วแม้ว่าเงินที่อยู่ในนั้นไม่น่าต่ำกว่าสิบล้าน ถ้าเป็นผมเมื่อก่อนคนจะไม่ปฏิเสธ แต่ในเมื่อตอนนี้กระสุนนัดเดียว ข้าวหนึ่งถ้วยหรือน้ำหนึ่งขวดยังคงมีค่ากว่าเงินทั้งกระเป๋านี้เสียอีก รวมถึงคนอื่น ๆ ที่คิดเหมือนกันด้วย พวกเขานิ่งเงียบ แววตาที่แฝงไปด้วยความอาลัยอาวรณ์ต่อเงินที่ตอนนี้เป็นแค่เพียงเศษกระดาษเท่านั้น “ทำไมเงียบกันล่ะ? ทำไมนิ่งล่ะ? ปกติถ้าพวกแกเห็นเงินเห็นทองก็ทองตาวาวกันแล้วไม่ใช่เหรอ? แล้วให้ปฏิกิริยาแบบนั้นมันหมายความว่ายังไง!?”
“ใช่ ๆ!!” เสียงหนึ่งจากฝ่ายเราดังขึ้นพร้อมกับชายร่างท้วมสวมเสื้อเชิ้ตกางเกงสแลกสีเทาเดินออกมา ผมจำเขาได้ เขาเป็นอดีตนักการเมืองที่เอาแต่ท่องข้อกฎหมายเพื่อหาเงินโดยการเอาผิดผู้อื่น “เราก็เอาเงินไปพัฒนาหมู่บ้านเราไง ถ้าเราไม่มีเงินเราจะพัฒนาอะไรได้ยังไงถูกไหม!? แล้วก็แลกกับสิ่งที่มันต้องการไง!”
“โอ้โห! ในหมู่บ้านนี้ก็ยังมีคนฉลาดหลงเหลืออยู่แฮะ” เมเยอร์ยิ้ม
“มึงหยุด” มังกรปรากฏตัวพร้อมกับปืนพกที่จ่อไปที่ขมับของชายร่างท้วมนั้น เขาเห็นชายที่ถือปืนก็ผวา “เป็นแค่หมูสกปรกต่ำ ๆ แล้วยังจะมาอ้างให้พัฒนาหมู่บ้านอีกเหรอ? ขนาดประเทศยังพัฒนาห่าอะไรไม่ได้เลย! คนอื่นอย่ามาเสือกดีกว่า”
เมื่อชายร่างท้วมคนนั้นยอมไปแต่โดยดี การเจรจาก็สามารถดำเนินต่อไปได้
“ไม่ต้องมาอ้างว่ามีเงินหรือพูดอะไรที่มันอ้อมค้อม พูดมาตามตรงว่าต้องการอะไร?” นิวไม่เริ่มเบื่อผู้ใหญ่ที่มองคนอื่นต่ำตลอดเวลาจริง ๆ
“งั้นก็ได้” เขาถอนหายใจก่อนที่แววตาของเขาจะเปลี่ยนมาให้โหมดจริงจัง “เราต้องการอาวุธ อาหารและหมู่บ้านนี้”
นักรบทุกคนในหมู่บ้านชักอาวุธขึ้นมาพร้อมกัน ผมที่อยู่ใกล้เมเยอร์ที่สุดชักปืนพกขึ้นมาจ่อขมับของเมเยอร์ รวมถึงมีดมาเชเต้ของเรมัสถูกยกขึ้นมาอยู่ที่ลำคอของเมเยอร์อีกครั้ง แต่ดูเหมือนว่ามันจะไม่ทำให้รอยยิ้มที่แสนน่ารำคาญนี้หายไปจากใบหน้าของเขาเลยสักนิด เข้ากลืนน้ำลายทำให้ผิวหนังของเขาสัมผัสกับใบมีดของเรมัส
“เรายึดหมู่บ้านคืนจากเดวิดที่ยึดมาจากเราด้วยความยากลำบากและเราเสียเพื่อนไปหนึ่งคน แล้วจะมีเอาหมู่บ้านไปจากเราด้วยเศษกระดาษพวกนี้เนี่ยนะ?” นิวขมวดคิ้วอย่างหงุดหงิด “แม้แต่กระสุนนัดเดียวผมก็ไม่อยากจะให้เลย”
เมเยอร์หัวเราะในลำคอก่อนจะหยิบธนบัตรหนึ่งใบขึ้นมาพร้อมชูขึ้น ทุกคนต่างมองกันเป็นตาเดียว
“ดูสิ นี่คือเชื้อพระวงศ์บนธนบัตรเชียวนะ!” เขาจิ้มที่ธนบัตรแรง ๆ สองครั้ง “ท่านผู้นี้มีค่ายิ่งกว่าหมู่บ้านของพวกแกทั้งหมดอีก”
“แล้วถ้าบุคคลที่ได้ชื่อว่าเชื้อพระวงศ์นั้นมีค่ามากกว่าหมู่บ้านของเราทั้งหมด แล้วคุณจะสละสิ่งที่มีค่ามากกว่าเพื่อสิ่งที่มีค่าน้อยกว่าทำไม?” นิวเริ่มปะวาจากับอีกฝ่ายด้วยวาทศิลป์ “สำหรับผม ข้าวหนึ่งเม็ดนั้นยังมีค่าธนบัตรที่มีเชื้อพระวงศ์พิมพ์อยู่ทั้งกระเป๋าเสียอีก แต่ผมจะไม่มีวันเสียมันไปอย่างแน่นอน”
“แล้วก็ผมจะพูดซ้ำเพื่อให้เข้าใจความหมายว่า…” ชายหนุ่มพูดขึ้นทันทีที่เห็นปากของอีกฝ่ายกำลังขยับเพื่อพูดอะไรบางอย่าง “ในเมื่อหมู่บ้านของฉันมีค่ามากกว่าธนบัตรในมือของแก ฉันก็ต้องเลือกสิ่งที่มีค่าที่สุดอยู่แล้วไม่ใช่หรือ?”
เมเยอร์นิ่ง
“แล้วถ้าผมยื่นข้อเสนอเป็นวัคซีนที่นักวิทยาศาสตร์ของเราเป็นคนคิดค้นขึ้นมาได้ล่ะ?” คำพูดของเขาเพียงประโยคเดียวทำให้ชาวบ้านในหมู่บ้านเราเบิกตาโพลงด้วยความหวัง นิวกำมือแน่นด้วยความโกรธเกรี้ยว สายตาลุกโชนไปด้วยเปลวเพลิงเพราะวัคซีนของอีกฝ่ายดูแล้วจะมีนักวิทยาศาสตร์ที่มีสูตรการสร้างวัคซีนที่ได้ผลร้อยเปอร์เซ็นต์อยู่ แต่แม้ว่าจะเป็นคน ๆ นั้นก็ตาม ถ้าไม่มีตัวอย่างที่ใช้งานได้ก็ไม่น่าจะสังเคราะห์วัคซีนเองได้…
ที่สำคัญยิ่งกว่าก็คือ…เมเยอร์มันปั้นน้ำเป็นตัวมาหลอกเพื่อบีบให้คนทั้งหมู่บ้านต้องการวัคซีนนั่นเอง
“เราก็ผลิตเองได้” เขาตอบกลับ
เมเยอร์แสยะยิ้ม
“เด็ก ๆ อย่างพวกเธอเนี่ยนะจะผลิตวัคซีนเองได้” อีกฝ่ายขมวดคิ้วเยาะเย้ยก่อนจะหัวเราะราวกับเป็นเรื่องตลก
มันอาจจะเป็นเรื่องตลกจริง ๆ นั่นแหละ เพราะในตอนนี้เรายังไม่มีหวังที่จะได้วัคซีนที่ได้ผลเลยแม้แต่น้อย ผมที่เห็นการทดลองเมื่อสักครู่นี้รู้ดีว่าเส้นทางแห่งความสำเร็จนั้นยังอีกยาวไกล
“วัคซีนพรรค์นั้นน่ะ…ฉันก็สามารถผลิตได้” นิวถลึงตาใส่ศัตรู ทุกคนในนี้รู้อยู่แก่ใจแล้วว่าเขากำลังคิดที่จะทำอะไรต่อไป ผมมองลึกเข้าไปในตาของเขา เปลวเพลิงนั่นกำลังลุกโชน มือที่กำแน่นจนเล็บทิ่มเข้าไปในเนื้อเลือดสีแดงไหลออกมา “หรือไม่ก็…จะเข้าไปแย่งจากแกเมื่อไหร่ก็ได้”
คำขู่ของนิวที่พยายามพูดเพื่อไม่ให้กลุ่มของเราเสียภาพพจน์ในสายตาของอีกฝ่าย ดูเหมือนว่ากล้ามเนื้อบริเวณคิ้วขวาของชายวัยกลางคนจะกระตุกเล็กน้อย รอยยิ้มที่อยู่บนใบหน้าหุบลง ร่างกายของทหารที่คลานเข่าเริ่มสั่นด้วยความเหนื่อยล้า
ทันทีที่เมเยอร์สัมผัสได้ถึงแรงสั่นสะเทือนเพียงเล็กน้อย เขาหยิบปืนพกสีทองที่ซ่อนอยู่ในเสื้อคลุมสูทออกมา ก่อนจะยิงศีรษะของทหารคนนั้นล้มคว่ำแน่นิ่งไปส่วนตัวเองสามารถยืนขึ้นได้ทัน พวกเราทุกคนตกใจในการกระทำที่ป่าเถื่อนแบบนั้นซึ่งผมก็เริ่มรู้สึกแบบเดียวกับนิวแล้วล่ะ
ถ้าเป็นไปได้เราฆ่าแม่งตรงนี้เลยก็ดี
“ไอ้ที่นั่งตัวนี้มันไม่ค่อยสบายเท่าไหร่”เขาพ่นลมหายใจออกทางจมูกแล้วเก็บปืนในที่เดิม “ท่าทางสันติคงไม่ใช่ทางออก”
“ก็ไม่ต้องมายุ่งกับเราสิ มันถึงจะเรียกสันติ” ผมทนไม่ไหวจนเดินเข้าไปประชันหน้ากับเมเยอร์โดยที่ไม่กลัวปลายกระบอกปืนจำนวนมากที่เลื่อนเข้ามาห่างจากศีรษะของผมไม่กี่เซนติเมตร “หรืออยากจะก่อสงคราม?”
สุดท้ายเมเยอร์ก็ยอมจากไปแต่โดยดี พวกเราทุกคนต่างถอนหายใจอย่างคลายความอึดอัดใจมา
“ขอโทษที่ทำให้ดิลพังนะทุกคน” นิวกล่าวขอโทษ
“ไม่หรอก” นัทพูดพลางกอดอก “ยังไงตอนนี้มันก็เป็นเป้าหมายของเราแล้ว เรารู้แล้วนี่ว่าเป้าหมายเราเป็นใคร”
ทุกคนพยักหน้าด้วยความเห็นด้วย
“งั้นแสดงว่าเราก็ต้องไปเตรียมตัวแล้วใช่มั้ย?” กิ๊บถามขึ้นพร้อมกระชับปืนไรเฟิลซุ่มยิงไว้ข้างตัว
นิวโน้มตัวไปข้างหน้าอย่างครุ่นคิด สายตามองทะลุประตูเหล็กที่ปิดแล้ว
“เป้าหมายของเราคือเมเยอร์” เขาพูด “เตรียมการเข้าสู่โหมดสงคราม”
_____________________________________
To Be Continue Ep.70