“เธอต้องการอะไรกันแน่อันนา บอกพี่สิ” “ฉันอยากอยู่กับพี่ค่ะ!” อันนาตัดสินใจแบบนั้น บอกตัวเองว่าเธอรักเขามากมาย รักแบบไม่มีข้อแม้ แม้จะต้องแลกด้วยความสาวเธอก็ยอม ขอเพียงให้เธออยู่ในสายตาของเขาตลอดเวลาก็พอ
รัก,ชาย-หญิง,ผู้ใหญ่,ฤทธิ์รักอสูรร้าย ,อรอร,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
ฤทธิ์รักอสูรร้าย“เธอต้องการอะไรกันแน่อันนา บอกพี่สิ” “ฉันอยากอยู่กับพี่ค่ะ!” อันนาตัดสินใจแบบนั้น บอกตัวเองว่าเธอรักเขามากมาย รักแบบไม่มีข้อแม้ แม้จะต้องแลกด้วยความสาวเธอก็ยอม ขอเพียงให้เธออยู่ในสายตาของเขาตลอดเวลาก็พอ
มาร์เธียส ทูริพาโน มหาเศรษฐีหนุ่มเจ้าของธุรกิจพลังงานอันดับหนึ่งในบริชเธน เขาร่ำรวย หล่อเหลา เป็นหนึ่งในหนุ่มโสดเนื้อหอมหัวใจเย็นชาที่ยังคงไร้ซึ่งคู่ครอง ชายหนุ่มได้ชื่อว่าเป็นบุรุษหนุ่มที่มีสายตาเฉียบคมในเชิงธุรกิจ แต่ดวงตาคู่นั้นกลับมองข้ามคนใกล้ตัวที่คอยแอบห่วงใย คะนึงหา และปรารถนาที่จะเป็นคนข้างใจ เขายัดเยียดให้เธอเป็นตัวปัญหา เป็นคู่หมายที่เขาไม่พึงปรารถนา แต่เมื่อมีบุรุษเข้ามายุ่มย่ามวุ่นวาย ความรู้สึกเป็นเจ้าของกลับพลุ่งพล่านฉีดแรง หัวใจที่เคยเย็นชากลับร้อนระอุดั่งไฟเผา เขาหวงเธอ ไม่อาจสูญเสีย จนต้องกลายร่างเป็นอสูรร้าย จัดการรวบหัวรวบหางจับแม่สาวหน้าหวานกลืนลงท้องชนิดไม่มีเหลือเผื่อไว้ถึงบุรุษหนุ่มคนอื่น
อันนา โคโทเนหญิงสาวชาวไทย ผู้จากบ้านมาไกลถึงบริชเธน เธอเป็นเลขาฯสาวสวยข้างกายมาร์เธียส ทูริพาโน และแอบหลงรักเจ้านายตัวเองมาเนิ่นนาน ยอมทำทุกอย่างเพื่อให้ความรักสมปรารถนา ด้วยถือคติที่ว่า “เพราะเธอคือทั้งหมดของหัวใจ” จึงตกหลุมพรางที่เสือร้ายอย่างมาร์เธียส ทูริพาโนวางล่ออย่างเต็มใจ
“อย่าทำแบบนี้ได้ไหมคะมาร์เธียส ฮือๆ” อันนาร่ำไห้เสียใจกับท่าทีหมางเมินเย็นชาของชายหนุ่ม เธอโผเข้ากอดซบอกเมื่อบอกตัวเองว่าทนไม่ได้ที่จะกลายเป็นคนไม่สำคัญของมาร์เธียส ทูริพาโน ทนไม่ได้ที่จะไม่ได้เห็นเขาทุกเช้า ทนไม่ได้ที่จะไม่ได้เดินเคียงไปกับเขาทุกที่ ทนไม่ได้ที่เขาจะเห็นคนอื่นสำคัญกว่าเธอ
“ร้องไห้ทำไมเด็กโง่ เธอต้องการแบบนี้ไม่ใช่เหรอ” มือหนายกขึ้นลูบหลังปลอบโยน
“ไม่ค่ะ ไม่ใช่แบบนี้” ร่างอรชรยังซุกหน้าร่ำไห้อยู่กับแผงอกล่ำภายใต้เสื้อสูทราคาแพงของเขา
“แล้วแบบไหน พี่เอาใจเธอไม่ถูกหรอก”
“พี่อย่าเพิ่งไล่ฉันออกได้ไหมคะ”
“พี่ไม่ได้ไล่ แค่ให้โอกาสเลือกสิ่งดีๆ กับชีวิตของเธอเอง ฟรังซัวส์อาจเป็นคนที่ใช่สำหรับเธอก็ได้”
“ไม่ค่ะ ไม่ใช่” คำตอบนั้นเรียกรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ในดวงตาสีฟ้าน้ำทะเลได้เป็นอย่างดี
นิ้วแข็งแรงเชยคางคนในอ้อมอกให้เงยขึ้นสบตา แล้วโน้มใบหน้าลงไปกระซิบถามตรงเรียวปากอิ่มเต็ม
“เธอต้องการอะไรกันแน่อันนา บอกพี่สิ”
“ฉันอยากอยู่กับพี่ค่ะ!” อันนาตัดสินใจแบบนั้น บอกตัวเองว่าเธอรักเขามากมาย รักแบบไม่มีข้อแม้ แม้จะต้องแลกด้วยความสาวเธอก็ยอม ขอเพียงให้เธออยู่ในสายตาของเขาตลอดเวลาก็พอ
“ฉัน ฉันขอโทษค่ะ”อันนาเสียงสั่นเพราะตกใจกลัวคำพูดกับแรงบีบของมือที่เจ้าของไม่คิดจะยั้ง จึงทำให้น้ำตาไหลออกมาอย่างกลั้นไม่อยู่ บวกกับความน้อยใจที่ความรักความห่วงใยของเธอไม่เคยเข้าถึงหัวใจของเขาได้เลย
มาร์เธียสเห็นดวงตาสีดำกลมโตเต็มไปด้วยหยาดน้ำใส ผิวสีน้ำผึ้งบนแก้มก็มีคราบน้ำตาไหลเป็นทาง ปากอิ่มเต็มสั่นระริกพลางเม้มกัดไว้แน่น ตัวก็สั่นเทิ้มราวหวาดกลัวกับการกระทำของเขายิ่งนัก ทำให้เขารู้สึกตัวนึกโมโหที่ขาดสติเพราะเขาไม่เคยเห็นอันนามีอาการหวาดกลัวขนาดนี้มาก่อน ใบหน้าคมเข้มก้มต่ำลงเพื่อตั้งใจจะจุมพิตหน้าผากปลอบขวัญ แต่..
กริ๊ง กริ๊ง
เสียงโทรศัพท์มือถือของอันนาดังขัดจังหวะทำให้มาร์เธียสต้องปล่อยร่างอรชรให้เป็นอิสระ
“โทรศัพท์ดังนานแล้ว ไปรับสิ” คนโมโหร้ายสั่งด้วยน้ำเสียงเรียบๆ
อันนาแทบจะทรงกายไม่อยู่เมื่อเขาปล่อยให้เธอเป็นอิสระ แถมยังไม่รู้สึกผิดเมื่อนัยน์ตาสีฟ้าน้ำทะเลของเขากลับปรายบอกให้เธอรีบรับโทรศัพท์ หญิงสาวจึงรีบหยิบมันขึ้นมากดรับทั้งที่เสียงยังสั่น
“คุณป้า สวัสดีค่ะ”
“อันนา เป็นอะไรหรือเปล่า ทำไมเสียงสั่นนักลูก”
“ไม่ค่ะ พอดีหนูเพิ่งจะ…เพิ่งจะย้ายโต๊ะทำงานเสร็จน่ะค่ะ” อันนาแก้ตัวไปแบบน้ำขุ่นๆ
“อะไรกัน ทำไมต้องย้ายเอง แม่บ้านของบริษัทไปไหนทำไมไม่มาช่วย”
“ไม่ค่ะ ไม่เป็นไร ย้ายนิดหน่อยเองค่ะ”
มาร์เธียสถอนหายใจกับคนพูดปด นึกถึงเหตุการณ์เมื่อครู่ที่เขาเกือบจะจูบอันนา แล้วก็ต้องถามว่าเกิดอะไรขึ้น ทำไมเขาถึงอยากจะทำอะไรแบบนั้น หรือว่าเป็นเพราะหลายปีที่ทำงานด้วยกัน อันนามักจะเคียงข้างเขาไปทุกที่ เธอมักจะยิ้มเป็นกำลังใจให้เขาเสมอ และในดวงตากลมโตคู่นั้นก็มักจะแสดงความจริงใจออกมาอย่างชัดเจน จนเกิดเป็นความเคยชินที่เขาจะต้องมองหาทุกครั้งหากว่าอันนาจะหายตัวไปแค่สิบนาที
คิดมาถึงตรงนี้ทำให้คิ้วเข้มขมวดมุ่นแล้วถามตัวเองว่าเขามีอาการแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไรกัน
“คุณป้ามีอะไรหรือเปล่าคะ”
“มาร์เธียสประชุมอยู่หรือเปล่า”
“เปล่าค่ะ” บอกแล้วก็รู้สึกเหมือนว่ากำลังถูกจับตามอง ทั้งที่เธอหันหลังให้ก็ตาม
“ป้าจะโทรมาเตือนอันนาว่าอย่าลืมบอกพี่เขานะ เรื่องที่ป้าชวนไปฮอลิเดย์คริสต์มาสด้วยกันที่บ้านพักบนเทือกเขาเรเดียลเต้”
“แต่คริสต์มาสนี้ พี่มาร์เธียสมีนัดกับมาดามเซเลสแตงที่เนบเบียนะคะ”
“เนบเบียหนาวจะตาย อากาศที่บรีเธนยังอุ่นกว่า แต่เอาเป็นว่าถ้าเลื่อนได้ก็เลื่อน เพราะอยากให้ไปด้วยจริงๆแต่ถ้าเลื่อนไม่ได้ก็ตามไปทีหลังให้ได้นะจ๊ะ”
อันนายังไม่ทันได้ตอบปฏิเสธ เอลลา ทูริพาโนก็วางสายไปเสียก่อน ทิ้งให้หญิงสาวต้องลำบากใจอีกครั้ง
“คุณแม่โทรมาทำไม”คนถามหย่อนก้นอิงกับโต๊ะทำงานตัวใหญ่ เมื่อเลขาฯ ยังไม่ยอมหันมาสบตาด้วย
“คุณป้าโทรมาเตือนเรื่องที่ว่าให้ชวนพี่ไปฮอลิเดย์คริสต์มาสที่บ้านพักบนเทือกเขาเรเดียลเต้ ท่านว่าถ้าเลื่อนไม่ได้ก็ให้ตามไปทีหลังค่ะ”
“เธอก็รู้ไม่ใช่เหรอว่าพี่มีคิวต้องไปพบมาดามเซเลสแตงที่เนบเบีย แล้วเธอก็ต้องไปกับพี่ด้วย หรือเธอมีความเห็นว่ายังไง”
“แล้วแต่พี่จะตัดสินใจค่ะ ฉันเกรงว่าความเห็นของฉันอาจไม่ถูกใจพี่ก็เป็นได้”
“ถ้าให้พี่เดา เธอคงอยากจะทำตามใจคุณแม่ใช่ไหม”
อันนาได้แต่รับคำเสียงเบา นึกโกรธตัวเองอยู่เหมือนกันว่าเธอไม่เคยพูดโป้ปดความจริงกับเขาได้เลย
“เธอก็รู้ไม่ใช่เหรอว่าสัญญาสัมปทานเหมืองแร่ฉบับเก่าเพิ่งจะหมดไป แล้วคาริฟกรุ๊ปก็ไม่ได้ต่อสัญญาเพราะทำขาดทุน พี่เพิ่งจะยื่นซองประมูลไปพร้อมกับของขวัญเล็กๆ น้อยๆ ให้มาดาม แล้วท่านก็นัดพบพี่เป็นการส่วนตัว แล้วถ้าพี่จะยกเลิกนัดกับท่าน พี่ว่ามาร์สโปรดักส์คงต้องพิจารณาประธานกับเลขาฯคนใหม่แล้วมั้ง”
คนถูกว่ากลืนน้ำลายแทบไม่ลงคอ แทบจะแทรกพื้นพรมหนีเพราะละอายใจในคำตำหนิ แต่เธอก็ไม่อาจฝืนคำขอร้องของคุณเอลลากับเฮนรี่ ทูริพาโนได้ จึงต้องพูดออกไป แต่ผลที่ได้ทำให้รู้สึกเหมือนตัวลีบเล็กลง
“ขอ ขอ..”อันนาต้องรีบยกมือขึ้นปิดปากเมื่อกำลังจะเผลอพูดคำว่าขอโทษออกไป เพราะเกรงว่าจะโดนตำหนิอีกครั้ง นึกน้อยใจว่าวันนี้เกิดอะไรขึ้นทำไมเจ้านายของเธอหงุดหงิดกว่าทุกวัน
“เราเลิกพูดเรื่องนี้กันได้แล้ว มีงานให้ทำอีกเยอะ พี่จะเตรียมตัวเจรจากับมิสเตอร์หว่อง เธอเตรียมเอกสารให้พี่เรียบร้อยหรือยัง”
“ได้แล้วค่ะ แต่ขอฉันเข้าห้องน้ำสักครู่นะคะ”อันนาบอกเสียงเบา ก่อนเดินหนีเข้าไปยังห้องด้านในซึ่งมีตู้ใส่เสื้อผ้าสำหรับเธอและมาร์เธียสเอาไว้เลือกเปลี่ยนในทุกโอกาส หากมีงานประชุมเร่งด่วน หรืองานเลี้ยงที่ไม่มีเวลากลับไปเปลี่ยนที่บ้าน
หญิงสาวต้องสูดอากาศเข้าปอดลึกเมื่อหันไปหยิบกระดาษมาซับน้ำตา มองเห็นเงาสะท้อนในกระจกแล้วก็ต้องสูดหายใจอีกครั้ง เวลาผ่านไปเร็วมาก จากวันเป็นเดือน จากเดือนเป็นปี จนกระทั่งปีที่หกที่เธอทำงานเป็นเลขาฯของเขาและตอนนี้เธออายุยี่สิบเจ็ด ยอมรับว่าความสามารถยังไม่มากพอกับการทำงานที่มุ่งมั่นของมาร์เธียส แต่เธอก็ยังอดทนทำ เพราะหวังว่าสักวันเขาคงเห็นความรักความห่วงใยที่มีให้เขา แต่ดูเหมือนว่าความอดทนของเธอกำลังจะหมด เพราะกำแพงน้ำแข็งที่ชายหนุ่มสร้างขึ้นมันไม่เคยละลายลงเลยสักนิด
หรือว่าถึงเวลาที่เธอควรไปจากเขา ไปเริ่มต้นใหม่ในที่ใหม่ๆ แล้วตัดใจเลิกรัก เลิกตั้งความหวังว่าสักวันเขาคงเห็นในความรัก ความภักดีที่เธอมอบให้ จะได้ไม่ต้องเจ็บปวดกับการรักเขาข้างเดียวอีก แต่พอคิดมาถึงตรงนี้มันก็ให้เกิดอาการรวดร้าวในหัวอก ราวกับจะตอกย้ำว่าเธอไม่อาจไปจากเขาได้เลย
“เป็นอะไรเหรออันนา”คำถามดังขึ้นอยู่ทางด้านหลัง ทำให้ร่างอรชรถึงกับสะดุ้งรีบเหลียวไปตอบทั้งที่น้ำตายังค้างอยู่บนผิวแก้มสีน้ำผึ้ง
“ปะเปล่าค่ะ ขอโทษนะคะ ฉันเสร็จแล้วค่ะ”บอกแล้วก็รีบเดินเข้าไปในห้องน้ำ ทิ้งให้มาร์เธียสมองตามอย่างนึกขำ คงตกใจไม่น้อยกับเรื่องเมื่อสักครู่ แต่ก็ช่วยไม่ได้ อารมณ์ตอนนั้นมันยั้งไม่อยู่ ก็ดวงตาสีดำมันวิบวับราวกับกำลังต่อว่าเขาอยู่ ใครจะไม่โมโห แล้วถ้าเขาเผลอจูบไปด้วยล่ะ อันนาจะมีสภาพแบบไหน
“ผมยินดีที่คุณให้ความไว้วางใจมาร์โปรดัคส์ครับ”มาร์เธียสยื่นมือให้มิสเตอร์หว่องนักธุรกิจชาวจีนที่เป็นคู่สัญญาการค้าได้สัมผัส หลังการเจรจาเรื่องผลประโยชน์ที่ยาวนานกว่าหนึ่งชั่วโมง เสร็จสิ้นลงด้วยดี
“เราก็ยินดีเช่นกันที่ทางมาร์โปรดัคส์เห็นในผลประโยชน์ที่เราจะร่วมลงทุนกันในทวีปเอเชีย”
“เช่นกันครับ ถ้าอย่างนั้นขอเวลาร่างสัญญาสักหนึ่งเดือนแล้วจะส่งไปให้คุณดูว่าตรงตามที่เราตกลงกันไหม จากนั้นถ้าคุณพอใจ เราจะนัดเซ็นสัญญากันอีกครั้ง”
“เช่นกันครับ ทางเราจะรอด้วยความยินดี”
“ขอบคุณอีกครั้ง เดี๋ยวผมจะให้รถของมาร์โปรดัคส์ไปส่งโรงแรม แต่ไม่ต้องห่วง ผมมีลูกน้องไปกับพวกคุณด้วย เขาจะเป็นฝ่ายบริการความสะดวกตั้งแต่อาหารมื้อกลางวันจนไปถึงมื้อค่ำ แล้วจะมีสุภาพสตรีเป็นไกด์ส่วนตัวให้ทุกท่านที่มาในวันนี้ด้วยครับ”มาร์เธียสรีบเอ่ยขึ้นอย่างคล่องแคล่ว เพราะนี่คือการทำงานที่เร่งรีบแข่งกับเวลา เนื่องจากการเจรจาครั้งนี้มันเลยเวลามากว่าหนึ่งชั่วโมง ซึ่งมันไม่น่าจะเกินครึ่งชั่วโมงสำหรับนักธุรกิจผู้ประสบความสำเร็จเช่นเขา
“เชิญค่ะ”อันนาผายมือเชิญนักธุรกิจชาวจีน เธอยิ้มให้อย่างอ่อนหวานเมื่อทุกคนลุกเดินออกจากห้องและแวะทักทายพลางส่งมือให้จับ
“เที่ยวบริเธนให้สนุกนะคะ”เลขาฯสาวเดินไปส่งคณะนักธุรกิจถึงลิฟต์ พลางโปรยยิ้มให้อีกครั้งก่อนจะเดินกลับเข้าไปในห้องท่านประธานดังเดิม
มาร์เธียสเงยหน้าขึ้นมองร่างอรชรที่กลับเข้ามาในห้อง
“เธอออกไปทำหน้าที่เลขาฯ พี่กินข้าวกับคุณฟิลิปป์ที่ร้านคลาเรนซ์ด้วยกัน จากนั้นพี่อนุญาตให้เธอกลับบ้านได้ก่อนเวลา ส่วนพี่จะไปงานวันเกิดสเตลลา”
“ค่ะ แต่วันนี้วันศุกร์ ฉันมีนัดกับอาร์ตี้ เราคงจะอยู่ที่ร้านเดอะไนท์กัน”
“ก็ตามใจ แต่อย่ากลับให้ดึกนัก แล้วก็อย่าดื่มเพราะเธอต้องขับรถ”
“จะพยายามค่ะ”อันนาตอบรับเสียงเรียบ
“จะพยายามก็แสดงว่าเธอจะไม่ทำตามที่พี่บอก”คำพูดเริ่มรวนน้ำเสียงเริ่มหงุดหงิดทำเอาอันนาต้องอธิบายออกไป
“ไม่ใช่ค่ะ แต่ที่ฉันไม่อยากรับปากทันทีเพราะยังไม่แน่ใจว่าตอนนั้นจะอะไรยังไง”
“อย่าพยายามอธิบายเลยอันนา เธอทำตามพี่บอกเป็นพอ”ร่างสูงลุกยืนทำให้อันนาต้องรีบไปหยิบกระเป๋าสะพายเตรียมพร้อม
“ของขวัญวันเกิดสเตลลาอยู่ไหน”
“อ๋อค่ะ”อันนารีบเปิดลิ้นชักหยิบถุงกระดาษใบใหญ่ของเครื่องหนังชื่อดังในปารีสออกมาส่งให้ชายหนุ่ม
“นี่ค่ะ รับรองว่าคุณสเตลลาต้องถูกใจแน่นอน”
“พี่ว่าเธอต้องปรับปรุงเรื่องการเลือกของขวัญสักหน่อยแล้วนะ”มาร์เธียสรับมาแล้วก็วางกระแทกบนโต๊ะทำงานดังเดิม
“วันนี้ฉันรู้สึกว่าทำอะไรไม่ถูกใจพี่เลย”
“ใช่ พี่ก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าเกิดอะไรขึ้น”มาร์เธียสกระแทกเสียงใส่แล้วเดินออกจากห้อง ตรงไปยังลิฟต์ส่วนตัว มีเลขาฯ สาวตามติดไปกดรหัสส่วนตัวให้ก่อนจะก้าวเข้าไปยืนอยู่ด้วยกัน
“ตกลงของขวัญไม่เอาแล้วเหรอคะ”
“พี่จะไปซื้อใหม่”
“ฉันต้องพิจารณาตัวเองไหมคะ”ออกไปแล้วก็อยากจะกัดลิ้นตัวเองเมื่อโดนรั้งต้นแขนให้เข้ามาจนชิดแผงอกล่ำภายใต้เสื้อสูทเนื้อดีราคาแพงของเขา
“กล้าพูดแบบนี้กับพี่เหรออันนา”
“มะไม่ใช่ค่ะ”คนพูดยังดิ้นขลุกขลักอยู่ในอ้อมแขน
“ปฏิเสธอีกแล้ว ก็เธอพูดหยกๆว่าต้องพิจารณาตัวเองไหม แล้วถ้าพี่ถามกลับว่าเธอกล้าลาออกไหมล่ะ”
“ก็ถ้าพี่จะให้ฉันออก ฉันก็ออกค่ะ”อันนาบอกเสียงขื่น พยายามจะขืนตัวออกจากอ้อมแขนแต่ก็ไม่สำเร็จ
“อวดดีไม่มีใครเกิน ไม่ต้องไปไหนทั้งนั้น ถ้าพี่ไม่อนุญาต”มาร์เธียสคิดแบบนั้นจริง มองร่างอรชรในอ้อมแขนที่พยายามจะขืนตัวออกก็ยิ่งหงุดหงิด เกิดคำถามว่าทำไมอันนาต้องทำท่ารังเกียจราวกับเขาเป็นสัตว์น่าขยะแขยง ทั้งที่เขาก็รู้ว่าอันนามีใจให้มาตลอด
“แต่ถ้าฉันจะแต่งงานกับคนอื่นล่ะคะ พี่จะอนุญาตไหม”
“ไม่”
อันนาเบิกตากว้าง กำลังจะอ้าปากเถียงก็ถูกปล่อยให้เป็นอิสระเมื่อลิฟต์เคลื่อนตัวลงมายังชั้นล่างและประตูเปิดออกจนกว้าง ทำให้คนทั้งสองต้องเดินไปขึ้นรถประจำตำแหน่งคันหรูโดยมีเอเต้ยืนรอรับ
“พี่จะห้ามฉันไม่ให้มีคนรักไม่ได้หรอกนะคะ”เลขาฯสาวแย้งขึ้นเมื่อนั่งอยู่บนเบาะด้านหลังด้วยกัน
“ไม่ได้ห้าม แต่ถ้าคนคนนั้นไม่ดีพอ พี่ก็ไม่อนุญาต”
“แต่พี่ไม่ใช่ผู้ปกครองของฉัน”
“ไม่ใช่ก็จริง แต่ถามหน่อยนะว่าเธอจะมีคนรักใหม่ได้เหรอ ในเมื่อเธอยังรักพี่อยู่”
หญิงสาวถึงกับนิ่งอึ้งเถียงไม่ออกเพราะคำถามมันทิ่มแทงใจจนปวดร้าวไปถึงใจส่วนลึก ไม่นึกเลยว่าเขาจะอ่านใจเธอได้ออกถึงขนาดนี้ แล้วอย่างนี้เธอจะเอาชนะเขาได้อย่างไร ในเมื่อเขาดูจะรู้ใจเธอดีไปเสียทุกเรื่องแบบนี้