“เธอต้องการอะไรกันแน่อันนา บอกพี่สิ” “ฉันอยากอยู่กับพี่ค่ะ!” อันนาตัดสินใจแบบนั้น บอกตัวเองว่าเธอรักเขามากมาย รักแบบไม่มีข้อแม้ แม้จะต้องแลกด้วยความสาวเธอก็ยอม ขอเพียงให้เธออยู่ในสายตาของเขาตลอดเวลาก็พอ

ฤทธิ์รักอสูรร้าย - บทที่ 2.3 ฤทธิ์รักอสูรร้าย โดย อรอร @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

รัก,ชาย-หญิง,ผู้ใหญ่,ฤทธิ์รักอสูรร้าย ,อรอร,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย

ฤทธิ์รักอสูรร้าย

หมวดหมู่ที่เกี่ยวข้อง

รัก,ชาย-หญิง,ผู้ใหญ่

แท็คที่เกี่ยวข้อง

ฤทธิ์รักอสูรร้าย ,อรอร

รายละเอียด

ฤทธิ์รักอสูรร้าย โดย อรอร @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

“เธอต้องการอะไรกันแน่อันนา บอกพี่สิ” “ฉันอยากอยู่กับพี่ค่ะ!” อันนาตัดสินใจแบบนั้น บอกตัวเองว่าเธอรักเขามากมาย รักแบบไม่มีข้อแม้ แม้จะต้องแลกด้วยความสาวเธอก็ยอม ขอเพียงให้เธออยู่ในสายตาของเขาตลอดเวลาก็พอ

ผู้แต่ง

อรอร

เรื่องย่อ

 มาร์เธียส ทูริพาโน มหาเศรษฐีหนุ่มเจ้าของธุรกิจพลังงานอันดับหนึ่งในบริชเธน เขาร่ำรวย หล่อเหลา เป็นหนึ่งในหนุ่มโสดเนื้อหอมหัวใจเย็นชาที่ยังคงไร้ซึ่งคู่ครอง ชายหนุ่มได้ชื่อว่าเป็นบุรุษหนุ่มที่มีสายตาเฉียบคมในเชิงธุรกิจ แต่ดวงตาคู่นั้นกลับมองข้ามคนใกล้ตัวที่คอยแอบห่วงใย คะนึงหา และปรารถนาที่จะเป็นคนข้างใจ เขายัดเยียดให้เธอเป็นตัวปัญหา เป็นคู่หมายที่เขาไม่พึงปรารถนา แต่เมื่อมีบุรุษเข้ามายุ่มย่ามวุ่นวาย ความรู้สึกเป็นเจ้าของกลับพลุ่งพล่านฉีดแรง หัวใจที่เคยเย็นชากลับร้อนระอุดั่งไฟเผา เขาหวงเธอ ไม่อาจสูญเสีย จนต้องกลายร่างเป็นอสูรร้าย จัดการรวบหัวรวบหางจับแม่สาวหน้าหวานกลืนลงท้องชนิดไม่มีเหลือเผื่อไว้ถึงบุรุษหนุ่มคนอื่น 

อันนา โคโทเนหญิงสาวชาวไทย ผู้จากบ้านมาไกลถึงบริชเธน เธอเป็นเลขาฯสาวสวยข้างกายมาร์เธียส ทูริพาโน และแอบหลงรักเจ้านายตัวเองมาเนิ่นนาน ยอมทำทุกอย่างเพื่อให้ความรักสมปรารถนา ด้วยถือคติที่ว่า “เพราะเธอคือทั้งหมดของหัวใจ” จึงตกหลุมพรางที่เสือร้ายอย่างมาร์เธียส ทูริพาโนวางล่ออย่างเต็มใจ

“อย่าทำแบบนี้ได้ไหมคะมาร์เธียส ฮือๆ” อันนาร่ำไห้เสียใจกับท่าทีหมางเมินเย็นชาของชายหนุ่ม เธอโผเข้ากอดซบอกเมื่อบอกตัวเองว่าทนไม่ได้ที่จะกลายเป็นคนไม่สำคัญของมาร์เธียส ทูริพาโน ทนไม่ได้ที่จะไม่ได้เห็นเขาทุกเช้า ทนไม่ได้ที่จะไม่ได้เดินเคียงไปกับเขาทุกที่ ทนไม่ได้ที่เขาจะเห็นคนอื่นสำคัญกว่าเธอ

“ร้องไห้ทำไมเด็กโง่ เธอต้องการแบบนี้ไม่ใช่เหรอ” มือหนายกขึ้นลูบหลังปลอบโยน

“ไม่ค่ะ ไม่ใช่แบบนี้” ร่างอรชรยังซุกหน้าร่ำไห้อยู่กับแผงอกล่ำภายใต้เสื้อสูทราคาแพงของเขา

“แล้วแบบไหน พี่เอาใจเธอไม่ถูกหรอก”

“พี่อย่าเพิ่งไล่ฉันออกได้ไหมคะ”

“พี่ไม่ได้ไล่ แค่ให้โอกาสเลือกสิ่งดีๆ กับชีวิตของเธอเอง ฟรังซัวส์อาจเป็นคนที่ใช่สำหรับเธอก็ได้”

“ไม่ค่ะ ไม่ใช่” คำตอบนั้นเรียกรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ในดวงตาสีฟ้าน้ำทะเลได้เป็นอย่างดี

นิ้วแข็งแรงเชยคางคนในอ้อมอกให้เงยขึ้นสบตา แล้วโน้มใบหน้าลงไปกระซิบถามตรงเรียวปากอิ่มเต็ม

“เธอต้องการอะไรกันแน่อันนา บอกพี่สิ”

“ฉันอยากอยู่กับพี่ค่ะ!” อันนาตัดสินใจแบบนั้น บอกตัวเองว่าเธอรักเขามากมาย รักแบบไม่มีข้อแม้ แม้จะต้องแลกด้วยความสาวเธอก็ยอม ขอเพียงให้เธออยู่ในสายตาของเขาตลอดเวลาก็พอ

สารบัญ

ฤทธิ์รักอสูรร้าย-บทที่ 1.1 ฤทธิ์รักอสูรร้าย,ฤทธิ์รักอสูรร้าย-บทที่ 1.2 ฤทธิ์รักอสูรร้าย,ฤทธิ์รักอสูรร้าย-บทที่ 1.3 ฤทธิ์รักอสูรร้าย,ฤทธิ์รักอสูรร้าย-บทที่ 2.1 ฤทธิ์รักอสูรร้าย,ฤทธิ์รักอสูรร้าย-บทที่ 2.2 ฤทธิ์รักอสูรร้าย,ฤทธิ์รักอสูรร้าย-บทที่ 2.3 ฤทธิ์รักอสูรร้าย,ฤทธิ์รักอสูรร้าย-บทที่ 3.1 ฤทธิ์รักอสูรร้าย,ฤทธิ์รักอสูรร้าย-บทที่ 3.2 ฤทธิ์รักอสูรร้าย,ฤทธิ์รักอสูรร้าย-บทที่ 3.3 ฤทธิ์รักอสูรร้าย,ฤทธิ์รักอสูรร้าย-บทที่ 4.1 ฤทธิ์รักอสูรร้าย,ฤทธิ์รักอสูรร้าย-บทที่ 4.2 ฤทธิ์รักอสูรร้าย,ฤทธิ์รักอสูรร้าย-บทที่ 4.3 ฤทธิ์รักอสูรร้าย,ฤทธิ์รักอสูรร้าย-บทที่ 5.1 ฤทธิ์รักอสูรร้าย,ฤทธิ์รักอสูรร้าย-บทที่ 5.2 ฤทธิ์รักอสูรร้าย,ฤทธิ์รักอสูรร้าย-บทที่ 5.3 ฤทธิ์รักอสูรร้าย,ฤทธิ์รักอสูรร้าย-บทที่ 6.1 ฤทธิ์รักอสูรร้าย,ฤทธิ์รักอสูรร้าย-บทที่ 6.2 ฤทธิ์รักอสูรร้าย,ฤทธิ์รักอสูรร้าย-บทที่ 6.3 ฤทธิ์รักอสูรร้าย,ฤทธิ์รักอสูรร้าย-บทที่ 7.1 ฤทธิ์รักอสูรร้าย,ฤทธิ์รักอสูรร้าย-บทที่ 7.2 ฤทธิ์รักอสูรร้าย,ฤทธิ์รักอสูรร้าย-บทที่ 7.3 ฤทธิ์รักอสูรร้าย,ฤทธิ์รักอสูรร้าย-บทที่ 8.1 ฤทธิ์รักอสูรร้าย,ฤทธิ์รักอสูรร้าย-บทที่ 8.2 ฤทธิ์รักอสูรร้าย,ฤทธิ์รักอสูรร้าย-บทที่ 8.3 ฤทธิ์รักอสูรร้าย,ฤทธิ์รักอสูรร้าย-บทที่ 9.1 ฤทธิ์รักอสูรร้าย,ฤทธิ์รักอสูรร้าย-บทที่ 9.2 ฤทธิ์รักอสูรร้าย,ฤทธิ์รักอสูรร้าย-บทที่ 9.3 ฤทธิ์รักอสูรร้าย,ฤทธิ์รักอสูรร้าย-บทที่ 10.1 ฤทธิ์รักอสูรร้าย,ฤทธิ์รักอสูรร้าย-บทที่ 10.2 ฤทธิ์รักอสูรร้าย,ฤทธิ์รักอสูรร้าย-บทที่ 10.3 ฤทธิ์รักอสูรร้าย,ฤทธิ์รักอสูรร้าย-บทที่ 11.1 ฤทธิ์รักอสูรร้าย,ฤทธิ์รักอสูรร้าย-บทที่ 11.2 ฤทธิ์รักอสูรร้าย,ฤทธิ์รักอสูรร้าย-บทที่ 11.3 ฤทธิ์รักอสูรร้าย,ฤทธิ์รักอสูรร้าย-บทที่ 12.1 ฤทธิ์รักอสูรร้าย,ฤทธิ์รักอสูรร้าย-บทที่ 12.2 ฤทธิ์รักอสูรร้าย,ฤทธิ์รักอสูรร้าย-บทที่ 12.3 ฤทธิ์รักอสูรร้าย,ฤทธิ์รักอสูรร้าย-บทที่ 13.1 ฤทธิ์รักอสูรร้าย,ฤทธิ์รักอสูรร้าย-บทที่ 13.2 ฤทธิ์รักอสูรร้าย,ฤทธิ์รักอสูรร้าย-บทที่ 13.3 ฤทธิ์รักอสูรร้าย,ฤทธิ์รักอสูรร้าย-บทที่ 14.1 ฤทธิ์รักอสูรร้าย,ฤทธิ์รักอสูรร้าย-บทที่ 14.2 ฤทธิ์รักอสูรร้าย,ฤทธิ์รักอสูรร้าย-บทที่ 14.3 ฤทธิ์รักอสูรร้าย,ฤทธิ์รักอสูรร้าย-บทที่ 15.1 ฤทธิ์รักอสูรร้าย,ฤทธิ์รักอสูรร้าย-บทที่ 15.2 ฤทธิ์รักอสูรร้าย,ฤทธิ์รักอสูรร้าย-บทที่ 15.3 ฤทธิ์รักอสูรร้าย,ฤทธิ์รักอสูรร้าย-บทที่ 16.1 ฤทธิ์รักอสูรร้าย,ฤทธิ์รักอสูรร้าย-บทที่ 16.2 ฤทธิ์รักอสูรร้าย,ฤทธิ์รักอสูรร้าย-บทที่ 16.3 ฤทธิ์รักอสูรร้าย,ฤทธิ์รักอสูรร้าย-บทที่ 17.1 ฤทธิ์รักอสูรร้าย,ฤทธิ์รักอสูรร้าย-บทที่ 17.2 ฤทธิ์รักอสูรร้าย,ฤทธิ์รักอสูรร้าย-บทที่ 17.3 ฤทธิ์รักอสูรร้าย,ฤทธิ์รักอสูรร้าย-บทที่ 18.1 ฤทธิ์รักอสูรร้าย,ฤทธิ์รักอสูรร้าย-บทที่ 18.2 ฤทธิ์รักอสูรร้าย,ฤทธิ์รักอสูรร้าย-บทที่ 18.3 ฤทธิ์รักอสูรร้าย,ฤทธิ์รักอสูรร้าย-บทส่งท้าย - 1 ฤทธิ์รักอสูรร้าย,ฤทธิ์รักอสูรร้าย-บทส่งท้าย - 2 ฤทธิ์รักอสูรร้าย,ฤทธิ์รักอสูรร้าย-บทส่งท้าย - 3 ฤทธิ์รักอสูรร้าย

เนื้อหา

บทที่ 2.3 ฤทธิ์รักอสูรร้าย

“ใครครับ อย่าบอกว่าคนรักนะ” นิ้วแข็งแรงของฟรังซัวส์ชี้ไปยังรูปบนหน้าจอโทรศัพท์ที่เขาเห็นเข้าพอดี

“อ๋อ เจ้านายของฉันค่ะ”

“เขาหล่อนะ แต่ท่าทางจะแก่กว่าผมเยอะ แต่ช่างเถอะ ผมอยากถ่ายรูปกับคุณมากกว่า” ฟรังซัวส์ลุกไปนั่งเคียงแล้วเอียงแก้มโอบไหล่กับหญิงสาวจนชิด มือข้างหนึ่งก็ยกกล้องขึ้นเซลฟี่ไปหลายครั้ง

“ส่งทางไลน์ให้ผมด้วย จริงสิ ผมยังไม่รู้จักชื่อคุณเลย” มือขาวสะอาดส่งโทรศัพท์คืนให้เจ้าของ แต่ยังไม่ยอมขยับกลับไปนั่งที่เดิม จนอันนาต้องขยับถอยทำให้ดาราหนุ่มรู้สึกตัว

“ขอโทษครับ ปกติผมไม่ค่อยเจอผู้หญิงหวงตัวสักเท่าไร”

“อาจจะเป็นด้วยสายเลือดคนไทยในตัวฉันมั้งคะ” อดีตเด็กกำพร้าคิดแบบนั้น ถึงแม้เธอจะเติบโตในต่างแดนที่ให้อิสระเสรีในการแสดงออกของคู่รัก หรือแม้แต่การมีสัมพันธ์กันในช่วงวัยรุ่น แต่เธอก็ไม่เคยคิดอยากจะทำ หรืออาจเป็นเพราะเธอตั้งความหวังไว้สูง เลยไม่คิดจะมองใครนอกจากมาร์เธียส ทูริพาโน

“คุณเป็นคนไทยเหรอ ผมเคยไปเที่ยวสองสัปดาห์ แต่คุณพูดภาษาอังกฤษคล่องมาก”

“ฉันมาอยู่ที่นี่ตั้งแต่ห้าขวบในฐานะลูกบุญธรรมค่ะ”

“อ๋อ ผมเสียใจด้วยที่คุณต้องจากบ้านเกิด แต่ผมดีใจที่คุณมีโอกาสได้เริ่มต้นกับครอบครัวใหม่ที่นี่”

“ขอบคุณค่ะ ฉันถือว่าตัวเองโชคดีมากกว่าเพื่อนๆ อีกหลายคนในสถานสงเคราะห์” อันนาเลื่อนจานเค้กส้มให้ดาราหนุ่มคนโปรด

“เค้กของคุณค่ะ บอกตรงๆ ฉันไม่ค่อยเห็นผู้ชายสั่งเค้กส้มกิน”

“จะบอกให้ว่าผมอยากกินมาก แต่มักโดนผู้จัดการสั่งห้ามแล้วก็ส่งแต่เมนูเพื่อสุขภาพมาให้ผมกินอย่างเดียว” มือขาวสะอาดตักเค้กเข้าปาก แล้วทำท่าเคี้ยวราวกับกำลังลิ้มรสอาหารสุดพิเศษที่หาชิมที่ไหนไม่ได้อีกแล้ว

เลขาฯ ของมาร์เธียสถึงกับหัวเราะเพราะขำกับท่าทางที่เหมือนเด็กน้อยได้ชิมขนมชิ้นโปรด

“คุณเหมือนเด็กๆ ทั้งที่คุณก็ตัวโต”

“ผมโตแต่ตัว แต่มีสมองน้อยนิด”

“คุณกำลังถล่มตัวเองนะฟรังซัวส์”

“นานๆ ครั้งผมจะได้อยู่ตามลำพังโดยไม่มีผู้จัดการคอยกำราบ ผมก็เลยอยากทำอะไรที่ไม่ค่อยได้ทำบ้าง” ดาราหนุ่มตักเค้กคำสุดท้ายเข้าปาก แก้วกาแฟจึงถูกเลื่อนไปให้พร้อมน้ำเปล่า

“เผื่อติดคอ”

“ขอบคุณ”

“แต่วันนี้คุณมาทำไมที่บรีเธนคะ แล้วก็ยังไม่มีผู้จัดการตามประกบอีก”

“คุณลืมแล้วเหรอว่าตอนนี้มีเทศกาลหนังนานาชาติที่กรุงบรีเธน วันนี้เมื่อตอนเย็นผมยังได้จับมือกับท่านประธานาธิบดีตอนท่านไปเปิดงานเลย เสียดายว่าภริยาท่านไม่ได้ออกงานด้วย เห็นว่าติดธุระ”

อันนายิ้มรับ จริงสินะ เทศกาลหนังเพิ่งจะเริ่ม ส่วนอาร์ทิมีสนั้นมัวแต่ติดธุระต้องเป็นที่ปรึกษาให้กับเธอ

“แล้วคุณหนีผู้จัดการมาได้ยังไงคะ”

“ก็หลบออกมาตอนเขาอาบน้ำสิครับ” พูดยังไม่ทันเท่าไร โทรศัพท์ของดาราชื่อดังก็ส่งเสียงระรัวขึ้น “เห็นไหมยังไม่ทันไรเลย อายุยืนมากๆ”

“ไม่รับเหรอคะ”

“ไม่ เขาจะรู้ครับว่าถ้าผมไม่รับ แสดงว่าผมต้องการความเป็นส่วนตัว”

“แต่คุณควรจะกลับได้แล้วนะคะ ฉันก็คงต้องกลับเหมือนกัน” คนอยากกลับบ้านเปิดกระเป๋าสะพายหยิบนามบัตรออกมาส่งให้ซูเปอร์สตาร์

“ถ้าคุณเปลี่ยนใจจะเรียกค่าเสียหาย ติดต่อฉันได้ที่นี่นะคะ”

“อันนา โคโทเนตำแหน่งเลขาฯ ประธานมาร์สโปรดักส์ มาร์เธียส ทูริพาโน” ฟรังซัวส์อ่านชื่อของหญิงสาวบนนามบัตร

“ค่ะ ฉันชื่ออันนา โคโทเน คุณติดต่อฉันได้ตามนามบัตร”

“แล้วถ้าผมอยากให้คุณพาเที่ยวล่ะ” คนอยากให้พาเที่ยวไม่ได้ถามแต่ปาก แต่นัยน์ตาสีเขียวมรกตยังสบตารอคำตอบอย่างเว้าวอน

“สาวๆ ของคุณล่ะคะ ฉันได้ข่าวว่าคุณเปลี่ยนคู่ควงทุกวัน”

“นั่นมันสาวๆ แต่กับคุณ ผมขออนุญาตเป็นเพื่อนกับคุณได้ไหม”

“เป็นพี่สาวน้องชายดีกว่าไหม”

ฟรังซัวส์หัวเราะเสียงดัง ก่อนจะเอ่ยปากขอโทษที่เสียมารยาท

“อย่าโกรธเลยนะอันนา แต่คุณคิดยังไงจะเป็นพี่สาวผม”

“เท่าที่ฉันเคยอ่านประวัติคุณ ฉันรู้ว่าคุณอายุยี่สิบห้า”

“นั่นสิ แล้วคุณจะเป็นพี่สาวผมได้ยังไง” คนไม่อยากเป็นน้องถามยิ้มๆ

“ฉันยี่สิบเจ็ดแล้วค่ะ”

น้องชายตัวโตเลิกคิ้วสูง นัยน์ตาสีเขียวมรกตเหมือนไม่เชื่อในสิ่งที่หญิงสาวบอก

“จริงค่ะ ฉันอายุยี่สิบเจ็ดแล้ว”

“แต่คุณแลดูเด็กมากเลยนะอันนา ผมคิดว่าคุณสักยี่สิบสอง”

คนถูกชมหน้าแดงเรื่อ เพราะเขินกับคำชมและสายตาอ่อนหวานที่ส่งมาให้

มาร์เธียสถึงกับขบเหลี่ยมคางจนเป็นสัน เมื่อยืนมองเลขาฯ นั่งพูดคุยด้วยท่าทางสนิทสนมกับดาราหนุ่มราวกับรู้จักกันมานานปี ทั้งที่ตอนจะแยกกับเขาเมื่อตอนเย็น ยังหน้าบูดหน้าบึ้งน้ำหูน้ำตาก็ทำท่าว่าจะไหลเพราะเขาไม่ให้ไปงานวันเกิดสเตลลาด้วย ร่างสูงจึงก้าวเดินไปหาด้วยอารมณ์หงุดหงิดที่หญิงสาวดูจะชื่นชมนายฟรังซัวส์จนออกนอกหน้า ซึ่งปกติแล้วเขาจะไม่เคยเห็นแม่เลขาฯ ชื่นชมใครนอกจากเขาคนเดียว

“พี่นึกว่าเธอหายไปไหน ที่แท้ก็มานั่งอยู่ตรงนี้ คิดถึงคุณป้าบ้างหรือเปล่าว่าท่านจะเป็นห่วง” เสียงเข้มถามแทรกขึ้นมาให้ได้ยิน ทำให้อันนาต้องเหลียวไปมองด้วยความตกใจ

“พี่มาร์เธียส”

“จะกลับบ้านได้หรือยัง”

“ค่ะ คือว่าเกิดอุบัติเหตุน่ะค่ะ ฉันขับรถชนท้ายคุณฟรังซัวส์”อันนารีบแก้ตัว เริ่มใจไม่ดีกับคำถามและสายตาตำหนิไม่พอใจยามเธอสบตาด้วย

“แล้วไง ชนก็ให้นามบัตรบริษัทประกันไป เธอไม่จำเป็นต้องนั่งคุยกับเขานี่”

“เอ่อ ขอโทษครับคุณมาร์เธียส ผมชื่อฟรัง…”

“ผมรู้ว่าคุณเป็นใคร แต่ผมไม่สนใจ และที่ผมไม่ชอบก็คือ คุณถ่วงเวลาคุยกับเลขาฯ ของผม จนบ้านช่องไม่ได้กลับ แล้วทางบ้านต้องโทรถามมาทางผม” มาร์เธียสอ้างหน้าตาเฉย หลังขับรถออกจากงานวันเกิดของสเตลลา มาตามเส้นทางของร้านเดอะไนท์ เพื่อจะดูว่าเลขาฯ ของเขากลับบ้านหรือยัง เพราะรู้ว่าอันนามาพบปะพูดคุยกับเพื่อนสนิทอย่างอาร์ทิมีสภริยาประธานาธิบดีทุกวันศุกร์เสมอ แต่พอขับเลยร้านมาเรื่อยๆ จึงเห็นว่ารถของอันนาจอดอยู่หน้าร้านกาแฟ เลยจอดลงมาดู ก็เลยได้รู้ว่าแม่เลขาฯ จอมอวดดีกำลังนั่งหัวเราะต่อกระซิกกับไอ้หนุ่มดาราดัง

“ฉันขอโทษด้วยค่ะฟรังซัวส์ วันนี้คงต้องกลับก่อน”ร่างอรชรรีบลุกยืน

“แล้วที่เราตกลงกันไว้ล่ะครับ”

“ตกลงอะไร” ประธานมาร์สโปรดักส์ถามเสียงเรียบ

“ผมขอให้อันนาพาเที่ยวในฐานะเจ้าบ้านที่ดี”

 “เลขาฯ ผมมีงานทำเยอะแยะ ไม่ว่างมาต้อนรับดาราอย่างคุณหรอก” มาร์เธียสรั้งข้อมือเรียวบางให้เดินออกมาด้านนอกของร้าน แล้วออกคำสั่งกับลูกน้องคนสนิททันที

“เอเต้ นายขับรถอันนาไปเข้าอู่ของบริษัทเลย ส่วนเธอขอกุญแจให้พี่”

เจ้าของกุญแจเลยต้องส่งรีโมตกุญแจรถให้

“ไป เธอขึ้นรถไปกับพี่”

“ฉันทำอะไรผิดคะมาร์เธียส”อันนาถามประสาซื่ออยู่ตรงประตูรถ เธอไม่เข้าใจว่าทำไมเขาต้องโมโหหงุดหงิด แค่เธอนั่งดื่มกาแฟกับดารานักร้องคนโปรดในร้านที่มีลูกค้าร่วมสิบคน

 “ผิดตรงให้ผู้ใหญ่เป็นห่วง”ร่างสูงเปิดประตูรอ

“แต่คุณแม่ท่านก็ทราบมาตลอดว่าทุกวันศุกร์ฉันจะกลับบ้านดึกนะคะ”อธิบายแล้วก็ขึ้นนั่งบนเบาะด้านคนโดยสาร

“แต่ดึกของเธอส่วนมากจะอยู่กับอาร์ทิมีส ไม่ใช่มาขลุกอยู่กับไอ้ดาราจอมเจ้าชู้นั่น”ประตูรถกระแทกปิดดังปัง แต่อันนาก็ฝืนยิ้มให้กับฟรังซัวส์ที่มายืนโบกมือส่งอยู่ตรงหน้าร้าน

“พี่อย่าพูดแบบนั้นได้ไหม ฉันเพิ่งเจอเขา เราก็คุยกันตามปกติ อีกอย่างเขาเป็นดาราที่ฉันปลื้ม โอกาสได้คุยกับดาราใหญ่ไม่ได้มีง่ายๆ นะคะ” คำอธิบายของเลขาฯ คนสวยไม่ได้ช่วยให้สถานการณ์ดีขึ้น เมื่อรถถูกขับกระชากให้เร็วขึ้น

“อยากลาออกไปเป็นเลขาฯ มันไหมล่ะ”

“พี่จะไล่ฉันออกเหรอคะ” อันนาถามด้วยความน้อยใจ ที่เธอไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น ทำไมเจ้านายของเธอถึงได้ฉุนเฉียว หงุดหงิดง่ายทั้งที่ก่อนหน้านี้ไม่เคยมี หยาดน้ำใสจึงปริ่มอยู่ริมขอบตาคู่สวยเพราะอัดอั้นกับความรู้สึกจากภายใน

“เธอคงอยากออกไปทำงานกับมันมากละสิ”

“ที่นี่ให้ชีวิตใหม่ โอกาสดีๆ แล้วก็ยังให้ความรักความอบอุ่นกับฉันเสมอ ฉันจะไม่ไปไหน ถ้าพี่ไม่ออกปากไล่” ในที่สุดอันนาก็กลั้นน้ำตาเอาไว้ไม่อยู่ ต้องปล่อยให้มันไหลรินด้วยความเสียใจ ทำให้คนที่กำลังขับรถด้วยความเร็วต้องถอนคันเร่ง แล้วชะลอเข้าจอดข้างทาง

“ดูเหมือนวันนี้เราจะพูดเรื่องไล่ออกลาออกกันเยอะไปแล้ว”

อันนาเอาแต่สะอื้นไห้ ไม่ยอมตอบรับกับคำพูดของเจ้านายหนุ่ม เพราะพูดไปก็ไร้ประโยชน์ในเมื่อเขาไม่ยอมรับฟังความคิดเห็นของเธอสักข้อเดียว

“เอาเป็นว่าเราเลิกพูดเรื่องนี้กันดีไหม” มาร์เธียสต้องรั้งไหล่บอบบางนั้นเข้ามาโอบเมื่อรับรู้ถึงแรงสะอื้น

“เงียบๆ ไม่เอาไม่ร้อง” เขาไล้นิ้วเช็ดน้ำตาบนผิวแก้มสีน้ำผึ้งให้อย่างอ่อนโยน แต่ปากอิ่มเต็มก็ยังสั่นระริกเพราะแรงสะอื้นจากภายใน ดวงตากลมโตแวววาวด้วยหยาดน้ำตามันตัดพ้อต่อว่าด้วยความน้อยใจ ทำให้ใบหน้าคมเข้มที่รกครึ้มไปด้วยหนวดเคราต้องก้มแตะปากลงสัมผัส หมายจะปลอบขวัญ แต่ความหวานจากรสและกลิ่นของไวน์ยังติดอยู่ในโพรงปากและตามลิ้นเรียวเล็กที่ดูจะเงอะงะยามเขาส่งลิ้นร้อนชื้นเข้าไปปลอบโยน

“มาร์เธียส” อันนาครางเหมือนคนเป็นไข้ เมื่อเขาให้โอกาสเธอได้ผ่อนลมหายใจ ทำให้เจ้าของจูบรู้สึกตัวแล้วปล่อยเลขาฯ คนสวยให้เป็นอิสระ

มาร์เธียสแอบถอนหายใจเบาๆ กับการกระทำของตัวเอง นี่มันเกิดอะไรขึ้น ทำไมเขาต้องทำแบบนี้กับอันนาด้วย หรือว่าเขาสะสมอารมณ์ทางเพศไว้เยอะไม่ได้ปลดปล่อยอย่างที่มันควรจะเป็น 

อันนาเองก็ใจเต้นรัวกับสัมผัสอ่อนโยนบนปลายลิ้น ไม่กล้าแม้แต่จะขยับตัวเพราะเกรงจะไปทำลายสมาธิคนที่กำลังทำหน้าเคร่ง จึงนั่งเกร็งตัวแข็ง

มาร์เธียสแตะลงบนต้นแขนของเลขาฯที่นั่งนิ่งราวหุ่นยนต์ก่อนจะเรียกออกไป

“อันนา”

“คะ”คนถูกเรียกสะดุ้งเฮือก

“พี่ทำให้เธอตกใจมากเลยเหรอ”

“คะ พี่เรียกทำไมคะ”

“เธอไม่เป็นไรใช่ไหม”

คนต้องตอบเม้มปากพลางส่ายหน้าไม่ยอมสบตาด้วย ปลายนิ้วแข็งแรงจึงเชยคางมนให้เงยขึ้น แล้วใช้นิ้วโป้งไล้ริมฝีปากอิ่มเต็ม ก่อนอดใจไม่อยู่เมื่อมันยังสั่นระริกราวกับยังตกใจไม่หาย ปากหยักได้รูปจึงแนบลง ขบเม้มจนปากเล็กเผยอเปิดรับให้เขาได้ส่งลิ้นอุ่นเข้าไปปลอบโยนอีกครั้ง ก่อนจะเพิ่มความเร่าร้อนมากขึ้นยามสัมผัสกับความไร้เดียงสาที่หญิงสาวดูจะไม่ประสีประสากับการจูบสักเท่าไร

“มาร์เธียส” อันนาหายใจหายคอไม่ทันเมื่อถูกรุกรานมากขึ้น

“อันนา เป็นเฟิร์สคิสของเธอใช่ไหม”

คนต้องตอบร้อนผ่าวที่แก้มสองข้าง กัดปากด้วยความขัดเขินไม่กล้าแม้จะเงยขึ้นสบตา เพราะกลัวต้องความจริงว่าเธอไม่เคยจูบกับชายหนุ่มคนไหนมาก่อนเลยในชีวิต

“เด็กน้อย”มาร์เธียสเอ่ยอย่างเห็นขันพลางโน้มใบหน้าลงจูบหน้าผากเกลี้ยงมนด้วยความเอ็นดู คิดเข้าข้างตัวเองว่าคงเป็นเพราะอันนารักเขาอย่างมากมาย ถึงไม่เคยคิดจะจูบกับผู้ชายอื่น นี่คงตั้งใจรอให้เขามอบจูบแรกมานานเลยกระมัง

“ขอบใจมากนะ”

“เรื่องอะไรเหรอคะ”

มาร์เธียสไม่ตอบได้แต่ยิ้มอยู่ในหน้ายามสตาร์ตรถใหม่อีกครั้ง บอกตัวเองว่าจะบอกออกไปได้อย่างไรว่าเขาขอบใจที่เก็บจูบแรกไว้ให้เขา ขืนบอก แม่คุณคงเขินอายจนไม่กล้าสู้หน้าเขาก็เป็นได้

อันนาได้แต่นั่งเงียบไม่กล้าชวนคุยเพราะกลัวอารมณ์ขึ้นๆ ลงๆ ของมาร์เธียส จนชายหนุ่มขับพามาจนถึงบ้าน

“พี่ไม่เข้าบ้านนะ”

“ค่ะ ไม่เป็นไร”

“ฝากความคิดถึงพ่อกับแม่ด้วย”

อันนาได้แต่รับคำ ไม่ยอมเงยหน้าสบตาเจ้านายหนุ่ม มือหนาจึงยกนิ้วขึ้นแตะปากอิ่มเต็มที่เขาเพิ่งจะจูบปลอบขวัญไปเมื่อครู่

“เป็นอะไร ไม่พูดไม่จา”

“เปล่าค่ะ”

“ปฏิเสธอีกแล้ว หรือว่างอนที่พี่พาลใส่ดาราคนโปรดของเธอ” เจ้าของคำถามหงุดหงิดขึ้นมาอีกครั้ง ให้ตายเถอะเขาเป็นอะไร ทำไมถึงโมโหฉุนเฉียวง่าย ก็แค่อันนาคุยกับดาราคนโปรด แล้วทำไมเขาถึงได้อิจฉาไอ้หมอนั่นที่อันนาส่งยิ้มให้มันราวกับสนิทสนมกันมานาน ทั้งที่เขาควรจะเป็นฝ่ายดีใจที่อันนามอบจูบแรกให้กับเขา

 ยิ่งคิดยิ่งฟุ้งซ่านเมื่อภาพของเลขาฯกับดารานักร้องหนุ่มนั่งคุยกันในร้านกาแฟผุดขึ้นมาในสมอง จนต้องถามตัวเองว่ามันเกิดอะไรขึ้น ทำไมเขาถึงได้รู้สึกหวงอันนาขึ้นมาเสียเฉยๆไม่อยากให้อันนาชายตาแล หรือแม้แต่ยิ้มให้ใคร เขารู้สึกว่ายิ้มหวานๆกับดวงตาคู่กลมโตของอันนา ควรเป็นของเขาคนเดียวเท่านั้น!