“เธอต้องการอะไรกันแน่อันนา บอกพี่สิ” “ฉันอยากอยู่กับพี่ค่ะ!” อันนาตัดสินใจแบบนั้น บอกตัวเองว่าเธอรักเขามากมาย รักแบบไม่มีข้อแม้ แม้จะต้องแลกด้วยความสาวเธอก็ยอม ขอเพียงให้เธออยู่ในสายตาของเขาตลอดเวลาก็พอ
รัก,ชาย-หญิง,ผู้ใหญ่,ฤทธิ์รักอสูรร้าย ,อรอร,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
ฤทธิ์รักอสูรร้าย“เธอต้องการอะไรกันแน่อันนา บอกพี่สิ” “ฉันอยากอยู่กับพี่ค่ะ!” อันนาตัดสินใจแบบนั้น บอกตัวเองว่าเธอรักเขามากมาย รักแบบไม่มีข้อแม้ แม้จะต้องแลกด้วยความสาวเธอก็ยอม ขอเพียงให้เธออยู่ในสายตาของเขาตลอดเวลาก็พอ
มาร์เธียส ทูริพาโน มหาเศรษฐีหนุ่มเจ้าของธุรกิจพลังงานอันดับหนึ่งในบริชเธน เขาร่ำรวย หล่อเหลา เป็นหนึ่งในหนุ่มโสดเนื้อหอมหัวใจเย็นชาที่ยังคงไร้ซึ่งคู่ครอง ชายหนุ่มได้ชื่อว่าเป็นบุรุษหนุ่มที่มีสายตาเฉียบคมในเชิงธุรกิจ แต่ดวงตาคู่นั้นกลับมองข้ามคนใกล้ตัวที่คอยแอบห่วงใย คะนึงหา และปรารถนาที่จะเป็นคนข้างใจ เขายัดเยียดให้เธอเป็นตัวปัญหา เป็นคู่หมายที่เขาไม่พึงปรารถนา แต่เมื่อมีบุรุษเข้ามายุ่มย่ามวุ่นวาย ความรู้สึกเป็นเจ้าของกลับพลุ่งพล่านฉีดแรง หัวใจที่เคยเย็นชากลับร้อนระอุดั่งไฟเผา เขาหวงเธอ ไม่อาจสูญเสีย จนต้องกลายร่างเป็นอสูรร้าย จัดการรวบหัวรวบหางจับแม่สาวหน้าหวานกลืนลงท้องชนิดไม่มีเหลือเผื่อไว้ถึงบุรุษหนุ่มคนอื่น
อันนา โคโทเนหญิงสาวชาวไทย ผู้จากบ้านมาไกลถึงบริชเธน เธอเป็นเลขาฯสาวสวยข้างกายมาร์เธียส ทูริพาโน และแอบหลงรักเจ้านายตัวเองมาเนิ่นนาน ยอมทำทุกอย่างเพื่อให้ความรักสมปรารถนา ด้วยถือคติที่ว่า “เพราะเธอคือทั้งหมดของหัวใจ” จึงตกหลุมพรางที่เสือร้ายอย่างมาร์เธียส ทูริพาโนวางล่ออย่างเต็มใจ
“อย่าทำแบบนี้ได้ไหมคะมาร์เธียส ฮือๆ” อันนาร่ำไห้เสียใจกับท่าทีหมางเมินเย็นชาของชายหนุ่ม เธอโผเข้ากอดซบอกเมื่อบอกตัวเองว่าทนไม่ได้ที่จะกลายเป็นคนไม่สำคัญของมาร์เธียส ทูริพาโน ทนไม่ได้ที่จะไม่ได้เห็นเขาทุกเช้า ทนไม่ได้ที่จะไม่ได้เดินเคียงไปกับเขาทุกที่ ทนไม่ได้ที่เขาจะเห็นคนอื่นสำคัญกว่าเธอ
“ร้องไห้ทำไมเด็กโง่ เธอต้องการแบบนี้ไม่ใช่เหรอ” มือหนายกขึ้นลูบหลังปลอบโยน
“ไม่ค่ะ ไม่ใช่แบบนี้” ร่างอรชรยังซุกหน้าร่ำไห้อยู่กับแผงอกล่ำภายใต้เสื้อสูทราคาแพงของเขา
“แล้วแบบไหน พี่เอาใจเธอไม่ถูกหรอก”
“พี่อย่าเพิ่งไล่ฉันออกได้ไหมคะ”
“พี่ไม่ได้ไล่ แค่ให้โอกาสเลือกสิ่งดีๆ กับชีวิตของเธอเอง ฟรังซัวส์อาจเป็นคนที่ใช่สำหรับเธอก็ได้”
“ไม่ค่ะ ไม่ใช่” คำตอบนั้นเรียกรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ในดวงตาสีฟ้าน้ำทะเลได้เป็นอย่างดี
นิ้วแข็งแรงเชยคางคนในอ้อมอกให้เงยขึ้นสบตา แล้วโน้มใบหน้าลงไปกระซิบถามตรงเรียวปากอิ่มเต็ม
“เธอต้องการอะไรกันแน่อันนา บอกพี่สิ”
“ฉันอยากอยู่กับพี่ค่ะ!” อันนาตัดสินใจแบบนั้น บอกตัวเองว่าเธอรักเขามากมาย รักแบบไม่มีข้อแม้ แม้จะต้องแลกด้วยความสาวเธอก็ยอม ขอเพียงให้เธออยู่ในสายตาของเขาตลอดเวลาก็พอ
อันนา โคโทเนในชุดเดรสเข้ารูปสีไข่ไก่ยาวเลยเข่า มีไหมพรมเนื้อดีราคาแพงพันรอบคอ สวมทับด้วยเสื้อโค้ทตัวหนาเมื่ออากาศยังหนาวเย็นและมีหิมะโปรยปรายตลอดเวลา หญิงสาวพิศดูดวงหน้าตรงกระจกเงาที่สะท้อนภาพมาให้เห็น ปลายนิ้วยกขึ้นสัมผัสปากอิ่มเต็มสีชมพูระเรื่อ แก้มสองข้างร้อนผ่าวขึ้นอย่างช่วยไม่ได้เมื่อนึกถึงจูบแรก
อันนาขบกัดริมฝีปากด้วยความหวามไหว เมื่อสัมผัสได้ทุกอณูของความหอมหวานที่มันยังติดอยู่ในความรู้สึก นี่เธอคงไม่ประสีประสาเอาเสียเลย เขาถึงได้รู้ว่ามันเป็นจูบแรกในวัยสาวของเธอ
“โอ๊ย อยากจะโทรไปเล่าให้อาร์ตี้ฟังจังเลยว่าพี่มาร์เธียสมอบจูบแรกให้เธอแล้ว”คิดได้แบบนั้นจึงหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาพิมพ์ข้อความเพื่อจะส่งไปให้เพื่อนรู้ทางไลน์ แต่แล้วก็เปลี่ยนใจลบทิ้ง เพราะอยากเก็บความหวานชื่นนี้ไว้เพียงคนเดียว
ร่างอรชรเดินมาสวมรองเท้าบูทหนังสีน้ำตาลยาวขึ้นมาปิดหน้าแข้ง จากนั้นสำรวจความเรียบร้อยอีกครั้ง แต่เสียงเพลงจากโทรศัพท์เครื่องทันสมัยทำให้มือเรียวสวยต้องหยิบมันขึ้นมาดู พลางเลิกคิ้วแปลกใจกับเลขหมายแปลกตา
“ฮัลโหล”
“ไฮพี่สาว จำผมได้ไหม”
“ฟรังซัวส์เหรอคะ”
“ใช่ ผมน้องชายของพี่อันนาครับ” ทางปลายสายล้อเลียนเสียงทุ้ม
“ไม่ยักรู้ว่าดาราอย่างฟรังซัวส์ก็ตื่นเช้ากับเขาด้วย”
“โธ่ ผมมีกิจกรรมให้ทำเยอะนะครับ”
“ทำอะไรบ้างคะวันนี้”
“ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชน โปรโมตหนังที่เล่น ตอนเย็นท่านประธานาธิบดีเลี้ยงต้อนรับคณะผู้จัดงานพร้อมกับคณะนักธุรกิจหลายภาคส่วน”
“ขอให้สนุกกับการทำงานที่บรีเธนนะคะ” อันนาบอกเสียงหวาน เธอเดินไปยังหน้าต่างห้องนอนพลางแหวกม่านสีฟ้าออกดู เมื่อได้ยินเสียงรถยนต์คุ้นหู แต่แล้วก็ต้องเพ่งมองให้แน่ใจ เมื่อมันเป็นรถยนต์คันงามของมาร์เธียส ทูริพาโน
‘มาทำไม’ คำถามเกิดขึ้นในใจทันที
“แล้วคุณจะไม่มาให้กำลังใจผมหน่อยเหรอ”
“ฉันมีงานทำนะคะ”
“ตอนเย็นไง มาเป็นคู่ควงเดินเข้างานกับผม”
“อย่าเลยค่ะ เราเพิ่งรู้จักกัน อีกอย่างฉันไม่อยากเป็นข่าว แล้วก็ไม่อยากตกเป็นเป้าโจมตีจากพวกสาวๆ ของคุณด้วยค่ะ”
ดาราหนุ่มหัวเราะมาให้ได้ยิน แต่อันนากำลังร้อนใจว่าเจ้านายของเธอมาที่นี่ทำไมแต่เช้าโดยไม่มีการโทรนัดหมายล่วงหน้า
“แล้ววันอื่นล่ะ คุณจะพาผมเที่ยวได้ไหมอันนา”
“ฉันว่างแค่วันอาทิตย์ค่ะ”
“ถ้าอย่างนั้นขอคิววันอาทิตย์ให้ผมนะครับพี่สาว” ฟรังซัวส์เอ่ยล้อเลียนเสียงหัวเราะ
“คุณอยากไปไหนคะ”
“ไปไหนก็ได้ที่คุณจะพาไป”
“จะให้ฉันไปรับที่ไหนคะ” อันนาตัดสินใจถามออกไป หลังจำได้ว่าวันอาทิตย์นี้เจ้านายของเธอจะไปเล่นสกีที่เทือกเขาเรเดียลเต้เมาเท่น
“ผมพักที่แกรนด์ วอลตัน โฮเทล”
“โอเค ฉันรู้จักโรงแรมนั้นดี เอาเป็นว่าฉันไปรับสักแปดโมง เพราะต้องขับรถออกนอกเมืองคงใช้เวลาเป็นชั่วโมง”
“ได้ครับ ผมจะเตรียมตัวให้พร้อมตั้งแต่เช้ามืดเลย”
“ได้ค่ะ แล้วเจอกัน”อันนาตัดสินใจตอบรับคำชวนของฟรังซัวส์ เพราะคิดว่าการได้มีโอกาสพาดารานักร้องในดวงใจเที่ยว เป็นประสบการณ์อีกหนึ่งอย่างที่น่าทำและคิดว่าไม่เสียหายอะไร
ก๊อก ก๊อก
เสียงเคาะประตูดังขึ้น ทำให้อันนาต้องรีบบอกทางปลายสาย
“แค่นี้นะฟรังซัวส์ แล้วค่อยคุยกันอีกที”
ดาราหนุ่มยังไม่ทันได้รับคำ มือเรียวสวยก็รีบกดตัดสาย เพราะเสียงเคาะซ้ำดังขึ้น
ก๊อก ก๊อก
“โซอี้เหรอ ฉันกำลังจะลงไปเดี๋ยวนี้แหละ”
“พี่เอง”
เจ้าของห้องใจหายวาบ เธอแทบไม่เชื่อหูตัวเองรีบเดินไปเปิดประตูทั้งที่โทรศัพท์ยังอยู่ในมือ
“มาร์เธียส”อันนาเอ่ยเรียกเสียงเบา เงยหน้าขึ้นมองร่างสูงสง่าตรงหน้าที่ยังคงความคมเข้มของใบหน้าที่มีไรเขียวของเคราจางๆ ดวงตาสีฟ้าน้ำทะเลคมกริบบาดใจที่ยามสบตาทีไร หัวใจของเธอไหวยวบ ยิ่งปากหยักได้รูปยิ้มเพียงนิด ก็ยิ่งทำให้นึกถึงรสจูบเมื่อคืนจนแก้มสองข้างร้อนผ่าว
“ตกใจมากเลยเหรอ ทำไมพักนี้ขวัญอ่อนนักล่ะ”
“ก็ไม่คิดว่าพี่จะมา”
“เสร็จแล้วใช่ไหมจะได้ไปกันเลย”
“ไปไหนคะ” อันนาถามด้วยความงุนงง เพราะนับครั้งได้ที่ประธานมาร์สโปรดักส์จะแวะมาหาเธอถึงที่บ้าน และยิ่งในตอนเช้าด้วยแล้ว แทบเป็นไปไม่ได้ด้วยซ้ำ
“อ้าว ก็ไปทำงาน รถเธอต้องเข้าอู่ซ่อมไม่ใช่เหรอ”
“แต่รถคันอื่นของคุณพ่อคุณแม่ก็มีนี่คะ”
“แล้วจะเอารถท่านไปใช้ให้วุ่นวายทำไม ในเมื่อบ้านเราอยู่ในเส้นทางเดียวกัน” คนพูดปรายตามองโทรศัพท์ในมือของเลขาฯ อย่างสนใจ ก่อนสั่งว่า
“อย่ามัวโอ้เอ้เลย พี่จำได้ว่าวันนี้มีประชุมผู้ถือหุ้นไม่ใช่เหรอ”
“แล้วทานอะไรมาหรือยังคะ”
“ยัง กะจะมาฝากท้องที่นี่สักมื้อ หวังว่าคงไม่รีบใช่ไหม” ร่างสูงสง่าถามอยู่ตรงหน้าประตู ทำให้อันนาต้องรีบหยิบกระเป๋าใบหรูมาคล้องไหล่ ก่อนจะมีเสียงชมมาให้ได้ยิน
“เธอจัดห้องได้น่ารักดีนะ”
เจ้าของห้องใจหายวาบ หน้าแดงเรื่อด้วยความเขินอาย รู้ดีว่ามาร์เธียส หมายถึงภาพถ่ายของเขาในกรอบรูปหลายๆ ใบที่ติดอยู่แทบจะทุกพื้นที่ของผนัง โดยแต่ละภาพจะมีเธอยืนเคียงอยู่ด้วยทุกครั้งที่มีโอกาสได้ตามไปทำงานในแต่ละประเทศ เธอก็มักจะขอถ่ายรูปคู่กับเขาเอาไว้เป็นที่ระลึก
“สงสัยคงต้องขยายห้องให้ใหญ่กว่าเดิมแล้วมั้ง เพราะยังมีอีกหลายที่ที่เธอจะต้องไปประชุมกับพี่ด้วย”
“ถ้าอย่างนั้นขยายห้องใต้ดินดีไหมคะ”อันนาแกล้งพูดแหย่เพื่อให้ขำ แต่กลายเป็นว่า
“เช้าๆ อย่าชวนทะเลาะ เพราะเดี๋ยวจะหงุดหงิดทั้งวัน”
หญิงสาวได้แต่ทำหน้ามุ่ยเพราะเอาใจมาร์เธียสไม่ถูก เจตนาจะพูดให้เขาขบขันไปกับเธอ กลายเป็นว่าโดนปรามแทน
“รูปถ่ายของพี่ไม่ควรลงไปอยู่ห้องใต้ดิน”แขกตัวโตยังยืนขวางอยู่หน้าประตู
“เจ้าค่ะ แต่ฉันแหย่พี่เล่นเฉยๆ”
“พี่ก็แหย่เธอเล่นเฉยๆเหมือนกัน แต่ห้ามเธอทำอย่างที่พูดจริงๆ”
อันนายังคงมองแค่สาบเสื้อโค้ทตัวหนา จนนิ้วแข็งแรงต้องเชยคางขึ้น ดวงตากลมโตสีดำแวววาวแต่แลดูหวาดหวั่นราวกับกลัวเขาจะทำร้าย
“โกรธอะไรอีกหรือเปล่า”
“เปล่าค่ะ ลงไปทานข้าวกันดีกว่านะคะ”อันนาต้องหาข้ออ้าง เพราะเริ่มหวาดหวั่นกับอาการของคนตัวสูงที่มาแปลกกว่าทุกวัน
“ไปสิ เดี๋ยวจะสาย ข้างนอกหนาวมากด้วยท่าทางจะมีพายุ”บอกแล้วก็เบี่ยงตัวให้ร่างอรชรได้เดินนำลงบันได
“กลัวโดนจูบละสิ”ดวงตาคมกล้ามองตามพร้อมรอยยิ้มบนเรียวปากพลางคิดขำอยู่ในใจ
“อ้าว ลงมากันแล้วเหรอ มาๆ อาหารเช้าพร้อมแล้ว มาร์เธียสเชิญนั่งก่อน” โซเฟียเอ่ยชวนคนทั้งสองอยู่ตรงโต๊ะอาหารที่สำรับถูกจัดวางเรียบร้อย
“ขอบคุณครับ” มาร์เธียสเป็นฝ่ายขยับเก้าอี้ให้อันนานั่งตามความเคยชิน ไม่ว่าจะควงเลขาฯ ไปทำงานที่ไหนก็แล้วแต่
“ขอบคุณค่ะ”
“ขออภัยคุณน้าด้วยครับที่ไม่ได้โทรบอกล่วงหน้าว่าจะมา”
“ไม่เป็นไร ถึงยังไงบ้านเราก็ตื่นกันเช้า ยกเว้นวิคเตอร์จะลงมาสาย เพราะจะอ่านหนังสือพิมพ์ก่อน”
“ชาค่ะ” มือเรียวสวยเลื่อนถ้วยกระเบื้องลายดอกกุหลาบสีชมพูหวานมาให้ชายหนุ่ม น้ำสีอำพันหอมกรุ่น กระไอความร้อนลอยเอื่อยอยู่ในบรรยากาศที่มีความร้อนจากเตาผิงให้ความอบอุ่น
“ครัวซองส์อบใหม่ๆ กับชีสค่ะ”
“ขอบใจ แล้วเธอล่ะอันนา มัวแต่บริการพี่”
“ฉันทานได้เรื่อยๆ ค่ะ” บอกแล้วก็ต้องหยิบโทรศัพท์ข้างจานขึ้นมาอ่าน เมื่อมีเสียงข้อความเข้ามาทางไลน์
“ผมแทบรอวันอาทิตย์ไม่ไหว”
“อันนา” คนเป็นแม่ต้องปรามเสียงเรียบ เมื่อลูกบุญธรรมกำลังเสียมารยาทด้วยการสนใจโทรศัพท์มากกว่าแขกที่กำลังนั่งทานอาหารอยู่ด้วย
“ขอโทษค่ะคุณแม่ พี่มาร์เธียส”
พี่มาร์เธียสของอันนาทำหน้านิ่ง ยกถ้วยน้ำชาขึ้นจิบ แต่ภายในใจนั้นเริ่มคุกรุ่น เขาเชื่อว่าอันนากำลังหลงใหลได้ปลื้มกับดาราจอมกะล่อนคนนั้น
“เย็นนี้คงมาส่งค่ำหน่อยนะครับ เพราะผมกับอันนาต้องไปงานเลี้ยงที่ทางกลุ่มนักธุรกิจเป็นเจ้าภาพร่วมกับภาครัฐบาลเลี้ยงต้อนรับคณะจัดงานเทศกาลภาพยนตร์โลกที่บ้านเรา”
“ฉันต้องไปด้วยเหรอคะ” เลขาฯ ถามด้วยความสงสัย เพราะก่อนหน้านี้เขาบอกว่าไม่จำเป็นต้องไป
“ไปสิ งานนี้อาร์ทิมีสก็ไปด้วย เธอไม่อยากเจอกันก่อนวันศุกร์เหรอ” ประธานมาร์สโปรดักส์ถามเสียงเรียบพลางยกผ้าขึ้นซับปาก
“อิ่มแล้วเหรอมาร์เธียส”
“ครับคุณน้า แต่เธอยังทานต่อได้นะอันนา พี่คอยได้”
“ฉันอิ่มแล้วเหมือนกันค่ะ”อันนายกผ้าขึ้นซับปากแล้วลุกตามเจ้านายแทบจะทันที ร่างสูงลุกเดินไปตรงประตูไม้ที่ขอบโค้งเป็นรูปครึ่งวงกลม มันเปิดจนกว้างโดยคนรับใช้ กระแสลมพัดเอาเกล็ดหิมะลอยปลิดปลิวเข้ามาในบ้าน จนมาร์เธียสต้องสั่งให้ปิดเอาไว้ก่อน
“วันนี้เขาบอกว่าจะมีพายุลูกเห็บ ระวังด้วยล่ะ” โซเฟียเอ่ยเตือนขึ้น เมื่อมองออกไปทางช่องหน้าต่างบานเล็ก แลเห็นใบไม้ปลิวหลุดร่วงจากต้นจนเกลื่อนพื้น
“หรือจะรอให้พายุสงบก่อนดีคะ”
“ถ้ารอคงไม่ทันประชุม พี่ไม่อยากพลาด”
“ถ้าอย่างนั้นก็ขับรถระวังก็แล้วกัน ถ้าไม่ไหวจริงๆ ก็หาที่จอดให้มันปลอดภัยด้วย” มารดาของอันนาเตือนด้วยความเป็นห่วง
“ครับ ขอบคุณ”
“แล้วอันนาเตรียมเสื้อผ้าไปงานเลี้ยงแล้วเหรอลูก”
“เดี๋ยวผมจะพาไปร้านครับ รับรองว่าลูกสาวคุณน้าจะสวยเหมือนเจ้าหญิง”
โซเฟียได้แต่รับคำ ทั้งที่อยากจะเถียงออกไปนักว่าจะมีประโยชน์อะไร ในเมื่อเจ้าชายมาร์เธียสไม่เคยเห็นเจ้าหญิงอันนาอยู่ในสายตา