จะกล่าวถึงหน้าประวัติศาสตร์โลกเวทมนตร์ชื่อของ 'จาฟา ครูส' เป็นชื่อที่ทุกคนต้องได้ยินเสมอ แต่เหตุการณ์เมื่อห้าปีก่อนทำให้ตัวตนของเขาหายไปจากหน้าประวัติศาสตร์

พ่อมดในตำนานคนนั้นเป็นแค่คนตกงาน #จาฟาไม่อยากเป็นพ่อมด - 1 - โดย DIAT @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

ชาย-ชาย,แฟนตาซี,ตลก,ย้อนยุค,ไทย,จาฟาไม่อยากเป็นพ่อมด,ลึกลับ,นิยายแฟนตาซี,คำสาป,เวทมนตร์,แฟนตาซีน,พ่อมด,BL,ผจญภัย,แฟนตาซี,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย

พ่อมดในตำนานคนนั้นเป็นแค่คนตกงาน #จาฟาไม่อยากเป็นพ่อมด

หมวดหมู่ที่เกี่ยวข้อง

ชาย-ชาย,แฟนตาซี,ตลก,ย้อนยุค,ไทย

แท็คที่เกี่ยวข้อง

จาฟาไม่อยากเป็นพ่อมด,ลึกลับ,นิยายแฟนตาซี,คำสาป,เวทมนตร์,แฟนตาซีน,พ่อมด,BL,ผจญภัย,แฟนตาซี

รายละเอียด

พ่อมดในตำนานคนนั้นเป็นแค่คนตกงาน #จาฟาไม่อยากเป็นพ่อมด โดย DIAT @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

จะกล่าวถึงหน้าประวัติศาสตร์โลกเวทมนตร์ชื่อของ 'จาฟา ครูส' เป็นชื่อที่ทุกคนต้องได้ยินเสมอ แต่เหตุการณ์เมื่อห้าปีก่อนทำให้ตัวตนของเขาหายไปจากหน้าประวัติศาสตร์

ผู้แต่ง

DIAT

เรื่องย่อ

#จาฟาไม่อยากเป็นพ่อมด

มิเกล อาร์เอชได้ขึ้นเป็นผู้นำตระกูลหลังจากที่บิดาของตนเสียชีวิตลงอย่างปริศนา

ห้องทำงานที่เคยถูกลงกลอนถูกเปิดออก ภาพของพ่อมดในตำนานที่เคียงข้างเขาในวัยเยาว์

การสิ้นชีวาของแม่มดสาวผู้มีความสัมพันธ์ลับ ๆ กับเขา

'จาฟา ครูส'

การดำดิ่งสู่เพนทาเคิล สมาคมพ่อมดที่ปกครองพ่อมดทั้งปวงในฮีมาไทต์



คำเตือน: การฆ่า/การใช้ความรุนแรง/การพยายามฆ่า/ฆ่าตัวตาย/สังหารหมู่/พฤติกรรมน่ารังเกียจ/การทารุณกรรมเด็ก/การทารุณกรรมทางด้านจิตใจ/ลิทธิ/ความเชื่อ ศาสนา



เวอร์ชั่นที่เผยแพร่ยังไม่ได้ตรวจสอบคำผิดอย่างละเอียด

ป.ล.การลงนิยายอาจจะไม่ถี่หรือไม่ค่อยมีเวลามากนัก เนื่องจากนักเขียนอยู่ในช่วงวัยเรียน ภาระงานจากโรงเรียนเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ อีกทั้งนักเขียนเรียนเกี่ยวกับแพทย์ อาจทำให้มีเวลาทางด้านนี้น้อยลงอีกด้วย

ต้องขอบคุณนักอ่านทุกท่านด้วยนะคะ



อยากเขียนแฟนตาซีขึ้นมา และคิดว่าแนวพ่อมดแม่มดนี่แหละเหมาะแก่การทดลองเขียนสุด ๆ ในโลกสมมตินี้จะพาคุณไปท่องยังเมืองต่าง ๆ สมาคมและสมาพันธ์ มีความเชื่อศาสนาและลัทธิต่าง ๆ เป็นเรื่องสมมุติ โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่านด้วยนะครับ

สารบัญ

พ่อมดในตำนานคนนั้นเป็นแค่คนตกงาน #จาฟาไม่อยากเป็นพ่อมด-Season I -,พ่อมดในตำนานคนนั้นเป็นแค่คนตกงาน #จาฟาไม่อยากเป็นพ่อมด-prologue -,พ่อมดในตำนานคนนั้นเป็นแค่คนตกงาน #จาฟาไม่อยากเป็นพ่อมด-1 -,พ่อมดในตำนานคนนั้นเป็นแค่คนตกงาน #จาฟาไม่อยากเป็นพ่อมด-2 -,พ่อมดในตำนานคนนั้นเป็นแค่คนตกงาน #จาฟาไม่อยากเป็นพ่อมด-3 -,พ่อมดในตำนานคนนั้นเป็นแค่คนตกงาน #จาฟาไม่อยากเป็นพ่อมด-4 -,พ่อมดในตำนานคนนั้นเป็นแค่คนตกงาน #จาฟาไม่อยากเป็นพ่อมด-5 -,พ่อมดในตำนานคนนั้นเป็นแค่คนตกงาน #จาฟาไม่อยากเป็นพ่อมด-6 -,พ่อมดในตำนานคนนั้นเป็นแค่คนตกงาน #จาฟาไม่อยากเป็นพ่อมด-7 -,พ่อมดในตำนานคนนั้นเป็นแค่คนตกงาน #จาฟาไม่อยากเป็นพ่อมด-8 -

เนื้อหา

1 -

1

ใต้ผืนฟ้าสีคราม กงล้อฟันเฟืองขยับขับเคลื่อนกาลเวลา 

เสียงที่อยู่เหนือน่านฟ้าทำให้เหล่าพ่อมดแม่มดเงยมอง เป็นเอกลักษณ์ของโลกแห่งนี้ เมื่อทอดมองให้สมใจอยากค่อยละสายตาออกจากมัน ตั้งแต่ก่อกำเนิดโลกใบนี้ฟันเฟืองพร่าเบลอบนท้องฟ้าก็มีอยู่ก่อนการณ์ ศาสตราจารย์มากหน้าหลายตาพยายามค้นคว้าหาความจริงเกี่ยวกับสิ่งนี้ แต่เพราะพลังหมุนเวียนของ ‘ดรากัน’ จึงทำให้เหล่าพ่อมดเลิกวุ่นวายกับกงล้อ ใช้ชีวิตอย่างสงบสุข ไร้ศัตรู

นี่คือยุคสมัยที่สงบสุขที่สุดตั้งแต่ฮีมาไทต์เคยมีมา สำหรับมิเกลแล้วความสงบสุขเหล่านี้เป็นเพียงเครื่องมือบังหน้าของเหล่าสมาคมพ่อมดที่กำลังปกปิดบางอย่างเอาไว้อยู่ เบื้องหน้าของชายหนุ่มเส้นผมสีจิ้งจอก ดวงตาบุษราคัมทอดมองห้องทำงานของเจ้าของตระกูลคนก่อน...ห้องทำงานของพ่อที่เขาไม่เคยเข้าไปยุ่งวุ่นวาย แต่เมื่อการเสียชีวิตของผู้นำตระกูลอาร์เชอ จดหมายฉบับหนึ่งที่พ่อบ้านมอบให้ก็ถูกส่งมอบให้เขา

“มิเกล อาร์เชอ ผู้นำตระกูลคนปัจจุบัน”

เขาว่าเสียงแผ่วเบา บานประตูที่ถูกปิดสนิทเลื่อนออกอย่างเชื่องช้า เผยให้เห็นความมืดมิดด้านในตัวห้อง คิ้วเรียวขมวดเข้าหากัน เหลือบสายตามองพ่อบ้านคนสนิทที่ประสานมือไว้ด้านหลัง ยืนตัวตรงพร้อมกดปลายคางลง เขาไม่เอ่ยสิ่งใดออกมา เพียงอยู่กับเขาเพื่อให้ผู้นำตระกูลคนปัจจุบันสบายใจเท่านั้น แม้ในความจริง มิเกลจะไม่รู้สึกกลัวหรือเหงาหงอยอย่างที่อีกฝ่ายเข้าใจเลยก็ตาม ขายาวก้าวเข้าไปด้านใน กลิ่นอายของมนตร์คาถาคลุ้งไปทั่วห้อง ไม่ผิดแน่ ทุกตารางนิ้วของห้องนี้ถูกเวทมนตร์ของท่านพ่อสะกดเอาไว้ ในจดหมายกล่าวไว้ว่าผู้มีสิทธิ์เข้าถึงห้องนี้ต้องเป็นมิเกล อาร์เชอ ลูกชายเพียงคนเดียวเท่านั้น มิเกลหยิบจับสิ่งของเปื้อนคราบฝุ่นอย่างระมัดระวัง เพียงสัมผัสอันแผ่วเบาก็ทำให้หน้ากระดาษพัดออก จนหยุดอยู่ที่หน้าใดหน้าหนึ่ง

รูปภาพด้านในถูกวาดด้วยจิตกรชื่อดัง ทั้งยังเป็นภาพเสมือนจริง เส้นผมสีส้มคือเขาและพ่อ ส่วนคนผมยาวประมาณบ่าคือ...ใคร? แม้จะเป็นภาพวาดหากดวงเนตรสีทับทิมกลับฉายแววความน่าขนลุกออกมา เขาไม่แน่ใจว่านั่นใช่พ่อมดที่เลื่องลือหรือไม่ แล้วเหตุใดรูปภาพนี้ถึงถูกบันทึกไว้ในสมุดของพ่อเขาได้ เลื่อนสายตามองไปยังลิ้นชัก เขาดึงมันออก กรอบรูปแตกระแหงถูกเก็บซ่อนอยู่ภายในนี้

“เซวานด์” พ่อบ้านชราเปิดตาข้างหนึ่ง สาวเท้าเดินเข้ามาหาก่อนก้มหัวให้ “เจ้าอยู่ที่นี่ตั้งแต่สมัยที่พ่อของข้ายังเป็นเพียงพ่อมดฝึกหัดใช่หรือไม่” เซวานด์พยักหน้า “ตระกูลของเรารับใช้ตระกูลอาร์เชอตั้งแต่สมัยแรกเริ่ม ข้าเห็นทุกการเปลี่ยนแปลงและการเคลื่อนไหวของตระกูลและประเทศแห่งนี้” ดวงตาปีกอีกาสบเข้ากับสีเหลืองแวววาวล้อกันกับฟันเฟืองด้านนอกที่ทอดกายบนผืนฟ้า ดวงตาคู่นั้นแวววาว ริมฝีปากคลี่ยิ้มน่าขนลุกนักหนา

“เจ้ารู้หรือไม่ว่าคนในรูปคือใคร” เซวานด์ถือวิสาสะเขยิบกายเข้าใกล้นาย น้อมตัวลงเพื่อให้มองรูปภาพอย่างชัดเจน เส้นผมสีขาวเป็นเอกลักษณ์ ดวงเนตรสีแดงชาดพร้อมต่างหูหยดน้ำคล้ายหยาดโลหิต เซวานด์ใช้เวลาไม่นานก็เอ่ยขึ้นอีกรอบ “เขาเป็นพ่อมดที่เลื่องชื่อของฮีมาไทต์ขอรับ หากแต่ถูกขับไล่ออกจากประเทศนี้ตั้งแต่ห้าปีก่อน สมาคมพ่อมดพยายามตามหาเขาแต่ก็ไม่เป็นผล จึงสรุปได้ว่าจาฟา ครูสได้ตายลงแล้ว เนื่องจากการแหกคุกของเขา เพลงทมิฬของดรากันได้โอบล้อมร่างจาฟาเอาไว้”

“ดรากัน...มังกรบรรพกาลหรือ”

“ขอรับ”

“...”

มังกรไม่ญาติดีกับทุกสรรพชีวิตในโลกแห่งนี้ พวกเขารักสงบไม่คิดข้องเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงของโลกใบนี้ หากกงล้อนั่นคงเป็นฝีมือของเขา...สักตัวหนึ่ง ตามที่มิเกลพอจดจำได้ สถาบันการศึกษากำลังหาวิธีดูแลลูกมังกรที่เก็บมาได้ หากความยากมันอยู่ตรงที่ความดุร้ายของดรากัน “ข้าคิดว่ามีอะไรไม่ชอบมาพากลนัก ดรากันจะมาที่ฮีมาไทต์เพื่อเหตุใดกัน แล้วพ่อข้าเกี่ยวข้องอะไรกับจาฟา ให้ตาย…คิดว่าลูกชายทำได้ทุกอย่างบนโลกเลยหรืออย่างไร” เขานวดหว่างคิ้วอย่างเคร่งเครียด แค่การขึ้นมาดำรงตำแหน่งก็ยากเย็นแล้ว นี่ยังไม่นับรวมเรื่องเครือญาติที่เขม่นเขาอยู่กลาย ๆ อีก ยังมาสะสางความยุ่งยากที่พ่อทิ้งไว้ให้ มิเกลเก็บเอาความหงุดหงิดไว้ในอก แก้ไขอะไรตอนนี้ไม่ได้แล้วด้วย ต้องพุ่งชนให้ถึงที่สุดสินะ เขาเอี้ยวตัวมาหาเซวานด์

“หาประวัติของจาฟาให้ข้าหน่อย ส่วนเรื่องในห้องของพ่อเดี๋ยวข้าจะจัดการเอง อย่าให้ใครรู้เรื่องนี้เด็ดขาด” พ่อบ้านโน้มตัวลงกล่าวรับทราบจึงเดินออกจากห้องทำงานออกไป ทิ้งให้มิเกลได้รื้อค้นตามที่ใจต้องการ ส่วนมากคือเอกสารงานวิจัยของอะไรบางอย่าง ‘ดรากัน’ ‘ท้องฟ้า’ ‘โลก’ ‘สมาคม’ สามหัวข้อแรกเป็นเรื่องทั่วไปที่พ่อมดอยากรู้คำตอบอยู่แล้ว ส่วนอย่างสุดท้ายนั่นแตกต่างจากพวกมากโข เขาไล่สายตาอ่านรายละเอียดจนมึนหัว

งานวิจัย ตัวทดลองที่ 1024

ดัดแปลงพันธุกรรม ไม่สำเร็จ

ตัวทดลองเกิดอาการคลุ้มคลั่ง เกิดการเปลี่ยนแปลงทายกายภาพ ไม่สามารถรับเอาเพลิงทมิฬไว้ในกายได้ ต้องกำจัดทิ้ง

เนื้อหาไปในทิศทางเดียวกันหมด ตัวทดลองกับดรากัน เผ่ามังกรที่เคยกวาดล้างพ่อมดที่ฆ่าลูกของมัน เขากลืนน้ำลายลงคอ ยังเจอหลักฐานอีกหลายอย่างที่บ่งชี้ว่าการกระทำของสมาคมพ่อมดขัดหลักศีลธรรมของมนุษย์เป็นที่สุด ไม่มีใครอยากเป็นปรปักษ์กับพวกผู้เฒ่านั่น ผู้คนต่างรู้อยู่แล้วว่าหากสืบสาวความชั่วร้ายจะต้องเจอจุดจบแบบใด หรือการตายของพ่อเขาจะส่วนมาจากพวกมัน...เขาขมวดคิ้ว ก่อนจมกับความเงียบงันก็พบเจอกระดาษขนาดใหญ่พับเก็บไว้ชั้นลึกที่สุด ความเก่านั้นทำให้กระดาษเป็นสีเหลืองกรอบ เพียงแตะนิดหน่อยก็อาจบุสลายได้แล้ว

เขากางออก

“อะไรอีกละเนี่ย...”

 

 

“มิเกลนะมิเกล! ข้าไม่ใช่เบ๊สักหน่อย ไยจึงใช้งานข้าเยี่ยงทาสปานนี้!” ชายหนุ่มบ่นอุบยามเดินย่องผ่านไม้ใหญ่ที่หลบซ่อนตัวตนเอาไว้ เสียงของเพลิงไหม้ที่ไม่เคยมอดดับโหมกายพัดผืนไหม้แห้งจนเหลือเพียงเถ้าถ่าน ร่างเล็กกลืนน้ำลายพร้อมกอดบางสิ่งบางอย่างแนบอก ชายหนุ่มไม่รู้สิ่งที่ตนกอดไว้คือสิ่งใด มันทั้งหนัก แถมยังขยุกขยิกไปมา...นั่นคือสิ่งมีชีวิตแน่ ๆ แล้วเหตุใดเพื่อนรักของเขาจึงอยากเอาสิ่งมีชีวิตมาทิ้งไว้ที่นี่กันแน่

พ่อมดทุกตนรวมไปถึงเผ่าพันธุ์อื่นที่ดำรงชีวิตในโลกใบใหญ่ต่างทราบกันดีว่า สวนต้องห้ามของดรากันไม่เคยมีผู้ใดรอดชีวิตออกมาได้ สวนแห่งนี้เป็นอีกหนึ่งสัญลักษณ์บ่งบอกความอันตรายของเผ่ามังกรที่เคยถูกรุกรานจากความละโมบของพ่อมดตนหนึ่งมาก่อน จากนั้นไม่นานส่วนหนึ่งของฮีมาไทต์จึงถูกเพลิงทมิฬเผาไหม้มิอาจทวงคืนมาได้ ผู้คนล้มตายจำนวนมาก เขาสะบัดใบหน้าเอาเหงื่อไคลที่ไหลย้อยตามกรอบหน้าออก เมื่อเห็นถึงเปลวไฟสีรัตติกาลสงบนิ่งแล้วจึงก้าวเดินไปด้านหน้า ร่างที่เคยหลบซ่อนจึงเผยให้เห็นแววตาสีเงิน เขาวางสิ่งมีชีวิตรูปร่างคล้ายไข่ขนาดใหญ่ที่ถูกผ้าพันรอบเอาไว้โดยไม่เผยให้เห็นสิ่งใด เมื่อวางในตำแหน่งที่เหมาะสมแล้วจึงหมดหน้าที่ของเขา

เรียวขาวก้าวไปจุดหนึ่ง ห่างไกลกับเพลิงที่ลุกโชติ

เด็กหนุ่มหมายจะเรียกไม้กวาดคู่ใจก็ต้องชะงัก...

ตำนานที่ต่างเล่าขานคล้ายจะเป็นจริง เมื่อก้าวเข้าสู่สวนแห่งธุลีไม่มีสิ่งใดได้กลับออกไป

ไม่มีใครอธิบายว่าเพราะเหตุใด มีเพียงคำบรรยายสั้น ๆ ว่าถูกไฟครอกตาย ไม่เหลือแม้แต่จิตวิญญาณ กระนั้นเขาไม่อยากเชื่อข่าวลือหรือตำนานนั้นเสียหน่อย พอมาเจอกับตาเปล่าก็คล้ายจะเสียสติไป สมองโล่งผิดกับในคาบเรียน ร่างกายชาหนึบจนเขยื้อนกายไปไหนไม่ได้ เปลวไฟสีดำมืดกลับกลายมาเป็นเศียรของมังกรบรรพกาลที่เคยน่าประหวั่นในอดีต ทอดกายอยู่เหนือไข่ใบนั้น

ชายหนุ่มโอดโอยในใจ โธ่...ช่วยบอกกันก่อนได้หรือไม่ว่านั่นคือไข่มังกร

ดอริสร่ำไห้ในใจ ดวงหน้าเต็มไปด้วยหยาดน้ำตาสว่างไสว เขาภาวนาให้มังกรไม่ฆ่ากัน สนใจเพียงเจ้าตัวน้อยที่ขยุกขยิกไปมา ทว่าคำภาวนาของดอริสจะไม่เป็นผล เปลวไฟของมังกรบรรพกาลจับจ้องมายังพ่อมดตัวน้อยที่สั่นระริกคล้ายลูกนก ในสายตาของดรากัน เป็นเพียงมดปลวกก็เท่านั้น หากมดปลวกที่เขาเคยปรามาสเอาไว้กลับเผาบ้านเขาให้วอดวายเสียได้

ดรากันสูดหายใจ หอบเอาลมแรงผัดพลิวว่อน ร่างของดอริสจับต้นไม้ใหญ่ที่เหลือแต่ตอเอาไว้

มังกรเอ่ยว่า “กลิ่น...กลิ่นของเจ้า”

“กลิ่น...ของข้าหรือ?” เขาใช้จมูกดมไปตามตัว มีเพียงกลิ่นของเปลวไม้และกลิ่นอายของเวทมนตร์ก็เท่านั้น ดอริสหลับตาลงหวนนึกถึงเรื่องของมังกร ที่มิเกลเคยพร่ำสอนไว้

“มังกรไม่แบ่งแยกว่ากลิ่นนั้นเหม็นหรือหอม ไม่ได้แบ่งตามความดีหรือความชั่ว โปรดอย่างทำหน้าเหมือนคนโง่นักดอริส...ข้าเองก็ไม่เข้าใจพวกเขาเช่นเดียวกัน”

เขาช้อนสายตามองดรากันที่ใช้จมูกดมฟุดฟิด คล้ายสัตว์หน้าขนอย่างไรอย่างนั้น แต่ไม่สิ...ดอริส หากเจ้าคิดเช่นนั้นอาจโดนกรงเล็บขนาดใหญ่ข่วนเอาก็ได้ เขารีบเอามือกุมรอบศีรษะ ถอยหลังให้เชื่องช้าที่สุดเท่าที่จะทำได้ มังกรบรรพกาลกำลังใช้ความคิด กลิ่นเจือจางอ่อน ๆ ในความทรงจำทำให้นึกถึงใครสักคนขึ้นมา เพราะเบาบางมากนักจึงไม่อาจจดจำได้เสียทั้งหมด ก่อนเปลวไฟจะค่อย ๆ หายลับไปกับตา เหลือไว้เพียงความว่างเปล่าอันเวิ้งว้าง

พ่อมดน้อยรีบขึ้นขี่ไม้กวาด กลับไปยังดินแดนอันสงบสุขของตนเองโดยเร็ว

เขาไม่สนใจด้วยว่าตนเองจะเป็นหัวขโมยหรือไม่

แค่ตอนนี้...ชีวิตเขาต้องมาเป็นอันดับหนึ่งก่อน!

ในช่วงรุ่งสาง ชายหนุ่มเคาะกระจกสองครั้งเป็นการส่งสัญญาณ ไม่นานนักบานกระจกก็เปิดออกเผยให้แสงของกงล้อสาดส่องเข้ามาภายใน ดอริสพุ่งทะยานไปด้านในพร้อมห่อตัวด้วยผ้าห่มผืนหนา เจ้าของห้องเหลือบมองเล็กน้อยก่อนจะร่ายคาถาโดยเร็ว “เจ้า...เจ้าคนชั่วช้า! ให้ข้าไปที่สวนเพลิงธุลีไม่พอ ยังให้ขโมยไข่ของสถาบันอีกหรือ?!” ชายร่างเล็กชี้หน้าว่าเขา ก่อนจะเปลี่ยนท่าทีเป็นการร้องโอดโอย ความร้อนของเปลวเพลิงทิ้งตัวไว้บนร่างของชายหนุ่ม

“ได้ความว่าอย่างไรบ้าง” ดอริสชักสีหน้าครั้นอยากถามว่า ยังมีหน้ามาสนใจผลลัพธ์อยู่หรือ? ก็มิปาน หากแต่สายตาของเพื่อนชายคนสนิทกลับทำให้เขากลืนน้ำลายลงคอ ยั้งปากตัวเองเอาไว้ได้ทันการณ์

“เปลวเพลิงของดรากันรวมตัวกลายเป็นศีรษะ ก่อนพูดคุยกับข้า...เอ่อ ไม่เชิงคุยเท่าไรนัก ดรากันกล่าวว่ากลิ่นของข้า แล้วก็หายลับไปพร้อมกับไช่”

“อย่างที่คิด...”

“นี่ก็อยู่ในแผนการของเจ้างั้นเหรอ?! เจ้ารู้ว่าดรากันจะเผยโฉมแน่หากวางไข่เอาไว้ จะต้องไม่ฆ่าข้าแน่ใช่หรือไม่”

“ถูกต้อง แต่เรื่องของเจ้าผิดคาดไปบ้าง ทีแรกนึกว่าจะเหลือเพียงเศษขี้เถ้าไว้ดูต่างหน้าเสียแล้ว” มิเกลขบขันเสียงเบา เขานั่งลงที่ปลายเตียงโดยมีคนผมดำช้อนสายตามองด้วยความเคียดแค้น แต่เมื่อแสงสว่างจากหนังสือในมือทำให้พ่อมดหนุ่มละสายตาจากใบหน้าหล่อเหลาของเพื่อนสนิท สมุดเล่มนั้นดูเก่าคร่ำครึ กระดาษขึ้นสีเหลืองกรอบ มีกลิ่นอายบางอย่างที่จับต้องไม่ได้ ดูน่าเกรงขามและน่าเคารพในเวลาเดียวกัน

“สมุดบันทึกของจาฟา ครูส พ่อมดในตำนานคนนั้นไง”

เขาอ้ำอึ้ง ไม่รู้ว่าควรจะตกใจกับเรื่องไหนก่อนดี

ระหว่างการหาสมุดบันทึกของจาฟา หรือความคิดสุดโต่งของมิเกล

ทว่าก็คงต้องตกตะลึงกับทั้งสองอย่างนี่ละ

“เขาเป็นพ่อมดเก่งกาจมากความสามารถก็จริง แต่เดิมทีเขาก็มักชอบท่องเที่ยวในดินแดนต่าง ๆ ในดินแดนสุดแสนอันตรายที่เต็มไปด้วยดรากัน รอดชีวิตกลับมาได้โดยไม่ถูกจับกินเสียก่อน แค่นี้ก็รู้ได้แล้วว่าจาฟาไม่ธรรมดาสักนิด” สมุดหน้าแรกเป็นแผนที่ของทวีปดาเนียร์ ที่ห่างไกลจากทุกพื้นที่ในโลกนี้ โดยส่วนใหญ่อุดมสมบูรณ์เต็มไปด้วยสัตว์ป่า และแหล่งที่อยู่ของดรากันและมังกรตนอื่น ๆ

หากความจริงแล้วมังกรเป็นพวกรักสันโดษ พวกมันไม่อยู่ร่วมกลุ่ม

ตามคำบอกเล่าในสมุดจดแล้ว มังกรบรรพกาลจะอยู่บนเทือกเขาสูงที่มีหิมะปกคลุม ผิดกับพลังของตนที่เป็นรูปแบบของธาตุไฟ

“แค่คิดว่าข้าอยู่ในดงของอสูรก็อยากปาดคอตนให้ตายให้จบ ๆ แต่พ่อมดตนนี้เล่นหลับนอนเลยรึ...” คนข้างกายมีสีหน้าถอดสีเมื่อพร่ำเอ่ยคำวิจารณ์ ถัดไปคือทวีปใหญ่ที่ติดกันคือดินแดนของอมนุษย์ แต่แรกเริ่มเหล่าพ่อมดแม่มดไม่ถูกกับอมนุษย์นัก มักมีเรื่องทะเลาะเวาะแว้งกันเสมอมา หากพอเป็นจาฟา นักเดินทางผู้โดดเด่นในเรื่องพละกำลัง จึงไปได้สวยในการสร้างมิตรไมตรีจิต

“กระทั่งภูติ เอลฟ์และอมนุษย์ยังเป็นมิตรกับเขา ไม่แน่ว่าเขาอาจกลายมาเป็นหนึ่งในผู้ค้ำจุนคนต่อไปก็ได้”

“ผู้ค้ำจุน...จนป่านนี้ก็ยังไม่เปลี่ยนรุ่นเลยมิใช่หรือ”

“ใครจะไปรู้อนาคตกันเล่า แต่น่าเสียดายที่จาฟาถูกขับไล่ออกไปเสียก่อนไม่เช่นนั้นเราอาจได้ประลองกับเขาก็ได้นี่ เจ้าเองก็น่าจะได้รู้ฝีมือของตนเองอย่างแท้จริง ในสถาบันไม่มีใครเก่งเหนือไปกว่าเพื่อนของข้าแล้ว!” มิเกลหน้าคล้ำลงเล็กน้อย เรื่องหดหู่ใจของวันนี้คงเป็นเรื่องของจาฟาถูกตัดสินคดีนั่นละ แม้จะถูกสมาคมพ่อมดตัดสินแล้วว่าตาย หาก ‘ไม้กายสิทธิ์’ ของอีกฝ่ายยังเหลือร่องรอยของคาถาเอาไว้อยู่

“ข้าเพียง อยากทวงคืนความยุติธรรมให้เขา”

“เรื่องนั้นข้าเห็นด้วยกับเจ้า หากการทวงคืนสิทธิ์คืนแก่เขาต้องใช้อำนาจที่เหนือกว่าสมาคมพ่อมด ข่าวลือความชั่วร้ายของพ่อมดคนนี้ก็โด่งดังไปไกลถึงทั่วผืนดิน หากเราผลีผลามไม่แน่ว่าคนซวยต้องเป็นพวกเราแน่แท้” ดอริสเอาน้ำเย็นเข้าลูบ เขารู้ดีว่ามิเกลหาใช่พวกใจร้อนที่พร้อมพุ่งชนทุกอย่าง เป็นเพียงพอมดที่หลักแหลมในวาทศิลป์ ดอริสก้มหน้า เขาอยากเป็นขุมพลังที่ช่วยเหลือพ่อคนนี้เสียจริง ติดที่ว่าตนเองช่างขี้ขลาดตาขาว เห็นอุปสรรคก็ไม่ลังเลจะถีบตนให้หนีห่าง ทว่ามิเกลกลับไม่เคยตำหนิเรื่องนี้กลับเขาสักครั้งเดียว

“มีอีกหนึ่งอำนาจที่ทำให้ผู้เฒ่านั้นยอมจำนน” สีบุษราคัมร่ายวงเวทในอากาศ ก่อนไม้กายสิทธิ์สีไม้โอ๊กจะปรากฏบนมือของเขา เสียงเพลงของเหล่าภูติจำนวนมากระบำไปมา กระแสพลังของจาฟาที่เข้มจนมึนศีรษะทำให้พ่อมดหนุ่มต้องอยู่ในภวังค์ก่อนจะเอ่ยต่อ “คือดรากัน”

“!...”