จะกล่าวถึงหน้าประวัติศาสตร์โลกเวทมนตร์ชื่อของ 'จาฟา ครูส' เป็นชื่อที่ทุกคนต้องได้ยินเสมอ แต่เหตุการณ์เมื่อห้าปีก่อนทำให้ตัวตนของเขาหายไปจากหน้าประวัติศาสตร์
ชาย-ชาย,แฟนตาซี,ตลก,ย้อนยุค,ไทย,จาฟาไม่อยากเป็นพ่อมด,ลึกลับ,นิยายแฟนตาซี,คำสาป,เวทมนตร์,แฟนตาซีน,พ่อมด,BL,ผจญภัย,แฟนตาซี,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
พ่อมดในตำนานคนนั้นเป็นแค่คนตกงาน #จาฟาไม่อยากเป็นพ่อมดจะกล่าวถึงหน้าประวัติศาสตร์โลกเวทมนตร์ชื่อของ 'จาฟา ครูส' เป็นชื่อที่ทุกคนต้องได้ยินเสมอ แต่เหตุการณ์เมื่อห้าปีก่อนทำให้ตัวตนของเขาหายไปจากหน้าประวัติศาสตร์
#จาฟาไม่อยากเป็นพ่อมด
มิเกล อาร์เอชได้ขึ้นเป็นผู้นำตระกูลหลังจากที่บิดาของตนเสียชีวิตลงอย่างปริศนา
ห้องทำงานที่เคยถูกลงกลอนถูกเปิดออก ภาพของพ่อมดในตำนานที่เคียงข้างเขาในวัยเยาว์
การสิ้นชีวาของแม่มดสาวผู้มีความสัมพันธ์ลับ ๆ กับเขา
'จาฟา ครูส'
การดำดิ่งสู่เพนทาเคิล สมาคมพ่อมดที่ปกครองพ่อมดทั้งปวงในฮีมาไทต์
คำเตือน: การฆ่า/การใช้ความรุนแรง/การพยายามฆ่า/ฆ่าตัวตาย/สังหารหมู่/พฤติกรรมน่ารังเกียจ/การทารุณกรรมเด็ก/การทารุณกรรมทางด้านจิตใจ/ลิทธิ/ความเชื่อ ศาสนา
เวอร์ชั่นที่เผยแพร่ยังไม่ได้ตรวจสอบคำผิดอย่างละเอียด
ป.ล.การลงนิยายอาจจะไม่ถี่หรือไม่ค่อยมีเวลามากนัก เนื่องจากนักเขียนอยู่ในช่วงวัยเรียน ภาระงานจากโรงเรียนเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ อีกทั้งนักเขียนเรียนเกี่ยวกับแพทย์ อาจทำให้มีเวลาทางด้านนี้น้อยลงอีกด้วย
ต้องขอบคุณนักอ่านทุกท่านด้วยนะคะ
อยากเขียนแฟนตาซีขึ้นมา และคิดว่าแนวพ่อมดแม่มดนี่แหละเหมาะแก่การทดลองเขียนสุด ๆ ในโลกสมมตินี้จะพาคุณไปท่องยังเมืองต่าง ๆ สมาคมและสมาพันธ์ มีความเชื่อศาสนาและลัทธิต่าง ๆ เป็นเรื่องสมมุติ โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่านด้วยนะครับ
การประลองเริ่มขึ้นในช่วงเช้า มีนักศึกษาขั้นพื้นฐาน ขั้นสูงและพ่อมดฝึกหัดมาเฝ้าดูการประลองครั้งนี้ ตัวเต็งของการประลองมีสามคนหลัก ๆ นั่นคือพ่อมดอัจฉริยะจากตระกูลอาร์เชอ มิเกล อาร์เชอ คนที่สองคืออาร์คที่ศึกษาในด้านมังกรโดยแท้จริง เขาเป็นชายร่างบึกบึนมีกล้ามเนื้อมากมาย แถมยังไปที่สวนธุลีของดรากันบ่อยครั้ง ที่รอดกลับมาได้ไม่ใช่เพราะโชคช่วยแต่เพราะความสามารถด้านพลังกาย และเวทมนตร์คาถา
สำหรับคนสุดท้าย มาเดลิน ยวงผมสีเงินตัดสั้นคล้ายทรงผมของบุรุษ ยังเป็นถึงเพื่อนสนิทของอาร์คที่ได้ประลองกันบ่อยครั้งเพื่อหาผู้แพ้ผู้ชนะ ฉะนั้นพวกเขาจึงรู้ไต๋ของกันและกันเสมอมา หญิงสาวและชายหนุ่มทั้งสองจ้องมายังเขาไม่วางตา มิเกลรู้ดีว่าตนเองไม่ใช่คนที่แข็งแกร่งนัก เพียงสามารถร่ายคาถาได้เร็วกว่าพ่อมดตนอื่น
“คิดว่าไหวไหม มิเกล” อารีเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงเป็นห่วงเป็นใย เลือกได้อารีก็ไม่อยากให้เขาลงการประลองในครั้งนี้เท่าไร เพราะขนาดตัวของอาร์คใหญ่กว่ามาก ชื่อเสียงเรื่องพละกำลังก็หนาหูและพบเห็นได้ทั่วไป อารีไม่อยากให้เขาหมดกำลังใจไปเสียก่อน มิเกลปรายตามองฝั่งคู่แข่งก่อนผินใบหน้ากลับมา ทอดสายตาไว้กับอาคารสูงชันแล้วค่อยกล่าวว่า “ข้าจะไม่แพ้อย่างแน่นอน ในเมื่อเจ้าเป็นคู่หูของข้าทั้งที” ก่อนแลมองชายหนุ่มข้างกัน
ฝั่งทางนั้นอ้ำอึ้งอยู่ไม่น้อย หลุบตาลงต่ำแล้วคลี่ยิ้มกล่าวอย่างแผ่วเบาว่า “งั้นหรือ...ข้าจะไม่ทำให้เจ้าผิดหวัง มิเกล” เป็นโชคดีของอารีที่ดอริส คนสนิทของพ่อมดตนนี้ลาป่วยไป ดอริสถือเป็นคู่หูของมิเกลก็ว่าได้ แม้เมื่อลงสนามอีกฝ่ายจะมีหน้าที่คอยสกัดกั้นก็เท่านั้น ไม่เคยโต้ตอบสักหน แต่มิเกลเลือกอีกฝ่ายลงสนามถึงห้าปีก็เป็นที่ประจักษ์แล้วว่าพ่อมดตนนั้นมีบางอย่างซ่อนอยู่จริง ๆ
และเขาอยากจะคว้าโอกาสนี้เพื่อเคียงข้างมิเกล...เพื่อแทนที่คนนั้น
“ได้เวลาลงสนามแล้ว ไปเถอะ” มือเรียวบีบไหล่อารีเป็นครั้งสุดท้าย เขาถอดชุดคลุมตัวนอกออกก่อนแล้วจึงย่ำเท้าเข้าสู่สนามที่มีอัฐจันล้อมเอาไว้ทั้งหน้าและหลัง สมาธิส่วนใหญ่ถูกนำไปใช้ในการวางแผนในหัว อารีตามมาติด ๆ เขาจะเป็นฝ่ายสนับสนุนและโต้กลับยามที่เห็นช่องว่างเอง มิเกลพยักหน้า
ก่อนเสียงของศาสตราจารย์จะกล่าวว่า “เริ่มได้!”
ไม้กายสิทธิ์เนื้อแดงของอาร์คปล่อยคาถาอย่างรวดเร็ว สกัดกั้นไม่ให้อารีเข้ามาขวาง ก่อนเป็นมาเดลินที่เสกไฟขึ้นล้อมตัวของมิเกลอย่างรวดเร็ว! เขาทอดมองอย่างแน่นิ่งไม่ขยับไปไหนแต่ตั้งแต่เริ่มการประลอง เมื่อมองดูโดยภาพรวมแล้ว อาร์คจะแยกเขากับอารีออก เพื่อดวลกับหัวหน้าสภานักเรียน ส่วนหญิงสาวเบื้องหน้าคือคู่ปรับที่แท้จริงของเขา
“ข้าชอบคู่หูคนก่อนของเจ้ามากกว่า ถึงจะไร้ฝีมือไปบ้างแต่การลบล้างคาถาถือว่าเยี่ยมยอดมากทีเดียว ข้าเองก็คิดไม่ออกจริง ๆ หากดอริสอยู่ในสนาม รั้วไฟเหล่านี้คงไม่ได้ล้อมกายเจ้าแน่” เธอบีบวงไฟให้เล็กลงเรื่อย ๆ จนมิเกลต้องขยับเท้า เขาวาดอักขระก่อนจะแปรเปลี่ยนให้พื้นสนามกลายเป็นเขาวงกตหิน! เสียงตะโกนของอาร์คดังมาจากด้านข้าง “อะไรวะเนี่ย?!” ตามมาด้วยอารีที่ร้องลั่นหาเขา “มิเกล! มิเกลอยู่ไหม?! นายไม่เป็นไรใช่ไหม?!”
เขาผินไปมองเบื้องหน้า ก่อนร่างกายจะมีสว่างขึ้นเพื่อตรวจจับการมีอยู่ของแม่มดคู่ปรับในครานี้ หล่อนอยู่หลังกำแพงไปสามชั้น ซึ่งยังคงหาวิธีกำจัดเขาให้รวดเร็วที่สุด มิเกลหมุนแขนไปมา ไม้กายสิทธิ์ร่ายเป็นรูปดาวห้าแฉก
“เลมนอส”
กึก!
พลันเขาวงกตเบื้องหน้าสลายไปกับตา ร่างของชายหนุ่มและหญิงสาวถูกโซ่ตรวนที่ทำขึ้นมาจากพื้นตรึงเอาไว้ แขนสองข้างก็เช่นเดียวกัน คงมีเพียงมือที่ยังคงเสกลูกไฟกับพายุขนาดย่อมมาทำร้ายเขาได้ อารีวิ่งตามหลังมาโดยเร็ว “แค่ผลักฝ่ายตรงข้ามออกจากเขตก็ถือว่าชนะแล้วใช่หรือไม่” เขาย้อนถามกับศาสตราจารย์ที่ลอบประเมินพ่อมดหนุ่มในใจ จึงค่อยตอบเต็มเสียง “ใช่”
ดังนั้นเขาจึงก้าวเท้าไปด้านหน้า มือวาดวงกลมขนาดใหญ่ก่อนลงอักขระอย่างรวดเร็ว ช่างพิถีพิถันกับการประลองในครานี้ การร่ายเวทครั้งนี้เชื่องช้ากว่าที่เคยเป็น คงเพราะศัตรูฝั่งนั้นไร้ทางโต้กลับแล้ว มิเกลเคาะที่วงกลมของตนเองก่อนใช้คาถา “อชิเลส”
ร่างทั้งสองถูกแรงลมผลักออกนอกสนามจนกระเด็นไปไกล หญิงสาวกัดฟันกลั้นเสียงความเจ็บปวดเอาไว้ หากอาร์คที่มีกล้ามเนื้อมากกว่าสามารถยืนหยัดในสนามได้อยู่ เพียงพริบตาเดียวร่างของอารีก็ถูกโซ่มหึมาลากลงจากเวที ลอยค้างเติ่งในอากาศก่อนจะล้มฟาดเข้ากับพื้นเป็นคนที่สอง เสียงร้องของผู้ชมทำให้เขาได้สติขึ้นมา อารีบาดเจ็บหนัก เขากลืนน้ำลายไม่ได้ทันที ก่อนจะถูกฝ่ายแพทย์หามไปรักษา
“ตอนนี้ก็เหลือแค่เราแล้วนะ ชักเลือดร้อนขึ้นแล้วสิ”
มิเกลอยู่ในท่วงท่าสงบนิ่งและวังเวง มีเพียงใบหน้าที่ฉาบด้วยแสงทำให้เขาดูน่าขนลุกยิ่งนัก อาร์คหาได้หวาดหวั่น เขาที่เข้าออกสวนธุลีดั่งบ้านหลังที่สองไม่จำเป็นต้องมากลัวพ่อมดอัจฉริยะที่ถูกขนานนามว่าเทียบเท่าจาฟาแบบนั้นเสียหน่อย อาร์คตั้งท่าอีกครั้ง ใช้ไม้กายสิทธิ์เป็นตัวล่อการสร้างภาพมายาออกมา อาร์คทั้งห้ากระหน่ำเสกคาถาใส่มิเกล ฝั่งทางเขาเสกโล่ป้องกัน
เขยิบเท้าไปเรื่อย ๆ เพื่อกันการโจมตี
อาร์คยิ้มอย่างสนุกสนาน ก่อนจะเปลี่ยนมาเป็นฝ่ายตั้งรับเมื่อภาพมายาของตนถูกทำลาย จาฟาเสกคาถาอย่างรวดเร็วเพื่อโหมใส่จนพื้นแตกระแหง อาร์คกระโดดหลบอย่างฉิวเฉียดแต่ก็โดนแรงลมเฉือดเฉือนในที่สุด รู้ตัวอีกทีขาของเขาก็อยู่พอดีกับเส้นของเวที
อาร์คกลืนน้ำลาย หัวใจเต้นรัว
“ข้าละชอบเจ้าจริง ๆ มิเกล” อีกฝ่ายหัวเราะ เอ่ยขึ้นว่า “ขอบใจ แต่ข้าไม่ชอบเจ้านัก” ก่อนปิดฉากด้วยการมัดมือมัดเท้าด้วยโซ่ก่อนยกเอาคนตัวโตออกนอมสนามอย่างรวดเร็ว ผู้ที่เหลืออยู่ในสนามมีเพียงมิเกลที่ยิ้มหน้าระรื่นกับชัยชนะแม้ทิศทางการมองของเขาจะเบนมองไปยังอาคารเรียนก็ตาม
“ข้าจะคิดค่าแรง ข้าจะคิดค่าแรง!”
แมวขโมยดอริสพร่ำบอกกับตนเองเช่นนั้น ใช้เท้าทั้งสี่เดินไปตามโถงอาคารอย่างลับ ๆ ล่อ ๆ อาคารหลังนี้ชั้นบนสุดเป็นห้องใต้หลังคาเก็บตัวอย่างการทดลองของนักเรียนนักศึกษาเอาไว้มากมาย ซึ่งกว้างขวางพอจะซุกซ่อนบางอย่างเอาไว้ด้วย เป็นเหตุให้เบ๊จำเป็นอย่างดอริสต้องตกลงรับงานนี้โดยจำนน
หากไม่รู้จักกันมาก่อน ดอริสคิดว่ามิเกลเป็นพวกหัวขโมยตัวพ่อที่เห็นช่องโหว่ก็พร้อมกระโจนเข้าใส่ ถึงอย่างไรภาพลักษณ์ลูกผู้ดีที่เขาลงความเห็นว่าน่าหมั่นไส้ก็ยังดูดีอยู่หรอก เขาเห็นด้วยกับการทวงคืนสิทธิ์ให้จาฟา แต่ว่าการเอาตัวเองเข้าไปเสี่ยงแบบนั้นก็เป็นดาบสองคมเช่นเดียวกัน ในหน้าประวัติศาสตร์ของฮีมาไทต์ไม่ใช่แค่จาฟาเท่านั้นที่ถูกความ
อยุติธรรมเล่นงาน
แม่มดสาวซึ่งเป็นบุคคลจากเพนทาเคิลได้เสียชีวิตลงอย่างลึกลับ และคาดว่าเป็นฝีมือของมังกรสักตัวที่ผ่านมา เพราะรอยกัดสีข้างบนตัวของนางบ่งบอกชัดเจนว่าเป็นรอยเขี้ยวของมังกร แต่การจะรบราประมือกับมังกรหาใช่เรื่องเล็ก คดีความของแม่มดสาวจึงถูกปัดตกลงอย่างรวดเร็ว กลุ่มคนที่ออกมาเรียกร้องก็เงียบหายไปด้วยเช่นกัน หากมีเพียงคนเดียวที่ยืนหยัดอยู่ต่อนั่นคือจาฟา
เมื่อมาถึงตรงนี้เขาก็เริ่มชักสงสัยว่า แม่มดสาวจากเพนทาเคิลไปขัดแข้งขัดขาใครเข้าหรือเปล่า
พวกผู้เฒ่าพวกนั้นยิ่งไว้ใจไม่ได้อยู่
เมื่อมาถึงห้องด้านบน เขาก็รีบวิ่งจี๋ไปหลบในกล่องขนาดใหญ่ที่เต็มไปด้วยขวดโหลมากมาย ดันได้ยินเสียงพูดคุยของเหล่าพ่อมดขั้นสูงที่อยู่ที่นี่เสียได้...ไม่ได้ไปดูการประลองนั่นหรืออย่างไร ดอริสเคลือบแคลงใจก่อนเงี่ยหูฟังด้วยความตั้งใจ
“เอาอีกแล้วหรือ คราวนี้จะต้องเดินทางไปทวีปดาเนียร์...ข้าว่าข้าขอตายก่อนจะดีกว่า ข้าไม่เคยเห็นผู้ใดรอดจากทวีปแห่งนั้นสักคน!”
“เอาน่า แค่ปล่อยทิ้งไว้กลางทะเลให้พวกสัตว์ใต้น้ำทึ้งร่างก็พอแล้ว”
“คราวนี้มีจำนวนมากเกินไป การทำลายระบบนิเวศไม่ใช่เรื่องดีแน่ บางทีเอลฟ์กับนางไม้ได้ฆ่าพวกเราตายแน่”
“เจ้าจะกลัวอะไร เราต่างมีพลังนั้นอยู่ในมือแล้วแท้ ๆ”
“เหอะ! เพียงเศษเสี้ยวเจ้าก็หลงระเริงแล้วหรือ ข้าคิดไม่คิดว่าการสกัดเพลิงของดรากันได้จะทำให้พวกมันกลัวนัก ลืมไปแล้วหรือไงว่าดรากันกับจิตวิญญาณแห่งป่า เอลฟ์หรือสรรพชีวิตบนโลกต่างเคยญาติดีกันมาก่อน”
“...”
“ค่อยกลับมาคิดอีกทีแล้วกัน ต้องรีบไปแล้ว มิเกลคนนั้นจะถูกจองตัวเอาเสียก่อน”
ดอริสเบิกตาโพลง นั่นมันชื่อเพื่อนของเขาไม่ใช่หรือ?!
แล้วการสกัดเพลิงของดรากันได้ หมายความอย่างไร?
“พวกตาเฒ่านั้นหมายตามิเกลไว้แล้วสิท่า”
ปัง!
แมวตัวสีดำกระโจนออกจากกล่องทันที เขากะพริบตาถี่ ๆ ไม่อยากเชื่อหูตัวเองที่ได้ยินเรื่องราวดำมืดเหล่านี้ ลำคอของดอริสในร่างแมวตีบตันขึ้นมาทันที สีหน้ของเขาตอนนี้คงไม่สู้ดีนัก แต่ก่อนอื่นต้องหาของที่มิเกลต้องการให้ได้ก่อน ไม่เช่นนั้นค่าแรงของวันคงจะกลายเป็นขนมปังแข็ง ๆ แค่ก้อนเดียว
แมวดำเดินหาไปทั่ว บ้างก็ใช้คาถาเพื่อมองหา
จนกระทั่งเท้าแมวตบเข้าที่กองเอกสารหนึ่ง ลมแรงวูบหนึ่งทำให้แมวน้อยกระเด็นออกไป
ดอริสส่ายหน้าด้วยความตกใจ ก่อนจะกระโจนใส่อีกรอบ!
แน่นอนว่าผลลัพธ์ไม่ต่างจากเดิมนัก แมวอย่างเขาถูกแรงลมกระแทกใส่ซ้ำ ๆ ดอริสหมดหนทาง เขาไม่รู้ว่าจะนำมันกลับไปอย่างไรดี เอกสารกองนี้ถูกลงอาคมไว้แน่นหนา กลิ่นอายอาคมไม่เหมือนพ่อมดขั้นสูงตนใดในสถาบันเสียหน่อย...หรือจะเป็นพวกผู้เฒ่าเพนทาเคิล ไม่สิ กองเอกสารชุดนี้เกี่ยวกับหญิงสาวที่เขาเพิ่งนึกถึงเมื่อก่อนหน้า
“จาฟา...จาฟา ครูส!”
เพล้ง!
มนตราที่ล้อมรอบกองเอกสารชุดนั้นแตกออกเสี่ยงเป็น แมวตัวน้อยตาโตเบิกมองก่อนจะหันซ้ายขวา ตอนนี้หาใช่เวลามาตกใจกันที่ไหน ต้องรีบเอาข้อมูลนี้แล้วออกจากที่นี่ก่อน! ดอริสคาบเอาเอกสารก่อนวิ่งลัด ๆ ไปตามโถง โชคดีที่ผู้คนภายในอาคารหลังโตไปชื่นชมการประลองด้านล่างกันหมดแล้ว ทางเดินเหล่านี้เลยสะดวกมากขึ้น
ดอริสอดเหลือบมองชื่อของแม่มดสาวไม่ได้
นางมีชื่อว่า
“เจเน็ต”
“เจเน็ต”
“เฮือก!!!”
มิเกลหยิบเอาเอกสารที่ถูกคาบเอาไว้ก่อนมา ปัดไรฝุ่นเล็กน้อยก่อนเหลือบมองใบหน้าของเพื่อนคนสนิทในร่างแมว ดอริสหอบหายใจเฮือกใหญ่ เสียงของพ่อมดตนนี้ทำเอาเกือบหัวใจวายตาย...
แต่เดี๋ยวก่อน
เมื่อครู่เป็นเสียงของมิเกลไม่ใช่หรือ ไยมีเสียงหนึ่งแทรกเข้ามา เขาคิดทบทวนอีกครั้ง ก่อนเม้มปากลง
“เก่งมากแมวขโมยดอริส” มิเกลยอบกายลง ก่อนเกาคางให้อีกฝ่าย
“เฮ้อ...เลิกให้ข้าเล่นอะไรเสี่ยงตายแบบนี้เถอะ” มือเรียวลูบเรือนขนสีดำ “จะหันหลังกลับตอนนี้ก็ไม่ทันแล้วละ กลับไปที่บ้านของข้ากันเถอะ อ้อ เย็นนี้เห็นว่ามีแสดงละครข้างถนนด้วย ข้าอยากพาเจ้าไปดูเหมือนกันนะ” ดอริสกระโดดขึ้นไหล่ของมิเกล ก่อนชายหนุ่มจะเคลื่อนย้ายตนเองไปยังคฤหาสน์ตระกูลอาร์เชอ แมวตัวน้อยส่งเสียงครืดคราดในคอ “อือ...เอาเถอะ” เขาเอือมกับเพื่อนตนเองชะมัด
“ถึงจะดีใจที่ได้มาดูการแสดงกับเจ้าแต่...ซ้ำร้ายต้องมาติดแหง็กในร่างแมวเหมียวนี้ด้วย!!” ไม่ใช่เรื่องแปลกหากจะเห็นพ่อมดแม่มดสักคนมีสัตว์เลี้ยงอย่างแมวพูดได้ นกฮูกสื่อสารหรือกิ้งก่าสีเขียว เป็นเรื่องธรรมดาในสังคมของพวกเขา สถานการณ์ของดอริสต่างกันเล็กน้อย หนึ่งเขาหาใช่สัตว์ สองเขาดื่มยาจำแปลงกายของเพื่อนเข้าไปอีก!
ในฐานะนักปรุงยาที่มีความสามารถในระดับหนึ่ง สัดส่วนผสมของมิเกลมันแปลกพิกลแต่ถ้าร้องทักก็ไม่ทันเสียแล้ว แถมขวดที่ยื่นให้เขายังเป็นขวดที่จงใจใส่วัตถุดิบเกินปริมาณที่กำหนดอีก ผลดีของมันคือระยะเวลาที่ยาวนานส่วนผลร้ายคือ ส่วนผสมบางอย่างอาจไม่เข้ากันกับร่างกายพ่อมด มีผลข้างเคียงเล็กน้อยก็เป็นไปได้
“เอาน่า ข้าบอกไปแล้วไงว่าจะตบรางวัลให้อย่างงาม ไม่เชื่อใจข้าหรือ” พ่อมดหนุ่มมองแมวดำตาใสแป๋ว รูปลักษณ์หนุ่มหล่อแบบนั้นไม่มีทางทำให้เขาใจอ่อนหรอก ดอริสถอนหายใจอีกครั้ง ก็ดี...ได้นั่งเกาะไหล่พ่อมดตนนี้ก็ไม่เมื่อยเหมือนกัน พอมาถึงจุดหมาย จัสตุรัสกลางเมืองมีผู้คนมากมายต่างตั้งตารอละครข้างถนน ซึ่งไม่บ่อยนักที่คณะละครเหล่านี้จะปรากฏตัว
ชายคนหนึ่งสวมปมวกปีกกว้าง ใบหน้าขาวโพลนมีลาดลายดั่งตัวตลก
“จะเริ่มแล้ว จะเริ่มแล้ว!” พ่อมดร่างแมวกล่าวขึ้นเสียงสดใส มิเกลจับจ้องไปยังลานกว้างที่มีพื้นที่เพียงพอแก่นักแสดงในครานี้ ชายหน้าตัวตลกดีดนิ้ว ทุกพื้นที่มืดลงอย่างเห็นได้ชัด ก่อนแสงสว่างจะปรากฏที่ร่างของชายคนหนึ่ง ยวงผมสีขาวโพลน ร่างกายบอบช้ำด้วยรอยเฆี่ยนตี ชายหนุ่มเงยหน้าขึ้น สบตากับเหล่าผู้ชมกระทั่งมิเกล
ดวงตาสีแดงชาด ริมฝีปากซีดเซียวลงไปมาก เอกลักษณ์ที่เห็นได้ชัดคือต่างหูหยดน้ำ
เขาสูดหายใจ
“ข้าคือพ่อมดที่อยู่เคียงฟากฟ้านภาลัย ยุคสมัยที่พวกเจ้าทุกคนเคยเหยียบย่ำ ณ ที่จัตุรัสกลางเมืองแห่งนี้เคยเกิดการนองเลือด การเป่าหูของแฟรี่ตัวน้อย พ่อมดตนหนึ่งที่โง่งมลากเอาความวิบัติมาสู่ฮีมาไทต์ หรือจะเป็น...โลกาเกรียงไกร ยุคสมัยแห่งความน่าหวาดกลัวของเหล่าพ่อมด ที่มีจาฟา ครูสเป็นผู้ถ่ายทอดความน่าสะพรึงกลัวออกมา”
“สมาคมเพนทาเคิลอันยิ่งใหญ่ถูกฆ่าล้างบางจนเหลือไว้เพียง พ่อมดแม่มดห้าตนที่ยืนหยัดอยู่ไม่ถูกพรากชีวิตโดยน้ำมือของจาฟา”
ทุกอย่างมือดับอีกครั้ง เสียงโซ่ตรวนขยับไปมาเรียกสายตาของพ่อมดหนุ่มทั้งสองให้มองผู้สวมบทบาทจาฟาในครานี้ ชายหนุ่มเม้มปาก จ้องเขม็งมายังผู้ชม คนเฒ่าคนแก่หวาดกลัวกับเหตุการณ์ครั้งอดีตต่างร้องออกด้วยความพรั่นพรึงใจ ก่อนร่างจะถูกพ่อมดอีกตนทึ้งศีรษะขึ้นมา
“ดวงชะตาของเจ้าถูกลิขิตแล้ว”
“คำพยากรณ์ของจาฟา ครูสถูกกล่าวไว้ว่า
นรกเก้าขุมยังมิอาจขัง
ตัวน่าชังรังเกียจเป็นวิบัติ
จักนำความฉิบหายมาฟูมฟัก
มันขบขันหยามเกียรติมิตรสหาย
ถ้อยวจีคำสาปจักก่อเกิด
เจ้าละเมิดวัฏจักรจนวอดวาย
ปีศาจร้ายอยู่ใต้บัญชาการ
ต้องประหารไถ่บาปที่ตนก่อ”
น้ำเสียงของชายตัวตลกทุ้มต่ำ กลอนบทนั้นทำให้ขนอ่อนหลังคอลุกชูชันขึ้นมา สีบุษราคัมเรืองรองในความมืดมิดนัยน์ตาเบิกกว้างคล้ายจมกับห้วงหยาดโลหิต เขาก้าวเข้าไปด้านในบ่อเลือดนั้น ปล่อยให้ถูกดูดกลืนซ้ำแล้วซ้ำเล่า ไม่ถอนตัวขึ้นมาเสียที
“การประหารจาฟายังดำเนินต่อไป วันแล้ววันเล่าที่พ่อมดอดอาหาร อดน้ำ ถูกจองจำในคุกที่ลึกยิ่งกว่าก้นมหาสมุทร แต่แล้ว! การช่วยเหลือของดรากันก็ทำให้จาฟาหลบหนีไปได้! พ่อมดทิ้งคราบเลือดของตนไว้ที่ด้านหน้าป่าไวกิง ก่อนจะหายลับไป!!”
ผู้สวมบทบาทวิ่งไปตามป่าไม้ ก่อนจะล้มตัวลงด้วยร่างกายที่อ่อนแรง แววตาบอบช้ำก่อนจะร่ายคาถาให้ตนเองหายไป
“พ่อมดตาย? พ่อมดถูกจับกินโดยดรากัน? พ่อมดเผาดวงจิตตนเอง?”
“ไม่มีใครรู้ว่าเขาหายไปได้ยังไง...คำพยากรณ์ของผู้เฒ่าจะเป็นจริงหรือไม่?”
ชายคนนั้นทวนกลอนอีกรอบ “ปีศาจร้ายอยู่ใต้บัญชาการ ต้องประหารไถ่บาปที่ตนก่อ...”
หัวใจของเขาส่งเสียงก้องกังวาน ดังกระหึ่มพร้อม ๆ เสียงปรบมือของผู้ชมรอบข้าง ดอริสออกความเห็นยาวเหยียดหากแต่ไม่มีใครสนใจจะฟัง มิเกลกุมหน้าอกของตนเองเอาไว้
เขากลืนน้ำลายลงคอซ้ำ ๆ
เรียกสติตนเองให้กลับคืนมา
ทว่า ภาพในพิพิธภัณฑ์ยังคงติดตา ไม่อาจลบเลือนจากความทรงจำ
เขาอยากครอบครอง...น้ำตาของจาฟา