จะกล่าวถึงหน้าประวัติศาสตร์โลกเวทมนตร์ชื่อของ 'จาฟา ครูส' เป็นชื่อที่ทุกคนต้องได้ยินเสมอ แต่เหตุการณ์เมื่อห้าปีก่อนทำให้ตัวตนของเขาหายไปจากหน้าประวัติศาสตร์
ชาย-ชาย,แฟนตาซี,ตลก,ย้อนยุค,ไทย,จาฟาไม่อยากเป็นพ่อมด,ลึกลับ,นิยายแฟนตาซี,คำสาป,เวทมนตร์,แฟนตาซีน,พ่อมด,BL,ผจญภัย,แฟนตาซี,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
พ่อมดในตำนานคนนั้นเป็นแค่คนตกงาน #จาฟาไม่อยากเป็นพ่อมดจะกล่าวถึงหน้าประวัติศาสตร์โลกเวทมนตร์ชื่อของ 'จาฟา ครูส' เป็นชื่อที่ทุกคนต้องได้ยินเสมอ แต่เหตุการณ์เมื่อห้าปีก่อนทำให้ตัวตนของเขาหายไปจากหน้าประวัติศาสตร์
#จาฟาไม่อยากเป็นพ่อมด
มิเกล อาร์เอชได้ขึ้นเป็นผู้นำตระกูลหลังจากที่บิดาของตนเสียชีวิตลงอย่างปริศนา
ห้องทำงานที่เคยถูกลงกลอนถูกเปิดออก ภาพของพ่อมดในตำนานที่เคียงข้างเขาในวัยเยาว์
การสิ้นชีวาของแม่มดสาวผู้มีความสัมพันธ์ลับ ๆ กับเขา
'จาฟา ครูส'
การดำดิ่งสู่เพนทาเคิล สมาคมพ่อมดที่ปกครองพ่อมดทั้งปวงในฮีมาไทต์
คำเตือน: การฆ่า/การใช้ความรุนแรง/การพยายามฆ่า/ฆ่าตัวตาย/สังหารหมู่/พฤติกรรมน่ารังเกียจ/การทารุณกรรมเด็ก/การทารุณกรรมทางด้านจิตใจ/ลิทธิ/ความเชื่อ ศาสนา
เวอร์ชั่นที่เผยแพร่ยังไม่ได้ตรวจสอบคำผิดอย่างละเอียด
ป.ล.การลงนิยายอาจจะไม่ถี่หรือไม่ค่อยมีเวลามากนัก เนื่องจากนักเขียนอยู่ในช่วงวัยเรียน ภาระงานจากโรงเรียนเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ อีกทั้งนักเขียนเรียนเกี่ยวกับแพทย์ อาจทำให้มีเวลาทางด้านนี้น้อยลงอีกด้วย
ต้องขอบคุณนักอ่านทุกท่านด้วยนะคะ
อยากเขียนแฟนตาซีขึ้นมา และคิดว่าแนวพ่อมดแม่มดนี่แหละเหมาะแก่การทดลองเขียนสุด ๆ ในโลกสมมตินี้จะพาคุณไปท่องยังเมืองต่าง ๆ สมาคมและสมาพันธ์ มีความเชื่อศาสนาและลัทธิต่าง ๆ เป็นเรื่องสมมุติ โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่านด้วยนะครับ
“อดคิดไม่ว่าถ้าหากจาฟายังอยู่เขาจะเป็นเช่นไรกันแน่ ข้าไม่นึกอยากเชื่อบทละครข้างถนน หรือคำกลอน อะไรก็ตามแต่ ข้ายังไม่เคยพบหน้าเขามาก่อนสักครั้งจะให้ตัดสินว่าเป็นผู้ร้ายก็...แฮ่ม! แต่เรื่องที่เขาฆ่าคนคงอภัยไม่ได้จริง ๆ เจ้าคิดดอย่างไรหรือ มิเกล?”
“ข้า...”
เขาเม้มปาก นึกอยากสารภาพว่าเขาไม่มีความคิดเห็นใดนอกจากคำยกยอ เทิดทูนในอกที่ล้นปรี่ เขากระพริบตาอย่างเชื่องช้าก่อนเอ่ยตอบว่า “ข้า...คิดว่าต้องมีสาเหตุสักอย่างที่ทำให้จาฟากลายเป็นเช่นนั้นมากกว่า” ดอริสในร่างแมวพยักหน้าเห็นด้วย จากที่ลองสืบเสาะมาบ้างผลการเรียนของจาฟาเรียกได้ว่าเป็นที่หนึ่งของทุกสาย เขามีความสามารถหลากหลาย การพลิกแพลงสถานการณ์
ซ้ำยังเก่งเรื่องกลโกงมากมาย แม้เรื่องนิสัยจะเป็นที่ประจักษ์แล้วว่าย่ำแย่แต่ก็ต้องยอมรับเรื่องฝีมือของพ่อมดว่าเป็นของจริง “แล้วเอกสารของแม่มดตนนั้นที่เจ้าให้ข้าขโมยมาเกี่ยวข้องกันหรือไม่” มิเกลพยักหน้าเชื่องช้า เขาเปลี่ยนสถานที่อย่างรวดเร็วไปยังคฤหาสน์ตระกูลอาร์เชอ เป็นจังหวะเดียวกันที่ร่างของดอริสคืนสภาพแล้ว
“ข้าว่านางคงเป็นสหายคนสนิทของจาฟาเป็นแน่ แม้จะอยู่ในฐานะหนึ่งในห้าของเพนทาเคิลก็ตาม”
“ข้าไม่คิดว่าคนอย่างเขาจะญาติดีกับเพนทาเคิลนะ” อดร้องท้วงขึ้นมาไม่ได้ พ่อมดอย่างจาฟาน่ะหรืออยากจะคนค้าสมาคมกับสมาคมพ่อมด ไม่มีทางเป็นไปได้แน่ ๆ ดอริสเอาหัวเป็นประกัน ซึ่งยังมีข้อสันนิษฐานหนึ่งที่พวกเขายังไม่เคยลองคิดมาก่อน ดอริสกลืนน้ำลายลงคอ เม้มปากลงเล็กน้อยก่อนเอ่ยออกมาว่า “เป็นไปได้ไหมว่าเจเน็ตอาจเป็น…คนรักของจาฟา”
มิเกล “...”
ดอริสไม่อาจเงยหน้าขึ้นมองใบหน้าหวานของมิเกลได้ เขารู้สึกแรงกดดันน้อย ๆ ที่แผ่ขยายอยู่รอบตัวอีกฝ่าย เพียงพริบตาเดียวอารมณ์พิกลพิกาลในห้องนี้ก็แปรเปลี่ยนไป เขาได้ยินเสียงถอนหายใจแผ่วเบาของคนเบื้องหน้า อีกฝ่ายลุกขึ้นเดินไปรอบ ๆ ห้อง บัดนี้ดอริสเห็นดวงหน้าของคนคุ้นเคยได้แจ่มชัดนัก เรียวคิ้วทั้งสองขมวดมุ่นเข้าหากัน มือข้างหนึ่งกุมคางพลางตั้งข้อสันนิษฐานไปในตัว
“ก็อาจเป็นจริงอย่างที่เจ้าว่า พ่อมดอย่างจาฟาหากคนรักตายก็คงจะบิดเบี้ยวถึงขั้นเผาทำลายฮีมาไทต์ด้วยตัวของตนเองเป็นแน่ แต่ข้าว่ามีอะไรแปลก ๆ” เขานิ่งชะงักอยู่นาน ครู่หนึ่งจึงค่อยกล่าวออกมา “งั้นค่อยว่ากันเรื่องนี้ ส่วนเรื่องไข่มังกรตอนนี้ข้าหาตัวตายตัวแทนให้ข้าและเจ้าได้แล้ว ใช้ชีวิตอย่างที่ควรจะเป็นเถิด”
“เจ้าคงไม่ให้…พ่อมดคนอื่นรับลูกหลงไปหรอกใช่ไหม?”
เขาฉีกยิ้มกว้าง “ไม่หรอก เห็นข้าใจยักษ์ใจมารปานนั้นเชียวหรือ”
หากถามดอริส เขาก็จะตอบว่าใช่
...
“เป็นอย่างไรบ้างอารี เจ้าเจ็บหนักขนาดนั้นยังมีแรงมาเรียนได้อยู่หรือ” เป็นมิเกลที่ชิงถามอีกฝ่ายออกมาก่อน เมื่อถึงคาบเรียนทั่วไปที่พ่อมดขั้นพื้นฐานอย่างพวกเขาก็นั่งประจำที่ หากจำไม่ผิดคาบเรียนนี้คงจะเกี่ยวกับเรื่องเผ่าพันธุ์ในโลกนี้ซึ่งมีมากมายหลากหลายชนิด สิ่งที่เป็นหัวข้อสำคัญของพ่อมดนั่นคือมังกร ทางฝั่งอารีเบิกตากว้างคล้ายไม่คาดเดากับเรื่องนี้เท่าไร อีกฝ่ายตอบอ้อม ๆ แอ้ม ๆ ว่า “ข้าสบายดี...ไว้โอกาสหน้าพวกเราคงได้เป็นคู่หูกันอีกนะ”
ก่อนชำเลืองมองดอริสที่เอาแต่ง่วนกับการอ่านหนังสือตำรา ใบหน้าของชายหนุ่มตัวเล็กเต็มไปด้วยหยาดเหงื่อดูวิตกกังวลกับคาบเรียนนี้เสียเหลือเกิน “งั้นหรือ...” เขาหลับตาลง ก่อนเอ่ยอย่างแผ่วเบา “ก็คงเป็นเช่นนั้น ฝีมือของเจ้าไม่เลวเลยทีเดียว หากสกัดกั้นเวทมนตร์ของพ่อมดตนอื่นได้รวดเร็วเท่าดอริสข้าก็อาจจะพิจารณา อา อาจารย์มาเสียแล้วแฮะ ไว้ค่อยคุยกันใหม่นะ”
ศาสตราจารย์ลอว์เลนย่างกรายเข้ามาในห้อง ใบหน้าของเธอดูผ่อนคลายลงมากกว่าเมื่อวานนี้เสียอีก เหมือนจะคลี่คลายความอลหม่านของเรื่องการหายไปของไข่มังกรได้แล้วกระมัง มิเกลประสานมือไว้ที่ใต้คางชำเลืองมองนอกหน้าต่างโดยไม่คิดสนใจ ทว่าใบหูสองข้างก็ยังตั้งใจฟังสิ่งที่นางกำลังพร่ำบอก
“ขออภัยนักศึกษาทั้งหลาย เนื่องจากไข่มังกรที่ทางเอนเซลาดัสเก็บเอาไว้หายไปจึงไม่อาจทำการศึกษาต่อได้อีกแล้ว” นางถอนหายใจ ก่อนจะมีพ่อมดแม่มดสักตนหนึ่งยกมือขึ้นท้วง “หายไปได้อย่างไรหรือครับ” ลอว์เลนเบ้หน้าเล็กน้อยจึงตอบออกมา “แฟรี่น่ะซี เผลอแป๊บเดียวละอองแฟรี่ก็กระจายเต็มห้องไปหมด แต่ก็โชคดีที่เป็นพวกนางหากให้เป็นสิ่งมีชีวิตอื่น…หรืออมนุษย์ในฮีมาไทต์คงต้องโทษร้ายแรงเป็นแน่”
“แฟรี่หรือ?”
“แฟรี่มายังฮีมาไทต์?”
“ไม่แปลกนัก เหล่านักปรุงยาทั้งหลายต่างเลี้ยงดูแฟรี่เอาไว้นี่นา คงจะมีบางตัวที่อยากเก็บไข่มังกรไว้ชุบเลี้ยงก็ได้ เคยได้ยินตำนานหรือไม่ แฟรี่ เอลฟ์ ดรากัน พ่อมดเมื่อกาลก่อน หรือกระทั่งอมนุษย์เองก็ยังญาติดีต่อกัน ข้าว่าสายสัมพันธ์ฉันท์มิตรของพวกเขาตัดกันไม่ขาดเป็นแน่”
หากเสียงหนึ่งกล่าวไม่เห็นด้วย “ข้าว่าต้องเป็นคำสั่งของมังกรอย่างโอวิดแน่! เพราะพ่อมดกิลเดอร์ลาบังอาจสังหารฮิม พี่น้องของมันจึงไม่ยอมให้ไข่มังกรตกถึงมือพ่อมดเป็นแน่”
ความเห็นมากมายถูกผสมโรงจนสรุปหาข้อเท็จจริงไม่ได้ เขาสังเกตเห็นดอริสที่ถอนหายใจโล่งอกไปด้วย รายนั้นคงนอนไม่หลับทั้งคืนเพราะคนที่วางไข่มังกรไว้ ณ สวนธุลีก็คือเขา มิเกลได้ยินเสียงปรบมือสองสามครั้งของลอว์เลน นางกล่าวว่ากลับสู่คาบเรียนดังเดิม ซึ่งเมื่อไร้ไข่ของมังกรแต่ก็ยังมีภาพของไข่ใบนั้นไว้อยู่ นางสอนไปทีละอย่าง ไข่มังกรจะใช้ระยะเวลาห้าเดือนในการฟัก โดยข้อมูลของลูกมังกรไม่มีบอกเอาไว้
เรื่องใหญ่ผ่านพ้นไปได้ด้วยดี ดอริสแทบจะกรีดร้องหลังหมดคาบของศาสตราจารย์ลอว์เลน เขากลัวเสียเหลือเกินว่าตนจะถูกจับได้ เนื่องจากเวทมนตร์คาถาของดอริสไม่เสถียร ครั้งหนึ่งในคาบเรียนขี่ไม้กวาด เขาเหาะเหินเวหาก่อนตกลงมาหน้าคว่ำ นอกจากศาสตร์การปรุงยาก็ไม่มีเรื่องไหนเลยที่เขาจะทำได้ดีอีกแล้ว
“บอกแล้วไงว่าไม่เป็นไร”
“โธ่! ก็ลองมาเป็นข้าดูสิเจ้าจะเข้าใจเอง ว่าแต่สิ่งต่อไปที่พวกเราจะทำคืออะไร ไข่มังกรก็แล้ว ไม้ประดับนั่นก็แล้ว ชุดเอกสารของเจเน็ตอีก ยังเหลืออะไรอีกในแผนการของเจ้า” จะให้พวกเขารอมังกรบรรพกาลไปถึงเมื่อไร นับแต่วันนั้นก็ไร้วี่แววของมังกรบรรพกาลด้วย หรือการให้ไข่ใบนั้นไปจะเสียเที่ยวแล้วละ...มิเกลโบกมือในอากาศเรียกสติให้ดอริสกลับคืนมา เขาจ้องมองเพื่อนสนิทก่อนกะพริบตาเชื่องช้า
รอยยิ้มเจ้าเล่ห์เจ้าแผนการถูกจุดขึ้นที่ริมฝีปากหยัก “เราจะต้องถูกพักการเรียน”
“หะ...หา?!!!”
“...”
“พักการเรียนไม่ใช่เรื่องเล่น ๆ เลยนะเจ้าบ้า! ไม่เห็นไรรย์หรืออย่างไร นางถูกพักการเรียนตั้งหนึ่งปีเต็มพลาดโอกาสมากมายเลยมิใช่หรือ แล้วเหตุใดเจ้า” ก่อนได้กล่าวจบประโยคมิเกลก็ขัดขึ้นมาเสียก่อน “เมื่อตระกูลอาร์เชอตกที่นั่งลำบาก พ่อมดในเพนทาเคิลพวกตาเฒ่านั้นมีไม่น้อยเลยที่อยากให้ตระกูลของข้าล่มจม ไม่ช้าไม่นานข้าจะต้องถูกพักการเรียนอย่างแน่นอน เพราะอะไรน่ะหรือ...ก็การยุ่งเกี่ยวกับเพนทาเคิล รื้อฟื้นคดีเก่า ๆ ขึ้นมาทำให้พวกมันจับตามองอยู่ไม่ห่าง เพียงแค่เล่นตุกติกนิดเดียวก็คงถูกยัดข้อหาเหมือนจาฟานั่นแหละ”
ดวงตาจิ้มลิ้มถอดสีขึ้นมา อีกฝ่ายเม้มปากอีกครั้งก่อน ครานี้เห็นทีจะต้องปรามเขาอย่างหนักหน่วงไม่เช่นนั้นเส้นทางของผู้นำตระกูลจะด่างพร้อยเอาได้ หากดอริสไม่สามารถห้ามแผนการใหญ่โตนี้ได้เด็ดขาด เขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่ามีใครจะพอหยุดการเคลื่อนไหวของมิเกลได้หรือไม่
“ข้าว่าเจ้าลองคิดใหม่ดีหรือไม่”
มิเกลเหม่อมองท้องนภา ฟันเฟืองขยับส่งเสียงกึกกักน่าฟัง เขาหลับตาพริ้ม “ไม่หรอก...บางทีการยุ่งเกี่ยวกับสมาคมพ่อมดอาจเกี่ยวพันกับบ้านของเจ้าก็ได้นะ ดอริส”
“บ้าน...บ้านของข้าจะเกี่ยวอะไรด้วยเล่า?” ดอริสกล่าวต่อ “พ่อข้า แม่ข้าต่างเป็นพ่อมดแม่มดธรรมดา”
“การเดินทางรอบทวีปแล้วปล่อยลูกชายเพียงคนเดียวอยู่ตามลำพัง ผ่านมาหลายสิบปีพวกเขาก็ยังไม่กลับมา เจ้าเชื่อจริง ๆ เหรอว่าพ่อแม่ของเจ้ากำลังเสาะหาสมุนไพรวิเศษรักษาได้ทุกโรคน่ะ”
ดอริสตัวชา กำมือเข้าหากันแน่นหนา พ่อแม่ของเขาเข้าคณะการสำรวจทวีปเมื่อหลายสิบปีก่อน ทิ้งข้อความเป็นกระดาษเวทมนตร์ว่าจะกลับมาให้เขาตั้งตารอวัตถุดิบใหม่ ๆ ได้เลย นานวันเข้าจากเด็กน้อยก็กลายเป็นเด็กหนุ่ม คำนำหน้าของเขาค่อย ๆ กลายเป็นชายหนุ่ม สีเงินเงางามดูอ่อนลงมากโข มิเกลโอบกอดดอริสอย่างแนบแน่นคล้ายตอนที่แม่สวมกอดเขา ดอริสตัวแข็งค้าง เขากลืนน้ำลายลงคอด้วยความโศก
“ข้าจะตามหาพ่อแม่ของเจ้าเอง ไม่ต้องห่วงเพื่อนรัก...ข้าจะดูแลเจ้าต่อจากพวกเขาเอง”
เขาไม่โกหกเรื่องการดูแล แม้วิธีของตนจะชั่วช้าเพียงใดก็ตาม
แต่ไม่เป็นไรดอริสเพื่อนรัก เขาสาบานต่อพวกท่านแล้วว่าจะดูแทน
“อืม”
“ข้าพูดจริงนะ! พีออนใช้สายลมบอกกับข้าว่าพ่อมดตนหนึ่งชื่อมิเกลกำลังตามหาเจ้า!”
“อาฮะ...แล้ว?”
ใบหน้าบูดบึ้งของแฟรี่ตัวน้อยทำให้เขาหัวเราะเหอะในลำคอ ร่างกายจมอยู่กับผืนน้ำใสสะอาดมองเห็นปลาเล็กปลาน้อยสิ่งมีชีวิตและพืชน้ำที่อาศัยอยู่ร่วมกัน ความเย็นของธาราชำระล้างมลทินมากมายที่ติดตัวมา แม้นมิอาจชำระความผิดบาปจากภายในที่ตัวเขาก่อนได้ แฟรี่ตัวน้อยกล่าวเสียงฉะฉานอีกครั้ง “เช่นนั้นเจ้าต้องระวังตัวมากขึ้นมิใช่หรือ! กระทั่งเพนทาเคิลไม่เคยเสาะหาตัวเจ้าเจอแต่กลับมีพ่อมดหน้าไหนก็ไม่รู้พบเบาะแสเนี่ยนะ ใช่ไม่ได้เลยจริง ๆ!”
“เจ้าจะโกรธเคืองข้าเพราะเหตุใด พ่อมดจากฮีมาไทต์มีมากหน้าหลายตา มิเกลเนี่ย...ไม่เคยได้ยินชื่อและอีกอย่างมีคนจำนวนไม่น้อยเลยที่อยากขุดคุ้ยเรื่องของข้า เบาะแสที่ทิ้งไว้ก็มากมายเหลือคณานับ”
“โธ่...! แล้วเจ้าจะอยู่ในน้ำนี้อีกนานแค่ไหน ต่อให้จมน้ำจนสิ้นอากาศหายใจเจ้าก็ตายไม่ได้หรอก รีบลุกขึ้นแล้วกลับไปกินข้าวเถอะ! ข้าจะตามหาพลังเวทของเจ้าเอง” นางยืนกรานหนักแน่น ทำเอาหัวใจของอดีตพ่อมดต้องเต้นไม่เป็นจังหวะขึ้นมา เขาเงยหน้ามองเพื่อนยากก่อนจะฝืนยิ้มขึ้นมา “เจ้าช่วยข้าไว้มากมายแล้ว ตอนนี้ข้าไม่ต้องการเวทมนตร์คาถาใด ๆ ข้ากำลัง...ชดใช้บาปกรรมที่ตนเองก่ออยู่”
นางขมวดคิ้ว “เจ้าเปลี่ยนไปมากจริง ๆ แต่อย่าลืมว่ามีสิ่งหนึ่งที่เจ้าต้องกลับไปทำให้สำเร็จ”
ชายหนุ่มเงยหัวขึ้นมา คราวนี้ดวงตาเปิดออกเผยให้เห็นสีแดงดั่งหยาดโลหิต
“ทวงความยุติธรรมคืนแก่เจเน็ต”
“...”
“จาฟา เจเน็ตรอเจ้าอยู่หนา”
ชื่อของแม่มดสาวปรากฏขึ้นพลานทำให้ชายหนุ่มต้องชะงัก กิจวัตรการฆ่าตัวตายที่แอบคิดขึ้นหยุดชั่วคราวก่อนเขาจะลุกขึ้นจากบ่อน้ำขนาดใหญ่ สับเท้าเดินขึ้นบ้านต้นไม้ขนาดมหึมา เนื่องจากป่าแห่งนี้เป็นป่าของเหล่าภูติ การดูแลรักษาเป็นหน้าที่ของพวกนาง การหยิบยื่นน้ำใจมาให้แก่เขาก็นับเป็นเรื่องใหญ่หลวงแล้ว ชายหนุ่มผลัดเปลี่ยนเสื้อเปียกโชก ใบหน้าของหญิงงามผุดขึ้นมาในความทรงจำ
อดีตอันแสนยาวนาน
เขาเม้มปากเป็นเส้นตรง “เจเน็ต” เขาทิ้งตัวลงผ้าขนาดใหญ่เสมือนเตียง มือก่ายหน้าผากยามคิดถึงนาง “ไยเจ้าถึงทิ้งข้าไปเช่นนี้”
“อาจารย์ของข้า...ข้าช่วยเจ้าไม่ได้ ข้ามัน...”
พรึบ!
ดวงไฟดำสนิทปรากฏขึ้นอยู่เบื้องหน้า สายตาของเขาจับจ้องมันอย่างเหนื่อยอ่อน เขารู้ดีว่าผู้มาเยือนที่เข้าเขตแดนของภูติได้คือใคร ร่างนั้นปรากฏตัวเป็นใบหน้าของมนุษย์ นัยน์ตาเรียวเล็กคล้ายสัตว์จำพวกแมว เส้นผมสีขาวทองทอประกาย ผิวสีน้ำผึ้งของเขาดูน่ามองไม่หยอก จาฟาแค่นรอยยิ้มทักทาย
“ว่าอย่างไร ดรากัน”
“บอกกี่ครั้งกี่หนให้เรียกท่านดรากัน เจ้าพ่อมดชั้นต่ำ”
“ข้าไม่เปลืองน้ำลายเรียกมังกรแก่อย่างเจ้าหรอก แล้วเหตุใดจึงติดต่อมา”
“ไข่มังกรของข้าตอนนี้ได้กลับคืนมาแล้ว หากแต่มีข้อแลกเปลี่ยนเล็กน้อย...เจ้าพ่อมดนั้นร้ายไม่เบา”
เขาทำหน้าแหย “เจ้าน่ะหรือติดต่อกับพ่อมด”
“เหตุจำเป็น พ่อมดตนหนึ่งอยากพบเจอข้า อยากได้อำนาจของข้าเพื่อการหนึ่ง ซึ่งหากคาดเดาก็คงเป็นเรื่องของเจ้าหรือของเจเน็ต ข้ายังไม่ตอบตกลงแต่อย่างใดโปรดวางใจ ข้าเพียงนึกสงสัยว่าพ่อมดตนนั้นคือใคร”
“พวกหาเรื่องเสี่ยงตายกระมัง เจ้าอย่าไปสนใจเลย เรื่องของข้ามันจบลงตั้งแต่ห้าปีก่อนแล้ว”
มังกรเงียบอยู่นาน ชายหนุ่มใต้คราบมังกรแก่กล่าวต่อ “แต่เรื่องของเจเน็ตยังไม่จบไม่ใช่หรือ”
“เหอะ! ก็พวกเศษเดนกล่าวว่า ‘พบรอยฟันของมังกรที่สีข้างของนาง จึงสันนิษฐานว่าผู้ที่ฆ่านางคือมังกร’ มิใช่หรือ?”
“เจ้าจะยอมแพ้แล้วรึเจ้าพ่อมด”
เขาตวัดตามอง “ข้าหาใช่พ่อมดอีกต่อไป ดูข้าสิดรากัน ไร้เวทมนตร์ ไม้กายสิทธิ์ของข้าก็หายไป ไหนจะสิ่งนั้นด้วย ถูกของเพนทาเคิล...ข้าสมควรตายตั้งแต่วันนั้น เหตุใดเจ้าถึงช่วยข้าไว้เล่า”
ดรากันไม่เคยตอบคำถามนี้สักครั้ง ตั้งแต่อดีตก็ไม่เคยพร่ำบอก จาฟาคิดเอาไว้แล้วว่าความเงียบคงเป็นสิ่งที่เดียวที่อีกฝ่ายมอบให้เขาได้จึงพรูลมหายใจออกมา “ช่างเถิด”
“เมื่อถึงเวลาข้าจะบอกให้เจ้าได้รู้เอง กลับมาเข้าเรื่องพ่อมดตนนั้นต่อเถอะ พ่อมดที่อยากติดต่อกับข้าคือมิเกล อาร์เชอ เขียนแนะนำตัวร่ายยาวพอสมควร ข้าคร้านจะอ่านแถมเผาทิ้งไปแล้วด้วย”
จาฟาที่หลับตาอยู่พักหนึ่งเปิดตามามอง กอดอกด้วยความฉงน ใช่ว่าเขาไม่เคยได้ยินชื่อนี้—แต่รู้จักกันอย่างดีด้วยซ้ำ ไม่คิดไม่ฝันว่าเจ้าเด็กนั่นจะพยายามตามหาเขางั้นหรือ ใช่ว่าอาร์เชอปกปิดเรื่องนี้แล้วมิใช่หรือ มนตร์ของเขาเสื่อมลง...?
“อาร์เชอตายแล้ว ตอนนี้มิเกลเป็นผู้นำตระกูลใช่หรือไม่”
“ถูก เจ้ารู้ได้อย่างไร”
“เหอะ อัจฉริยะเช่นข้าไยต้องบอกเจ้าด้วย เป็นมังกรบรรพกาลมิใช่หรือไง คิดเองเซ่”
“แก...” ดรากันกัดฟันกรอด “เจ้าจะกลับไปหรือไม่ ทวงคืนสิ่งที่เจ้าเคยมี สิ่งที่เจเน็ตเคยสอน หรือสิ่งที่อาร์เชอเหลือทิ้งไว้ให้ เจ้าจะกลับไปหรือไม่”
“...”
“ข้าให้เวลาเพียงสามวัน มิเช่นนั้นคำขอของเด็กคนนี้จะถูกปิดตาย”
ดวงไฟเบื้องหน้าหายลับไปกับตา พร้อมคำถามของดรากันที่ทำให้อดีตพ่อมดหนุ่มต้องมาขบคิดอย่างถี่ถ้วนสักรอบสองรอบ เห็นทีวันนี้และอีกสามวันเขาคงไม่นอนเป็นแน่
“มิเกล เหตุใดเจ้าจึง...อา ไม่สิ อาร์เชอตายแล้วนี่ ไม่เหนือคามคาดหมายนัก”
เขาอดเสียดายความสามารถที่เก่งกาจของผู้นำตระกูลคนก่อนจริง ๆ อาร์เชอที่เขารู้จัก โหมทำงานหนักตั้งแต่อายุยังน้อย แม้จะต้องมาเสียหลักเมื่อภรรยาของตนตายตอนให้กำเนิดลูกชายเพียงคนเดียว เขาเห็นมิเกล อาร์เชอตั้งแต่วัยละอ่อน ที่พูดสองสามคำก็ร้องไห้จ้าหาแม่ เด็กคนนั้นเติบโตขึ้นมามากแค่ไหนกันเชียว
“โอ้โห เจ้านี่ถูกใจข้าจริง ๆ นะมิเกล”
“เจ้าชอบข้าก็ดีใจ”
“แต่จะไม่บอกเขาหน่อยหรือเรื่องพ่อแม่น่ะ มารู้เข้าทีหลังจะเสียใจเปล่า ๆ นะ”
“ข้าปล่อยให้เขาเตรียมใจอยู่น่ะ อย่างไรดอริสถึงจะซื่อก็หาใช่คนโง่ เขามีความสามารถหลากหลายอย่างที่ไม่ถูกค้นพบและเหมือนเจ้าตัวจะยังไม่พบมันด้วย หาดขัดเกลาสักนิดสักหน่อยคงเข้าทำงานเป็นเจ้าหน้าที่สืบสวนสอบสวนได้อย่างแน่นอน” ไรรย์ยิ้ม แววตาของนางดูสนอกสนใจเพื่อนข้างกายของเขามิใช่น้อย “เอาเถิด แต่จะให้ข้าทำสิ่งใดย่อมมีข้อแลกเปลี่ยน...ให้ข้าได้ลองสัมผัสไม้กายสิทธิ์ของจาฟาได้หรือไม่” นางตาลุกวาว
เขาชำเลืองมองนาง ก่อนตอบว่า “นั่นมากเกินไป”
ไรรย์หัวเราะลั่น นางกล่าวว่า “คิดเอาไว้แล้วเชียว เจ้ามันหมกมุ่นอยู่แต่กับเขานั่นแหละ ระวังเถิด หากพบเจอเขาจริง ๆ เจ้าอาจจะเสียใจเอา เพราะจาฟามีคนรักเป็นเจเน็ตอย่างที่เพื่อนเจ้าว่าก็ได้...” เขาหรี่ตามอง ความสัมพันธ์ลับ ๆ ของเจเน็ตและจาฟาไม่มีใครล่วงรู้มาก่อน
“ข้าว่าเราจบเรื่องนี้กันดีกว่า” เขากล่าว
“ทำไมหรือ?”
“...”
“เจ้ากลัวความจริงงั้นหรือ” ไรรย์โน้มหน้าเข้ามาใกล้ ปลายจมูกของพวกเขาแตะกัน “เจ้ากลัวว่าหากรู้ความจริงจะควบคุมตนเองไม่ได้สินะ เจ้าก็รู้นี่ว่าตนเป็นอย่างไร...อยากครอบครองเขา อยากกักขังเขา ฮ่าฮ่าฮ่า! เจ้าทำได้เสียที่ไหน—”
เพล้ง!!!
“ออกไปได้แล้วไรรย์ วันนี้ข้าไม่อยากต้อนรับเจ้าสักเท่าไร”
“เป็นเกียรติอย่างยิ่งมิเกล”