จะกล่าวถึงหน้าประวัติศาสตร์โลกเวทมนตร์ชื่อของ 'จาฟา ครูส' เป็นชื่อที่ทุกคนต้องได้ยินเสมอ แต่เหตุการณ์เมื่อห้าปีก่อนทำให้ตัวตนของเขาหายไปจากหน้าประวัติศาสตร์
ชาย-ชาย,แฟนตาซี,ตลก,ย้อนยุค,ไทย,จาฟาไม่อยากเป็นพ่อมด,ลึกลับ,นิยายแฟนตาซี,คำสาป,เวทมนตร์,แฟนตาซีน,พ่อมด,BL,ผจญภัย,แฟนตาซี,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
พ่อมดในตำนานคนนั้นเป็นแค่คนตกงาน #จาฟาไม่อยากเป็นพ่อมดจะกล่าวถึงหน้าประวัติศาสตร์โลกเวทมนตร์ชื่อของ 'จาฟา ครูส' เป็นชื่อที่ทุกคนต้องได้ยินเสมอ แต่เหตุการณ์เมื่อห้าปีก่อนทำให้ตัวตนของเขาหายไปจากหน้าประวัติศาสตร์
#จาฟาไม่อยากเป็นพ่อมด
มิเกล อาร์เอชได้ขึ้นเป็นผู้นำตระกูลหลังจากที่บิดาของตนเสียชีวิตลงอย่างปริศนา
ห้องทำงานที่เคยถูกลงกลอนถูกเปิดออก ภาพของพ่อมดในตำนานที่เคียงข้างเขาในวัยเยาว์
การสิ้นชีวาของแม่มดสาวผู้มีความสัมพันธ์ลับ ๆ กับเขา
'จาฟา ครูส'
การดำดิ่งสู่เพนทาเคิล สมาคมพ่อมดที่ปกครองพ่อมดทั้งปวงในฮีมาไทต์
คำเตือน: การฆ่า/การใช้ความรุนแรง/การพยายามฆ่า/ฆ่าตัวตาย/สังหารหมู่/พฤติกรรมน่ารังเกียจ/การทารุณกรรมเด็ก/การทารุณกรรมทางด้านจิตใจ/ลิทธิ/ความเชื่อ ศาสนา
เวอร์ชั่นที่เผยแพร่ยังไม่ได้ตรวจสอบคำผิดอย่างละเอียด
ป.ล.การลงนิยายอาจจะไม่ถี่หรือไม่ค่อยมีเวลามากนัก เนื่องจากนักเขียนอยู่ในช่วงวัยเรียน ภาระงานจากโรงเรียนเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ อีกทั้งนักเขียนเรียนเกี่ยวกับแพทย์ อาจทำให้มีเวลาทางด้านนี้น้อยลงอีกด้วย
ต้องขอบคุณนักอ่านทุกท่านด้วยนะคะ
อยากเขียนแฟนตาซีขึ้นมา และคิดว่าแนวพ่อมดแม่มดนี่แหละเหมาะแก่การทดลองเขียนสุด ๆ ในโลกสมมตินี้จะพาคุณไปท่องยังเมืองต่าง ๆ สมาคมและสมาพันธ์ มีความเชื่อศาสนาและลัทธิต่าง ๆ เป็นเรื่องสมมุติ โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่านด้วยนะครับ
เขาพลิกตัวไปมาบนเตียงใหญ่ ครั้งอดีตเคยปรากฏร่างของหญิงสาวและชายหนุ่มทว่าบัดนี้กลับเหลือเพียงแค่เขาคนเดียวที่อาศัยอยู่ในบ้านหลังนี้ พ่อมดหนุ่มเงยหน้ามองจันทราก่อนล้มตัวไปนอนอีกครั้ง พลันนึกถึงเรื่องเมื่อช่วงกลางวันที่เพื่อนเพียงคนเดียวในชีวิตกล่าวขึ้นมา...พ่อแม่ของเขาหายตัวไปนานนับสิบปี บัดนี้ก็ไม่กลับมา ดอริสคิดเสมอว่าพวกท่านคงอยู่ในทวีปที่ห่างไกล และใช้เวลานานกว่าจะหาสมุนไพรชิ้นนั้นมาให้เขา ความเชื่อของเขามั่นคงเสมอมาจนกระทั่งพบกับมิเกล
สถานะของพวกเขาต่างกันราวกับฟ้าดิน มิเกลเข้ามาทักทายดอริสในช่วงวัยเยาว์ เมื่อพวกเขายังละอ่อนมิเกลมักชักชวนดอริสให้ไปที่คฤหาสน์ บอกเล่าเรื่องราวมากมาย ดอริสในวัยเด็กไม่ต่างกับตัวเขาในช่วงเวลานี้เท่าไรนัก ทั้งขี้ขลาด ขี้กลัว มักก้าวถอยหลังเมื่อเจอปัญหาอยู่เสมอ มีเพียงมิเกลที่ไม่คิดว่าสิ่งเหล่านั้นคือเนื้อร้าย อีกฝ่ายอ้าแขนรับเขาเสมอมา ดอริสพรูลมหายใจอีกครั้ง...
หากการหายตัวไปของพ่อและแม่เป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับเพนทาเคิลตามที่มิเกลบอกจริง ๆ ตัวเขาไม่ลังเลที่จะออกตามหาครอบครัวอย่างแน่นอน
ก๊อก ก๊อก
พลันเสียงหนึ่งดังขึ้นที่หน้าต่าง ดอริสรีบผุดลุกจากเตียงอย่างตื่นตระหนก ก่อนจะเรียกไม่กายสิทธิ์ข้างกายขึ้นมา หากคนที่ปรากฏตัวอยู่ที่ริมหน้าต่างเป็นหญิงสาวผมดำขลับที่เขารู้จักเป็นอย่างดี “เจ้ามาที่นี่เพราะเหตุใด?” เขาถามกับนาง ไรรย์ยกยิ้มจนเห็นรอยบุ๋มที่ข้างแก้ม หากดอริสไม่คิดพิศวาสกับแม่มดร้ายอย่างนาง ไรรย์เป็นแม่มดชั้นแนวหน้า นักปรุงยาและหัวขโมยเจ้าเล่ห์ หากคาดเดาไม่ผิดไรรย์คงเป็นหนึ่งในแผนการของเพื่อนของเขาเป็นแน่
“ข้าเพียงมาดูหน้าค่าตาของคนมีความสามารถเช่นเจ้า มิเกลกล่าวว่าเจ้าสามารถหักล้างเวทมนตร์ได้รวดเร็วมิใช่หรือ” ดอริสเม้มปากลง เขามีคุณสมบัตินั่นจริง ๆ หากมันเกิดมาจากการฝึกฝน เขาไม่มีพละกำลังด้านการต่อสู้หรือพลังเวทที่แข็งแกร่งเทียมคนอื่นเขา การหักล้างเวทมนตร์เป็นหนึ่งเดียวที่เขาพอจะยืนหยัดในการต่อสู้ได้
“เขาฝากมาให้เจ้า”
นางแขวนสิ่งของไว้ที่หน้าต่างของเขา ดอริสขมวดคิ้วมุ่น “สมุนไพร?”
“เอาไว้บรรเทาอาการฝันร้ายของเจ้ากระมัง โปรดรักษาตัวให้ดีเถอะดอริส อย่างไรเมื่อเจ้าเป็นสหายของเขาเจ้าก็มิอาจถอนตัวได้หรอก บางที…เขาคงเป็นประโยชน์กับเจ้ามากกว่าที่คิดก็ได้” เขาหรี่ตามอง ร่ายอาคมคุ้มกันอย่างรวดเร็วก่อนตอบกลับ “ข้าไม่คิดคบกับเขาเพียงผลประโยชน์ มิเกล เขาเป็นเพื่อนสหายของข้า...เช่นเดียวกับเจ้า” เขากลืนน้ำลายลงคอ คำตอบของเขาสร้างเสียงหัวเราะทุ้มต่ำน่าฟัง
นางใช้นิ้วปาดน้ำตา “งั้นรึ…งั้นสินะ เพื่อนหรือ”
“...”
“งั้นข้าไปก่อนละ แล้วเจอกันสหาย...” นางว่าก่อนหายตัวไปจากริมหน้าต่าง เป็นเหตุให้ลมหนาวผัดแทรกเข้ามาด้านใน ดอริสถอนหายใจโล่งอกปิดหน้าต่างก่อนกลับมาซุกตัวในผ้าห่ม กวาดมองสมุนไพรที่แขวนเอาไว้ กลิ่นหอมเย็นช่วยบรรเทาความปวดหัวที่สั่งสมมานานนม เขายิ้มออกมาเล็กน้อย แม้จะดูเฉยชาแต่ก็ใส่ใจเขามากเหลือเกิน
“ข้าควรทำอย่างไรดี”
“เชิญท่านดอริสนั่งดื่มน้ำชาก่อนเถอะขอรับ เดี๋ยวข้าจะตามนายน้อยลงมา”
“ขอรับ” เขาเอ่ยตอบอย่างเป็นกันเอง พ่อบ้านอย่างเซวานด์เดินขึ้นบันไดทอดยาวไปยังห้องทำงานของเจ้าตระกูลคนปัจจุบัน มือใหญ่ผลักบานประตูไม้อย่างดีเข้าไป เผยให้เห็นใบหน้าอิดโรยของชายหนุ่มที่กำลังอ่านเอกสารบางอย่างอยู่ ในมือขีดเขียนสิ่งมากมายลงไปก่อนลากสายตาขึ้นมามองพ่อบ้าน “นี่ยังไม่ถึงเวลานัดของทางการมิใช่หรือ”
“ขออภัยขอรับ ตอนนี้ท่านดอริสกำลังรอท่านอยู่ด้านล่าง”
เขาเลิกคิ้ว “ดอริสมาหาข้า?”
“ชอรับ”
“เข้าใจแล้ว โปรดเตรียมขนมให้ข้าด้วยละ” เขาเดินลงไปด้านล่างอย่างรวดเร็วเมื่อพบใบหน้าเป็นกังวลของเพื่อนชายก็อมยิ้มออกมาเล็กน้อย ขายาวรีบก้าวให้เร็วขึ้นเพื่อไปนั่งลงบนโซฟารับแขก ดอริสเงยหน้าขึ้นมองพร้อมกับจิบชาร้อนที่เซวานด์รินไว้ให้ “สมุนไพรที่ข้าฝากไปให้เป็นอย่างไรบ้าง บรรเทาอาการฝันร้ายของเจ้าได้ดีหรือไม่”
“ขอบใจ ช่วยได้เยอะเลยแต่จะดีกว่านี้ถ้าเจ้าเอามาให้ข้าเอง”
เขาหัวเราะน้อย ๆ ก่อนกล่าวตอบ “พักนี้ข้ายุ่งจนไม่ค่อยได้ออกนอกคฤหาสน์นัก แล้วเจ้ามาที่นี่เพื่อเหตุใด”
เขาปล่อยให้พ่อมดได้เรียบเรียงสิ่งที่อยากพูดออกมา แม้ในใจจะคาดถึงเรื่องการหายตัวไปของพ่อแม่ดอริสแล้วก็ตาม ที่อีกฝ่ายมาที่นี่ก็เพื่อช่วยเหลือเขาในเรื่องคดีของจาฟา เจเน็ตและท่านพ่อ นั่นเป็นเหตุผลเล็ก ๆ ซึ่งความจริงแรงผลักดันที่ทำให้ดอริสก้าวมาหาเขาก็เรื่องของตนเองเสียมากกว่า
“ข้าอยากรู้เรื่องการหายตัวไปของพ่อกับแม่ข้า เจ้าพอจะมีหลักฐานบ้างหรือไม่ แต่ว่า เรื่องของเจ้าข้าก็จะช่วยอีกแรงหนึ่ง” สีบุษราคัมหลุบต่ำลง เป็นดังคาด “แน่นอน นั่นหาใช่เรื่องยากเกินความสามารถของข้า ส่วนเรื่องพักการเรียนที่บอกกับเจ้าไป ข้าไม่บังคับเจ้าหรอก อยู่ที่เอนเซลาดัสเพื่อเป็นหูเป็นตาแก่ข้าก็เพียงพอแล้ว”
ดอริสเม้มปาก “ข้าจะออกตามหาพวกเขา ฉะนั้นการเรียนตอนนี้ของข้าจึงเป็นเรื่องรองไปก่อน” เขามองมือสองข้างของอีกฝ่ายที่กำเข้าหากันแน่น การตัดสินใจครานี้นับเป็นการเสี่ยงเป็นเสี่ยงตายที่สุดก็ว่าได้ ลูกนกตัวน้อยที่เคยเอาแต่หลบหลังเขากลายเป็นนกที่กล้าจะกลางปีกโผบินแล้วกระมัง “เช่นนั้นข้ามีงานให้เจ้าทำ ด้านบนมีขวดโหลหนึ่งข้าอยากให้เจ้าคอยดูแลเอาใจใส่สิ่งนั้น จนไว้เนื้อเชื่อใจเจ้าได้หรือไม่”
ใบหน้าของดอริสบิดเบี้ยวขึ้นมา เห็นชัดว่าอีกฝ่ายไม่ถูกโรคกับสัตว์วิเศษต่าง ๆ
ทว่าสิ่งที่เขากำลังเสนอหาใช่สัตว์วิเศษที่อีกฝ่ายเคยพบเจอมา
“มัน…ไม่ดุร้ายใช่หรือไม่”
“ไม่เลย เป็นมิตรที่ดีทีเดียว ข้าว่านักปรุงยาอย่างเจ้าน่าจะชอบมันไม่น้อย”
“...ก็ได้”
เขาผายมือไปทางบันได กล่าวเป็นนัย ๆ ว่าให้ขึ้นไปได้ โดยมีเซวานด์เป็นผู้นำทาง ดอริสผุดลุกจากโซฟาก่อนจะเดินอาดไปด้านบน หันมามองมิเกลเป็นระยะ พบเพียงรอยยิ้มหวานอันเป็นมิตรของเจ้าตัวก็เท่านั้น เป็นช่วงหวะเดียวกันที่ประตูคฤหาสน์ถูกเปิดออก ชายในชุดพ่อมดเต็มตัวเดินเข้ามาด้านใน เขาลุกขึ้นเต็มความสูงก่อนค้อมตัวลง
“ยินดีที่ได้พบ ท่านเดนเบิร์ก”
“ไม่ต้องเป็นพิธีรีตองขนาดนั้นหรอกอาร์เชอ” ชายหนุ่มนั่งลงบนโซฟา เขาเองก็นั่งลงเช่นเดียวกันก่อนจะรินชาให้อีกฝ่าย ทางด้านเดนเบิร์กกวาดตามองรอบโถงรับแขก ช่วงบันไดมีรูปภาพของครอบครัวถูกวาดเอาไว้ ภาพเสมือนของคุณและคุณนายอาร์เชอทำให้เขาหวนนึกถึงวันเก่า ๆ ยิ่งสบตากับบุษราคัมของมิเกลยิ่งแล้วใหญ่ ลูกชายคนนี้มีส่วนผสมของทั้งคู่รวมเอาไว้ด้วยกัน
“การทำงานฝ่ายสืบสวนของเพนทาเคิลค่อนข้างวุ่นวายน่าดู พักหลังมานี้ข้าเห็นพ่อมดจากทางสมาคมออกมาเดินลาดตระเวนบ่อย ๆ เกิดอะไรขึ้นงั้นหรือ” เขากล่าวถามด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาราวกับกระซิบ เดนเบิร์กได้สติจึงค่อย ๆ พูดออกมาไม่คิดปิดบัง “การหายไปของไม้ประดับ นับเป็นเรื่องใหญ่ทีเดียว ผลงานของจาฟาถูกขโมยไปง่าย ๆ แบบนี้ ซ้ำยังหาผู้ร้ายนั่นไม่เจอด้วย” เขาแย้มยิ้ม “แล้วเหตุใดท่านจึงมาที่นี่”
แววตาของเดนเบิร์กผลัดเปลี่ยนอารมณ์ผ่อนคลายกลายเป็นความกดดันอย่างรวดเร็ว
“จากการตรวขสอบพบว่าเจ้ามีชื่อปรากฏอยู่ในการเข้าชมพิพิธภัณฑ์กับดอริส ซึ่งหลักฐานที่บ่งชี้ว่าเจ้าเป็นผู้ลักขโมยนั่นคือวงเวทของตระกูลอาร์เชอ ข้ามาที่นี่เพื่อจับกุมและสอบปากคำเจ้า มิเกล อาร์เชอ”
ใบหน้าของชายหนุ่มยังคงประดับรอยยิ้มไม่หวั่นเกรง ทางเดนเบิร์กไม่สามารถเชื่อรอยยิ้มนั้นได้เพราะเป็นสิ่งที่ซ่อนความลับมากมายที่ใคร ๆ คนยากจะหยั่งถึง บรรยากาศภายในห้องค่อนข้างเงียบ มีเพียงเสียงของนาฬิกาโบราณที่ตั้งเอาไว้ส่งเสียง ติ๊ก ต๊อก ติ๊ก ต๊อก เดนเบิร์กสูดหายใจอย่างเชื่องช้า ความกดดันหาใช่ตัวบุคคลที่ถูกตราหน้าว่าเป็นผู้ต้องสงสัย หากเป็นเขาที่มาเยือนคฤหาสน์หลังนี้...มิเกลจับแก้วชาขึ้นมาลูบบน ก่อนจิบเล็กน้อย เขาหยิบเอาขนมหวานขึ้นมาเคี้ยวจนมุมปากเลอะ
“ข้าได้ยินมาว่าเพนทาเคิลเกลียดตระกูลของข้ามิใช่น้อย เพราะเหตุใดกันหนอ”
“...”
“อาจเป็นเพราะแม่ข้าที่สร้างคุณงามความดีไว้มากหรือเป็นพ่อข้าที่เกี่ยวโยงกับเหตุการณ์โกลาเกรียงไกร...เบื้องหลังของโกลาเกรียงไกรที่นอกจากจาฟาไล่เข่นฆ่าพ่อมดจากเพนทาเคิลแล้ว พ่อมดทั้งสี่ต่างทำการบางอย่างโดยที่ไม่มีใครล่วงรู้นอกจากข้า ใช่หรือไม่ท่านเดนเบิร์ก”
น้ำเสียงของมิเกลยังกังวานกึกก้องไปทั่วห้อง มือไม้ของเขาเย็นเฉียบกระนั้นยังมีเหงื่อผุดพรายขึ้นมา การประจันหน้ากับเจ้าที่ของเพนทาเคิลเป็นเรื่องยากในหนึ่งระดับ ฉะนั้นแล้วหากเปิดท่าทีหวาดกลัวหรือตระหนกออกไปก็เท่ากับสิ่งที่วางเอาไว้จบเห่ การมาเยือนของเดนเบิร์กรวดเร็วจริง ๆ ถึงเขาอยากจะยืดเวลาเอาไว้มากกว่านี้ก็ตาม...การแหกคุกจากฮีมาไทต์ก็หาใช่เรื่องง่ายยิ่งแล้วใหญ่กับการที่อำนาจของดรากันยังไม่ตกมาถึงเขา
“ข้าไม่รู้ว่าเจ้ากำลังพูดถึงเรื่องใดกันแน่ พวกข้าทำงานเยี่ยมสุจริตชน”
“สุจริตชนหรือ...โอ ข้าอยากชื่นชมเพนทาเคิลเสียจริง ๆ ที่ทำให้กระทั่งเจ้าเชื่อฟังพวกมันง่ายดายเพียงนี้ ได้ส่วนแบ่งเป็นอะไรหรือ เล่าให้ข้าฟังบ้างซี”
“...มิเกล”
“เอาน่า ๆ ท่านอา ท่านอย่าลืมว่าพ่อข้าเองก็เคยมีบุญคุณต่อท่านมาก ที่ท่านสามารถไต่เต้าขึ้นตำแหน่งนี้ได้ก็เพราะพ่อของข้ามิใช่หรือ”
“...”
“และก็ไม่ใช่เพียงข้าแค่คนเดียวที่สามารถใช้เวทมนตร์จากตระกูลอาร์เชอได้ เจ้าอย่าลืม ตัวเจ้าเองก็มีสายเลือดนี้อยู่ในตัว ญาติคนอื่นของข้าก็เช่นเดียวกัน อย่างไรข้าก็ฝากให้ท่านตรวจสอบถี่ถ้วนอีกทีเถิด หากพบหาหลักฐานที่รัดกุมมากกว่านี้ข้าจะลองคิดดู วันนี้คงหมดเวลาของท่านแล้ว”
“เดี๋ยว—”
“ตอนนี้คือผู้นำตระกูลคนปัจจุบัน มิมีเวลาว่างมานั่งยัดข้อหาใส่คนอื่นเช่นท่านอาหรอก” ว่าจบก็เดินขึ้นด้านบนโดยทิ้งอีกฝ่ายไว้ด้านล่าง เดนเบิร์กกะพริบตาอย่างเชื่องช้าคล้ายว่าเหตุการณ์ก่อนหน้าจะเลอะเลือนไปบ้าง สิ่งที่เขากล่าวหาอีกฝ่ายเป็นเรื่องจริงหรือเรื่องเท็จกันแน่ รายชื่อการเข้าชมพิพิธภัณฑ์ฮีมาไทต์เป็นเรื่องจริงหรือคำลวงกันหนา
เดนเบิร์กนวดขมับ กลับรู้สึกปวดหัวอย่างรุนแรง
“เบื้องหลังเหตุการณ์โกลาเกรียงไกร”
“อา...เกิดอะไรขึ้นกับตัวข้ากัน”
“ข้าว่านักปรุงยาอย่างเจ้าคงชื่นชอบไม่น้อย ใช่หรือไม่” เขาเงยหน้ามองเพื่อนสนิทที่ในอกกอดขวดโหลใบใหญ่เอาไว้ เขาเพิ่งทำการย้ายสถานที่ให้พีออนไปเมื่อคืนก่อนหน้า ซึ่งนางให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี แถมเอาแต่จดจ้องดวงตาของเขาอยู่เรื่อย พีออนมองหน้าตนสลับกับดอริสที่ยังคงแย้มยิ้ม ปฏิกิริยาของเจ้าตัวดูตื้นตันก็มิปาน สิ่งหนึ่งที่ดอริสทำได้ดีหาใครเทียมนั่นคือการปรุงยา
เขาเป็นนักปรุงยามือฉมังของเอนเซลาดัสก็ว่าได้
ว่ากันว่าแฟรี่มักเป็นส่วนหนึ่งในการปรุงยา สมุนไพรหลากชนิดต้องการละอองของนางเพื่อดึงสรรพคุณของพืชแต่ละชนิดออกมาได้มากที่สุด ดอริสเงยหน้ามองเขาด้วยแววตาเปี่ยมสุข มิเกลยิ้มตอบกลับไป “เจ้า...เจ้าพานางมาได้อย่างไร ไม่สิ เจ้าใช้นางเป็นแพะรับบาปเรื่องนั้นหรอกหรือ”
“อืม สิ่งต่อไปที่เจ้าต้องทำคือรักษาระยะห่างจากข้าเสียก่อน พักนี้ทางการเริ่มสอบสวนอย่างจริงจังแล้ว ข้าไม่อยากให้เจ้าพลอยเดือดร้อนไปมากกว่านี้ ส่วนเรื่องครอบครัวของเจ้า...ข้ามีหลักฐานในมือ มีไผ่ที่เหนือกว่าเพนทาเคิลอย่างแน่นอน”
“ก็ได้ ข้าเชื่อใจเจ้าแต่อย่างน้อยก็บอกแผนการล่วงหน้ากับข้าก่อนได้หรือไม่”
ชายหนุ่มผมดำขลับเม้มปากน้อย ๆ อารมณ์อ่อนไหวส่งผ่านถึงพีออน นางเบะปากน้ำตาคลอน้อย ๆ มิเกลเห็นท่าไม่ดีจึงกลืนน้ำลายอึกหนึ่งก่อนกล่าวว่า “พิธีโคเวนใกล้มาถึงแล้ว ถึงวันนั้นข้าจะถูกพักการเรียน แต่แผนการอาจปรับเปลี่ยนได้เสมอ...หากวันนั้นดรากันยื่นมือมาช่วยเหลือข้าละนะ”
“แปลว่าตอนนี้ดรากันก็ยังไม่ยอมรับข้อเสนอของอีกเจ้าอีกรึ?”
“อืม ช่างเถิดเรื่องนั้นเอาไว้ทีหลัง ตอนนี้เตรียมตัวกับงานโคเวนเสียเถอะ”
“ในพิธีนั้นมีการประลองด้วยนี่ เจ้าจะลงหรือไม่” ดอริสถามเข้าเป็นจังหวะเหมาะเจาะพอดิบพอดี “แน่นอน ข้าถึงได้บอกให้เจ้าเตรียมตัวกับงานอย่างไรเล่า เพราะข้าและเจ้าจะลงการประลองครั้งนี้เหมือนกัน”
ดอริสอ้าปากค้างอีกครั้ง โชคดีที่เขาร่ายเวทมนตร์ลอยตัวไว้ ไม่อย่างนั้นขวดโหลที่ใส่แฟรี่คงแตกกระจาย “แต่ว่าการประลองต้องลงแบบกลุ่มมิใช่หรือ?! พวกเรามีกันแค่สองคนเองนะ!”
เขาหลับตา “อารี อาร์คหรือจะมาเดลิน ยังไงผู้เข้าประลองก็ต้องมีมากกว่าสองคนขึ้นไป ถึงอารีจะไม่ได้เรื่องก็ตามแต่สองคนที่ข้าว่ามามีฝีมือมากพอเลยละ” ดอริสค้านขึ้น “เขาไม่ใช่ไม่ได้เรื่องหรอก หากเอาแต่ใส่ใจเจ้ามากเกินไปจนไม่ดูภาพรวมของการแข่งเท่านั้น ฝีมือการร่ายเวทของเขาก็อยู่ในขั้นสมบูรณ์แบบถัดเทียมกับอาร์คหรือมาเดลิน”
อีกฝ่ายเงยหน้าขึ้นมา “ข้าต่างหากที่ไม่เก่งกาจเทียบกับใครที่เจ้าว่ามา”
เขาจับไหล่ของดอริส บีบมันอย่างเบามือที่สุด ใบหน้าของมิเกลอยู่ในความบิดเบี้ยวเล็กน้อย เขาไม่เคยอยากให้เพื่อนของตนมาด้อยค่าตัวเองต่อหน้าเขาเช่นนี้ ความสามารถของดอริสเป็นที่ประจักษ์กับพ่อมดมากมาย ด้วยนิสัยไม่สู้คนของเจ้าตัวหรือการไม่มั่นใจในพลังเวทของตัวเองทำให้เขาถูกเอารัดเอาเปรียบบ่อยครั้ง
“พลังเจ้ามีประโยชน์ที่สุด ดอริส ข้าไม่เคยเห็นเจ้าเป็นเพียงเครื่องมือ อย่าได้ด้อยค่าตนเองปานนั้นเลย เจ้ามีประโยชน์มากกว่าทุกคนที่ข้าเอ่ย เพราะเจ้า...เป็นเพื่อนของข้า เป็นเพื่อนเพียงคนเดียวของข้า”
“...”
“เป็นครอบครัวที่ข้ามีอยู่ตอนนี้ ได้โปรด...”
ดอริสยืนอยู่เบื้องหน้าของอีกฝ่าย จ้องมองในแววตาที่วูบไหลตามแสงสว่างในห้อง
มือของมิเกลสั่นไหวขึ้นมา ก่อนจะฉีกยิ้มอย่างที่เจ้าตัวชอบทำ
ครอบครัว…ที่มีอยู่หรือ