จะกล่าวถึงหน้าประวัติศาสตร์โลกเวทมนตร์ชื่อของ 'จาฟา ครูส' เป็นชื่อที่ทุกคนต้องได้ยินเสมอ แต่เหตุการณ์เมื่อห้าปีก่อนทำให้ตัวตนของเขาหายไปจากหน้าประวัติศาสตร์

พ่อมดในตำนานคนนั้นเป็นแค่คนตกงาน #จาฟาไม่อยากเป็นพ่อมด - 6 - โดย DIAT @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

ชาย-ชาย,แฟนตาซี,ตลก,ย้อนยุค,ไทย,จาฟาไม่อยากเป็นพ่อมด,ลึกลับ,นิยายแฟนตาซี,คำสาป,เวทมนตร์,แฟนตาซีน,พ่อมด,BL,ผจญภัย,แฟนตาซี,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย

พ่อมดในตำนานคนนั้นเป็นแค่คนตกงาน #จาฟาไม่อยากเป็นพ่อมด

หมวดหมู่ที่เกี่ยวข้อง

ชาย-ชาย,แฟนตาซี,ตลก,ย้อนยุค,ไทย

แท็คที่เกี่ยวข้อง

จาฟาไม่อยากเป็นพ่อมด,ลึกลับ,นิยายแฟนตาซี,คำสาป,เวทมนตร์,แฟนตาซีน,พ่อมด,BL,ผจญภัย,แฟนตาซี

รายละเอียด

พ่อมดในตำนานคนนั้นเป็นแค่คนตกงาน #จาฟาไม่อยากเป็นพ่อมด โดย DIAT @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

จะกล่าวถึงหน้าประวัติศาสตร์โลกเวทมนตร์ชื่อของ 'จาฟา ครูส' เป็นชื่อที่ทุกคนต้องได้ยินเสมอ แต่เหตุการณ์เมื่อห้าปีก่อนทำให้ตัวตนของเขาหายไปจากหน้าประวัติศาสตร์

ผู้แต่ง

DIAT

เรื่องย่อ

#จาฟาไม่อยากเป็นพ่อมด

มิเกล อาร์เอชได้ขึ้นเป็นผู้นำตระกูลหลังจากที่บิดาของตนเสียชีวิตลงอย่างปริศนา

ห้องทำงานที่เคยถูกลงกลอนถูกเปิดออก ภาพของพ่อมดในตำนานที่เคียงข้างเขาในวัยเยาว์

การสิ้นชีวาของแม่มดสาวผู้มีความสัมพันธ์ลับ ๆ กับเขา

'จาฟา ครูส'

การดำดิ่งสู่เพนทาเคิล สมาคมพ่อมดที่ปกครองพ่อมดทั้งปวงในฮีมาไทต์



คำเตือน: การฆ่า/การใช้ความรุนแรง/การพยายามฆ่า/ฆ่าตัวตาย/สังหารหมู่/พฤติกรรมน่ารังเกียจ/การทารุณกรรมเด็ก/การทารุณกรรมทางด้านจิตใจ/ลิทธิ/ความเชื่อ ศาสนา



เวอร์ชั่นที่เผยแพร่ยังไม่ได้ตรวจสอบคำผิดอย่างละเอียด

ป.ล.การลงนิยายอาจจะไม่ถี่หรือไม่ค่อยมีเวลามากนัก เนื่องจากนักเขียนอยู่ในช่วงวัยเรียน ภาระงานจากโรงเรียนเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ อีกทั้งนักเขียนเรียนเกี่ยวกับแพทย์ อาจทำให้มีเวลาทางด้านนี้น้อยลงอีกด้วย

ต้องขอบคุณนักอ่านทุกท่านด้วยนะคะ



อยากเขียนแฟนตาซีขึ้นมา และคิดว่าแนวพ่อมดแม่มดนี่แหละเหมาะแก่การทดลองเขียนสุด ๆ ในโลกสมมตินี้จะพาคุณไปท่องยังเมืองต่าง ๆ สมาคมและสมาพันธ์ มีความเชื่อศาสนาและลัทธิต่าง ๆ เป็นเรื่องสมมุติ โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่านด้วยนะครับ

สารบัญ

พ่อมดในตำนานคนนั้นเป็นแค่คนตกงาน #จาฟาไม่อยากเป็นพ่อมด-Season I -,พ่อมดในตำนานคนนั้นเป็นแค่คนตกงาน #จาฟาไม่อยากเป็นพ่อมด-prologue -,พ่อมดในตำนานคนนั้นเป็นแค่คนตกงาน #จาฟาไม่อยากเป็นพ่อมด-1 -,พ่อมดในตำนานคนนั้นเป็นแค่คนตกงาน #จาฟาไม่อยากเป็นพ่อมด-2 -,พ่อมดในตำนานคนนั้นเป็นแค่คนตกงาน #จาฟาไม่อยากเป็นพ่อมด-3 -,พ่อมดในตำนานคนนั้นเป็นแค่คนตกงาน #จาฟาไม่อยากเป็นพ่อมด-4 -,พ่อมดในตำนานคนนั้นเป็นแค่คนตกงาน #จาฟาไม่อยากเป็นพ่อมด-5 -,พ่อมดในตำนานคนนั้นเป็นแค่คนตกงาน #จาฟาไม่อยากเป็นพ่อมด-6 -,พ่อมดในตำนานคนนั้นเป็นแค่คนตกงาน #จาฟาไม่อยากเป็นพ่อมด-7 -,พ่อมดในตำนานคนนั้นเป็นแค่คนตกงาน #จาฟาไม่อยากเป็นพ่อมด-8 -

เนื้อหา

6 -

6

“หากได้ไปที่นั่นก็คงดี”

“ที่ไหนรึ...?”

เขาเบนสายตามอง “แท่นบูชาดวงจันทรา หากเป็นที่นั่น” เขาชี้นิ้วไปบนยอดหน้าผาถัดจากหอนาฬิกาของเหล่าเพนทาเคิล “จะสามารถมองเห็นประเทศนี้ได้ถนัดตา ยามกลางคืนพระจันทร์เลือดจะปรากฏ ความเชื่อของเหล่าพ่อมดโบราณเล่าว่าหากขอพรจะเป็นจริง” เขาหลุบตาลง ความจริงเขาเองก็มีอย่างหนึ่งอยากขออยู่เช่นกัน แม้จาฟาจะไม่เคยเชื่อเรื่องนี้เลยก็ตาม หากสถานที่แห่งนั้นเป็นสถานที่หวงห้ามของเขา อาจารย์และดรากัน

“เจ้าขอให้ชุบชีวิตแม่มดขึ้นมาไม่ได้ ศาสตร์ต้องห้ามที่ความมืดยังหวาดกลัว”

เขาท้วง “ข้าไม่ได้!”

ก่อนรีบปิดปากฉับ แสงสว่างดั่งหิ่งห้อยตัวเล็กหายไปอย่างรวดเร็วเมื่อปลายเท้าหยุดลงที่หน้าคฤหาสน์ของตระกูลอาร์เชอ ประจวบเหมาะกับพี่พ่อบ้านเซวานด์เปิดประตูมาพอดิบพอดี พ่อบ้านเพียงคนเดียวกะพริบตา ไล่มองแต่หัวจรดปลายเท้าก่อนจะคำนับให้อีกครั้ง “วันนี้ท่านมิเกลไม่มีนัดนะขอครับ” เขาสูดหายใจ อย่างไรต้องเชื่อมั่นว่านางคงปรับเปลี่ยนเสียงให้เขาด้วย...ใช่ไหมนะ

“ข้ามีนัดกับมิเกล อาร์เชอ” เขาพูดต่อ “ด้วยนามแห่งดรากัน ตัวข้ามิอาจพูดปด”

นัยน์ตาแดงแวววับด้วยสีสว่างจ้า ม่านตาเรียวเล็กคล้ายสัตว์จำพวกแมวทำให้เซวานด์ผงะเล็กน้อย เขาเบี่ยงตัวหลบก่อนเชื้อเชิญให้แขกคนสำคัญเข้าไปด้านใน จาฟาเดินย้ำเท้าเข้าตัวบ้านด้วยความเคยชิน ใช้สายตาไล่มองไปเรื่อย ๆ จนสะดุดเข้ากับภาพครอบครัวที่แขวนเอาไว้ที่บันได “ท่านมิเกลอยู่ด้านบนขอรับ ให้ข้านำทางให้หรือไม่?”

“อืม” เขากลบความเคลือบแคลงใจของเซวานด์อย่างเรียบง่าย หากทำตัวเคยชินไปมีหวังต้องโดนแอบถามอะไรแน่ ๆ การเว้นระยะห่างจากพ่อมดเบื้องหน้าจึงเป็นเรื่องที่สมควรแล้ว เซวานด์เป็นหูเป็นตาแก่ตระกูลนี้มานาน ไม่เคยทรยศหักหลังผู้นำอาร์เชอสักหน มีเพียงคอยจัดการเรื่องราวที่ไม่ราบลื่นอยู่เสมอ บัดนี้อีกฝ่ายสะบัดคราบพ่อบ้านหน้าขมึงไปแล้วกระมัง

คนเบื้องหน้าเคาะประตูสามครั้ง เสียงประตูค่อย ๆ เปิดออกพร้อมแสงภายในที่มืดมิด เงาของเขาทอดอยู่บนพื้น ชำเลืองมองตัวห้องก่อนช้อนสายตามองมิเกล...ปากกาขนนกจากมือชายหนุ่มร่วงหล่นบนโต๊ะทำงาน หมึกสีดำเปรอะเลอะเสื้อผ้าจนหัวหน้าพ่อบ้านต้องรีบใช้คาถาย้อนกลับ “ออกไปก่อน”

เซวานด์รีบก้าวอย่างรวดเร็วยิ่งกว่าทีแรก หนสุดท้ายที่พวกเขามองหน้ากัน ดวงตาสีแดงเลือดช่างดูคุ้นเคย—เหมือนเคยพบเจอที่ไหน

เขายืนอยู่แบบนั้น ด้านในไม่มีโซฟาหรือเก้าอี้ ที่นี่เรียกว่าห้องทำงานได้เต็มปาก ยังคงเหมือนเดิมไม่มีสิ่งใดผิดเพี้ยน แต่ดูสะอาดขึ้นเมื่อส่งต่อถึงมือของลูกชาย วินาทีหนึ่งที่สายตาถูกหยุดไว้ที่ขวดโหล...ละอองแฟรี่? เขาถามตนเอง ก่อนเสียงเคาะนิ้วจะเรียกเขา มิเกลเงยหน้ามองเขาอยู่นาน ไม่เอ่ยอะไร หรือไม่รู้ว่าควรวางตัวอย่างไรกันแน่ เด็กคนนี้ไม่ถูกโรคกับผู้หญิง...ไม่ซี ไม่ถูกโรคกับคนแปลกหน้าด้วย ฉะนั้นแล้วเขาควรรีบสะสางเรื่องราวให้เสร็จสิ้นจะดีกว่า

“ดรากันฝากมาให้เจ้า วิธีตอบรับพลังก็เขียนบอกเอาไว้แล้ว”

“...”

“โชคดีกับภารกิจอันใหญ่หลวงของเจ้า” ว่าจบเขาก็หมุนปลายเท้า นิ้วร่ายคาถาของดรากันทันที ทว่าเสียงของชายหนุ่มหยุดเขาเอาไว้เสียก่อน “เดี๋ยว...เดี๋ยวก่อน” เมื่อหันไปมอง อีกฝ่ายกุมมนตราของดรากันแนบอก มือหนึ่งเอื้อมหาเขาก่อนจะค่อย ๆ ชักกลับไปหาตัว เขาเลิกคิ้วมองด้วยความสงสัย “ข้าเชื่อเจ้าได้อย่างไรว่าเป็นสหายของดรากัน”

จาฟาอยากหัวร่อให้ฟันล่วง

เขาน่ะหรือสหายของดรากัน

แม้จะใกล้เคียงก็ตาม…

“ข้าไม่มีสิ่งใดจะพิสูจน์ หากแต่...ไม่มีใครอยากเอาชื่อมังกรบรรพกาลมาอ้างเช่นนี้หรอก เจ้าก็รู้นี้ว่ามังกรตนนั้นเกลียดอะไรเป็นที่สุด”

“คบค้ามนุษย์” อีกฝ่ายกล่าวต่อให้จบประโยค จาฟาพยักหน้าขึ้นลง “เช่นนั้นแล้ว เจ้าเชื่อใจข้าได้หรือยัง”

คนผมส้มหลุบตาลง ก่อนกล่าวเสียงแผ่วเบาว่า “ช่วยบอกชื่อของเจ้าได้หรือไม่” เขาผงะ นิ้วมือร่ายวงเวทอย่างพิถีพิถัน บรรจงโดยใช่เหตุทั้งที่ควรรีบออกจากที่นี่แท้ ๆ เขากำลังใช้สมองอันชาญฉลาดของตัวเองเพื่อหาคำที่เหมาะสม จาฟา...ไม่ได้ นั่นอาจส่อถึงตัวตนที่แท้จริงของเขา หรือจะให้เรียกเจเน็ตก็ยากนัก...เขาเงยหน้ามองแน่นิ่ง ก่อนกล่าวว่า “ฮิม”

“ข้าชื่อฮิม”

ฮิม...ลูกคนแรกของดรากัน

อีกฝ่ายกะพริบตา ร่างตรงหน้าก็หายไป ทิ้งไว้เพียงเพลิงสีดำที่กัดกินหากไม่เผาทำลายสิ่งใดในห้องของเขา หัวเข่าของมิเกลอ่อนแรง เขาล้มตัวลงโดยไร้เหตุผล เพียงแค่ครู่เดียวดวงตาที่เฝ้าตามหามานานคล้ายปรากฏอยู่เบื้องหน้า เขาเม้มปาก ไม่สิ หากเป็นจาฟาจริง ๆ อีกฝ่ายคงไม่ญาติดีในการช่วยเหลือเขาเช่นนี้หรอก เขามองมือของตนเอง

หากไขว่คว้าไว้เร็วกว่านี้ ฝ่ามือขาวนวลนั่นเขาอาจได้เป็นคนครอบครอง

เขากำมือแน่น “เอาละ” เชาคลี่จดหมายออกมาอ่าน สรุปคร่าว ๆ คือการดื่มมนตราในรูปแบบของเหลวสีส้มมีละอองบางอย่าง เขาสูดหายใจ หยิบออกมาก่อนชำเลืองมองกระดาษอีกครั้ง แค่ดื่มให้หมดพลังของดรากันจะตอบรับเขาเอง เนื้อหาด้านในไม่อาจถามหาความจริงได้เลย หญิงสาวนามว่าฮิมนี้เองก็เช่นกัน แม้นางจะเหมือนเขามากแค่ไหนแต่ก็ไม่มีทางรู้ได้ว่าเป็นสหายของดรากันจริงหรือไม่

เขาก้าวเดินมาไกลเพียงนี้

เขาดีดจุกฝาไม้ออกดังป๊อก! ยกขวดดื่มจนหมดขวด

คล้ายเพลิงธุลีลุกไหม้ท่วมกาย ความร้อนจากภายใจโจมตีเขาอย่างรุนแรง ขาข้างหนึ่งทรุดลง เขายกมือกุมอกเอาไว้เมื่อความร้อนคล้ายกลืนกินร่างกายของพ่อมดหนุ่ม มิเกลสูดหายใจเพื่อประสานพลังของมังกรอย่างเนิบช้า เผ่าพันธุ์พิศวงเช่นนี้หาได้มีโอกาสจะศึกษาได้ง่ายดายเสียหน่อย เขาหลับตา ปาดหยาดเหงื่อที่ไหลหยดย้อยออกไป

เร็วเข้า...เร็วเข้าซี่…รีบประสานเป็นหนึ่งเดียวกันเสียที...

โครม!!!

“มิเกล!!! มิเกล!!! นะ...นี่เจ้า?!! ท่านเซวานด์—เขาหมดสติ—ข้าไม่ทราบ—รีบ ๆ”

พ่อมดคนสนิทที่เขาคุ้นเคยกลับห่างไกลออกไปเรื่อย ๆ แสงสว่างที่เคยโอบล้อมร่างกายจางลง ร่างกายของเขาถูกแผดเผาทั้งที่ควรจะร้อนจนแสบผิวกลับเย็นยะเยือกคล้ายจมดิ่งสู่ธารน้ำแข็ง ร่างกายเบาหวิวดั่งขนนก นี่เขากำลังจะตายหรือ

คล้ายมือของเขาขยับได้ มือข้างนั้นปัดป่ายในอากาศ แต่ไม่อาจคว้าถึงสิ่งใด สีบุษราคัมกวาดตามองรอบ ๆ ทุกทิศทางถูกดูดกลืนด้วยความมืด เขาปรือตามองอย่างเหน็ดเหนื่อย หากผลลัพธ์ที่เขาต้องการออกมาดีกว่าที่คิด อาการเจ็บหน้าอกของมิเกลหายเป็นปัดทิ้ง คงเหลือไว้เพียงความเย็นเฉียบสุดขั้วหัวใจ

“ข้าตายแล้วหรือ” เขาพึมพำในความมืด สุรเสียงของเขาดังกึกก้องไปทั่ว

“ยังหรอก” เสียงหนึ่งตอบกลับมา น้ำเสียงนุ่มนวลที่เขาไม่เคยพบเจอมาก่อน ไม่ใช่เสียงของจาฟา ไม่ใช่เสียงของดอริส ไม่ใช่เสียงของเซวานด์ ไรรย์…ไม่ใช่เสียงของใครเลย

!!!

บางสิ่งบางอย่างฉุดดึงเขาขึ้นมาจากเตียงนอน แผ่นหลังของชายหนุ่มชุ่มโชกด้วยเม็ดเหงื่อ ใบหน้าของเขาซีดเซียวน่าดู เมื่อมองไปเบื้องหน้าเพื่อนสนิทของเขาและพ่อบ้านกลับเคียงข้างอยู่ไม่ห่าง เมื่อเห็นพ่อมดหนุ่มตื่นขึ้นมาแล้ว ชายร่างเล็กจึงกระโจนเข้าใส่ โอบกอดเขาด้วยความโศก น้ำตาดอริสไหลพรากด้วยความกังวล อีกฝ่ายร่ำไห้อยู่ข้างใบหู เขาปลอบโยนโดยการลูบแผ่นหลังอย่างเชื่องช้า เสสายตาขึ้นมองเซวานด์ที่จ้องมองด้วยใบหน้าเขม็ง

ดูท่า…การตัดสินใจครั้งนี้จะผิดพลาดเล็กน้อย

“เจ้า...เจ้าเป็นอย่างไรบ้าง? เจ็บตรงไหนหรือไม่ ข้างในละ ทะ…ทำไมถึงได้กลายเป็นเช่นนั้นไปได้” ดอริสถามเสียงละล่ำละลัก ผละจากอ้อมอกแล้วจึงลูบคลำตามกรอบหน้าของพ่อมดผมส้ม อีกฝ่ายฉีกยิ้มไม่ยี่หระไม่เหมือนคนที่เพิ่งผ่านพ้นจากความตาย “เพียงโหมจัดการเอกสารมากไปก็เท่านั้น อย่าห่วงเลย ขอแค่ได้พักผ่อนก็พอแล้ว”

“หากเป็นเช่นนั้นจริงข้าคงจะชื้นใจขึ้นมาไม่น้อย งานที่เหลือของท่านข้าจะเป็นคนรับผิดชอบเอง” เซวานด์กล่าวแทรกขึ้นมา เขาคงไม่อาจเห็นผู้นำตระกูลคสุดท้ายต้องมาล้มหมอนนอนเสื่อได้ในตอนนี้ ระบบภายในคงวุ่นวายน่าดูหากข่าวของมิเกล อาร์เชอล้มป่วย เจ้าของนามยิ้มค้างอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนพยักหน้าหงึกหงัก ทันทีที่ได้รับคำสั่งเซวานด์แทบจะหมุนปลายเท้าเพื่อไปยังห้องทำงาน หากถูกขัดไว้เสียก่อน

“เพียงเรื่องเดียวที่ข้าจะจัดการเอง คงเป็นเรื่องของเพนทาเคิล ส่วนงานที่เหลือฝากเจ้าจัดการด้วยแล้วกันนะ” เขายิ้ม “แต่ว่า”

“หากข้ายังคงอืดอาดอยู่แบบนี้คงมีพวกไม่หวังดีกำลังพยายามจัดการตัวหม...จัดการคนในตระกูลของเราอยู่แน่ สิ่งที่พ่อข้าทุ่มเทมาข้าจะไม่ทำลายมันแน่” เซวานด์ผงกหัวรับคำ พ่อมดวัยชราเดินออกจากห้องทิ้งไว้เพียงเขากับชายอีกคน มิเกลถอนหายใจอย่างเหน็ดเหนื่อยก่อนทาบมือลงบนอก เสียงของหัวใจ เลือดและกระแสพลังดรากันกำลังไหลเวียนอยู่ภายในตัวของเขา เขายกยิ้ม สำเร็จแล้ว

“ช่วยบอกข้าได้หรือไม่ว่าสิ่งที่เจ้าดื่มลงไปคือสิ่งใด” เขาหันกลับมามองอย่างรวดเร็ว “เจ้ารู้หรือ”

สีเงินหลุบต่ำลงก่อนค่อย ๆ เงยขึ้น “อืม กลิ่นของสมุนไพรยังแจ่มชัดอยู่ในโพรงจมูกของข้าอยู่เลย เลยคิดว่าสิ่งที่ทำให้เจ้ากลายเป็นเช่นนี้คงเป็นสมุนไพรสักชนิด แต่ข้าคิดไม่ออก...ในฮีมาไทต์ไม่มีน้ำยาใดที่ส่งผลให้พ่อมดต้องทรุดตัวเช่นนี้” ใบหน้าของชายหนุ่มเปื้อนคราบน้ำตาบัดนี้กลับเต็มไปด้วยความสงสัย แลมองเพื่อนชายที่จ้องเขาไม่วางตา ดอริสไม่ตกใจกับอาริยาบทเหล่านี้แล้ว เขารู้สึกชินชายามสบตากับสีเหลืองอร่ามนั้น

“ดรากันตอบรับข้าแล้ว เหลือแค่เริ่มแผนการ”

“จะต้องออกจากฮีมาไทต์จริง ๆ หรือ”

“เมื่อความจริงมาถึงผู้คนจะตาสว่าง การกลับมาของจาฟา พ่อแม่เจ้าหรือจะเป็น…สิ่งที่พ่อของข้าเหลือทิ้งไว้ให้”

“ข้า…” มือเขาสั่น “คงเป็นเรื่องท้าทายพอ ๆ กับการปรุงยากระมัง” อีกฝ่ายฉีกยิ้มอย่างเหน็ดเหนื่อย เขาเข้าใจดี...มิเกลหลับตาลงพร่ำขอโทษอีกฝ่ายอย่างแผ่วเบา

 

 

“พิธีครั้งนี้คงยิ่งใหญ่น่าดู คนใหญ่คนโตมาเต็มไปหมดเลยนี่”

เขาผู้คนมากมายที่กำลังเดินเดินพิธีด้วยสายตาเรียบเฉย คณะโพรฟีติน่าจากประเทศอพันโพโทปหยุดอยู่ยืนเคียงข้างกัน พวกเขาเป็นชาวอมนุษย์มีชาติพันธุ์ต่างกันออกไป บ้างก็ครึ่งมนุษย์ครึ่งสัตว์ หรือจะเป็นสัตว์ทั้งตัวเพียงแค่ยืนสองขากับท่อนบนหรือท่อนล่างเป็นสิ่งใดสิ่งหนึ่ง เขายิ้มทักทายอย่างเป็นมิตรแม้สายตาที่มองจ้องกลับมาจะไร้แววพันธมิตรเลยก็ตาม

“พ่อมดแม่มดจากเพนทาเคิลมากันครบเลยหรือ”

“งานปีนี้ยิ่งใหญ่ขนาดนั้นเชียวหรือ ข้าว่าไม่ต่างจากปีก่อน ๆ มากนักเท่าไรนะ?”

“ปีสุดท้ายที่พวกเราจะจบเขาก็คงอยากส่งความหวังต่อพ่อมดแม่มดรุ่นใหม่กระมัง”

ก่อนเบนสายตามองไปยังเวทีที่เกิดความผิดปกติเล็กน้อย ความจริงแล้วควรจะเป็นศาสตราจารย์ที่ขึ้นมาเพื่อกล่าวเปิดพิธี หากวันนี้กลับเป็นหนึ่งในสมาชิกของเพนทาเคิลที่พวกเขาลงมาจากยอดหอนาฬิกาเพื่อกล่าวเปิดงานด้วยตนเองเชียวหรือ...ไม่หรอก เพียงจับตามองเขาก็เท่านั้น ชั่วครู่หนึ่งเขาเผลอสบตากับเอเดอร์ พ่อมดที่มีบทบาททางการเมือง หรือก็คือคนที่เขาสันนิษฐานว่าเป็นคนใส่ร้ายจาฟา

“แม้เผ่าพันธุ์ของเราจะเคยรบฆ่าฟันกันมาช้านาน แต่บัดนี้ก็กลายมาเป็นพันธมิตรที่แน่นแฟ้นต่อกันเรื่อยมา จึงได้เกิดเป็นพิธีอันทรงเกียรติที่ใคร ๆ ต่างก็เฝ้ารอคอย...ข้าเอเดอร์ขอกล่าวต้อนรับสถาบันโพรฟีติน่าอีกครั้ง” ฉับพลันพ่อมดแม่มดต่างลุกขึ้นเพื่อแสดงความเคารพต่อกันและกัน มิเกลก้มหน้าลงเล็กน้อยก่อนจะเงยสบตาจ้องมองอีกฝ่าย

เอเดอร์...ผู้ที่อยากจะเขี่ยตระกูลอาร์เชอให้พ้นทาง

...

การแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมเริ่มต้นในช่วงเก้าโมงเช้า การแข่งขันตอบปัญหาของพวกหัวกะทิที่เขาไม่เข้าร่วม มีอารีกับดอริสที่อาสาลงให้แทน ดอริสกล่าวตอบสรรพคุณของสมุนไพรอย่างฉะฉาน ผัดเปลี่ยนท่าทีตื่นตัวกลัวในทีแรกเป็นความคุ้นชินอย่างรวดเร็ว เขาแลมองอารี อีกฝ่ายมีทักษะด้านการคำนวณเป็นเลิศ ซึ่งพอจะสูสีกับฝ่ายตรงข้ามได้อยู่

ในพิธีครั้งนี้นอกจากพ่อมดแม่มดในสถาบัน อดีตศิษย์เก่าก็ยังมาร่วมได้ด้วยเช่นกัน

ส่วนมากพวกเขาจะรวมกลุ่มเพื่อเข้าประลองเวทมนตร์กับคนจากอพันโพโทปเสียมากกว่า

“มิเกล” เสียงเอ่ยจากด้านหลังทำให้เขาชะงัก ชายหนุ่มคลายมือออกจากอกแล้วค่อยหันหลังกลับไปมอง เป็นอาร์คและมาเดลินที่มีสีหน้าไม่สู้ดีนัก เขาสังเกตเห็นรอยช้ำบริเวณมุมปากของเธอ กับรอยแผลช่วงคอของอาร์ค เขาชะงัก พวกเขาไปทำอะไรมากันแน่ ก่อนยิ้มกลับด้วยท่าผ่อนคลาย “เมื่อวันก่อนเจ้าเพิ่งไปสวนธุลีมาหรือ ทำไมคราวนี้จึงได้แผลกลับมาละ”

อาร์คร้องเหอะ “ไม่ใช่เพราะสวนเพลิงนั่นหรอก” อีกฝ่ายมองรอบกาย ในที่ที่พวกเขาอยู่ห่างไกลจากการแข่งขันที่กำลังเกิดขึ้นอยู่มากโข แม้จะเป็นเช่นนั้นแต่การคุยเรื่องลับ ๆ ในพื้นที่เปิดกว้างเช่นนี้ก็ทำให้เขาไม่สบายใจเช่นกัน เขาพยักพเยิดหน้าไปทางด้านหลัง พื้นที่ตรงนั้นคงจะเหมาะเสียมากกว่า

ด้านหลังเป็นพื้นที่โล่งซึ่งถูกเวทมนตร์แบ่งพื้นที่ของเขาเรียบร้อยแล้ว มิเกลทรุดนั่งที่เก้าอี้ไม้

“ช่วงนี้เจ้าควรจะระวังตัวเอาไว้ให้มาก ๆ เมื่อไม่กี่วันก่อนพวกเราถูกเรียกไปสอบปากคำเรื่องของเจ้า พิพิธภัณฑ์กับการติดต่อของไรรย์...ข้าไม่ทราบหรอก ว่าเจ้ากำลังพยายามสิ่งใดอยู่กันแน่” เขาพยักหน้ารับฟัง “แผลของเจ้าทั้งสองมาจากพวกเขาใช่หรือไม่” มาเดลินอึกอักสักเล็กน้อย เมื่อสบสายตากับเขาจึงค่อยพยักหน้าเชื่องช้า

“พวกเขาทำอะไรเจ้าบ้างมาเดลิน”

นางหลบสายตา “พวกเขา...ขู่ข้า...พวกเขารู้ว่าข้าใช้ทุนจากสถาบันอยู่จึงใช้เป็นจุดอ่อน ข้าไม่มีทางเลือกมากนักจึง...บอกเพียงสิ่งที่ข้าทราบเท่านั้น เรื่องของไรรย์...สหายของเจ้านั่นแหละ แต่พวกเขาไม่ค่อยพอใจกับคำตอบของข้าสักเท่าไร จึง...อย่างที่เจ้าเห็น ข้ากับพวกเขาประลองกัน ข้าหนีมาได้เพราะอาร์คกับไรรย์”

ไรรย์

เขาเพิ่งหัวเสียใส่เธอไปไม่นานเองนี่

แต่คนอย่างเธอจะยื่นมือเข้าไปช่วยเหลือมาเดลินทำไม...

“ข้อมูลเกี่ยวกับไรรย์ เจ้าบอกพวกเขาว่าอย่างไรบ้าง”

มาเดลิน “นางแค่มีนิสัยก้าวร้าวที่เคยเกือบทำร้ายเพื่อนร่วมชั้นเท่านั้น มิเกลข้าสาบานข้าไม่รู้อะไรอีกเลย” สีหน้าของนางถอดสีกว่าเก่า อาร์คก้าวขึ้นมาด้านหน้าบ่งบอกว่าควรพอได้แล้ว มิเกลทำตามอย่างว่าง่าย เขาผุดลุกขึ้นยืนจ้องมองอาร์คโดยตรง ก่อนค้อมหัวลง

“ขอไม่ได้ตั้งใจให้เกิดเรื่องพวกนี้ขึ้นกับเจ้าและมาเดลิน ความผิดครั้งนี้ข้าจะชดใช้ให้เจ้า...” เงยหน้าขึ้นเพื่อจุดรอยยิ้มบาง “ค่ารักษาพยาบาลเจ้าสามารถใช้ชื่อของข้าได้เลย นี่คงเป็นสิ่งที่ข้ามอบให้เจ้าได้ในตอนนี้เท่านั้น”

อีกฝ่ายอ้ำอึ้งอยู่ไม่น้อย

ไม่มีผู้นำตระกูลคนไหนอยากก้มหัวให้คนอายุเท่ากัน

ว่ากันว่าหยิ่งในศักดิ์ศรี

“ยะ...อย่าก้มหัวเถอะ! ข้ากับเจ้าแตกต่างกันปานนี้ หากมีใครมาเห็นเข้าเจ้าอาจจะถูกตำหนิเอาได้” หญิงสาวกล่าวขึ้นด้วยเสียงลกลน “ไม่หรอก เพราะข้าเป็นผู้นำตระกูลนี่ละถึงต้องทำเช่นนี้”

“อ๊ะ! เจอสักที”

เขาเอามือไว้ด้านหลังก่อนสลายการแบ่งเขตแดนทันที “อาจารย์ให้มาตามแล้วน่ะ ใกล้ได้เวลาประลองแล้ว!” ดอริสกล่าวยิ้ม ๆ ก่อนจะถอดสีเมื่อเห็นใบหน้าของเพื่อนร่วมชั้นอีกสองคน มิเกลยกมือปรามเพื่อไม่ให้อีกฝ่ายโวยวาย “อาร์ค มาเดลิน เจ้าอยากร่วมทีมกับข้าหรือไม่...ปลดปล่อยความเครียดที่สุมพวกเจ้ามาหลายวันไง”

ดอริสหันคอแทบหัก

“นึกว่าเจ้าจะไม่ชวนข้าเสียแล้ว”

เขาหัวเราะร่วน “คนมีฝีมืออย่างพวกเจ้าเป็นกำลังสำคัญที่ทำให้พวกเราเอาชนะได้ต่างหาก”

ถ้าเขาไม่ชนะ คนอื่นก็อย่าหวังเลย

ดอริสคาดว่าเพื่อนของเขาต้องคิดเช่นนี้แน่ ๆ!

เจ้าตัวอันตราย!!