จะกล่าวถึงหน้าประวัติศาสตร์โลกเวทมนตร์ชื่อของ 'จาฟา ครูส' เป็นชื่อที่ทุกคนต้องได้ยินเสมอ แต่เหตุการณ์เมื่อห้าปีก่อนทำให้ตัวตนของเขาหายไปจากหน้าประวัติศาสตร์

พ่อมดในตำนานคนนั้นเป็นแค่คนตกงาน #จาฟาไม่อยากเป็นพ่อมด - 7 - โดย DIAT @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

ชาย-ชาย,แฟนตาซี,ตลก,ย้อนยุค,ไทย,จาฟาไม่อยากเป็นพ่อมด,ลึกลับ,นิยายแฟนตาซี,คำสาป,เวทมนตร์,แฟนตาซีน,พ่อมด,BL,ผจญภัย,แฟนตาซี,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย

พ่อมดในตำนานคนนั้นเป็นแค่คนตกงาน #จาฟาไม่อยากเป็นพ่อมด

หมวดหมู่ที่เกี่ยวข้อง

ชาย-ชาย,แฟนตาซี,ตลก,ย้อนยุค,ไทย

แท็คที่เกี่ยวข้อง

จาฟาไม่อยากเป็นพ่อมด,ลึกลับ,นิยายแฟนตาซี,คำสาป,เวทมนตร์,แฟนตาซีน,พ่อมด,BL,ผจญภัย,แฟนตาซี

รายละเอียด

พ่อมดในตำนานคนนั้นเป็นแค่คนตกงาน #จาฟาไม่อยากเป็นพ่อมด โดย DIAT @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

จะกล่าวถึงหน้าประวัติศาสตร์โลกเวทมนตร์ชื่อของ 'จาฟา ครูส' เป็นชื่อที่ทุกคนต้องได้ยินเสมอ แต่เหตุการณ์เมื่อห้าปีก่อนทำให้ตัวตนของเขาหายไปจากหน้าประวัติศาสตร์

ผู้แต่ง

DIAT

เรื่องย่อ

#จาฟาไม่อยากเป็นพ่อมด

มิเกล อาร์เอชได้ขึ้นเป็นผู้นำตระกูลหลังจากที่บิดาของตนเสียชีวิตลงอย่างปริศนา

ห้องทำงานที่เคยถูกลงกลอนถูกเปิดออก ภาพของพ่อมดในตำนานที่เคียงข้างเขาในวัยเยาว์

การสิ้นชีวาของแม่มดสาวผู้มีความสัมพันธ์ลับ ๆ กับเขา

'จาฟา ครูส'

การดำดิ่งสู่เพนทาเคิล สมาคมพ่อมดที่ปกครองพ่อมดทั้งปวงในฮีมาไทต์



คำเตือน: การฆ่า/การใช้ความรุนแรง/การพยายามฆ่า/ฆ่าตัวตาย/สังหารหมู่/พฤติกรรมน่ารังเกียจ/การทารุณกรรมเด็ก/การทารุณกรรมทางด้านจิตใจ/ลิทธิ/ความเชื่อ ศาสนา



เวอร์ชั่นที่เผยแพร่ยังไม่ได้ตรวจสอบคำผิดอย่างละเอียด

ป.ล.การลงนิยายอาจจะไม่ถี่หรือไม่ค่อยมีเวลามากนัก เนื่องจากนักเขียนอยู่ในช่วงวัยเรียน ภาระงานจากโรงเรียนเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ อีกทั้งนักเขียนเรียนเกี่ยวกับแพทย์ อาจทำให้มีเวลาทางด้านนี้น้อยลงอีกด้วย

ต้องขอบคุณนักอ่านทุกท่านด้วยนะคะ



อยากเขียนแฟนตาซีขึ้นมา และคิดว่าแนวพ่อมดแม่มดนี่แหละเหมาะแก่การทดลองเขียนสุด ๆ ในโลกสมมตินี้จะพาคุณไปท่องยังเมืองต่าง ๆ สมาคมและสมาพันธ์ มีความเชื่อศาสนาและลัทธิต่าง ๆ เป็นเรื่องสมมุติ โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่านด้วยนะครับ

สารบัญ

พ่อมดในตำนานคนนั้นเป็นแค่คนตกงาน #จาฟาไม่อยากเป็นพ่อมด-Season I -,พ่อมดในตำนานคนนั้นเป็นแค่คนตกงาน #จาฟาไม่อยากเป็นพ่อมด-prologue -,พ่อมดในตำนานคนนั้นเป็นแค่คนตกงาน #จาฟาไม่อยากเป็นพ่อมด-1 -,พ่อมดในตำนานคนนั้นเป็นแค่คนตกงาน #จาฟาไม่อยากเป็นพ่อมด-2 -,พ่อมดในตำนานคนนั้นเป็นแค่คนตกงาน #จาฟาไม่อยากเป็นพ่อมด-3 -,พ่อมดในตำนานคนนั้นเป็นแค่คนตกงาน #จาฟาไม่อยากเป็นพ่อมด-4 -,พ่อมดในตำนานคนนั้นเป็นแค่คนตกงาน #จาฟาไม่อยากเป็นพ่อมด-5 -,พ่อมดในตำนานคนนั้นเป็นแค่คนตกงาน #จาฟาไม่อยากเป็นพ่อมด-6 -,พ่อมดในตำนานคนนั้นเป็นแค่คนตกงาน #จาฟาไม่อยากเป็นพ่อมด-7 -,พ่อมดในตำนานคนนั้นเป็นแค่คนตกงาน #จาฟาไม่อยากเป็นพ่อมด-8 -

เนื้อหา

7 -

7

“โอ้ นั่นสินะพ่อมดที่ร้องขอพลังจากข้า ดูจากตรงนี้แล้วก็ดูเก่งใช่ย่อย แต่หากเทียบกับข้าก็ยังถือว่าห่างชั้นมากโข” เขากลอกตาอย่างเบื่อหน่าย นับวันเข้ายิ่งรู้สึกเหม็นขี้หน้ามังกรเฒ่าตนนี้เอามาก ถึงจะอยู่ด้วยกันมาครึ่งค่อนชีวิต หากให้ฟังคำเยินยอที่มีต่อตัวเองทุกวันก็คงไม่ได้ จาฟาอยู่ท่ามกลางฝูงชน ไม่มีใครรับถึงการมีอยู่ของดรากันที่ลอยค้างในอากาศเป็นดวงไฟ ผลมาจากพลังของอีกฝ่ายที่หลบซ่อนตัวตนได้อย่างมิดชิดทำให้จับไม่ได้

และเป็นเรื่องยากที่เขาจะตอบกลับไปโดยไม่ให้ถูกเข้าใจผิดว่าบ้าไปเสียก่อน

แต่เหมือนการแข่งขันแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ของทั้งสองเผ่าพันธุ์จะเปลี่ยนแปลงไปตามกาลเวลา ในช่วงที่เขาเคยร่ำเรียนจะจัดการประลองเป็นอันดับแรก ลำดับต่อมาจึงกลายเป็นการตอบปัญหา แข่งปรุงยา หรือรวมกลุ่มเพื่อค้นหาความรู้ใหม่ ๆ ส่วนใหญ่แล้วพ่อมดไม่ค่อยชอบเรื่องรบราฆ่าฟันมากนัก พวกเขาแสวงหาความรู้สดใหม่อยู่เสมอ ฉะนั้นการประลองจึงเป็นเรื่องน่าตื่นเต้นของพวกเขา จาฟากอดอกมอง การแข่งขันประลองดูท่าจะเลื่อนออกไปเป็นลำดับสุดท้าย

มีอะไรแปลกชอบกล ไม่สิ แปลกตั้งแต่การเริ่มเปิดงานด้วยเอเดอร์แล้ว

ทำไมเพนทาเคิลจึงมาร่วมงานในวันนี้

ในทุก ๆ ปี สมาคมพ่อมดจะส่งตัวแทนชั้นสูงลงมาแทน พวกเขาไม่มีวันลงจากยอดหอคอยเพื่อเฝ้ามองพิธีเช่นนี้หรอก หากจะมีอะไรอื่นมากกว่านั้น เขาผุดขึ้นยืนขึ้น ชายหนุ่มในรูปลักษณ์ของหญิงสาวพลันหายตัวไปท่ามกลางความวุ่นวาย การปลอมแปลงเป็นหนึ่งในนักเรียนเอนเซลาดัสเป็นเรื่องยาก แต่ก็ใช่ว่าจะทำไม่ได้เพราะเขาก็เคยเป็นศิษย์เก่าของที่นี่มาก่อน ดังนั้นสถาบันแห่งนี้จึงต้อนรับเขาเสมอ อีกทั้งการไร้เวทมนตร์ก็ไม่ทำให้เหล่าสมาคมพ่อมดที่ต้องการจับตัวเขาก็ไม่รู้อีกด้วย

“เจ้าจะไปที่ไหน”

“หาเด็กนั่น” ดรากันเลิกคิ้วมอง ก่อนกวาดสายตามองเพ่งหาเด็กที่กลิ่นบางอย่างยากจะลืมเลือน ไม่ได้หอมหรือเหม็น ดีหรือชั่ว หากจาฟาเข้าใกล้เด็กที่มอบไข่มังกรให้เขามากขึ้นกว่านี้คงจะบอกอะไรได้หลาย ๆ อย่าง เจ้าของร่างสูงโปร่งหันซ้ายขวา โถงทางเดินมีห้องเก็บของและห้องทดลองอยู่มากมาย รีบย่ำฝีเท้าเร็ว ๆ ไปยังห้องสุดท้ายที่เงียบที่สุด ไร้เสียงโหวกเหวกของพ่อมดแม่มดตอนใด

“ข้าคิดหัวจะระเบิดก็คิดไม่ออกว่าควรจะเอาน้ำยาอะไรไปเทียบเคียงกับพวกเขาดี ข้ารู้ว่าในเอนเซลาดัส...ไม่สิ ในฮีมาไทต์มีสมุนไพร ยาแขนงต่าง ๆ มากมายให้พวกเราได้จับจ่ายใช้สอย แต่ว่า…ข้าไม่มั่นใจเลย การแข่งขันครานี้มีผู้คนมากมายจับตารอดูพวกเราอยู่ หากก้าวพลาดไปสักเล็กน้อยอนาคตของข้าคงจบอยู่แค่ที่นี่ ไม่มีใครอยากรับพ่อมดสมองทึ่มไปทำงานแน่”

น้ำเสียงนั้นสั่นเครือ จาฟาวางมือแนบกับประตูไม้เก่าคร่ำครึ ที่อีกฝ่ายพูดมาก็มีความจริงผสมอยู่แม้จะเป็นเพียงครึ่งเดียว ในฮีมาไทต์มักมอบโอกาสให้เด็กที่มีความสามารถกันทั้งนั้นแหละ หากไม่เก่งพอก็จะไม่มีวันได้เส้นทางดี ๆ ส่วนคนที่ด้อยกว่าก็ต้องกัดฟันเพื่อให้อยู่รอด เขาได้ยินเสียงไอโขลกจากการโหมอ่านหนังสือ เลือดที่ไหลออกทางจมูกเมื่อการพักผ่อนถูกช่วงชิงไป แทนที่ด้วยการร่ำเรียน

เสียงตุบของร่างที่ทรุดลงกับพื้น

ความรู้สึกร้อนดั่งเปลวเพลิงเมื่อไข้สูงขึ้น

ความรู้สึกเย็นเฉียบเมื่อร่างนั้นหมดลมหายใจ

จาฟารุดมือกลับมาวางแนบไว้ที่ลำตัว เขาเคาะประตูเบา ๆ สองครั้งเป็นการขออนุญาต จากนั้นจึงมีคนไม่คุ้นหน้าออกมาเปิดประตูให้ ร่างสูงใหญ่มัดกล้ามเนื้อลอนสวยเลิกคิ้ว ด้วยความสูงที่มากกว่าทำไมให้สายตาของอีกฝ่ายเหมือนดั่งการเหยียดหยามมิใช่น้อย จาฟาคิ้วกระตุกแต่เมื่อได้ยินเสียงดรากันจึงเลือกที่จะเชื่อฟัง เขาสูดหายใจอย่างช้า ๆ

“ข้าไม่เคยเห็นหน้าเจ้ามาก่อนเลย เป็นแม่มดชั้นปีไหนรึ” ชายเบื้องหน้าเอ่ยถาม อีกฝ่ายไม่แม้แต่จะเบี่ยงตัวหลบให้เขาเข้าไปด้านใน “ข้ามีน้ำยามานำเสนอเจ้า” สีโกนเมนวางไว้ที่เด็กหนุ่มคนที่พึมพำบางอย่างยาวเหยียด อีกฝ่ายมองเขาด้วยท่าทีประหวั่น จาฟาเม้มปาก เขารู้สึกรับมือไม่ถูกเมื่อต้องอธิบายเรื่องพวกนี้…

“ทั้งหมดนี่คือสิ่งที่ข้ามอบให้ได้ ตัวน้ำยาเป็นสีฟ้าประกายมุข ข้าเชื่อว่าไม่มีใครสามารถปรุงยานี่ออกมาได้ยกเว้นแต่…” จาฟา คำตอบของเขาผุดขึ้นในใจหลาย ๆ คน นักปรุงยาผู้ใฝ่เรียนรีบปรี่เข้ามาหาแม้จะสงวนท่าทีเอาไว้ก็ตาม ร่างเล็กดันคนตัวโตให้ถอยห่างจากประตู เมื่อได้เห็นหน้าแม่มดที่ช่วยเหลือแล้วจึงรู้สึกตกหลุมรักก็มิปาน

ไม่ใช่สิดอริส! ที่ชอบน่ะก็คือความรู้นั่นต่างหาก!!

“มะ…มันเป็นน้ำยาเกี่ยวกับอะไรหรือ มีสรรพคุณอะไรบ้าง แล้ว แล้ว แล้วมีเพียงหนึ่งเดียวที่ปรุงได้นั่นคือใครหรือ?”

“ข้ายังบอกเจ้าตอนนี้ไม่ได้ เหลือเวลาอีกไม่มากที่เจ้าจะเริ่มทดลอง หากเจ้าปรุงยาสำเร็จข้าขะบอกสิ่งที่เจ้าอยากรู้เอง”

เขาหันหลังกลับไป ปล่อยให้ดอริสมองแผ่นหลังของหญิงสาวปริศนาคนนั้น

เขามองกระดาษเหลืองกรอบในมือ ลายมือของอีกฝ่ายเป็นระเบียบเรียบร้อยนัก จะว่าคุ้นก็คุ้น แต่จะไม่ก็…ยังหาข้อสรุปอะไรไม่ได้ พ่อมดหนุ่มปรบมือหนึ่งครั้งก่อนหันกลับมามองเพื่อนชายและเพื่อนหญิง “เอาละ! เรามีเวลาในการทดลองนี่ไม่มากนัก หากสำเร็จข้าว่ามันจะต้องเป็นน้ำยาที่สุดยอดมากแน่”

มาเดลิน “ใครกันหนอคือผู้ปรุงยาที่สำเร็จ”

อาร์ค “แล้วเจ้าเชื่อได้อย่างไรว่านางจะไม่ให้พวกเราผสมยาพิษเพื่อประโยชน์ของนางเอง”

“ไม่หรอก ข้าว่าข้าเชื่อใจนางได้…เอาละ ข้าต้องไปเตรียมของก่อน ฝากพวกเจ้าดูส่วนผสมพื้นฐานที!” อีกฝ่ายวิ่งพรวดออกไปด้านนอกตรงไปยังห้องเก็บสมุนไพรหลากชนิด ซึ่งล้วนแล้วแต่เก็บเอาไว้เพื่อใช้ในการนี้โดยเฉพาะ นักปรุงยาหนุ่มยิ้มแย้มอย่างเบิกบาน แม้จะอยากบอกเรื่องนี้กับเพื่อนสนิทมากแค่ไหนก็ตาม แต่ต้องรอเวลาเท่านั้น

พ่อแม่จะเห็นไหมนะว่าเขาเติบโตมากขนาดนี้

 

 

“ว่าอย่างไรนะขอรับ?”

“ขอโทษจริง ๆ แต่การเดินทางครั้งนี้กินเวลาพวกเขามาก จึงจะเลื่อนการแข่งขันทั้งหมดไปไว้วันพรุ่งนี้แทน จะเพิ่มเวลาให้พวกเธออีกด้วย” มิเกลยกมือขึ้นนวดคลึมปลายคิ้วสองข้าง ก่อนพยักหน้าเร็ว ๆ เมื่ออาจารย์ลอว์เลนเดินผ่านไปจึงพ่นลมหายใจเหนื่อยหน่ายออกมา การเดินทางตามหาพ่อแม่ของดอริสต้องเลื่อนออกไปอีกขั้นหนึ่ง แผนการของเขาแปรรวนเล็กน้อย แต่ก็มากพอจะส่งผลให้ผู้นำตระกูลอาร์เชอเครียดมากขึ้น มิเกลปวดหัวตุบ ตุบ เขาไม่อาจแก้อาการแบบนี้ได้สักที

ก่อนจะนั่งลงที่ราวบันได สูดหายใจให้อากาศเข้าปอด

“ไม่เป็นไรหรอกน่า เจ้าเองก็อย่าใจร้อนไปเลย อีกไม่กี่วันเดี๋ยวก็ได้ลงสนามแล้ว”

“ข้าไม่ได้คิดเรื่องนั้น...” เขาว่าเสียงอ่อน

“งั้นหรือ แต่ข้าว่าเจ้าคิดนะ เจ้าเองก็อยากให้หลาย ๆ คนเห็นตนเมื่อชนะการประลองใช่ไหมเล่า ถ้าหากเป็นข้าละก็จะดีใจมากเลยแหละ”

“หยุดได้แล้วอารี”

“ผู้คนมากมายต่างจับจ้องมาที่เรา คู่หูแห่งเอนเซลาดัส...ไม่สิ คู่หูแห่งฮีมาไทต์จะต้องกึกก้องไปทั่ว! เป็นข้าอารี และเจ้ามิเกล แค่นั้นก็เพียงพอให้ข้ามีชีวิตอยู่ต่อแล้ว”

“หยุด”

เขาปราม

“เจ้าว่าอย่างไร?”

“ข้าบอกให้เจ้าหยุดพูดสักทีได้หรือไม่! นั่นกวนสมาธิข้าจนคิดอะไรไม่ออกอีกแล้ว!!”

เขาผุดลุกขึ้น กลืนน้ำลายลงคออย่างโกรธเกรี้ยว แลมองซ้ายขวาก่อนจะกัดริมฝีปากล่างแรง ๆ “ขอโทษที...ข้าคิดอะไรมากไปหน่อย วันนี้กลับแก่อรเถอะ เรื่องฝึกซ้อมนั่นค่อยเป็นวันหลังแล้วกัน ข้าว่างานประลองคงจัดขึ้นวันสุดท้าย เป็นการแข่งขันจบงานที่สวยหรู เลอค่าแกการชื่นชมเพนทาเคิล”

“อืม…เอาไว้เจอกันนะ มิเกล”

เขารีบร่ายคาถา พาตัวเองไปยังคฤหาสน์ตระกูลอาร์เชอในบัดดล เส้นทางอนาคตที่แตกแขนงดั่งกิ่งก้านของต้นไม้ทำเอาชายหนุ่มรับมือไม่ทันการณ์ เขาพาตัวเองกลับมานั่งในห้องรับแขก เซวานด์คงรินชาให้เขาอย่างนอบน้อมโดยสังเกตเห็นความตึงเครียดของเจ้าของเป็นอย่างดี เซวานด์กระแอมไอ

“เธอมารอที่ห้องทำงานของท่านแล้ว”

เขาแหงนหน้ามอง “ใคร?”

มิเกลจำได้ว่าวันนี้เขาไม่นัดใครไว้ หากเป็นไรรย์นางก็คงต้องปรากฏตัวขึ้นที่นี่แล้ว

หรือว่า “คนเมื่อเช้าขอรับ”

มิเกลทะลึ่งพรวดวิ่งขึ้นไปด้านบนอย่างรวดเร็ว เขาจับบานประตูก่อนเปิดออกเสียงดังปัง กระนั้นก็ไม่สามารถเรียกสายตาคนในห้องให้หันกลับมามองได้อย่างที่คิด มิเกลหอบหายใจเหนื่อย ๆ เขาสูดหายใจลึกและเชื่องช้าให้ความสงบช่วยประโลมอารมณ์คุกรุ่นงุ่นง่านที่ค้างอยู่ในอก มิเกลกะพริบตา “ฮิม”

“เจ้ามาช้านะพ่อมด” เธอเลื่อนสายตามองเขาอย่างราบเรียบ ไม่ฉายแววอารมณ์ใดให้เขาได้คาดการณ์

“เจ้ามาที่นี่ทำไมหรือ?”

“อ้อ ข้าแค่อยากได้ที่พักสักสามสี่วันหลังพิธีนี้จบลง ส่วนเรื่องเหรียญ...ข้ามีอย่างอื่นมอบให้เจ้าแทน” นางคว้ากระเป๋าขึ้นมาเปิดดูบางอย่างก่อนยื่นให้เขา “หนังสือ? เกี่ยวกับชีวประวัติ...แม่มดในอดีตหรือ” เขายักไหล่ “ข้าคิดว่าเจ้าจะชอบมันนะ”

เขามองดูหนังสือครู่หนึ่งก่อนฉีกยิ้มกว้าง “แน่นอน ข้าชอบมันมาก อ้อ เรื่องห้องสินะ ที่นี่ยังพอมีห้องของแขกเอาไว้อยู่ ให้ข้านำทางให้ไหม?” จาฟาพยักหน้าเล็กน้อย ลุกยืนจากเก้าอี้ก่อนเดินตามหลังเจ้าของบ้านไป ห้องรับแขกอยู่ทางปีกซ้ายซึ่งไกลจากห้องทำงานอยู่มากโข ระหว่างทางเดินคล้ายมีสายตาจับจ้องเขาอยู่เรื่อย นั่นคงเป็นพ่อบ้านหรือดรากันที่เงียบปิดปากมาตั้งแต่เมื่อครู่

“ที่นี่แหละ เชิญใช้ได้ตามสบาย อาหารเย็นจะถูกเตรียมไว้ตั้งแต่หนึ่งทุ่มตรง ข้าหวังว่าเจ้าจะลงมาทานร่วมโต๊ะกับข้า หากไม่รังเกียจละนะ”

“อืม”

เขามองเตียงที่ปูด้วยผ้าขาว ผ้าห่มสีซีด โต๊ะไม่เก่าคร่ำครึ ตู้เสื้อผ้าที่ทำจากไม้โอ๊ค เขาวางกระเป๋าของตนเองลงที่โต๊ะก่อนดึงลิ้นชักออกมา พบว่าไม่มีสิ่งใด ว่างเปล่าและดูโดดเดี่ยว ดรากันเป็นตัวช่วยในการมอบแสงสว่างแก่ห้องใบนี้ ดรากันปรากฏโฉมในรูปลักษณ์ของมนุษย์อีกครา

“ข้าว่าการกระฉากหน้ากากของเพนทาเคิลยากขึ้นไปอีกขั้นหนึ่ง เพียงแค่ใส่ความเล็ก ๆ น้อย ๆ ไม่อาจทำให้ชาวเมืองรู้ถึงความโหดร้ายโสมมของพวกมันได้อย่างถ่องแท้แน่ หากไม่ใช่ระดับที่สูงกว่านั้น แต่จะให้ข้าออกตัวก็เห็นทีจะยากไปหน่อย แค่คิดว่าต้องจ้องมองพ่อมดก็เห็นภาพเจ้าเวรตะไลนั้นขึ้นมาทันที! บางทีคงเผลอพลั้งมือฆ่าลงไปจริง ๆ ก็ได้”

“กิลเดอร์ลาเกลียดเจ้า เกลียดมังกร เกลียดลูกหลานของมังกร” เขากล่าว “สมควรแล้วที่เขาจะถูกลงทัณฑ์”

“...” นอกจากการเปิดโปงยังมีเรื่องที่เขาต้องรับผิดชอบด้วย หากเขาทำสำเร็จคดีที่ติดตัวเอาไว้ก็ยังคงอยู่

เขาฆ่าคน ฆ่าผู้บริสุทธิ์เพียงเพื่อกำจัดเสี้ยนหนาม ให้อารมณ์นำพาไปสู่หายนะ

เหตุนั้น จึงไม่แปลกที่พ่อมดแม่มดในฮีมาไทต์จะเกลียดเขา หวาดกลัวเขาหรือต่อต้านเขา

เขาเพียงอยากเป็นแค่…พ่อมดธรรมดา

“การประชุมของผู้ค้ำจุนจะเริ่มต้นขึ้นเมื่อใด?”

“ไม่รู้ มีเพียงพ่อมดผู้ยิ่งใหญ่เท่านั้นที่ทราบได้”

“ข้าอยากรู้ว่าการประชุมพูดเกี่ยวกับเรื่องอะไรบ้าง เพียงเล็กน้อยที่เจ้าสามารถบอกข้าได้”

ดรากันเงียบไปสักพัก ปรายตามองพ่อมดหนุ่มที่ยังมีเปลวเพลิงในดวงจิต “การประชุมจัดขึ้นไม่บ่อยนัก สหัสวรรษที่ผ่านมาเป็นการจัดระเบียบผู้ค้ำจุนเพราะอายุไขของมนุษย์ที่แบกรับความสมดุลของโลกเกิดผิดพลาดขึ้นมา พ่อมดทรงปัญญาจึงให้ทางเลือกแก่เขาว่าจะอยู่ต่อหรือจะตายลง”

“เขา...เลือกอยู่ต่อใช่ไหม”

“ใช่ ถึงอยู่ในสภาพเหมือนตายทั้งเป็น ร่างกายของเขาถูกแช่แข็งด้วยคริสตัลของพ่อมดและเอลฟ์ กระนั้นประสาทรับรู้ของเขาก็ยังทำงานเช่นเดิม แม้จะช้าลงตามอายุไขของมนุษย์”

“...”

“แต่ในหลายสหัสวรรษที่ผ่านมายังไม่มีเรื่องเดือดร้อนจนผู้ค้ำจุนต้องลงมาดูแล เงื่อนไขของการประชุมแม้จะน้อยนิดแต่ก็ใช่ว่าจะทำตามได้ง่าย ๆ”

เขาคงบ้าน่าดูหากเสนอความคิดนี้แก่มังกรเฒ่า “ข้าอยากพบพวกเขา”

“...”

“อยากพบพ่อมด เอลฟ์ อมมนุษย์ แฟรี่ มนุษย์คนนั้น ข้าอยากเข้าร่วมการประชุม”