“ข้อนี้ผมยินดีรับนะ แต่ผมอยากให้คุณฟังเจตนาใหม่อีกข้อของผมด้วย” “ก็ว่ามาสิ” “ตอนนี้นอกจากผมจะอยากได้ไร่โทมัสสันแล้ว ผมยังอยากได้ตัวคุณอีกด้วยวีนัส คุณจะขายสักเท่าไรดี!”
รัก,ชาย-หญิง,ผู้ใหญ่,ตรวนรักจอมทมิฬ,อรอร,เจ้าหนี้สุดเท่,ลูกหนี้จอมพยศ,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
ตรวนรักจอมทมิฬ“ข้อนี้ผมยินดีรับนะ แต่ผมอยากให้คุณฟังเจตนาใหม่อีกข้อของผมด้วย” “ก็ว่ามาสิ” “ตอนนี้นอกจากผมจะอยากได้ไร่โทมัสสันแล้ว ผมยังอยากได้ตัวคุณอีกด้วยวีนัส คุณจะขายสักเท่าไรดี!”
ทริสตัน คิวส์ เจ้าของมรดกหมื่นล้าน เขาคือหนุ่มโสดเนื้อหอม หล่อเหลา คมเข้ม ที่ยังคงไร้สาวข้างกายเพราะมุ่งมั่นบริหารจัดการกับมรดกกองมหาศาล และเพราะน้ำมันดิบที่อยู่ใต้ดินบนพื้นที่สามร้อยล้านตารางกิโลเมตรของเขา ดันมีพื้นที่ติดกับไร่โทมัสสัน ทำให้เขาต้องไปเจรจาซื้อขายด้วยตัวเอง แต่ผลเจรจาล้มเหลวเมื่อแม่สาวจอมอวดดี อย่าง วนัสสุดา โทมัสสันประกาศว่าที่ดินผืนนี้เอาไว้ใช้ฝังศพเขาเท่านั้น !
มหาเศรษฐีหนุ่มจึงปรับเปลี่ยนกลยุทธ์จากการเจรจาซื้อขาย กลาย มาเป็นเจ้าหนี้แทน แล้วเรียกเก็บดอกเบี้ยจากลูกหนี้สาวสวยชนิดไม่มีสิทธิ์ผ่อนผัน ราวสมันน้อยในปากราชสีห์ที่ถูกเคี้ยวกลืนลงท้องอย่างละมุนลิ้น
วนัสสุดา โทมัสสัน ผู้ตกเป็นลูกหนี้ของทริสตันโดยไม่รู้ตัว เธอยื่นข้อเสนอเป็นหลุมฝังศพแก่ทริสตันแทนการซื้อขายที่ดิน แต่กลับตกหลุมพรางของเจ้าหนี้อย่างทริสตันเสียเอง แล้วงานนี้เธอจะหลุดพ้นจากเจ้าหนี้จอมหื่นได้อย่างไร เมื่อเขายื่นใบทะเบียนสมรสให้แทน!
“ตกลงคุณต้องการอะไรกันแน่”
“ถ้าเจตนาเดิมก็คือที่ดินของคุณ”
“ฉันก็ยังยืนยันคำเดิมว่าไร่โทมัสสันมีที่ว่างให้คุณได้แค่หลุมฝังศพของคุณแค่นั้น”วนัสสุดาบอกเสียงเย็น เธอยิ้มมุมปากด้วยความสะใจที่สามารถโจมตีพ่อมหาเศรษฐีหนุ่มด้วยคำพูดได้อีกครั้ง ช่วยไม่ได้นี่นะ ก็เขาอยากแกล้งให้เธอตกน้ำ แล้วยังทำให้เธอต้องเสียโทรศัพท์อีกหนึ่งเครื่องด้วย
“ข้อนี้ผมยินดีรับนะ แต่ผมอยากให้คุณฟังเจตนาใหม่อีกข้อของผมด้วย”
“ก็ว่ามาสิ”
“ตอนนี้นอกจากผมจะอยากได้ไร่โทมัสสันแล้ว ผมยังอยากได้ตัวคุณอีกด้วยวีนัส คุณจะขายสักเท่าไรดี!”
“การมีพื้นที่ดินติดกัน ก็ไม่จำเป็นต้องมาเสวนาวุ่นวายกัน เพราะฉันก็ยังไม่เห็นอยากรู้เลยว่าพวกคุณกำลังทำอะไรกับที่ดินหลายล้านตารางกิโลเมตรของคุณ”
“ผมก็แค่อยากรู้จักเพื่อนบ้านบ้างเท่านั้น”บอกแล้วก็ยื่นมือไปจับบังเหียนตรงใบหน้าด้านข้างของม้าสีดำ พลางลูบมือลงบนแผงขนอย่างอ่อนโยน จนเจ้าของม้าไม่กล้าขยับหนีเพราะเกรงม้าจะตื่นจนเธอบังคับไม่อยู่
“ไง เจ้าดำปลอด แกชื่ออะไรบอกได้ไหม”มหาเศรษฐีหนุ่มชวนม้าคุยอย่างหน้าตาเฉย แต่เขาก็ได้คำตอบเพียงแค่ลมหายใจของม้าที่ดังฟืดฟาด
“ฉันว่าคุณปล่อยมือจากม้าของฉันดีกว่า”
“ผมว่าคุณเป็นมือใหม่หัดขี่ใช่ไหม”แทนที่จะปล่อยมือจากบังเหียนม้า ทริสตันกลับจับรั้งไว้แน่น
“มันไม่ใช่เรื่องที่ฉันจะต้องมาตอบคำถามคุณ ปล่อยเดี๋ยวนี้”
“วีนัส ให้เบ็ตตี้ช่วยอะไรไหม”สาวร่างอ้วนจัดแจงยกปืนขึ้น แต่ก็ถูกเอริกแย่งปืนนั้นไว้แล้วกดปลดกระสุนออกจนหมด พลางส่ายหน้าไม่เห็นด้วยหากว่าจะใช้ความรุนแรงจนต้องเสียเลือดเนื้อ
“เบ็ตตี้ไปเรียกคนของเรามา”วีนัสหันไปสั่งญาติตัวกลม แต่ดูเหมือนจะไม่เป็นผลเมื่อถูกเอริกรั้งแขนไว้แน่น แล้วบอกเสียงเบา
“อย่าไปนะเบ็ตตี้ เจ้านายผมแค่ต้องการทำความรู้จักกับญาติของคุณ”
“แต่...”
“เชื่อผมนะ พวกเรามาดี”เอริกหว่านล้อมพร้อมรอยยิ้ม ทำให้สาวตัวกลมจำต้องพยักหน้ารับหงึกหงัก
“ผมก็แค่อยากจะทำความรู้จักด้วย”
“แต่ฉันไม่อยากรู้จักคุณหรือใครทั้งนั้น ออกไปจากไร่ฉันได้แล้ว”หญิงสาวเอ็ดเสียงแข็งพยายามดึงบังเหียนจากมือของชายหนุ่มจอมอวดดี แต่มันไม่เป็นผลสำเร็จเมื่อเขายังคงรั้งไว้แน่น และนั่นเป็นเหตุให้ม้าเริ่มดิ้นพยศมากขึ้น
“คุณทริสตัน ผมว่าเรากลับกันก่อนดีกว่า”มอร์แกนเอ่ยชวนเสียงเบา เพราะเริ่มไม่ไว้วางใจในสถานการณ์ที่คนทั้งสองกำลังเผชิญหน้ากัน แต่คนเป็นนายตอบกลับอย่างไม่ใส่ใจ
“ไม่เป็นไร ผมจัดการเองได้”
“ปล่อยเชือกเดี๋ยวนี้”
“ผมว่าคุณยังขี่ม้าไม่คล่อง ผมสอนให้ดีกว่า” ขาดคำนั้น ร่างสูงก็เหนี่ยวตัวเองขึ้นไปนั่งบนอาน ซ้อนอยู่ทางด้านหลังของหญิงสาว พลางกระตุกเชือกบังเหียน ก่อนจะพาควบไปข้างหน้าอย่างรวดเร็วท่ามกลางเสียงหวีดร้องของเจ้าของม้า
“กรี๊ด จะบ้าหรือไง หยุดม้าเดี๋ยวนี้นะ”
“ทำตัวตามสบาย อย่าเกร็ง ไม่อย่างนั้นม้ามันจะสะบัดคุณตกได้”ทริสตันร้องบอกแข่งกับเสียงหวีดร้องอยู่ตรงใบหูของหญิงสาว เขาได้กลิ่นหอมอ่อนๆจากไรผมที่ชื้นไปด้วยเหงื่อ มันให้ความรู้สึกประหลาดได้อย่างไม่น่าเชื่อ
“ฉันบอกให้คุณหยุดเดี๋ยวนี้”
“ถ้าคุณยังไม่ยอมพูดดีๆผมก็จะขี่พาไปเรื่อยๆแบบนี้แหละ”
“แล้วมันเรื่องอะไรที่ฉันจะต้องเชื่อฟังคุณ ในเมื่อที่นี่มันเป็นที่ของฉันแล้วคุณก็เป็นผู้บุกรุก ฉันจะแจ้งตำรวจมาจับคุณ”วนัสสุดาแย้งเสียงดัง แทบอยากจะร้องไห้ออกมาด้วยความโมโหที่ถูกมหาเศรษฐีหนุ่มข่มเหงน้ำใจ ทั้งที่เพิ่งจะเจอหน้ากันครั้งแรก
“ถ้าอย่างนั้น เราข้ามไปฝั่งโน้นกัน ผมจะได้ไม่ตกเป็นผู้ต้องหาของคุณ”ทริสตันบังคับม้าให้วิ่งตรงไปยังรั้วไม้ที่กั้นอาณาเขตระหว่างโทมัสสันกับคิวส์โดยมีลำธารน้ำตกกั้นกลาง
“อย่านะ คุณจะทำอะไร นั่นรั้ว คุณไม่เห็นเหรอ เจ้าดัคกี้มันไม่ใช่ม้าแข่งนะ”เจ้าของม้าร้องห้ามเสียงลั่น แต่ดูเหมือนว่ามันจะไม่ได้ผล เมื่อคนข้างหลังเธอยังบังคับม้าให้วิ่งทะยานไปข้างหน้าแล้วกระตุกบังเหียนให้กระโดดข้ามรั้วไม้ไปได้อย่างฉิวเฉียด
“กรี๊ด”วนัสสุดากรีดเสียงดังลั่น ก่อนจะใช้ศอกกระทุ้งไปยังคนข้างหลังเพื่อให้เขาเจ็บและได้หยุดทำบ้าๆกับเธอเสียที
“บ้า บ้าที่สุด”
“อยู่เฉยๆก่อน ไม่อย่างนั้นเราจะตกม้าทั้งคู่”
“คุณก็หยุดสิ”เจ้าของม้าบอกเสียงสั่น ขอบตาร้อนผ่าวด้วยความโมโหที่เสียท่าให้กับผู้บุกรุกอย่างง่ายดาย แล้วแบบนี้เธอจะทำเรื่องใหญ่โตกว่านี้ได้อย่างไร
“เราไปดูต้นน้ำของลำธารแคงกูโร่กันดีกว่า”
“บ้าเหรอ มันอยู่ตั้งสูงฉันไม่ไปไหนกับคุณทั้งนั้น ปล่อยฉันเดี๋ยวนี้”
“คุณรู้หรือเปล่าว่าน้ำจากลำธารที่คุณใช้มันไหลมาจากเทือกเขาแคงกูโร่”ทริสตันยังชวนคุยอย่างใจเย็น เขาชะลอม้าให้เหยาะย่างไปตามทางที่เป็นเนินสูงไล่ระดับ ริมทางเป็นต้นสนสูงชะลูด เปลือกลำต้นเป็นสีน้ำตาลแก่บ่งบอกว่ามีอายุถึงร้อยกว่าปีขึ้นไป
“คุณต้องการอะไร พูดมาตรงๆเลยดีกว่า”วนัสสุดาถามเข้าประเด็น เพราะไม่อยากทนอึดอัดอยู่บนหลังม้าตัวเดียวกับมหาเศรษฐีหนุ่มโสดที่เขาบอกกันว่าใช้ผู้หญิงเปลืองยิ่งกว่าถุงเท้าที่เขาสวมอยู่ทุกวัน
“นั่น บึงน้ำตรงนั้น ผมว่าน่าจะมีปลาให้เราตกนะ คุณชอบตกปลาไหม”ทริสตันชี้นิ้วไปยังโขดหินขนาดใหญ่ที่ขวางอยู่กลางบึงน้ำที่กระแสน้ำเริ่มแรงขึ้น และความลึกอยู่ที่ระดับหนึ่งเมตรห้าสิบ
“ไม่ ไม่ชอบอะไรทั้งนั้น ฉันถามว่าคุณต้องการอะไร”
คนต้องตอบยังไม่ยอมตอบคำถาม เขาบังคับม้าให้เหยาะย่างมายังโคนต้นสนใหญ่ยักษ์ ต้นหญ้าสูงพอดีข้อเท้าเมื่อเขาก้าวลงไปยืน แต่ยังไม่ยอมปล่อยสายบังเหียนม้าเพราะมั่นใจว่าเจ้าของม้าน่าจะพยศไม่ใช่น้อย
“ลงมาก่อนสิ”
“ไม่ ฉันไม่มีเวลามาชมนกชมไม้กับคนแปลกหน้า กรุณาปล่อยเชือกเดี๋ยวนี้”
“คุณบังคับม้าให้เดินลงเนินได้เหรอ”ถามแล้วก็สบตาสีนิลคู่หวาน ที่เขาต้องชมอยู่ในใจว่าช่างเป็นดวงตาที่สวยหวานแวววาวอย่างที่ไม่เคยเห็นมาก่อน แต่จะดีกว่านี้ถ้าเจ้าของจะมีรอยยิ้มให้เห็นบ้าง
“ถามจริงๆเถอะ คุณเพิ่งจะขี่เป็นใช่ไหม”
“ฉันถามว่าคุณต้องการอะไร”วนัสสุดาเลือกที่จะถามกลับไป มากกว่าจะตอบคำถามของเขา เพราะจริงๆแล้วเธอเพิ่งจะหัดขี่ม้าได้ไม่นาน แถมเจ้าดัคกี้ยังพยศใส่อยู่หลายครั้ง
“ที่ดินของคุณ”
เรียวปากสีชมพูหวานเหยียดยิ้มอย่างหมั่นไส้ ดวงตาสีดำราวกับจะหัวเราะได้ขึ้นมาทันทีหลังได้ยินคำพูดของมหาเศรษฐีหนุ่ม
“ที่ดินที่ตระกูลของคุณมี มันยังไม่มากพออีกเหรอ”
“ถ้าพอ จะถามซื้อจากคุณเหรอวีนัส”
“ฉันชื่อวนัสสุดา โทมัสสัน”เจ้าของชื่อแนะนำตัวเสียงเรียบ
“แต่ผมได้ยินเบ็ตตี้เรียกคุณว่าวีนัส”
“เบ็ตตี้เป็นญาติของฉัน”
“แต่ผมอยากเรียกวีนัส” ทริสตันแย้งเสียงทุ้ม เขายังจับบังเหียนไม่ยอมปล่อยเพราะยังต้องการเจรจาซื้อขายที่ดินให้เสร็จสิ้น ถึงแม้มันจะเป็นการบังคับขู่เข็ญก็ตาม ซึ่งถ้าเจ้าของยอมขายก็ถือว่าเขาเก่งมาก เพราะมันเป็นการเจรจาซื้อขายที่ประหลาดที่สุดตั้งแต่เขาครอบครองอาณาจักรคิวส์มาห้าปี
“กรุณาปล่อยบังเหียนม้าได้แล้ว”
“คุณยังไม่ตอบเลยว่าจะขายเท่าไร”
“ฉันไม่ขาย แต่จะยกให้ฟรีๆถ้าผืนดินของฉันจะเอาไว้ใช้ฝังศพคุณ”วนัสสุดากระแทกเสียงใส่ แต่แล้วก็ต้องเมินหนีสายตาคมกล้าที่วาวระยับราวกับมีไฟสักร้อยกองสุมอยู่ในนั้น
“คุณกล้ามากวีนัส”
“ช่วยไม่ได้ ในเมื่อคุณอยากได้ ฉันจะยกให้ แต่ต้องเอาไว้ฝังศพคุณเท่านั้น”
“แล้วถ้าเราสองคนจะฝังอยู่ด้วยกันล่ะ ประมาณว่าศพสามีฝังเคียงข้างกับศพของภรรยานางวนัสสุดา คิวส์” ทริสตันถามอย่างนึกสนุก ให้ตายสิ การต่อปากต่อคำกับแม่สาววีนัสจอมพยศมันให้รสชาติของชีวิตดีแท้
“ฝันไปเถอะ”
“สรุปว่าไม่ขาย นอกจากว่าจะเอาไว้ฝังศพผม”มหาเศรษฐีหนุ่มถามย้ำ
“คุณก็ได้ยินชัดแล้วนี่ แต่คุณไปตายในที่ของคุณเถอะ พอดีว่าที่ของฉันยังไม่ว่างให้ใครมาตาย”
“ไม่ได้ คุณพูดแล้วต้องคำไหนคำนั้น ห้ามผิดสัญญา”หนุ่มโสดเนื้อหอมบอกหน้าตาเฉย พลางเหนี่ยวตัวเองขึ้นนั่งบนอานม้าแล้วโอบหญิงสาวไว้
“บ้า คุณจะทำอะไร ลงไปเลยนะ”
“ผมจะพาคุณกลับไร่ของเรา”
วนัสสุดาได้แต่ขบฟันลงบนเรียวปากสีชมพูด้วยความหงุดหงิด ไม่นึกว่าจะต้องมาเจอผู้ชายบ้าๆที่เอาแต่ใจได้อย่างร้ายกาจที่สุด
“คุณคงคิดว่าจะเอาความหล่อ ความเป็นหนุ่มโสดเนื้อหอมของคุณมาทำให้ฉันหลงรักแล้วก็เปลี่ยนใจขายที่ให้คุณง่ายๆอย่างนั้นเหรอ”
“ผมว่าแผนนี้มันตื้นไป”
“ต่อให้คุณใช้แผนไหนก็ตาม ฉันจะไม่ยอมขายที่ผืนนั้นให้คุณเป็นอันขาด”
“ยกเว้นเสียแต่ว่าผมจะไปนอนตายอยู่ในที่ของคุณ”ทริสตันกล่าวย้ำเสียงทุ้มอยู่ข้างเรือนผมหอมกรุ่น
“ใช่ แต่ฉันว่าคุณบ้า บ้ามากๆ คุณจะไปตายในที่ของฉัน แล้วคุณจะเอาไปทำไม ในเมื่อคุณไม่ได้ครอบครองอยู่ดี”
“ไม่เป็นไรนี่ ผมยังไม่ตายตอนนี้ เอาไว้สักแปดสิบเก้าสิบปีก่อนแล้วค่อยตาย ถึงตอนนั้นผมมีลูกมีหลานเยอะแยะไปหมด ถึงผมไม่ได้ครอบครอง แต่ลูกหลานของเราก็ได้สืบทอดมรดกชิ้นนี้อยู่ดี”
“หน้าด้าน”วนัสสุดาขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน เพราะไม่รู้จะทำอะไรดีไปกว่านี้ ได้แต่นั่งตัวเกร็งอยู่ในอ้อมแขนของมหาเศรษฐีหนุ่มโสดเนื้อหอมที่สาวๆชาวเมืองกรัสกีต่างก็ถวิลหา แต่เธอกลับนึกรังเกียจแล้วก็อยากจะตะโกนบอกทุกคนว่าตัวจริงของทริสตัน คิวส์ ไม่ได้นิสัยดีเหมือนหน้าฉากเวลาที่เขาให้สัมภาษณ์นิตยสารทั่วไป
“อย่าเกร็งวีนัส เพราะมันจะทำให้คุณปวดหลัง”ทริสตันบอกเสียงทุ้ม มือหนาเป็นฝ่ายถือบังเหียนแทนแล้วพาม้าเดินเหยาะๆมาตามด้านในซึ่งมีทิวของต้นสนเป็นแนวกั้นระหว่างถนนกับบึงน้ำขนาดใหญ่ที่ไหลลงมาจากเทือกเขาแคงกูโร่ ลมเย็นพัดโชยมาจนผมเส้นยาวสีน้ำตาลนุ่มราวแพรไหมปลิวระอยู่แถวใบหน้านวลเนียน และมันเลยมาระอยู่แถวปากจมูกของมหาเศรษฐีหนุ่ม ทำให้เขาต้องสูดเอาความหอมจากผิวเนื้อตรงข้างแก้มเข้าไปอย่างจงใจ
“หอมละมุนละไม”เขาบอกตัวเองแบบนั้น
“มาตรงนี้ทำไม ทำไมไม่ขึ้นไปเดินข้างบน”วนัสสุดาแย้งเสียงดัง เมื่อคนที่นั่งซ้อนอยู่ตรงหลังเธอนั้นบังคับม้าให้เดินลุยลงไปในบึงน้ำที่เริ่มลึกมากขึ้น
“ม้าคงอยากกินน้ำ”ทริสตันแก้ตัวไปแบบน้ำขุ่นๆแต่เป็นเพราะเขาอยากถ่วงเวลาอยู่กับหญิงสาวให้นานกว่าเดิมมากกว่า
“บ้า พาม้ากลับขึ้นฝั่งเลย เดี๋ยวมันเป็นหวัด”
แต่เสียงโทรศัพท์ของทริสตันดังขัดจังหวะขึ้นเสียก่อน มือหนาจึงต้องล้วงหยิบจากอกเสื้อเชิ้ตตัวในขึ้นมากดรับ ทำให้ต้องถือบังเหียนด้วยมือข้างเดียว
“เจ้านายอยู่ไหนครับ”เอริกถามมาให้ได้ยินด้วยความกังวล
“กำลังกลับ ไม่ต้องห่วง” บอกแล้วก็ตัดสาย ในขณะที่โทรศัพท์ของวนัสสุดาก็ดังขึ้นเช่นกัน
“วีนัส เป็นอะไรมากหรือเปล่า”เบ็ตตี้ถามมาด้วยน้ำเสียงร้อนรน
“เพิ่งจะถามเหรอ ทำไมไม่รอให้กลับถึงไร่ก่อนล่ะ”วนัสสุดาถามเสียงห้วนกลับไป เพราะหงุดหงิดที่ทำอะไรไม่ได้อย่างที่ต้องการ
“ฉันขอโทษ”น้ำเสียงที่บ่งบอกถึงความสำนึกผิดทำให้วนัสสุดาต้องถอนใจ แล้วปลอบกลับไป
“ช่างเถอะ อ้อเบ็ตตี้ไปเรียกลุงโทนี่มารอพบฉันด้วย แค่นี้แหละ”สั่งเสร็จก็เก็บโทรศัพท์ลงกระเป๋าเสื้อเชิ้ต
“ลุงโทนี่ นี่ใครเหรอ”
“สัปเหร่อ ฉันจะเรียกเขามาสั่งเรื่องให้ขุดหลุมเตรียมฝังศพคุณ”วนัสสุดาประชดส่ง แต่แล้วก็แทบจะกรีดร้องเมื่อแก้มข้างขวาของเธอโดนปากหยักได้รูปกดจูบลงมาหนักๆอย่างไม่ยั้ง
“ผมให้รางวัลคุณ”