“ข้อนี้ผมยินดีรับนะ แต่ผมอยากให้คุณฟังเจตนาใหม่อีกข้อของผมด้วย” “ก็ว่ามาสิ” “ตอนนี้นอกจากผมจะอยากได้ไร่โทมัสสันแล้ว ผมยังอยากได้ตัวคุณอีกด้วยวีนัส คุณจะขายสักเท่าไรดี!”
รัก,ชาย-หญิง,ผู้ใหญ่,ตรวนรักจอมทมิฬ,อรอร,เจ้าหนี้สุดเท่,ลูกหนี้จอมพยศ,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
ตรวนรักจอมทมิฬ“ข้อนี้ผมยินดีรับนะ แต่ผมอยากให้คุณฟังเจตนาใหม่อีกข้อของผมด้วย” “ก็ว่ามาสิ” “ตอนนี้นอกจากผมจะอยากได้ไร่โทมัสสันแล้ว ผมยังอยากได้ตัวคุณอีกด้วยวีนัส คุณจะขายสักเท่าไรดี!”
ทริสตัน คิวส์ เจ้าของมรดกหมื่นล้าน เขาคือหนุ่มโสดเนื้อหอม หล่อเหลา คมเข้ม ที่ยังคงไร้สาวข้างกายเพราะมุ่งมั่นบริหารจัดการกับมรดกกองมหาศาล และเพราะน้ำมันดิบที่อยู่ใต้ดินบนพื้นที่สามร้อยล้านตารางกิโลเมตรของเขา ดันมีพื้นที่ติดกับไร่โทมัสสัน ทำให้เขาต้องไปเจรจาซื้อขายด้วยตัวเอง แต่ผลเจรจาล้มเหลวเมื่อแม่สาวจอมอวดดี อย่าง วนัสสุดา โทมัสสันประกาศว่าที่ดินผืนนี้เอาไว้ใช้ฝังศพเขาเท่านั้น !
มหาเศรษฐีหนุ่มจึงปรับเปลี่ยนกลยุทธ์จากการเจรจาซื้อขาย กลาย มาเป็นเจ้าหนี้แทน แล้วเรียกเก็บดอกเบี้ยจากลูกหนี้สาวสวยชนิดไม่มีสิทธิ์ผ่อนผัน ราวสมันน้อยในปากราชสีห์ที่ถูกเคี้ยวกลืนลงท้องอย่างละมุนลิ้น
วนัสสุดา โทมัสสัน ผู้ตกเป็นลูกหนี้ของทริสตันโดยไม่รู้ตัว เธอยื่นข้อเสนอเป็นหลุมฝังศพแก่ทริสตันแทนการซื้อขายที่ดิน แต่กลับตกหลุมพรางของเจ้าหนี้อย่างทริสตันเสียเอง แล้วงานนี้เธอจะหลุดพ้นจากเจ้าหนี้จอมหื่นได้อย่างไร เมื่อเขายื่นใบทะเบียนสมรสให้แทน!
“ตกลงคุณต้องการอะไรกันแน่”
“ถ้าเจตนาเดิมก็คือที่ดินของคุณ”
“ฉันก็ยังยืนยันคำเดิมว่าไร่โทมัสสันมีที่ว่างให้คุณได้แค่หลุมฝังศพของคุณแค่นั้น”วนัสสุดาบอกเสียงเย็น เธอยิ้มมุมปากด้วยความสะใจที่สามารถโจมตีพ่อมหาเศรษฐีหนุ่มด้วยคำพูดได้อีกครั้ง ช่วยไม่ได้นี่นะ ก็เขาอยากแกล้งให้เธอตกน้ำ แล้วยังทำให้เธอต้องเสียโทรศัพท์อีกหนึ่งเครื่องด้วย
“ข้อนี้ผมยินดีรับนะ แต่ผมอยากให้คุณฟังเจตนาใหม่อีกข้อของผมด้วย”
“ก็ว่ามาสิ”
“ตอนนี้นอกจากผมจะอยากได้ไร่โทมัสสันแล้ว ผมยังอยากได้ตัวคุณอีกด้วยวีนัส คุณจะขายสักเท่าไรดี!”
“วีนัส”เบ็ตตี้รีบตรงเข้าไปรับญาติสาวคนสวยลงจากรถยนต์ของตระกูลคิวส์ โดยมีทริสตัน คิวส์เป็นฝ่ายขับมาส่งจนถึงเนินสูงของบ้าน ส่วนบอดี้การ์ดร่างยักษ์เป็นฝ่ายขี่เจ้าดัคกี้แทน
“เกิดอะไรขึ้น ทำไมตัวเปียกแบบนี้”
“ไปรับเจ้าดัคกี้มา แล้วลุงโทนี่ล่ะมาหรือยัง”เจ้าของไร่ถามเสียงเรียบ แขนสองข้างยกขึ้นกอดอกเอาไว้ทั้งที่มีเสื้อหนังห่มคลุม
“ผมอยู่นี่ครับ”ชายวัยกลางคนยืนรอรับอยู่ตรงริมบันได
“ดีแล้ว ลุงช่วยเขียนป้ายตัวโตๆเลยนะว่าห้ามเข้าโดยพลการ แล้วก็ช่วยกันกับคนงาม ตอกรั้วกั้นประตูไว้อีกชั้น แล้วเข้าเมืองคราวหน้าฉันจะซื้อปืนมาให้ทุกคนใช้ เอาไว้ยิงผู้บุกรุกให้ตายคาที่ไปเลย”
คนเป็นนายกระแทกเสียงใส่ จงใจให้มหาเศรษฐีหนุ่มได้ยิน เพราะยังเจ็บใจไม่หายที่โดนแกล้งจนเธอตกน้ำเปียกปอนและเกือบจมน้ำตาย โทรศัพท์ก็หล่นหายไปกับสายน้ำ แต่นั่นยังไม่เท่ากับที่โดนเขาจูบ โดยที่เธอไม่มีโอกาสป้องกันตัวเองเลยสักนิด
“อ้อ ลุงช่วยขุดหลุมกว้างสักหนึ่งเมตร ยาวสองเมตรเตรียมไว้ด้วย ปักป้ายชื่อไว้เลยก็ได้ว่านายทริสตัน คิวส์”
“ลุงโทนี่ ช่วยขุดอีกหลุมเผื่อไว้ข้างๆกันด้วยนะ ทำป้ายชื่อด้วยว่าวนัสสุดา คิวส์”ทริสตันบอกเสียงทุ้ม นัยน์ตาสีน้ำเงินอมเทาเป็นประกายล้อเลียน อยู่ตรงหลังพวงมาลัยรถกับคำพูดของวีนัสปากร้าย ก่อนจะยกมือขึ้นส่งจูบให้หญิงสาว จากนั้นจึงหันไปพยักหน้าให้
มอร์แกนกับเอริกขึ้นนั่งบนรถ แล้วขับออกจากอาณาเขตของโทมัสสันด้วยความเร็วราวกับกำลังขับรถฟอร์มูล่าวันในสนามแข่งก็ไม่ปาน
“เกิดอะไรขึ้นเหรอวีนัส เธอยังไม่เล่าให้ฉันฟังเลย”เบ็ตตี้เดินตามมาถามญาติสนิทถึงในห้องพักส่วนตัวบนชั้นสองของบ้าน
“อีตาบ้านั่นจะมาขอซื้อที่ดินของฉัน”วนัสสุดาตอบเสียงห้วน ก่อนจะถอดเสื้อแจ็กเก็ตหนังออกเหวี่ยงทิ้งไปบนพื้นห้อง ทำให้เบ็ตตี้ต้องรีบหยิบมันขึ้นมาถือเอาไว้ เพราะรู้ว่าไม่ใช่ของญาติเธอแน่นอน
“แล้วทำไมถึงตัวเปียก”
“จะถามทำไมนะ อารมณ์ไม่ดี ยังไม่อยากเล่า”ดุไปแล้วก็นึกขึ้นได้ว่าเบ็ตตี้ไม่มีความผิด จึงหันไปเอ่ยปากขอโทษ
“ไม่เป็นไรหรอก แต่ที่ถามก็เพราะเป็นห่วง อีกอย่างเราเป็นญาติกันนะมีกันอยู่แค่นี้ เธอเดือดร้อนฉันจะอยู่เฉยได้ยังไง ฉันจะช่วยจนทุกอย่างลุล่วงนั่นแหละ”
“ขอโทษอีกครั้งนะเบ็ตตี้ ฉันเครียดไปหน่อย เวลาเหลืออีกไม่มากแล้ว”วนัสสุดาบอกเสียงเศร้า พลางปลดเสื้อผ้าออกจากตัวจนเหลือแต่บิกีนีและเสื้อชั้นในที่เผยให้เห็นทรวงอกที่ใหญ่เกินมาตรฐานอย่างเด่นชัด
“บอกตรงๆว่าฉันเครียด ไม่รู้จะหาทางออกยังไงดีแล้ว”
“อย่าเพิ่งเครียด ฉันเชื่อว่าเธอทำได้นะวีนัส”เบ็ตตี้ให้กำลังใจเป็นครั้งที่เท่าไร เธอก็นับไม่ถ้วนทั้งที่รู้ว่าเวลาแค่หกเดือนไม่มีทางหาเงินมาใช้หนี้ห้าแสนยูโรได้ทัน แต่ญาติของเธอก็ยังมุ่งมั่นทำอย่างเต็มที่
“จ้ะขอบใจ ขอตัวอาบน้ำก่อน เดี๋ยวค่อยวางแผนงานในไร่กันใหม่”ร่างเพรียวระหงเดินเข้าห้องอาบน้ำ พลางปลดเสื้อยกทรงกับบิกีนีออกจนเหลือเพียงร่างเปลือยเปล่าที่มีผิวสีน้ำผึ้งเนียนสวย ตามดีเอ็นเอจากมารดาที่เป็นชาวไทยและแต่งงานกับสามีชาวเมืองกรัสกรี
ประเทศกรัสเซล
หญิงสาวนึกถึงความหลัง ก่อนจะมาสิงสถิตอยู่ที่ไร่นี้เมื่อเกือบหกเดือนก่อน พ่อกับแม่ของเธอนั้น สร้างตัวสร้างฐานะด้วยการเปิดร้านอาหารไทยขนาดกลางอยู่ในเมืองหลวง แต่มาเมื่อปีที่แล้ว พ่อของเธอเกิดป่วยเป็นโรคมะเร็งจึงต้องใช้เงินในการรักษามากพอควร ค่าใช้จ่ายที่เกินตัวจึงเกิดขึ้นแต่นั่นก็ไม่ทำให้พ่อของเธอมีชีวิตอยู่ต่อได้อีก สุดท้ายพ่อเหลือที่ดินผืนใหญ่ไว้ให้เป็นมรดกชิ้นเดียวที่ได้จากตระกูลทางฝั่งพ่อ
ส่วนเธอนั้นเกือบจะลาออกจากมหาวิทยาลัย แต่แม่ก็ท้วงว่าให้เรียนให้สำเร็จ เธอจึงตั้งใจเรียนจนสำเร็จปริญญาตรีทางด้านคหกรรม เพื่อจะเป็นเชฟมือหนึ่งและรับหน้าที่ดูแลร้านอาหารของแม่ต่อ
แต่สิ่งที่ทำให้เธอแทบช็อคก็คือแม่เพิ่งจะบอกความจริงว่าร้านอาหารกำลังจะถูกยึดเพราะหนี้สินที่พอกเป็นดินหางหมูจากการกู้ยืมมาลงทุน หลังเงินรายได้ของร้านเอาไปใช้จ่ายเกี่ยวกับการรักษาดูแลผู้เป็นพ่อ
สิ่งที่ตามมาคือเจ้าหนี้ที่เป็นเจ้าของธุรกิจนำเข้าส่งออก หว่องฟู๊ดยื่นข้อเสนอว่าหนี้สินที่เป็นอยู่นั้น จะหมดลงถ้าเธอยอมเป็นลูกสะใภ้ของเขา และจะยกร้านอาหารให้เป็นสินสอดแลกกับตัวเธอ
คิดมาถึงตรงนี้ทำให้ขอบตาร้อนผ่าว ร่างเพรียวนั่งชันเข่าอยู่ในอ่างอาบน้ำสีขาว ปล่อยให้น้ำจากก๊อกเพิ่มระดับจนมาถึงช่วงทรวงอก มือเรียวบางจึงกดปิด ก่อนยกขึ้นแตะริมฝีปากที่ยังรู้สึกถึงความร้อนแรงจากรสจูบที่มหาเศรษฐีหนุ่มเอาเปรียบเธออย่างร้ายกาจ
“คนบ้า เลวที่สุด ทำเหมือนเราเป็นดอกไม้ข้างทาง นึกอยากจะหยิบขึ้นมาดมมาหอมก็ทำได้ง่ายๆ”วนัสสุดาพึมพำด่าอย่างหงุดหงิดใจ แล้วก้มมองทรวงอกเต่งตึงที่โดนเขากอดเขารัดเอาไว้แน่น นี่ถ้าไม่มี
เสื้อสวมใส่กันเอาไว้หนึ่งชั้น เขาคงทำยิ่งกว่าจูบ แล้วเธอก็คงไม่เหลือความสาวกลับบ้าน เพราะเขาก็พร้อมรบกับเธอเต็มที่ตอนที่อยู่ด้วยกันในบึงน้ำ
“อย่าคิดจะครอบครองไร่โทมัสสันเลย ตัวฉัน คุณก็ไม่มีทาง
ได้ครอบครอง”หญิงสาวพึมพำเสียงหยัน เพราะรู้สถานการณ์ตัวเอง
ดีว่า ไม่มีอิสระอย่างที่ควรจะเป็น เหลือเวลาอีกไม่มากนักกับการเป็นนางสาววนัสสุดา โทมัสสัน หลังจากนี้หากเธอหาเงินห้าแสนยูโรมาใช้หนี้ไม่ทัน เธอคงต้องเดินเข้าพิธีวิวาห์อย่างไม่มีทางหลีกเลี่ยง หลังจากที่พยายามเจรจามาครั้งหนึ่งแล้ว
วนัสสุดาถอนสะอื้นอย่างปวดร้าวกับความรู้สึก นึกถึงการพูดคุยกับมารดาก่อนหน้านี้
“โอ๊ย ทำไมแม่ทำกับหนูแบบนี้”วนัสสุดาต่อว่าเสียงดัง หลังรู้ความจริงว่าเกิดอะไรขึ้นกับครอบครัวของเธอ
“ทำไมคะ ทำไมไม่บอกแต่แรก เราจะได้ช่วยกันหาหนทางในเรื่องนี้”
“แม่ไม่อยากให้หนูเครียด ก่อนเรียนจบ”ชุลีพร โทมัสสันผู้เป็นแม่กล่าวเสียงเครือ
“แล้วแม่บอกตอนนี้ นึกว่าหนูจะไม่เครียดเหรอคะ”
“แม่ขอโทษที่ทำให้ลูกผิดหวัง”คำขอโทษของมารดา ทำให้
ผู้เป็นลูกรู้สึกตัวว่าพูดรุนแรงเกินไป เธอเดินมานั่งเคียง แล้วอิงศีรษะซบลงบนไหล่ เรียวแขนกลมกลึงสวมกอดมารดาแน่น
“หนูขอโทษค่ะแม่ แม่ไม่ได้ทำให้หนูผิดหวัง เพียงแต่หนูเสียใจที่แม่ไม่ยอมบอกแต่แรกว่าเกิดอะไรขึ้น”
“แม่นึกว่าสถานการณ์มันจะดีขึ้น แต่เงินรายได้จากร้านอาหารมันไม่พอกับดอกเบี้ยที่ต้องจ่าย”
วนัสสุดาถอนหายใจ ทอดตามองไปยังกรอบรูปถ่ายบนผนังที่เป็นภาพบ้านไร่โทมัสสัน ซึ่งเป็นสมบัติชิ้นเดียวของตระกูลที่ยังคงไม่ถูกยักย้ายถ่ายเท เพราะพินัยกรรมสั่งห้ามซื้อขายอย่างเด็ดขาด พลางเกิดความคิดขึ้นว่า บางทีต้นตระกูลอาจมองเห็นอนาคตว่าลูกหลานอาจลำบาก ถึงได้ยกที่ดินร้อยไร่ให้เอาไว้ทำกินเลี้ยงตัวเอง และนี่อาจเป็นหนทางรอดจากการต้องแต่งงานไปเป็นลูกสะใภ้ของมิสเตอร์หว่องก็เป็นได้
“หนูคิดออกแล้วค่ะแม่”วนัสสุดาบอกเสียงใส ดวงตาเป็นประกายเชื่อมั่นในความคิดของตัวเองว่าต้องทำได้สำเร็จอย่างแน่นอน
“คิดอะไร ลูกคิดจะทำอะไร”
“หนูจะไปขอผ่อนผันกับทางมิสเตอร์หว่อง ต่อรองกับเขาดู ถ้าสำเร็จหนูก็จะได้ไม่ต้องแต่งงานกับลูกชายเขา”คนเป็นลูกบอกอย่างมีความหวัง เพราะเธอจะไม่ยอมแต่งงานโดยไร้ซึ่งความรักเด็ดขาด
“ลูกมีแผนแบบไหน”
“แบบนี้นะคะ”แล้ววนัสสุดาก็บอกเล่าแผนการปลดหนี้ให้มารดาฟัง แม้ชุลีพรจะท้วงว่าความคิดของเธอมันเป็นเรื่องที่ไม่สามารถทำให้เป็นจริงขึ้นมาได้ เพราะเวลาสามปีไม่สามารถหาเงินมาคืนได้หมดอย่างแน่นอน แต่หญิงสาวก็ไม่ละความพยายาม เชื่อมั่นว่าตัวเองต้องทำได้ จากนั้นจึงพาตัวเองไปหามิสเตอร์หว่องชาวจีนสัญชาติกรัสเซลที่มาทำมาหากินอยู่ในบ้านเกิดของเธอจนร่ำรวย
ก๊อก ก๊อก
เสียงเคาะพร้อมกับบานประตูที่เปิดกว้างทำให้เจ้าของห้องทำงานต้องเงยหน้าขึ้นดู เมื่อเลขาเปิดเข้ามาบอกว่าว่าที่ลูกสะใภ้มาขอพบ ซึ่งเป็นเรื่องมหัศจรรย์สำหรับมิสเตอร์หว่องเป็นอย่างมาก จึงทำให้
ผู้เป็นลูกชายที่แอบแวะมานั่งคุยอยู่ด้วยต้องออกปาก
“ถ้าวีนัสมาขอเลื่อนการแต่งงาน ห้ามผ่อนผันเด็ดขาดนะพ่อ รู้ใช่ไหมว่าไร่โทมัสสันกำลังจะกลายเป็นเม็ดเงินนับพันล้านบาท ถ้ามันมีน้ำมันอยู่จริง”
“โอเค”
“ผมจะแอบฟังอยู่ข้างในก็แล้วกัน”ร่างผอมสูงลุกเข้าไปหลบอยู่ในห้องกระจกด้านใน แล้วปล่อยให้ผู้เป็นพ่อรับหน้าเพียงคนเดียว
“เชิญๆนั่งก่อนหนูวีนัส”เจ้าหนี้รายใหญ่ผายมือเชิญหญิงสาวคราวลูกให้นั่งบนเก้าอี้นวมตัวใหญ่ภายในห้องทำงานที่โอ่โถงของบริษัทนำเข้าส่งออกพวกอาหารแช่แข็งทุกชนิดจากทุกมุมโลก
“ยินดีแล้วก็เป็นเกียรติอย่างมากที่ได้ต้อนรับหนูที่นี่”
“ขอบคุณค่ะ”วนัสสุดาทรุดนั่งตามคำเชิญ แล้วภาวนาขอพรจากพระผู้เป็นเจ้าขอให้การเจรจาครั้งนี้สำเร็จลงด้วยดีอย่างที่ตั้งใจไว้แต่แรก
“หนูคงมาให้คำตอบเรื่องแต่งงานใช่ไหม”
“ใช่ค่ะ”
มิสเตอร์หว่องถึงกับเลิกคิ้วสูงด้วยความแปลกใจ เพราะไม่อยากเชื่อว่าหญิงสาวจะยอมมาคุยเรื่องนี้โดยง่าย
“หมายความว่าหนูจะยอมแต่งงานตามเงื่อนไขอย่างนั้นเหรอ”
“ค่ะ แต่...”
“ไอ้คำว่าแต่ตามหลังมานี่ ฉันไม่ค่อยชอบฟังเท่าไรเลยรู้ไหม”
ผู้อาวุโสกว่ารีบพูดแทรกขึ้น
“หนูก็ไม่ชอบเหมือนกันค่ะ แต่ว่ามันจำเป็นต้องมี”
“ว่าไป”มิสเตอร์หว่องหันไปหยิบถ้วยน้ำชาขึ้นจิบตามความเคยชิน ถึงแม้เขาจะจากบ้านเกิดเมืองนอนมาทำมาหากินอยู่ต่างประเทศจนได้สัญชาติกรัสเซล แต่เขาก็ไม่เคยลืมกลิ่นหอมของชาจีนร้อนๆที่ช่วยบรรเทาเรื่องความหนาวได้ดี
“หนูจะมาขอผ่อนผันเรื่องหนี้ แล้วก็เรื่องแต่งงาน”
“คงไม่ได้หรอก”
วนัสสุดาฟังแล้วใจห่อเหี่ยว แต่เธอก็ยังไม่ละความพยายาม ด้วยการเดินหน้าเจรจาต่อ
“หนูอยากให้คุณลองฟังข้อเสนอก่อน”
“ข้อเสนอของหนูก็คืออยากเลื่อนงานแต่งออกไปแบบไม่มีกำหนดน่ะสิ ทำไมฉันจะไม่รู้”
“ไม่นะคะ แต่อยากให้คุณฟังข้อเสนอของหนูให้จบก่อน”ลูกหนี้คนสวยบอกเสียงนุ่ม ทำให้มิสเตอร์หว่องต้องตั้งใจฟัง
“ถ้าอย่างนั้นก็ว่าต่อไปสิ”
“หนูขอเวลาสามปีสำหรับทำงานหาเงินมาใช้หนี้คุณ แต่ถ้าทำไม่สำเร็จก็ยินดีจะแต่งงานโดยไม่มีข้อแม้”
“โอ๊ย หนู สามปีเลยเหรอ บ้าหรือเปล่า ไม่มีใครเขาให้ระยะเวลายาวขนาดนั้นหรอก”เจ้าหนี้ส่ายศีรษะในข้อเสนอที่เขาไม่อาจให้ตามความต้องการของหญิงสาวได้ ถึงแม้ลูกชายนอกสมรสจะสั่งไว้แล้วก็ตาม แต่เขาก็เห็นด้วยกับลูกตรงที่ว่าไม่มีใครสามารถให้เวลาลูกหนี้ได้นานขนาดนั้น
“ก็เพราะหนี้มันก้อนใหญ่ไงคะ หนูถึงต้องใช้เวลา”
“บอกฉันหน่อยเถอะ หนูจะทำงานอะไรถึงจะหาเงินได้เยอะขนาดนั้น อย่าลืมว่าเงินไม่ใช่แค่พันสองพันยูโรนะ”เจ้าหนี้ถามอย่างสนใจ หลังเห็นความตั้งใจอยู่ในสีหน้ากับแววตาสีดำสนิท
“หนูมีที่ดินมรดกอยู่หนึ่งร้อยไร่ หนูจะพลิกฟื้นผืนดินตรงนั้นให้เป็นทองขึ้นมาให้ได้”
“ฮะๆฮ่าๆ”มิสเตอร์หว่องระเบิดหัวเราะออกมาอย่างกลั้นไม่อยู่ เพราะขำความคิดของลูกหนี้ที่ดูจะเพ้อฝันไปตามวัยมากกว่าจะมองด้วยความจริงว่า มันไม่มีทางเป็นไปได้กับรายได้ที่จะเอามาใช้หนี้เขาถึง
ห้าแสนยูโร
“คุณอาจจะมองว่าเป็นเรื่องตลก แต่ถ้าคุณจะให้โอกาสหนูได้ลองสู้สักครั้ง หนูก็จะลองดู แต่หนูก็ต้องขอความกรุณาว่าระหว่างสามปีอย่าคิดดอกเบี้ย จะเป็นพระคุณกับหนูอย่างสูง”
“ไม่ได้หรอก ความจริงหนูก็รู้อยู่ว่าข้อเสนอนี้ แท้จริงแล้ว
ลูกชายฉันต้องการแต่งงานกับหนูมากกว่า”
“คือหนูไม่เข้าใจ ทำไมลูกชายของคุณจะอยากแต่งงานกับหนู ทั้งที่เราไม่เคยรู้จักกันเลย”วนัสสุดาสบตารอคำตอบ เพราะรู้สึกว่าเงื่อนไขจริงๆแล้วไม่ใช่เรื่องเงิน แต่เป็นตัวของเธอเองมากกว่า
“เขาแอบรักหนูอยู่”
“ถ้ารัก แล้วทำไมไม่แสดงตัว มายื่นข้อเสนอแบบนี้ทำไม หรือคิดว่าจะเอาเงินมาฟาดหัวเพื่อจะบีบให้หนูแต่งงานด้วยหรือคะ”
“ใช่แล้ววีนัส”คนพูดปรากฏกายอยู่ตรงหน้าประตูที่เป็นกระจกฝ้า ด้านหลังเก้าอี้นวมตัวใหญ่ของมิสเตอร์หว่อง
“คูเปอร์”วีนัสอุทานอย่างไม่เชื่อสายตา หลังเห็นชายหนุ่ม
ร่างสูงผอม ใบหน้าคมสัน ดวงตายาวรีสีน้ำตาลเข้มนั้นหลุกหลิกอยู่ตลอดเวลา เธอจำได้ว่าเขาเป็นอดีตประธานรุ่นในมหาวิทยาลัยและมีฉายาว่าเพลย์บอยตัวพ่อ หว่านเสน่ห์ไปทั่วมหาวิทยาลัย ใช้เงินราวกับกระดาษเปล่า ผู้หญิงหลายคนที่เป็นดาวเด่นในมหาวิทยาลัยต่างก็เป็น
คู่นอนของเขาไม่ซ้ำหน้า พฤติกรรมน่ารังเกียจที่ได้ยินมาเข้าหูบ่อยๆยิ่งทำให้เธอต้องหลีกหนีให้ไกล และปฏิเสธทุกครั้งที่เขาพยายามจะยื่น
มิตรไมตรีที่เคลือบฉาบด้วยความหลอกลวงมาให้ แต่เธอไม่เคยรู้เลยว่าเขาเป็นลูกของมิสเตอร์หว่อง เฉินเพราะจำได้ว่าเขาใช้นามสกุลปีเตอร์สัน
“ใช่ ผมเอง ทีนี้คุณคงรู้แล้วใช่ไหมว่าทำไมพ่อผมถึงผ่อนผันเรื่องหนี้ให้คุณไม่ได้”
“เพราะแบบนี้หรือเปล่า คุณถึงปล่อยเงินกู้ให้แม่ฉันง่ายๆ”
คูเปอร์แบมือยักไหล่ให้อย่างช่วยไม่ได้ มองใบหน้าสวยหวานของวนัสสุดาอย่างเย้ยหยัน เขาอยากจะบอกออกไปนักว่ามันมีหลายเรื่องหลายสาเหตุที่มันทับซ้อนอยู่ในนั้น ตั้งแต่เรื่องแรกก็คือหญิงสาวเองที่ทำตัวเย่อหยิ่ง มองเขาเหมือนฝุ่นผงในอากาศ ข้อสอง เขารู้มาว่าที่ดินของโทมัสสันกำลังจะเพิ่มมูลค่ามหาศาลในตัวของมันเอง ซึ่งมันเป็นอีกหนทางหนึ่งที่เขาจะตัดหนทางทำธุรกิจพลังงานของศัตรูอย่างทริสตัน คิวส์
“ฉันว่าคุณไม่มีความเป็นลูกผู้ชายพอ”
“ฮะแอ่ม หนูวีนัส พูดอะไรก็ระวังปากคอไว้บ้าง”มิสเตอร์หว่องเตือนด้วยความไม่พอใจ
“หนูพูดเรื่องจริง ในเมื่อคุณบอกว่าแอบหลงรักฉัน แต่คุณไม่หาวิธีเอาชนะใจฉัน แต่กลับใช้วิธีสกปรก ฉันว่ามันไม่แฟร์สำหรับฉันเลยสักนิด”
“แล้วไอ้ที่ผมตามจีบคุณมาตลอดสามปีล่ะ”
“ฉันเคยบอกคุณแล้วว่าฉันไม่ชอบคนเจ้าชู้ที่หว่านเงินซื้อผู้หญิงไปนอนด้วย มันดูไร้สาระผลาญเงินไปวันๆ”
คูเปอร์ ปีเตอร์สันยิ้มหยันก่อนจะบอกเสียงเรียบ
“เอาเป็นว่าผมให้เวลาคุณหกเดือน สำหรับหาเงินมาใช้หนี้พ่อผม ถ้าไม่สำเร็จ คุณต้องมาเป็นเมียผมโดยไม่มีข้อแม้”
วนัสสุดาเม้มปากไม่พอใจกับเงื่อนไขที่เธอไม่มีโอกาสต่อรอง จึงได้แต่พกความผิดหวังกลับมาบ้าน แต่เธอก็ยังตั้งความหวังกับวันเวลาอีกหกเดือนข้างหน้าว่าคงจะหาเงินมาทันได้ใช้หนี้ก้อนโต ทั้งที่ความหวังแทบจะลางเลือนเต็มที
“วีนัส วีนัส เธอยังอาบน้ำแต่งตัวไม่เสร็จอีกเหรอ”เสียงถามดังรอดผ่านบานประตูมาให้ได้ยิน ทำให้หญิงสาวที่กำลังนึกถึงความหลังอยู่ตรงหน้าต่างห้องนอนตื่นจากภวังค์ ก่อนร้องตอบออกไป
“เสร็จแล้ว จะออกไปเดี๋ยวนี้แหละ”ร่างเพรียวระหงสูดหายใจให้กำลังใจตัวเอง ก่อนจะเดินไปหยิบหมวกปีกกว้างมาสวม แล้วตามเบ็ตตี้ญาติสนิทลงไปข้างล่าง เมื่อมีงานในไร่ต้องทำอีกหลายอย่าง เธอหวังว่าผลผลิตที่ลงไปนั้นจะช่วยให้เธอพ้นจากลูกหนี้ได้สำเร็จ ทั้งที่ความจริงแล้วเปอร์เซ็นต์มีแค่ศูนย์กับศูนย์