“ข้อนี้ผมยินดีรับนะ แต่ผมอยากให้คุณฟังเจตนาใหม่อีกข้อของผมด้วย” “ก็ว่ามาสิ” “ตอนนี้นอกจากผมจะอยากได้ไร่โทมัสสันแล้ว ผมยังอยากได้ตัวคุณอีกด้วยวีนัส คุณจะขายสักเท่าไรดี!”
รัก,ชาย-หญิง,ผู้ใหญ่,ตรวนรักจอมทมิฬ,อรอร,เจ้าหนี้สุดเท่,ลูกหนี้จอมพยศ,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
ตรวนรักจอมทมิฬ“ข้อนี้ผมยินดีรับนะ แต่ผมอยากให้คุณฟังเจตนาใหม่อีกข้อของผมด้วย” “ก็ว่ามาสิ” “ตอนนี้นอกจากผมจะอยากได้ไร่โทมัสสันแล้ว ผมยังอยากได้ตัวคุณอีกด้วยวีนัส คุณจะขายสักเท่าไรดี!”
ทริสตัน คิวส์ เจ้าของมรดกหมื่นล้าน เขาคือหนุ่มโสดเนื้อหอม หล่อเหลา คมเข้ม ที่ยังคงไร้สาวข้างกายเพราะมุ่งมั่นบริหารจัดการกับมรดกกองมหาศาล และเพราะน้ำมันดิบที่อยู่ใต้ดินบนพื้นที่สามร้อยล้านตารางกิโลเมตรของเขา ดันมีพื้นที่ติดกับไร่โทมัสสัน ทำให้เขาต้องไปเจรจาซื้อขายด้วยตัวเอง แต่ผลเจรจาล้มเหลวเมื่อแม่สาวจอมอวดดี อย่าง วนัสสุดา โทมัสสันประกาศว่าที่ดินผืนนี้เอาไว้ใช้ฝังศพเขาเท่านั้น !
มหาเศรษฐีหนุ่มจึงปรับเปลี่ยนกลยุทธ์จากการเจรจาซื้อขาย กลาย มาเป็นเจ้าหนี้แทน แล้วเรียกเก็บดอกเบี้ยจากลูกหนี้สาวสวยชนิดไม่มีสิทธิ์ผ่อนผัน ราวสมันน้อยในปากราชสีห์ที่ถูกเคี้ยวกลืนลงท้องอย่างละมุนลิ้น
วนัสสุดา โทมัสสัน ผู้ตกเป็นลูกหนี้ของทริสตันโดยไม่รู้ตัว เธอยื่นข้อเสนอเป็นหลุมฝังศพแก่ทริสตันแทนการซื้อขายที่ดิน แต่กลับตกหลุมพรางของเจ้าหนี้อย่างทริสตันเสียเอง แล้วงานนี้เธอจะหลุดพ้นจากเจ้าหนี้จอมหื่นได้อย่างไร เมื่อเขายื่นใบทะเบียนสมรสให้แทน!
“ตกลงคุณต้องการอะไรกันแน่”
“ถ้าเจตนาเดิมก็คือที่ดินของคุณ”
“ฉันก็ยังยืนยันคำเดิมว่าไร่โทมัสสันมีที่ว่างให้คุณได้แค่หลุมฝังศพของคุณแค่นั้น”วนัสสุดาบอกเสียงเย็น เธอยิ้มมุมปากด้วยความสะใจที่สามารถโจมตีพ่อมหาเศรษฐีหนุ่มด้วยคำพูดได้อีกครั้ง ช่วยไม่ได้นี่นะ ก็เขาอยากแกล้งให้เธอตกน้ำ แล้วยังทำให้เธอต้องเสียโทรศัพท์อีกหนึ่งเครื่องด้วย
“ข้อนี้ผมยินดีรับนะ แต่ผมอยากให้คุณฟังเจตนาใหม่อีกข้อของผมด้วย”
“ก็ว่ามาสิ”
“ตอนนี้นอกจากผมจะอยากได้ไร่โทมัสสันแล้ว ผมยังอยากได้ตัวคุณอีกด้วยวีนัส คุณจะขายสักเท่าไรดี!”
วนัสสุดาหมุนพวงมาลัยรถให้เข้าจอดในช่องตรงลานกว้างของตลาดแห่งหนึ่ง เพื่อมาหาซื้อของใช้จำเป็น หญิงสาวกำลังจะเปิดประตูลงจากรถ แต่เสียงเพลงจากโทรศัพท์เครื่องใหม่ดังขึ้นเสียก่อน ทำให้เธอต้องหยิบมันขึ้นมาดูชื่อ เมื่อเห็นว่าเป็นชื่อของมารดาจึงกดรับแล้วนั่งพูดคุยอยู่ในรถแทน
“แม่ มีอะไรหรือคะ”
“ลูกอยู่ไหนเหรอวีนัส”
“มาซื้อของที่ตลาดค่ะ”
คนเป็นแม่ต้องแอบถอนใจกับความเหนื่อยยากของวนัสสุดา ร่วมหกเดือนที่ลูกสาวของเธอต้องออกไปตรากตรำอยู่ในไร่ที่เป็นมรดกตกทอดจากผู้เป็นพ่อ เพื่อต้องการหารายเงินมาใช้หนี้ก้อนโตให้มิสเตอร์หว่อง
แม้นางจะรู้ว่าลูกคงทำไม่สำเร็จ แต่ก็ไม่อยากขัดใจเลยยอมให้ทำเผื่อจะให้ลูกได้รู้สึกดีขึ้น
“แม่มีอะไรหรือเปล่าคะ”เสียงถามมาให้ได้ยิน ทำให้ชุลีพรต้องบอกเล่าออกไป
“ไม่รู้ว่าลูกได้ดูข่าวบ้างหรือยัง”
“ข่าวอะไรคะแม่ ตั้งแต่เช้าหนูยุ่งมากเลย”มันเป็นแบบที่
วนัสสุดาบอกมารดาจริงๆเพราะนับจากนายทริสตัน คิวส์ขึ้นเฮลิคอปเตอร์บินออกจากอาณาเขตไร่โทมัสสัน เธอต้องเกณฑ์คนงานที่มีไม่ถึงสิบคนมาช่วยกันพรวนดินจุดนั้นใหม่ เพื่อจะลงพันธุ์ข้าวใหม่อีกครั้ง
“ข่าวเพิ่งออกตอนเที่ยงนี่เอง ห้องเย็นของมิสเตอร์หว่องถูกกองสาธารณสุขเข้าสุ่มตรวจ แล้วก็พบสารปนเปื้อนในอาหารที่นำเข้า เห็นว่าอาจถูกปิดหกเดือน และปรับเป็นเงินสามล้านห้าแสนยูโร
หุ้นบริษัทเลยตก ตอนนี้ตัวแดงโร่ ขายทิ้งกันให้วุ่นเลย”
“อ้าว ทำไมเป็นอย่างนี้ไปได้”
“ไม่รู้เหมือนกัน แต่เห็นยอดเงินที่แกโดนปรับแล้วหนาวกว่าเดิม สงสัยงานนี้มิสเตอร์หว่องจะหมดตัว หุ้นบริษัทก็ตกกราวรูดเลย”
วนัสสุดาฟังแล้วอยากจะดีใจ เพราะคิดไปไกล หากหว่องฟู๊ดไม่มีเงิน คูเปอร์ก็อาจจะยกเลิกเรื่องการแต่งงานกับเธอก็เป็นได้ แต่จะเป็นไปได้เทียวหรือ
“วีนัส คิดอะไรอยู่เหรอลูก”
“ก็เรื่องเจ้าหนี้ของเรานี่แหละค่ะแม่ อยากจะดีใจนะที่หว่องฟู๊ดโดนขนาดนั้น แล้วเขาเกิดยกเลิกเงื่อนไขการแต่งงานขึ้นมา มันคงจะดีมาก แต่มันคงเป็นไปไม่ได้ใช่ไหมคะ”
คนเป็นแม่ถึงกับถอนหายใจออกมาให้ผู้เป็นลูกได้ยิน ทำให้
วนัสสุดาต้องปลอบออกไป
“หนูแค่คิดเล่นๆค่ะแม่ คูเปอร์มันเจ้าเล่ห์จะตายไป มันคงไม่ยกเลิกง่ายๆหรอก”
“สองคนพ่อลูกร้ายพอกัน แล้วนี่ลูกเหนื่อยมากไหม พืชผลในไร่พอจะมีออกขายแลกเปลี่ยนเป็นเงินได้หรือยัง”
“มีแล้วค่ะ สตรอว์เบอร์รีกำลังจะเก็บได้ในอีกไม่กี่วันนี้แล้ว ส่วนหนึ่งพ่อค้ามารับซื้อไปทำแยม แต่อีกส่วนหนึ่งหนูจะเอาไปขายที่ตลาดนัดชาวสวน เขามีนัดทุกวันจันทร์ พุธ ศุกร์ค่ะแม่”
“แม่ขอโทษด้วยนะวีนัส”เสียงสั่นเครือของมารดาทำให้ผู้เป็นลูกขอบตาร้อนผ่าวเกือบจะร้องไห้ออกมา เพราะรู้ว่าผู้เป็นแม่นั้นคงไม่สบายใจกับหนี้ก้อนใหญ่ จนทำให้เธอต้องตกที่นั่งลำบาก
“แม่คะ เราเลิกพูดเรื่องนี้กันได้แล้ว อะไรจะเกิดก็เกิดเถอะค่ะ หนูรู้ว่ายังไงเราก็หาเงินไม่ทันหรอก ดีซะอีกสิ แม่กับหนูจะได้สบายเสียที หว่องฟู๊ดน่าจะมีเงินเหลืออีกเยอะมั้งคะ”วนัสสุดาพูดติดตลก เพื่อไม่ให้มารดาต้องคิดมากกับเรื่องที่แก้ไขอะไรไม่ได้ เพราะเงื่อนไข
มหาโหดมันใกล้ครบกำหนดเข้ามาทุกที
“สถานการณ์ดีขึ้นบ้างไหม”เจ้าของหว่องฟู๊ดถามเลขาคู่ใจ หลังเจ้าหน้าที่จากกองสาธารณสุข แผนกควบคุมเชื้อปนเปื้อนในอาหารแช่แข็งขับรถออกจากโรงงานได้สามชั่วโมง จากนั้นเขาต้องนั่งฟังข่าวจากลูกน้องที่บริษัทโทรมาบอกว่ามีการยกเลิกออเดอร์อาหารแช่แข็งของเขาจากหลายบริษัท เพราะข่าวออกว่าอาหารจากโรงงานของเขาไม่ได้มาตรฐานของกองสาธารณสุข
“ไม่ครับ ทยอยโทรมายกเลิก ทางเราบอกว่าอาจโดนฟ้องเพราะผิดสัญญา เขาก็แจ้งกลับมาว่าไม่กลัว เพราะเขาก็จะฟ้องเรื่องคุณภาพอาหารเหมือนกัน”
“เว้ย เจ็บใจฉิบหายเลย”มิสเตอร์หว่องถึงกับทุบโต๊ะทำงานด้วยความฉุนเฉียวหลังความเสียหายที่เกิดขึ้นภายในวันนี้ ทำให้เขาแทบกระอักเลือด
“เอาไงดีครับเฮีย”
“ตอนนี้จะทำอะไรได้ล่ะ ต้องเล่นไปตามน้ำ ไม่งั้นฉิบหายกว่าเดิม”มิสเตอร์หว่องตะคอกเสียงดัง ก่อนหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมากดรับ เขาได้แต่รับปากเพียงอย่างเดียว เมื่อทนายความของบริษัทคู่ค้าโทรมาบอกให้เตรียมรับหมายศาล ทำให้เขายิ่งกลุ้มหนักมากขึ้น
“ต้องเป็นเพราะเมื่อเช้านี้แน่เลย”
“เรื่องอะไรเหรอครับ”เลขาวัยกลางคนถามด้วยความอยากรู้
“ก็คนของไอ้ทริสตัน คิวส์ มันติดต่อมาเรื่องจะขอใช้หนี้แทนหนูวีนัสน่ะสิ แต่ฉันไม่ตกลงด้วย เรื่องมันถึงเป็นแบบนี้ ต้องเป็นมันแน่ๆที่ใช้อิทธิพลบีบให้ฉันเข้าตาจน”
“แล้วเฮียจะทำยังไงต่อ จะยอมล้มละลายเพราะหนูวีนัสเหรอครับ”
คนเป็นนายถอนใจเฮือกใหญ่ มองตัวเลขสีแดงบนกระดาษในหน้าจอคอมพิวเตอร์ที่แสดงถึงสถานะของหว่องฟู๊ดกำลังเข้าตาจน ก็ให้ยิ่งเจ็บใจมากขึ้น แต่ที่เจ็บใจกว่าก็คือเขายังติดต่อกับลูกชายไม่ได้เลย ดังนั้นเงินที่จะเอามาค้ำพยุงบริษัทจึงมีไม่พอ
มิสเตอร์หว่องจึงตัดสินใจหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดหาชื่อของ
มอร์แกน หลังไม่อาจทนรับความเสียหายได้มากกว่านี้อีกแล้ว เพราะนั่นเท่ากับว่าจะอยู่ในสถานะล้มละลาย
“มอร์แกนพูดครับ”
“คุณมอร์แกน ผมหว่องนะครับ”
“อ้อ คุณหว่อง มีธุระอะไรหรือเปล่าครับ”เลขาของทริสตัน คิวส์ถามเสียงเรียบ ทั้งที่พอจะเดาออกว่าเจ้าของหว่องฟู๊ดโทรมาด้วยเรื่องอะไร เขายืนอยู่กับมหาเศรษฐีหนุ่มที่กำลังเตรียมตัวจะขี่ม้าออกกำลังกายในคอกส่วนตัวซึ่งตั้งภายในอาณาเขตที่กว้างขวางของปราสาทคิวส์ จึงเปิดลำโพงเพื่อให้คนเป็นนายได้ฟังด้วย
“ผมโทรมาเรื่องหนี้สินที่เราคุยกันเมื่อเช้านี้ครับคุณมอร์แกน”
“มีปัญหาอะไรหรือครับ”
“ผมเชื่อว่าคุณมอร์แกนคงเห็นข่าววันนี้แล้ว ผมก็เลยอยากจะตกลงเรื่องหนูวีนัสกับคุณมอร์แกนใหม่”
ทริสตัน คิวส์ที่นั่งฟังอยู่บนหลังม้าต้องพยักหน้าอนุญาตให้ลูกน้องมือขวาเจรจาต่อ
“ว่ามาเลยครับ”
“ผมขอโอนหนี้ให้คุณทริสตัน คิวส์แทน ด้วยเงื่อนไขเดิม นั่นคือเงินต้นหนึ่งล้าน ส่วนดอกก็ขอห้าแสนยูโร”
“ตอนนี้สถานการณ์มันเปลี่ยนไปแล้ว เจ้านายผมเขาไม่อยากได้แล้วด้วยซ้ำ ถ้าคุณจะเอาก็แค่หนึ่งล้านยูโรพอ ส่วนดอกคุณกินไปเยอะแล้วนี่”
มิสเตอร์หว่องขบกรามจนเป็นสันด้วยความเคียดแค้น แต่เขาทำอะไรไม่ได้เพราะอยู่ในสถานะเสียเปรียบทุกทาง
“คุณมอร์แกน ผมว่าคุณกับผมก็รู้กันดีว่า งานนี้ไม่ได้อยู่ที่เงิน แต่อยู่ที่ตัววีนัส เอาเป็นว่าผมยอมปล่อยวีนัสให้ แต่ขอเป็นเงินหนึ่งล้านห้าแสนยูโรเหมือนเดิม เพราะผมยังต้องเจรจากับลูกเรื่องวีนัสอีก”
“ผมหวังว่าลูกคุณคงไม่มามีปัญหาทีหลังนะ”
“ไม่หรอก ยังไงเงินก็ต้องมาก่อนผู้หญิงอยู่แล้ว”มิสเตอร์หว่องบอกเสียงเรียบ ทั้งที่ยังไม่รู้ว่าลูกชายหัวแก้วหัวแหวนจะโมโหโกรธาสักแค่ไหน ที่ทุกอย่างไม่เป็นไปตามแผนที่วางไว้ แต่ตอนนี้เขาจำต้องยุติศึกตรงนี้ก่อน แล้วถอยไปตั้งหลักเพื่อจะกลับมาใหม่อีกครั้ง
“แต่ถ้าผมไม่ได้ราคานี้ ผมก็อาจจะยอมล้มละลายแล้วเก็บวีนัสไว้ให้ลูกผมเหมือนเดิม”
มอร์แกนเงยหน้าขึ้นมองคนเป็นนายบนหลังม้า ก่อนที่ใบหน้าคมเข้มจะพยักอนุญาตให้ตามคำขอของคู่ค้าคนสำคัญ
“ก็ได้ ไหนๆคุณก็เสียไปเยอะแล้ว เอาเป็นว่าพรุ่งนี้สิบโมงเช้าเข้ามาเซ็นสัญญากันที่ตึกคิวส์ได้เลย ส่วนทางหนูวีนัส เราจะจัดการเอง”มอร์แกนบอกเพียงแค่นั้น ก่อนจะตัดสายตามคำสั่งของเจ้านายที่พยักหน้าส่งสัญญาณมาให้
“ทีนี้มิสเตอร์หว่องคงรู้แล้วสินะว่า อย่าบังอาจขัดใจทริสตัน คิวส์เป็นอันขาด”ทริสตันเอ่ยเสียงหยัน นัยน์ตาสีน้ำเงินอมเทาเต็มไปด้วยรอยยิ้มเยาะ
“แล้วคุณวีนัสล่ะครับ ต้องเรียกเข้ามารับทราบสัญญาไหม”
“ไม่ต้อง พรุ่งนี้ฉันจะไปหาเขาที่ไร่เอง แค่นี้แหละ ขอตัวพา
เจ้าเดอะร็อควิ่งเล่นก่อน”เจ้าของปราสาทคิวส์ขยับบังเหียนพลางกระแทกต้นขากับลำตัวของม้า เพื่อส่งสัญญาณให้สัตว์เลี้ยงตัวโปรดของเขา ได้ออกวิ่งตะกุยเท้าไปข้างหน้าอย่างเร็ว พลางนึกถึงแม่ม้าป่า
แสนพยศชื่อวีนัส อยากรู้นักว่าจะแผลงฤทธิ์อย่างไรบ้าง หากรู้ว่าเขากลายมาเป็นเจ้าหนี้คนใหม่
“หมายความว่ายังไงคะมิสเตอร์หว่อง”วนัสสุดาถามไปทางโทรศัพท์ไร้สาย เมื่อเธอขับรถกลับมาถึงบ้าน แล้วมิสเตอร์หว่องก็โทรมาเล่าถึงเรื่องที่เกิดขึ้น โดยมีมหาเศรษฐีทริสตัน คิวส์อยู่เบื้องหลังทั้งหมด
“เรื่องที่เกิดขึ้นกับฉันวันนี้ เป็นฝีมือของนายทริสตัน คิวส์ มันต้องการตัวหนูไปเป็นเมียบำเรอของมัน”
ว่าที่เมียบำเรอถึงกับหน้านิ่วคิ้วขมวดไม่พอใจกับคำบอกเล่าของอดีตเจ้าหนี้
“แต่หนูอาจดีใจก็ได้มั้ง จะได้เป็นเมียเก็บเศรษฐี เพราะมันทั้งหล่อ ทั้งรวย อำนาจในมือก็มีล้นฟ้า จะชี้เป็นชี้ตายให้ใครก็ตามที่ขัดใจหรือขัดผลประโยชน์มัน”มิสเตอร์หว่องบอกเสียงเรียบ มาถึงตอนนี้เขาเชื่อมั่นว่าเหตุการณ์เลวร้ายในวันนี้ เกิดจากฝีมือของทริสตัน คิวส์ ทั้งหมด
“หนูไม่เข้าใจ คุณพูดถึงเรื่องอะไร”
“อะไรกัน ฉันไม่อยากเชื่อว่าหนูจะไม่รู้เรื่องนี้ หรืออีกที หนูอาจจะวางแผนให้ไอ้ทริสตันมันเป็นเจ้าหนี้แทนลูกชายฉันก็ได้ใช่ไหม มันถึงได้เสนอราคาค่าตัวของหนูให้ฉันสูงลิ่ว แลกกับการเปลี่ยนมือเจ้าหนี้จากฉันไปอยู่ที่ไอ้มหาเศรษฐีหน้าหยกนั่นแทน”
วนัสสุดาใจหายวาบ พอจะเดาเรื่องออกว่าเกิดอะไรขึ้น
“แล้วฉันก็เข้าใจถ่องแท้เดี๋ยวนี้เองว่า ไอ้ที่โรงงานโดนตรวจ ถูกปิด โดนฟ้อง โดนปรับ หุ้นตกก็เพราะมันคนเดียว แค่ฉันบอกว่าต้องการหนูมากกว่าเงินก้อนโตที่จะได้จากมัน ไอ้ทริสตันมันเลยทำฉันแทบหมดตัว แล้วจะบอกอะไรให้อีกอย่างนะ มันเตรียมฮุบที่ดินของหนู เพราะตรงนั้นมันมีน้ำมันมหาศาล ทีนี้รู้ทันเล่ห์เหลี่ยมไอ้ทริสตันหรือยังล่ะ มันฉลาดเป็นกรด เค็มยิ่งกว่าเกลือ ร้ายยิ่งกว่าเสือ แล้วมันยังเขี่ยผู้หญิงทิ้งเป็นว่าเล่น”มิสเตอร์หว่องถือโอกาสโจมตีมหาเศรษฐีหนุ่ม ในเมื่อทำให้เขาต้องสิ้นเนื้อประดาตัว มันก็ต้องชดใช้ด้วยวิธีนี้ และแน่นอนความผิดครั้งนี้ของทริสตัน เขาจะเอาคืนให้หนักกว่าเดิม เพียงแต่ต้องรอเวลาอีกสักนิด
“แล้วจะบอกให้ว่าถ้าหนูไม่อยากตกเป็นเมียเก็บของมันละก็ หาทางหนีมันให้พ้นก็แล้วกัน”
มิสเตอร์หว่องทิ้งระเบิดลูกสุดท้ายก่อนกดวางสาย เชื่อมั่นว่าวนัสสุดาจะต้องหาทางแข็งข้อกับทริสตัน คิวส์อย่างแน่นอน
“เกิดอะไรขึ้นเหรอวีนัส”เบ็ตตี้เอ่ยถามอยู่ตรงโต๊ะกินข้าว เธอกับญาติสาวคนสวยกำลังเตรียมจะทำอาหารมื้อเย็น
“มิสเตอร์หว่องโทรมาบอกว่าเรื่องร้ายๆที่เกิดกับเขาในวันนี้ เป็นฝีมือของทริสตัน คิวส์ เพราะเขาอยากจะเป็นเจ้าหนี้ฉันแทน”
“เพื่ออะไรเหรอวีนัส”คนถามตักอาหารเข้าปากเคี้ยวกร้วมๆด้วยท่าทางเอร็ดอร่อย
“ก็เพื่อจะเอาฉันไปเป็นเมียเก็บน่ะสิ”
“แค๊ก แค๊ก”เบ็ตตี้ถึงกับสำลักอาหารในทันที จนวนัสสุดาต้องส่งน้ำเปล่าให้กลั้วคอ
“จริงเหรอ แล้วเธอตกลงไหม”
“บ้าเหรอเบ็ตตี้ ฉันไม่ชอบเป็นเมียน้อยเมียเก็บใครนะ ถ้าฉันอยากสบาย ฉันคงยอมคูเปอร์ตั้งแต่ต้นแล้วสิ”วนัสสุดาบอกเพื่อนเสียงห้วน เพราะหงุดหงิดกับข่าวที่ได้ฟัง ไม่อยากเชื่อว่าจะเป็นไปได้ เขาจะเห็นแก่ตัวถึงเพียงนี้เทียวหรือ
“แล้วเธอจะทำยังไงต่อ”
“ฉันจะโทรไปคุยกับเขา”
“แต่ฉันว่าเธอไม่ควรผลีผลามนะ เผื่อมันไม่เป็นเรื่องจริง เธอจะหน้าแตก”
“ไม่เป็นไร หน้าแตกดีกว่ามันเป็นเรื่องจริงนะเบ็ตตี้”วนัสสุดาตัดสินใจหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา เธอจำได้ว่าในรายชื่อมีชื่อของทริสตัน คิวส์ถูกเซฟอยู่ในเครื่องเรียบร้อยตั้งแต่ตอนเปิดเครื่อง นั่นแสดงว่าเขาต้องการให้เธอเอาไว้ใช้ติดต่อพูดคุย หญิงสาวรออยู่ไม่นานก็มีเสียงทุ้มกังวานทักทายมาให้ได้ยิน
“วีนัส ผมดีใจนะที่คุณเห็นเบอร์ส่วนตัวของผม”คนพูดอยู่บนหลังอาชาตัวโปรดที่เขาเพิ่งจะขี่พาวิ่งออกกำลังเสร็จ
น้ำเสียงกับคำพูดแสนสุภาพทำเอาวนัสสุดาขมวดคิ้วมุ่นด้วยความแปลกใจ ไม่อยากเชื่อว่ามหาเศรษฐีหนุ่มโสดเนื้อหอมจะใช้คำพูดแบบนี้กับเธอ
“ฉันมีเรื่องจะพูดกับคุณ”
“พอดีเลย ผมก็มีเรื่องต้องคุยกับคุณเหมือนกัน เอาเป็นว่าผมส่งฮอไปรับก็แล้วกัน เดี๋ยวเจอกัน”ทริสตัน คิวส์พูดตัดบท แล้วปิดเครื่องมือถือเพราะไม่ต้องการให้หญิงสาวโทรมาโต้แย้ง จากนั้นจึงหันไปสั่งเอริกเสียงเรียบ
“เอริก นายไปรับวีนัสมา ห้ามกลับมามือเปล่านะ”
เอริกรับคำโดยไม่โต้แย้ง เพราะเขามีหน้าที่ต้องทำตามคำสั่งเพียงอย่างเดียว
KKK