นิยายเรื่องนี้เขียนขึ้นมาจากเหตุการณ์จริงของผู้เขียน ความโชคร้ายของผมก็คือการที่ได้เป็นแฟนคุณ...ถ้าย้อนเวลากลับไปได้ ผมจะไม่แยแสคุณอีกเลย...
รัก,ชาย-หญิง,ดาร์ค,ไทย,สะท้อนปัญหาสังคม,,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
คืนทมิฬนิยายเรื่องนี้เขียนขึ้นมาจากเหตุการณ์จริงของผู้เขียน ความโชคร้ายของผมก็คือการที่ได้เป็นแฟนคุณ...ถ้าย้อนเวลากลับไปได้ ผมจะไม่แยแสคุณอีกเลย...
หลังจาก 'นิว' อกหักกับแฟนเก่าโสเภณีจึงได้พบกับรักใหม่นาม 'ฮีซุย' หญิงสาวที่รอคอยมาแสนเนิ่นนานจากคำแนะนำของ 'วิน' เพื่อมาเยียวยาจิตใจ
โดยไม่รู้ถึงเบื้องลึกเบื้องหลังของแผนการร้ายในครั้งนี้
ขอเกริ่นไว้ก่อนว่าเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นต่อไปนี้นั้นเป็นความจริง
ผมเลิกกับแฟนสาวไปได้สองปี เธอคนนั้นมีชื่อว่า ‘บี’ เป็นผู้หญิงที่ทักมาจีบผมในอินเตอร์เน็ต ตอนนั้นผมอายุเพียงสิบหกปี ยังไม่รู้ประสีประสาอะไรเกี่ยวกับความรัก แต่ก็ดันทำตัวเป็นน้ำล้นแก้วที่เชื่อว่าตัวเองรู้ตัวดีอยู่แล้ว ผมคุยกับเธอเพียงไม่ถึงครึ่งชั่วโมงสลับกับไปดูภาพที่เธอโพสต์ในโซเชียลก็เห็นว่าเธอเป็นคนที่สวยและเป็นคนที่ฉลาดพูด แถมยังน่ารักมาก ๆ อีกด้วย จึงทำให้ผมตกหลุมรักเธอในเวลาอันสั้นผ่านตัวหนังสือเพียงไม่กี่บรรทัด สุดท้ายเราสองคนก็ตกลงเป็นแฟนกันโดยที่ไม่เคยเห็นตัวจริงกันมาก่อน แต่นั่นไม่ใช่ประเด็น เพราะอยู่ดี ๆ เธอก็หายไปแล้วไม่ตอบผมอีกเลย ความรู้สึกที่เหมือนถูกทิ้งไว้กลางสายฝนนี้มันโคตรทุกข์ทรมาน
ผมมูฟออนไม่ได้เสียที จวบจนระยะเวลาผ่านไปสามปี จวบจนมาถึงวันนี้ผมก็ยังคงเก็บเธอไว้ในส่วนที่ลึกที่สุดของหัวใจ
เมื่อถึงวันที่เรื่องราวของผมนั้นได้พลิกผันไปมา คืนนั้นเป็นคืนที่เด็กมหาวิทยาลัยปีหนึ่งอย่างผมจะต้องมีเที่ยวกลางคืน เช่น ไปผับ ไปบาร์ กินเหล้าเคล้านารีอะไรก็ว่าไป แต่สิ่งหนึ่งที่ขาดไม่ได้เลยก็คือการไปเที่ยวโสเภณีบริการ ผมไม่กลัวว่าพรุ่งนี้จะไปเรียนไม่ทันหรอกครับ เพราะว่าปิดภาคเรียน
ตอนนั้นผมยังขับรถไม่เป็น อีกทั้งยังไม่มีรถ เนื่องจากที่บ้านยังไม่ไว้วางใจให้ลูกชายคนเล็กอย่างผมได้ขับ จึงนั่งรถไปกับเพื่อนชายที่สนิท ตอนนั้นเวลาเที่ยงคืน อาบอบนวดปิดตู้เรียบร้อย แต่เพื่อนผมนั้นเซียนเรื่องนี้เป็นอย่างมาก จึงพาผมไปที่แถวเอ็มอาร์ทีเพชรบุรีซึ่งจะมีซอยที่ติดกับรางรถไฟ สถานที่นั้นผมเรียกว่า ถนนรถไฟ ด้วยความที่ตรงนั้นเป็นบริเวณด้านหลังของอาบอบนวดแห่งหนึ่ง สาวขายบริการจำนวนมากที่ยังไม่กลับบ้านหรือพวกที่มาจากถิ่นอื่นจะมายืนขายบริการแถว ๆ นี้ โดยจะมีเอเย่นต์ผู้ซึ่งเป็นหนึ่งในตำรวจนอกเครื่องแบบคอยโบกไฟฉายให้ พวกเขานั้นคอยรับส่วนจากพวกเด็กที่มาขายตัวอยู่ซึ่งผมก็ไม่อาจทรายได้ว่าพวกเขารับมาคนละกี่
เปอร์เซ้นต์ แต่ก็น่าจะพอที่จะเลี้ยงปากเลี้ยงท้องให้ยุครัฐบาลวินาศแบบนี้นี่แหละ
ณ เวลาเที่ยงคืน ผมกับเพื่อนก็ไปปรากฏตัวที่นั่น
“สนใจแบบไหนครับ แบบนมจริง นมทำก็มีหมดนะครับ” เอเย่นต์ชายคนหนึ่งพูดกับผมที่นั่งอยู่ฝั่งคนขับ “ชอบเด็กหรือผู้ใหญ่ดีล่ะครับ แต่รับรองได้เลยว่าแบบผู้ใหญ่เอามันกว่านะ สนใจแบบไหนก็บอกพี่ได้หมดเลย ไม่ต้องเกรงใจ”
“เดี๋ยวค่อย ๆ ดูดีกว่าก็แล้วกันนะครับ” เพื่อนตอบแทนผมแล้วค่อย ๆ เคลื่อนรถดูไปเรื่อย ๆ
เท่าที่สังเกตจะเห็นว่ามีสาวขายบริการที่แต่งตัววาบหวิวเดินเข้ามาใกล้รถและพยายามโฆษณาตัวเองเพื่อที่จะได้ขึ้นงานกับลูกค้าแล้วได้เงินกลับบ้านไปนอนกอด ด้วยความที่ประสบการณ์ยังอยู่ในขั้นเด็กน้อยอยู่จึงรู้สึกตื่นเต้นกับเรื่องพวกนี้เป็นอย่างมาก แต่ก็ดีที่มีเพื่อนผมคอยห้ามปรามไว้แล้วยังบอกผมเป็นประจำว่า “พันห้าอะ ราคาถูกก็จริง แต่ก็เลือกให้ดี ๆ หน่อย จะได้คุ้ม”
ผมพยักหน้าด้วยความเข้าใจ แต่ดวงตาและจิตใจยังคงจับจ้องไปที่ผู้หญิงหลาย ๆ คนที่ต่างเดินเข้ามายิ้มให้เพื่อหวังให้ผมขึ้นงานกับพวกหล่อน แต่ก็มีอยู่เพียงคนเดียวที่ผมสะดุดตา หล่อนนั่งเล่นมือถืออยู่ที่เก้าอี้ แสงสว่างจากหน้าจอมือถือสาดไปที่ใบหน้าของเธอ จึงทำให้ผมสามารถเห็นเธอได้ชัดเจน
คนนั้นแหละ
“เฮ้ย! หยุดก่อน!” ผมเรียกเพื่อนแล้วเขาก็เหยียบเบรกรถอย่างแผ่วเบา จากนั้นผมก็เลื่อนกระจกลง
สาว ๆ มากหน้าหลายตาต่างพากันเข้ามารุมล้อม
“ผมอยากได้คนที่อยู่ตรงนั้นน่ะครับ” เมื่อผมพูดออกไปพร้อมกับชี้นิ้วไปยังผู้หญิงที่นั่งเล่นมือถือคนนั้น พวกที่เหลือก็เปลี่ยนสีหน้าทันที
สาวขายบริการคนหนึ่งหันไปเรียกคนที่ผมเล็งไว้
“อีบี! มีลูกค้าสนใจมึงแล้ว! เลิกเล่นได้แล้วมือถืออะ ไปรับแขก!” หล่อนพูดเสียงเขียวอย่างหงุดหงิด
คนนั้นชื่อบีเหรอ…?
ชื่อเหมือนแฟนเก่าที่หายกันไปเลย….
เมื่อเธอเดินเข้ามาและส่งยิ้มให้ มันทำให้ผมยิ่งนึกถึงบียิ่งขึ้นไปอีก หัวใจของผมเต้นรัวเร็ว รู้สึกว่าความรู้สึกที่เก็บซ่อนไว้มันทะลุออกมาจากที่ซ่อน แต่สุดท้ายก็ต้องดึงตัวเองกลับมาให้ได้ ว่านั่นก็แค่คนชื่อเหมือนกันเฉย ๆ มันเป็นไปไม่ได้หรอกที่หล่อนจะมาขายบริการที่นี่ แต่ก็ไม่รู้ว่าฐานะของเธอแย่จนถึงขนาดที่ต้องมาทำงานแบบนี้ด้วยหรือเปล่า…
“ผมเอาคนนี้ครับ” ผมพูดออกไป
“โอเคค่ะ พันห้าต่อหนึ่งน้ำนะ” เสียงของเธอหวานใช่เล่นแฮะ
สุดท้ายผมเลือกที่จะขึ้นงานกับบี ส่วนสถานที่นั้นจะเป็นโรงแรมที่อยู่ไม่ไกลจากที่นี่ เพื่อนผมเป็นคนขับรถพาไปส่ง
โรงแรมที่ว่านั้นเป็นเพียงโรงแรมเก่า ๆ ที่สร้างมานานเพื่อให้สาวขายบริการได้ทำงาน โดยจะมีนิติคุมอยู่ นางจะเป็นหญิงวัยทองที่เอาแต่นั่งดูละครแม้ว่าจะไม่มีออกอากาศแล้วก็ตาม
“ห้องนึงค่ะป้า” บีทำเสียงหวานใส่ “แล้วก็เอาถุงยางด้วยนะ”
ป้าแกไม่พูดอะไรแล้วรับเงินที่บียื่นให้ไปก่อนที่จะโยนกุญแจห้องและถุงยางให้หนึ่งกล่อง ส่วนผมที่ยื่นอยู่ข้างหลังก็รู้สึกประหม่าเล็กน้อย เพราะว่าใบหน้าของบีนั้น ยิ่งมองใกล้ ๆ ก็ยิ่งเหมือนบีคนนั้นจริง ๆ
“ไปกันได้แล้ว” เธอยิ้มให้ผมแล้วพาผมเข้าห้องไปทันที ส่วนเพื่อนก็ยืนสูบบุหรี่รออยู่แถวนั้น
เราเริ่มต้นด้วยการแก้ผ้าและอาบน้ำด้วยกัน หน้าอกของเธอนั้นใหญ่จนทั้งฝ่ามือก็ยังจับไม่หมด เท่าที่รู้ก็คือมันไม่ใช่นมปลอมแต่อย่างใด สัมผัสของหน้าอกนั้นนิ่มเกินกว่าจะเป็นซิลิโคน หุ่นของเธอนั้นอวบแบบมีน้ำมีนวล บอกได้เลยว่าเซ็กซี่ที่สุดเท่าที่เคยเจอมา อารมณ์ของผมนั้นไปไกลเกินกว่าที่จะย้อนกลับมาได้ แทนที่จะยับยั้งเอาไว้แต่กลับปล่อยให้มันไปเรื่อย ๆ โดยไม่มีวันสิ้นสุด
จากนั้นผมก็มีอะไรกับเธอ เสียงครางของบีนั้นราวกับเสียงร้องของนางฟ้าที่ชวนให้เกิดอารมณ์มากขึ้นกว่าเดิม เราทำกันทุกท่าที่จะคิดออกและคิดอีกว่าเราสามารถเชื่อมความรู้สึกถึงกันได้จริง ๆ จนกระทั่งผมเสร็จ
จากนั้นเราก็นอนคุยกันอยู่ครู่หนึ่งและผมคิดว่าผมเริ่มตกหลุมรักผู้หญิงคนนี้เข้าให้แล้ว ส่วนในใจที่มีแต่บีก็มีบีอื่นเข้ามาแทนที่
“สนใจไปห้องผมมั้ย?” ผมถามในขณะที่ดวงตากำลังจับจ้องอยู่ที่เธอ
“ได้สิ” เธอตอบ “แต่ต้องมีค่าเสียเวลาด้วยนะ ห้าพัน”
“โอเค” ผมตกลง
เพื่อนผมตกใจที่ผมจะพาบีกลับไปที่ห้องด้วย แต่สุดท้ายแล้วก็ต้องยอม เขาพาเรามาส่งที่คอนโดแล้วก็กลับบ้าน ตอนนั้นเวลาประมาณตีสาม ผมก็เริ่มชักจะง่วงนอนแล้ว แต่ก็ไม่อยากจะนอนเพราะผมรู้สึกอยากที่จะมีเซ็กซ์กับบีจนถึงเช้าเลย เมื่อขึ้นไปถึงห้องเราก็เริ่มจัดกันตรงหน้าประตู โดยยังเหลือถุงยางอีกสองชิ้น จากนั้นผมก็ยกร่างของเธอไปซอยยิกที่โซฟาก่อนที่จะมาเสร็จอีกทีบนเตียง เรานอนข้างกันอย่างหอบ ๆ
“เมื่อกี้เป็นยังไงบ้าง?” ผมถาม
“มันดีมากเลยล่ะ” เธอตอบ “ฉันชอบนะ”
“อืม”
“สีหน้าแบบนี้ เหมือนเพิ่งเลิกกับแฟนเลยนะ” เธอบอก
ผมพยักหน้า
“จริงดิ? คนนั้นชื่อว่าอะไรล่ะ?” เธอถามพร้อมหันมาทั้งตัวและเท้าคางเพื่อที่จะตั้งใจฟังในสิ่งที่ผมกำลังจะเล่าด้วยความอยากรู้อยากเห็น
ผมเล่าทุกอย่างเกี่ยวกับบีโดยที่สายตานั้นก็จับจ้องไปที่เพดาน เนื้อความที่ได้เล่าไปนั้นส่วนมากจะเป็นประวัติเหตุการณ์ต่าง ๆ ที่เรียงกันเป็นไทม์ไลน์ นั่นก็รวมด้วยว่าผมคิดยังไงกับเธอก่อนที่จะลงท้ายว่า ‘ทุกวันนี้ ผมก็ยังรักเธอคนนั้นอยู่’
ส่วนบีก็ไม่ได้พูดอะไร เพียงแค่นอนตะแคงข้างฟังอย่างตั้งใจ จากนั้นผมก็ได้ขอไลน์และเฟซบุ๊กของเธอ ซึ่งตอนแรกเธอก็ไม่อยากจะให้ด้วยเหตุผลที่ว่าถ้าผมเห็นอะไรในนั้นอาจจะเสียความรู้สึกเปล่า ๆ สุดท้ายแล้วผมก็คะยั้นคะยอจนเธอยอม
เมื่อเห็นเฟซบุ๊กของเธอแล้ว ผมแทบช็อก…
เพราะเธอคือบี คนคนเดียวกับแฟนเก่าที่หายตัวไปโดยไม่บอกกล่าวคนนั้น!
“บี…” ผมตาค้าง “บีจริง ๆ เหรอ?”
“อืม…” เธอพยักหน้า “เค้าเองแหละ”
“นี่มันหมายความว่ายังไงกันเนี่ย?” ผมเริ่มบ่อน้ำตาแตก “ทำไมสามปีก่อนบี…หายไปแล้วไม่ได้บอกเหี้ยอะไรเลยวะ!?”
บีก็เริ่มบ่อน้ำตาแตกเช่นกัน
“ตอนนั้นมันจำเป็นจริง ๆ เค้าขอโทษนะ” เธอโผเข้ามากอดผมแล้วร้องไห้
ผมถอนหายใจแล้วค่อย ๆ ปลอบโยนเธอ แม้ว่าผมจะโกรธเธอมากแค่ไหน แต่ก็อดที่จะเห็นใจไม่ได้ที่จะต้องเห็นคนรักที่เกือบลืมเลือนแล้วมาร้องไห้เสียใจแบบนี้
เธอเล่าเรื่องราวที่เธอเคยจริงมาว่าบ้านของเธอนั้นยากจน แถมตอนนั้นเธอก็กำลังเรียนมหาวิทยาลัยปีหนึ่งแล้วไม่มีเงินจ่ายค่าเทอม สุดท้ายเธอก็ต้องมาขายตัวเพื่อเอาเงินไปจ่ายค่าเรียน ผมรู้แบบนี้ผมจึงไม่โกรธอะไรเธออีกแล้ว เพราะเธอก็ไม่อยากให้รู้ว่าเธอทำงานแบบนี้ เธอกลัวผมจะเกลียด
จากนั้นผมก็ขอมีอะไรกับเธอในฐานะแฟนเก่า ซึ่งเธอก็ให้
เรามีอะไรกันอย่างเมามันจนถึงเช้า ถุงยางชิ้นสุดท้ายก็ได้หมดไปและเวลาของเราสองคนก็หมดลงแล้วเช่นกัน บีนอนอยู่ในอ้อมกอดของผมราวกับว่าเราเพิ่งกลับมาเป็นแฟนกันใหม่ พอเธอมองเวลาในมือถือก็บอกว่าเธอจะต้องไปแล้ว
“อยู่ต่อด้วยกันอีกคืนไม่ได้เหรอ?” ผมถามด้วยความอ้อนวอน
เธอนิ่งไปพักหนึ่ง ก่อนที่จะหันหน้ามาพูดกับผมว่าด้วยสายตาที่เย็นชาแต่ก็มีรอยยิ้มจาง ๆ ให้เห็น
“บีเหรอ…? เดี๋ยวพี่เรียกให้ละกัน” จากนั้นเขาก็หยิบวอล์กกี้ทอล์กกี้ออกมา “น้องบี ๆ รับแขกหน่อย” เพียงไม่กี่อึดใจ หล่อนก็ปรากฏตัวโดยการวิ่งฝ่าสายฝนด้วยรองเท้าส้นสูงมารายงานตัวต่อคนเชียร์ เมื่อหล่อนเห็นหน้าผมที่นั่งอยู่ในเบาะหลังของแท็กซี่ก็ยิ้มออกมาด้วยความดีใจ บีกระตุกแขนเสื้อของเขา พอเขาถามหาเงินเป็นสัญญาณอะไรบางอย่างก่อนที่จะขึ้นรถกลับคอนโดด้วยกัน
ระหว่างที่นั่งอยู่ในรถ บีขยับตัวเข้ามาซบที่ไหล่แล้วจับแขนของผมโอบไหล่ตัวเอง
“กอดเค้าหน่อย…เค้าหนาว” หล่อนพูดด้วยเสียงที่สั่นคลอ
เมื่อได้ยินเช่นนั้นก็ทำให้จิตใจของผมนั้นยิ่งบอบบางลงไปอีก ผมโอบไหล่เธอกระชับขึ้นเพื่อให้ความอบอุ่นกับเธอ คนขับแท็กซี่มองผ่านกระจกหลังด้วยรอยยิ้มอันอบอุ่น ผมไม่รู้ว่าระหว่างทางนั้นเวลามันผ่านไปนานเท่าไหร่ แต่สิ่งหนึ่งที่ผมรู้นั่นก็คือมันรวดเร็วเสียจนเสียดายว่าระหว่างที่เวลามันกำลังเดินไปอย่างช้า ๆ ผมควรที่จะทำอะไรให้เธอประทับใจบ้าง
แต่สุดท้ายในหัวของผมนั้นว่างเปล่าไปหมด…
พอไปถึงคอนโดและจ่ายเงินค่าโดยสารเป็นที่เรียบร้อย ผมก็พาหล่อนขึ้นไปยังห้องของตัวเองทันที ผมเอาผ้าขนหนูไปเช็ดผมให้หล่อนอย่างเบามือและให้หล่อนอาบน้ำ ก่อนที่จะเปลี่ยนเสื้อผ้าโดยใส่ชุดของผมเอง ส่วนเสื้อผ้าของหล่อนก็ตากเอาไว้ที่ราวในห้องพร้อมกับเปิดพัดลมเพื่อให้มันแห้งได้ไวขึ้น เรานั่งดูหนังด้วยกันโดยที่หล่อนทิ้งตัวนอนลงบนตักผม
“ขอบคุณนะ” เธอพูดขึ้น
“ขอบคุณเรื่องอะไรเหรอ?” ผมถาม
“ที่มารับเราไง” เธอพูด
“ไม่เป็นไรหรอก…เราก็เคยเป็นแฟนกันนี่นา”
“ยังมูฟออนไม่ได้เหรอ?”
“มูฟออนได้ตั้งนานแล้วล่ะ”
“ไม่จริงหรอก” เธอแย้ง “อย่ามาโกหกดีกว่า ฉันรู้ว่ายังคงมูฟออนจากฉันไม่ได้”
ผมนิ่งไปสักพัก
เธอพูดถูก…ผมยังคงย่ำอยู่ที่เดิม…
“คิดถึงเราไหม?” เธอถาม
“คิดถึง” ผมตอบแทบจะในทันที
“แม้จะรู้ว่าสิ่งที่ฉันทำกับนิวไปวันก่อนนั้นมันไม่ได้มาจากความรู้สึกจริง ๆ น่ะเหรอ?”
“อย่างน้อยก็มีบีอยู่ข้าง ๆ ก็พอแล้วล่ะ”
บีไม่ได้พูดอะไรต่อ จากนั้นก่อนที่จะนอนดูหนังกันต่อ เวลาผ่านไปจนกระทั่งตีห้า บีก็เข้ามาจูบผม อารมณ์ของเราสองคนนั้นพลุ่งพล่านเกินกว่าจะรับไหว ราวกับว่าเราอดทนอดกลั้นกับเรื่องนี้มานานเกินพอแล้ว
“เราอยากให้เธอเสร็จในกับฉันนะ” เขากระซิบข้างหู ส่วนผมก็พยักหน้าอย่างเข้าใจ ตอนนี้ในหัวของผมนั้นโล่งไปหมด มีแค่เพียงความคิดที่ว่าผมอยากมีอะไรกับเธอที่นี่ ตอนนี้!
เรามีอะไรกันไปสองรอบและผมเสร็จในร่างกายของเธอทั้งสองรอบเลย และแล้วเวลาก็ล่วงเลยมาจนถึงเจ็ดโมงเช้า บีขอให้ผมโอนเงินเข้าไปในบัญชีของเธอห้าพันบาทเพื่อไปจ่ายให้กับคนเชียร์ แม้ผมจะรู้ว่าเรื่องที่เกิดขึ้นนั้นเป็นเพียงธุรกิจ นั่นผมยังพอรับได้ จึงโอนเงินจำนวนที่เธอขอมา
“อยู่ด้วยกันอีกคืนได้มั้ย?” ผมถามด้วยความโหยหา
“ก็จ่ายเงินเพิ่มสิ” น้ำเสียงของเธอเปลี่ยนไปเมื่อเสียงแจ้งเตือนจากแอปธนาคารดังขึ้น “ก็อย่างที่บอกแหละว่า นี่มันคือธุรกิจ ไม่ใช่ความรัก”
แม้ว่าผมจะยังคงจิตตกกับเรื่องที่บีหลอกผมแบบนั้น ผมใช้ระยะเวลานานจนสามารถก้าวข้ามผ่านมันมาได้ คือการเขียนมันลงในนี้ เอาข้อมูลที่ประสบพบเจอหรือเหตุการณ์ที่เลวร้ายใส่ลงไปบนหน้ากระดาษนั้นยิ่งช่วยให้ความรู้สึกที่มีต่อมันนั้นได้บรรเทาลงอย่างเห็นได้ชัด แต่หลัก ๆ แล้วนั้นก็ขึ้นอยู่กับเวลาที่จะพาเราผ่านพ้นความรู้สึกที่ทุกข์เหล่านั้นมาได้ ถึงแม้ว่าแผลในใจนั้นจะฉกรรจ์มากน้อยแค่ไหน ในเมื่อเราสามารถออกมาจากตรงนั้นได้
ความรู้สึกที่มีต่อคนคนนั้นจะดีขึ้น แต่ก็ยังมีแผลเป็นที่เป็นดั่งตราประทับอยู่บนหัวใจเพื่อเป็นการย้ำเตือนตัวเองว่า เราจะไม่กลับไปอยู่ ณ จุดจุดนั้นอีกแล้ว
ถึงแม้ว่าเราจะเดินออกไปจากจุดนั้นได้นานแรมปี เมื่อหันกลับไปมองก็จะเห็นแต่เพียงรอยเท้าของเราเท่านั้น
แต่ผมอยากจะขอเดินอีกก้าว อีกก้าว อีกก้าว เพื่อให้ตัวเองได้ยิ่งออกมาไกลจากความเจ็บปวดเพื่อที่จะได้ไปเจอคนใหม่ที่ดีกว่าเดิม
___________________________________________________
To Be Continue Ep.2