นิยายเรื่องนี้เขียนขึ้นมาจากเหตุการณ์จริงของผู้เขียน ความโชคร้ายของผมก็คือการที่ได้เป็นแฟนคุณ...ถ้าย้อนเวลากลับไปได้ ผมจะไม่แยแสคุณอีกเลย...
รัก,ชาย-หญิง,ดาร์ค,ไทย,สะท้อนปัญหาสังคม,,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
คืนทมิฬนิยายเรื่องนี้เขียนขึ้นมาจากเหตุการณ์จริงของผู้เขียน ความโชคร้ายของผมก็คือการที่ได้เป็นแฟนคุณ...ถ้าย้อนเวลากลับไปได้ ผมจะไม่แยแสคุณอีกเลย...
หลังจาก 'นิว' อกหักกับแฟนเก่าโสเภณีจึงได้พบกับรักใหม่นาม 'ฮีซุย' หญิงสาวที่รอคอยมาแสนเนิ่นนานจากคำแนะนำของ 'วิน' เพื่อมาเยียวยาจิตใจ
โดยไม่รู้ถึงเบื้องลึกเบื้องหลังของแผนการร้ายในครั้งนี้
ร่างกายผมนิ่งราวกับถูกสาป สมองกำลังประมวลอย่างลังเลอยู่ว่าภาพข้างหน้าที่เห็นอยู่นั่นมันเป็นความจริงหรือฝันร้าย หัวใจของผมนั้นอยู่ ๆ ก็ถูกบีบคั้นมากขึ้นจนรู้สึกปวดหนักอกไปหมด ใบหน้าของผมแดงก่ำ ดวงตาที่แดงฉานจับจ้องไปที่ผู้ชายทรงฝรั่งร่างสูงไว้หนวดเคราสีดำ มันตกใจเมื่อผมเปิดประตูเข้ามา
"โอหม่ายก๊อด! ใครกันน่ะ!?" ชอบหนุ่มร่างสูงลุกขึ้นยืน...ให้ตายสิ...เขาแต่งตัวดูดีไปไหนเนี่ย ทั้งเสื้อเชิ้ตแบรนด์เนมสุดหรู นาฬิกาโรเล็กซ์รุ่นลิมิเต็ด อิดิชั่นสีเงิน กางเกงสแลกพอดีสะโพกสีน้ำเงินลายทาง
"มึงนั่นแหละ...เป็นใคร?" ผมถามด้วยน้ำเสียงที่ราบเรียบก่อนจะชายตามองไปยังหญิงสาวที่นั่งเอามือกุมขมับอย่างเซ็ง ๆ แล้วกลับมามองชายหนุ่ม 'ผู้ไม่รู้อีโหน่อีเหน่' อะไรเลย
.
.
.
.
.
.
ผู้ชายคนนี้ไม่ได้ผิด...
"บี...ผมให้เวลาเก็บของแล้วออกไปจากห้องผมซะ...." ผมพูดออกไปด้วยอารมณ์ที่ยังคงถูกสะกดเอาไว้อยู่ด้วยน้ำเสียงเรียบเย็น
เธอนั่งนิ่งและกำลังจะพูดอะไรออกมา แต่ก็ถูกผมห้ามเอาไว้ก่อน
"ไม่ต้องพูดอะไรแล้ว กูเบื่อ...เบื่อที่ต้องมานั่งตามใจมึง!!
เบื่อที่จะต้องมาเอากับมึงแบบที่วัน ๆ ไม่ได้ทำอะไร"
"ก็ได้ค่ะ" บีลุกขึ้นยืนพร้อมคว้ากระเป๋าสะพายใบโปรดขึ้นมาพร้อมกับคว้ามือของชายหนุ่มร่างสูงขึ้นแล้วลากเขาออกไป "มาค่ะ มาร์คัส"
เมื่อพวกมันออกไปจากห้องแล้ว ความเงียบก็ค่อย ๆ คืบคลานเข้ามา จิตใจของผมไม่อยู่กับเนื้อกับตัวอีกต่อไป รู้สึกได้ทันทีเลยว่าร่างกายของผมนิ่ง ไม่ไหวติงราวกับว่าถูกเมดูซ่าสาปให้กลายเป็นหิน ซึ่งมันไม่ใช่ทั้งร่างกาย แต่เป็นหัวใจที่ไม่อาจจะเต้นแรงให้กับใครอีกต่อไป
ไม่มีเสียงกรีดร้องอย่าเศร้าโศก ไม่มีการทำลายข้าวของ ไม่มีการทำลายตัวเอง ไม่มีการสติแตก เพราะว่าทุกอย่างมัน Dead Inside ไปแล้ว
............................
หกเดือนต่อมา จิตใจของผมก็เริ่มบรรเทามากขึ้น สิ่งที่เปลี่ยนไปก็คือ ผมแทบไม่มีความรู้สึกรักใคร่ในสตรีเพศเลย แม้ว่าจะมีรุ่นน้องผู้หญิงที่แอบชอบมาสารภาพรัก ผมก็ไม่เคยเหลียวแล ตัวเองไม่ได้หล่อขนาดที่ใครจะจีบแล้วต้องปฏิเสธ ออกจะเก็บไว้พิจารณาทั้งหมดแล้วค่อยตัดสินใจว่าจะเก็บเอาไว้เป็นแค่คนคุยไปก่อนหรือเป็นมากกว่านั้น
"พี่นิวคะ คะ...คือหนังที่พี่นิวทำมันดีมาก ๆ เลยค่ะ และยังนิยายของพี่ หนูก็ติดตามมาตลอด โดยเฉพาะเรื่องที่ติดท็อปแรงก์ของเว็บไซต์นั่นน่ะค่ะ หนูอ่านแล้วประทับใจอย่างมากเลย..." เด็กสาวเฟรชชี่ปีหนึ่งพุ่งเข้ามาพูดคุยกับผมระหว่างที่เดินไปยังตึกจอดรถ เธอเป็นผู้หญิงร่างบาง ตัวเล็ก ใส่แว่น ใบหน้าหมวย ๆ ตรงสเปกผม แต่ก็นั่นแหละ...ผมไม่สนใจว่าเธอจะเข้าหาผมในฐานะอะไร ผมมักจะเอาไว้เป็นเพื่อนหรือน้องก็พอ
"ขอบคุณมาก ๆ นะครับ" ผมตอบแค่นั้นแล้วจะเดินผ่านเธอไป แต่นางยังคงไม่ยอมแพ้ เธอพุ่งเข้ามาขวางทางผมอีกจนทำให้ชะงัก
อืม...อะไรอีกเนี่ย...ใบหน้าของเธอมีเลือดฝาดมากกว่าเก่าอีก
"ครับ?"
"หนะ...หนูชอบพี่อะค่ะ" ดวงตาของเธอเปลี่ยนไปเป็นความมุ่งมั่นทั้ง ๆ ที่ใบหน้ายังคงแดงก่ำเพราะความเขินอาย
"พี่ขอโทษนะ...พี่เพิ่งอกหักมา" ผมโกหกปนความจริงด้วยน้ำเสียงที่นิ่งเรียบ "พี่ขออยู่คนเดียวสักพักก่อนนะครับ ถ้าพี่ดีขึ้นแล้วจะรับไว้พิจารณานะครับ"
"ค่ะ!" เธอยิ้มออกมาอย่างมีความหวัง "หนูชื่อน้ำนะคะ หนูรอพี่อยู่นะคะ"
ผมยิ้มและเดินผ่านนางไป แล้วก็ทิ้งเรื่องเมื่อกี้ไว้ข้างหลังทันทีก่อนจะขึ้นไปยังตึกจอดรถของทางมหาวิทยาลัย แล้วขับรถกลับไปยังบ้านเช่าของ 'พวกเรา'
...............................
ผมกลับมาอาศัยอยู่กับนอตและก้านแก้วเหมือนเดิม แต่คราวนี้เราตัดสินใจย้ายห้องไปอยู่บ้านเช่าในหมู่บ้านดาราที่อยู่ไม่ไกลจากมหาวิทยาลัยเนื่องจากตลอดหกเดือนที่ผ่านมา เรามีงานโฆษณาเข้ามาทำตลอด ทำให้ผมมีเงินเก็บมากมายแต่ผมแทบจะไม่ได้ใช้มันสักเท่าไหร่เพราะเงินเดือนที่ทางบ้านโอนให้ทุกเดือนก็ยังคงพอใช้ (บางเดือนก็ใช้ไม่ถึงสองส่วนสามเลยด้วยซ้ำ)
บ้านเช่าเป็นบ้านสไตล์โมเดิร์นในหมู่บ้าน ราคาเช่าสองหมื่นบาทต่อเดือน ซึ่งหารกันสองคน คนละหนึ่งหมื่นบาท ซึ่งก้านแก้วเป็นคนจ่ายค่าน้ำค่าไฟ ผมแยกห้องกับสองคนนั้นนอน ซึ่งเป็นครั้งแรกที่ผมมีห้องส่วนตัวระหว่างอยู่กับพวกเขา คอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะแบบสองหน้าจอสำหรับตัดต่องานและเล่นเกมตั้งอยู่ที่ปลายเตียง ทำให้เวลาวันหยุดแต่ต้องทำงานผมจะสามารถตื่นขึ้นพร้อมคลานไปนั่งที่ปลายเตียงพร้อมทำงานต่อจากเมื่อคืนได้เลย
ชีวิตของผมวนลูปไปเรื่อย ๆ แต่จะแตกต่างกันตรงที่วันไหนเป็นวันหยุดวันไหนเป็นวันที่ต้องเข้าเรียน
"เราต้องการโปรดิวเซอร์" นอตพูดขึ้นกลางที่ประชุม โดยมีผม ก้านแก้วและพล...อ๋อ...พลเขามีตำแหน่งผู้จัดการฝ่ายกองถ่ายทำ ซึ่งจะดูแลตั้งแต่พร็อพส์ยันแสง มุมกล้อง โดยจะประสานงานผ่านก้านแก้ว เขาเป็นชายร่างสูงผอมกระหร่องและผิวดำ สายตาดูง่วงนอนตลอดเวลาเพราะความที่ตัวเองเป็นคนที่คึกคักอยู่ได้ทั้งวันทั้งคืน บางคืนเขาชอบบุกมาที่ห้องนอนผมในตอนกลางคืนเพื่อชวนดูหนัง ซึ่งตัวเองทำไมไม่ดูไปคนเดียวล่ะ? แต่ก็ยังดีที่เขายังให้ความเคารพผมในฐานะทีมงานรุ่นพี่คนหนึ่ง เขาอายุมากกว่าผมตั้งสี่ปี แต่ไม่ชอบให้เรียกชื่อโดยมีคำนำหน้าว่า "พี่"
"กูว่ากูมีไอเดียที่โคตรบรรเจิดเลยว่ะ" พลพูดออกมาก่อนที่จะกดเบอร์โทรหาใครบางคน
"ว่าไงเพื่อน? เป็นยังไงบ้างวะช่วงนี้? งานยุ่งเหรอ? อ๋อ ๆ เออ...คือแบบนี้เว่ย กูมีงานให้มึงทำ เป็นงานประจำด้วย เงินก็ดี เป็นโปรดิวเซอร์ให้กับโฆษณาไง แล้วหน้าที่มึงต้องไปดีลกับลูกค้าเหมือนที่มึงเคยทำเลย สนใจหรือเปล่าวะ?" พลพูดกรอกรายละเอียดใส่ผู้ที่อยู่ปลายสาย จากนั้นเข้าก็เปิดลำโพงแล้ววางมือถือลงบนโต๊ะเพื่อให้คนอื่น ๆ สามารถได้ยินด้วยกัน
"เป็นงานแบบไหนวะ?" เสียงที่ทุ้มแต่แหลมดังออกมาจากลำโพง ทำให้ผม นอต และก้านแก้วมองหน้ากัน แต่ยังไม่พูดอะไรมาก
"เป็น..."
"เป็นงานโฆษณาสินค้าและบริการอะไรแบบนี้อะครับพี่วิน" จู่ ๆ นอตก็โพล่งใส่ทันทีด้วยความ 'คัน' ปากอยากจะพรีเซนต์ใจจะขาด "แต่มันไม่ใช่ทีวีซีนะครับ แต่เป็นเหมือนวิดีโอไวรัลตามเฟซบุ๊กหรือตามโซเชียลมีเดียต่าง ๆ นี่แหละครับ ไม่รู้ว่าพี่เคยดู..."
"เดี๋ยวก่อน ๆ ไอ้พล! ไอ้หมอนี่มันใครวะ!?" คนที่ชื่อวินถามด้วยเสียงที่เกรี้ยวกราด ทำให้นอตชะงักไปในทันที
"คนนี้ไงที่ชื่อนอต เป็นผู้กำกับโฆษณาอายุน้อยที่กูเล่าให้มึงฟังเมื่อวันก่อนไง" พลบอก
"อ๋อ ๆ เข้าใจละ ๆ ว่าแต่...นอตครับ พี่ชื่อวิน ยินดีที่ได้รู้จักด้วย แล้วนี่มีคนอื่น ๆ อยู่ด้วยหรือเปล่า?"
"มีก้านแก้วแฟนนอต และนิวครับ" พลตอบอย่างรวดเร็ว
"ส...สวัสดีค่ะพี่วิน" ก้านแก้วทักทายอีกฝ่ายด้วยท่าทางที่เคอะเขิน
"สวัสดีครับน้องก้านแก้ว ยินดีที่ได้รู้จักนะครับ" เสียงของอีกฝ่ายดูสดใสขึ้นมาเมื่อตอบรับคำทักทายจากหญิงสาวทั้ง ๆ ที่ตัวของก้านแก้วพูดแนะนำชื่อตัวเองเลย
"สวัสดีครับพี่วิน ผมนิวครับ" ผมแนะนำตัว
"อ้อ ๆ หวัดดีครับ หวัดดี ใช่นิวที่เคยบ่น ๆ กับพลว่าอยากมีแฟนใช่ปะ?" เขาถามคำถามที่ทิ่มเข้ามากลางอกเหมือนเขารู้ใจ
"ใช่ ๆ" พลตอบ "มาบ่นให้กูฟังทุกวันเลยว่ามันเหงา มันอยากมีคนอยู่เคียงข้างมัน"
"แล้วทำไมไม่ไปตีกะหรี่ล่ะวะ?" น้ำเสียงอีกฝ่ายดูสงสัยเกินเหตุ
"นิวมันบอกว่าแฟนเก่ามันเป็นกะหรี่เว่ย แล้วพาผู้ชายมาดูดปากจ๊วบ ๆ ในห้องนั่นเลย" คำพูดของพลทำให้ภาพเมื่อครึ่งปีก่อนแวบเข้ามาในหัว จู่ ๆ ร่างกายก็อ่อนแรงลงแวบนึง...ไม่เป็นไร...ผมยังควบคุมสติของตัวเองได้อยู่ แอบแค้นคำพูดของพลที่ไม่คิดจะเห็นใจอันบอบบางของผมบ้างเลย
มึงเป็นเพื่อนกูจริงหรือเปล่าวะเนี่ย...?
"แล้วนี่มึงอยู่แถวไหนเนี่ยวิน? อยู่แถวมอกูหรือเปล่าวะ?"
"วันนี้มาทำธุระแถวมอมึงนิดนึงว่ะ เดี๋ยวกูเข้าไปหา ช่วยส่งโลเคชั่นให้ที"
"จัดให้ครับลูกพี่" สายได้ถูกวางลง รอยยิ้มที่แสยะกว้างปรากฏขึ้นบนใบหน้าของพล
__________________________________________________
To Be Continue Ep.6